webnovel

ตอนที่ 082

บทที่ 82 ความทะเยอทะยาน

มือของกู่เถียนโปสั่นเทา

เย่หนิงสังเกตเห็นว่ามือของเขากำลังสั่น ทั้งยังสั่นอย่างรุนแรง ราวกับว่าเขากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

เย่หนิงมั่นใจ ที่จริงกู่เถียนโปนั้นรู้ว่าสิ่งที่เสิ่นอี้พูดเป็นความจริง แต่เขาเพียงแค่ไม่อยากจะยอมรับก็เท่านั้นเอง

จู่ๆ ความหวังที่เขามีมาหลายปีก็พังทลายบลง กู่เถียนโปคงทนรับไม่ไหวแน่ๆ

ลูกชายที่ตายลงด้วยน้ำมือของตัวเอง สำหรับกู่เถียนโปคงเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้ และคนพวกนั้นก็ใช้ร่างของกู่ซานหมิงและชาวบ้านมาเป็นภาชนะในการเลี้ยงแมลงดูดเลือด แต่กลับหลอกกู่เถียนโปและคนอื่นๆ ว่าเป็นเก็บร่างของกู่ซานหมิงและคนอื่นๆ เอาไว้ชั่วคราว รอจนกระทั่งพวกเขาพัฒนายาออกมาได้ ก็จะช่วยฟื้นคืนชีพให้พวกเขา

จริงอยู่ที่คำพูดแบบนี้มันฟังดูเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี แต่ก็ยังสามารถหลอกกู่เถียนโปและคนอื่นๆ ได้ ก็อย่างที่กู่เถียนโปบอกนั่นล่ะ คนที่ตัวเองรัก จะมีใครบ้างที่อยากจะให้คนที่ตัวเองรักต้องจากไป และก็เพราะแบบนั้น ถึงแม้ว่าการฟื้นคืนชีพจะฟังดูไร้สาระเกินไปหน่อย แต่พวกเขาก็ยังเลือกจะเชื่อด้วยความเต็มใจ

การไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าคนที่ตนเองรักได้ตายไปแล้ว ทำให้พวกเขาเลือกเชื่อคำของคนอื่น แล้วผลล่ะเป็นอย่างไร......

ผลลัพธ์กลับกลายเป็นการหลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า

คนเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากความโง่เขลา ความไม่รู้ประสา และความละโมบขี้กลัวของชาวบ้านเท่านั้น แม้แต่คนที่ตายไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยไป

“ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีกันทั้งหมดกี่คน...แต่ที่ผมพูดไปนั้นทั้งหมดเป็นความจริง...พวกเขาน่ากลัวมากจริงๆ......” ในที่สุดกู่เถียนโปก็ยอมเปิดปากออกมา แต่ก็พูดออกไปได้ประโยคเดียว ไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก

เสิ่นอี้เองก็ไม่ได้หวังว่าจะสามารถสอบถามอะไรจากกู่เถียนโปไปได้มากกว่านี้ เพราะอย่างไรกู่เถียนโปก็เป็นแค่หนูทดลองคนหนึ่ง เขาน่าจะรู้อะไรแค่บางส่วนเท่านั้น

เพราะแบบนั้นเสิ่นอี้จึงเอ่ยถามต่อ “ในโรงพยาบาลถงคังมีหมอกี่คนที่เข้าร่วมด้วย ข้อนี้คุณน่าจะรู้ใช่ไหมครับ”

“ผมรู้แค่คร่าวๆ......พวกเขา โรงพยาบาลของพวกเขามีแผนกหนึ่งที่พิเศษมากๆ รู้สึกจะเรียกว่า...ศูนย์วิจัยและฟื้นฟูโรคที่รักษาไม่หาย...ไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปแล้วหรือยัง แต่ถึงยังไงก็เป็นแผนกพิเศษแผนกหนึ่ง...และในