webnovel

ตอนที่ 084

บทที่ 84 การทดลองที่ไร้มนุษยธรรม

“พูดออกมาเถอะครับ !” เสิ่นอี้วางของในมือลง สีหน้าของเขาสงบเยือกเย็น

“หนูทดลองพวกนั้น คือ...คือคนที่สถาบันวิจัยของเราส่งคนไปหามา”

สิ่งที่คุณหมอวัยกลางคนเอ่ยออกมาสรุปได้คร่าวๆ ว่า สถาบันวิจัยของพวกเขาทำการทดลองนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว ในตอนแรกนั้นพวกเขาทำการทดลองกับสัตว์เป็นหลัก แต่เมื่อช่วงสิบกว่าปีมานี้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เบื้องบนก็รู้สึกว่าควรเปลี่ยนวิธีการทดลอง ให้นำคนเป็นๆ จำนวนมากมาทำการทดลองแทน

เพราะแบบนั้น สถาบันวิจัยจึงต้องหาหนูทดลองไปทั่ว

จริงๆ แล้ว คนพวกนี้หาได้ไม่ยากเลย

ด้วยเพราะเหตุผลที่ว่า คนร้อนเงินมีอยู่ไม่น้อย เงินหลายแสนหลายล้านหยวน สำหรับหลายๆ คนอาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่สำหรับบางคนนั้นมันถือเป็นเงินจำนวนมาก

และเพื่อเงินหนึ่งล้านนี้ หลายต่อหลายคนยอมแม้กระทั่งละทิ้งชีวิตของตัวเองเพื่อมาเป็นหนูทดลอง

ด้วยเพราะการหลอกล่อของเม็ดเงิน ทำให้ห้องทดลองของพวกเขามีคนที่เรียกว่าอาสาสมัครอยู่ไม่ขาด

แน่นอนว่าในตอนที่เซ็นสัญญา สถาบันวิจัยคงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการทดลองทั้งหมด คงอธิบายไปแค่ว่ามีอันตรายอยู่บ้าง แต่อาสาสมัครเหล่านั้นที่สมัครใจมาเป็นหนูทดลองคงไม่รู้ว่าที่ว่าอันตรายน่ะคืออะไร คนของสถาบันวิจัยบอกไม่ได้และก็ไม่กล้าที่จะบอก เพราะหากพวกเขาบอกความจริง คาดว่าคงไม่มีคนยอมที่จะเอาเงินล้านและยินยอมมาเป็นหนูทดลองอย่างแน่นอน

ด้วยเพราะการทดลองนี้ ไม่ใช่แค่เพียงค่อนข้างอันตรายเท่านั้น แต่คนที่ยอมรับการทดลอง จะต้องตายลงในที่สุด

เสิ่นอี้ถามออกไปทันที “ทดลองอะไร คุณทำการทดลองอะไรกับอาสาสมัครพวกนี้”

“ก็...การทดลองพัฒนา...สถาบันวิจัยของเราต้องการเพาะเลี้ยงเซลล์ชนิดใหม่ เซลล์ชนิดนี้ หลังจากเพาะเลี้ยงสำเร็จแล้ว เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายของคน ก็จะสามารถฟื้นฟูเซลล์ที่ตายแล้วขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่จะทำให้บาดแผลหายอย่างรวดเร็วเท่านั้น มันยังจะสามารถควบคุมเซลล์มะเร็งได้ด้วย...การทดลองนี้ สถาบันวิจัยของเราทำการศึกษาค้นคว้ามาเกือบสามสิบปี...และช่วงนี้ก็เริ่มได้ผลขึ้นมาไม่น้อยแล้ว...” คุณหมอคนดังกล่าวพูดไปก็แอบมองประเมินสีหน้าของเสิ่นอี้ไปด้วย

สีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย ถึงยังไงก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเสิ่นอี้ไปได้

“อย่าพูดเหมือนว่าการทดลองของพวกคุณมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้น!” เสิ่นอี้เอ่ยเสียงเย็น “แค่การต้องสละชีวิตผู้คนมากมายแบบนั้นมันก็เลวร้ายมากพอแล้ว”

คุณหมอวัยรุ่นที่พูดไปเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่พอใจขึ้นมา “ไม่ว่าจะเป็นยาตัวไหน ต่างก็ต้องมีการทดลองทางการแพทย์ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ”

“แล้วมันยังไงล่ะครับ” น้ำเสียงของเสิ่นอี้กลายเป็นเฉียบขาดมากขึ้น “การทดลองทางการแพทย์ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้ว ไม่เหมือนที่พวกคุณกำลังทำอยู่ ก่อความวุ่นวาย แล้วเอาคนเป็นๆ มาทำการศึกษาวิจัยแบบนี้! การฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้ พวกคุณยังเรียกมันว่าการทดลองทางการแพทย์อย่างนั้นเหรอครับ!”

“คุณพูดถูกแล้วล่ะ!” ในที่สุดคุณหมอที่ดูมีอายุมากหน่อยก็เอ่ยออกมา น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความเสียใจและไม่สบอารมณ์ “ที่เราทำ ไม่ใช่การทดลอง! แต่เป็นการฆาตกรรม!”

หลังจากที่อาสาสมัครเหล่านั้นถูกพามาที่สถาบันวิจัยแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มกินยาชนิดหนึ่งที่ได้จากสถาบันวิจัย เพราะการทดลองนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการคลำหาทางที่ถูกต้อง ด้วยสมรรถนะของร่างกายและสัตว์ที่แตกต่างกัน ทำให้ยาที่แต่ละคนได้รับนั้นก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และอาการที่ปรากฏออกมาก็จะแตกต่างกันไป พวกเขาจะต้องคอยปรับโปรแกรมยาตามลักษณะทางการแพทย์ที่แสดงออกมาแตกต่างกันของผู้ทดลอง บางคนก็ต่อต้านน้อย บางคนผ่านไปไม่กี่ครั้งก็เสียชีวิตแล้ว

แต่สำหรับคนเหล่านั้นแล้ว การตายคงเป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะมันทำให้พวกเขาได้หลุดพ้น ไม่ต้องมาคอยทนรับการทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมแบบนี้ในทุกๆ วัน

“แล้วคนนี้ล่ะครับ” เสิ่นอี้ปรายตามองไปที่ร่างซึ่งไร้ลมหายใจ “เสียชีวิตมาหนึ่งเดือนแล้ว ทำไมยังไม่ยอมปล่อยเขาไปอีก”

สีหน้าของหมอคนดังกล่าวเริ่มแย่ลง

“เกี่ยวกับการทดลองของพวกคุณหรือเปล่าครับ” เสิ่นอี้แค่นหัวเราะออกมา “พูดมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะปิดบังอะไรอีกล่ะครับ มันจะยังมีประโยชน์อะไรอีก ไม่พูดเหรอครับ ได้! งั้นผมจะพูดแทนพวกคุณเอง ถ้าให้ผมเดานะ หนูทดลองในห้องทดลองของพวกคุณจะได้รับการทดลองที่แตกต่างกันไป ใช่ไหมครับ คนคนนี้ น่าจะกลายเป็นภาชนะเพาะเลี้ยง! พวกคุณให้เขากินยาชนิดหนึ่งก่อน รอจนหลังจากที่เขาเสียชีวิต พวกคุณก็จะฉีดยาพิเศษชนิดหนึ่งเข้าไปในร่างกายของเขา แล้วก็เปลี่ยนร่างที่ไร้ลมหายใจนี้ให้กลายเป็น ‘ยา’ ถูกต้องหรือเปล่าครับ”

“มันน่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ พวกคุณวางแผนแบบนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หนูทดลองในส่วนที่หลอมรวมกับยาได้ค่อนข้างดีก็จะกลายเป็นยาตัวใหม่! ในสายตาของพวกคุณ คุณไม่ได้มองคนเหล่านี้เป็นคนอีกต่อไปแล้ว แต่คุณมองเขาเป็นยาตัวหนึ่ง พวกคุณใช้ประโยชน์จากร่างกายของคนพวกนี้มาเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัสที่คุณต้องการ จนกระทั่งเขาตาย คุณก็ยังฉีดยาเข้าไปในตัวของพวกเขาทุกวัน จนหลังจากเชื้อไวรัสโตเต็มที่ คุณก็ดึงมันออกมา จากนั้นก็เอาไปทดลองในตัวของหนูทดลองที่ยังมีชีวิตอยู่คนอื่นๆ เป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ”

พอเหล่าตำรวจได้ฟังคำของเสิ่นอี้ก็อดด่าทอออกมาไม่ได้ “เลือดเย็นจริงๆ !”

เย่หนิงที่ได้ฟังก็ยิ่งใจห่อเหี่ยว พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เหม่อมองไปยังร่างที่ไร้ลมหายใจบนโต๊ะผ่าตัด

ยิ่งเธอได้สัมผัสกับสถาบันวิจัยแห่งนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าการทดลองของพวกเขามันทั้งน่ากลัวและไร้มนุษยธรรม !

เอาคนเป็นๆ มาทดลองไม่พอ แต่ยังเอาคนดีๆ มาทำเป็นภาชนะเพาะเลี้ยงเชื้อโรคอีก คนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ต้องกลับถูกคนพวกนี้เอาไปทำตามอำเภอใจแบบนั้น จนกระทั่งเสียชีวิตไปแล้วก็ยังไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข จิตใจของคนพวกนี้ทำด้วยอะไรกัน ทำไมถึงได้โหดเหี้ยม ทำไมถึงไร้มนุษยธรรมได้ถึงขนาดนี้

มันโหดร้ายเกินไปแล้ว

เสิ่นอี้เดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ ตบไหล่เบาๆ แล้วเอ่ยถาม “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

เย่หนิงส่ายหน้า

เธอก็แค่......รู้สึกว่ามันยากเกินกว่าจะยอมรับได้ พอนึกถึงสถาบันวิจัยแห่งนี้ ก็ไม่รู้ว่ามีวิญญาณพยาบาทถูกฝังอยู่ที่นี่ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะรถที่นักศึกษาเหมามาหลงเข้าไปในหมู่บ้าน ความเลวร้ายแบบนี้จะต้องมีไปอีกนานแค่ไหนถึงจะถูกเปิดโปง

การตรวจค้นสถาบันวิจัยครั้งนี้ นอกจากจะพบหลักฐานจำนวนไม่น้อยแล้วยังสามารถช่วยเหลือ “หนูทดลอง” ที่ถูกขังไว้ในห้องใต้ดินได้อีกหลายคน

คนเหล่านี้ได้รับเงินและเซ็นสัญญา ซึ่งนั่นก็เท่ากับพวกเขาได้ขายตัวเองให้กับสถาบันวิจัยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนใจ หลบหนี จนทำให้การทดลองลับรั่วไหลออกไป โรงพยาบาลจึงนำพวกเขาทั้งหมดมาขังแยกไว้ในสถาบันวิจัย แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อ ได้แต่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรมและถูกบีบบังคับให้รับการทดลองในรูปแบบต่างๆ

หนึ่งในคนเหล่านั้นมีคนหนึ่งที่ถูกขังมานานที่สุด เขาถูกขังมาเกือบสิบปีแล้ว นานเสียจนลืมไปแล้วว่าตัวเองชื่ออะไร

ตอนที่ถูกตำรวจช่วยเหลือออกมานั้น สีหน้าท่าทางของคนส่วนใหญ่ดูเฉื่อยชา ไร้ความรู้สึก นัยน์ตาว่างเปล่า พูดด้วยก็ไม่มีการตอบสนอง เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดทรมานจากการทดลองอันไร้มนุษยธรรมได้พรากเอาจิตใจและความอยากมีชีวิตรอดของพวกเขาไปจดหมด ถึงขั้นที่ว่าตนยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจ

หลังจากทำการติดต่อกับโรงพยาบาลกลางเรียบร้อย ทางตำรวจก็รีบนำส่งผู้ป่วยที่ช่วยเหลือออกมาได้ไปทำการรักษาที่นั่นทันที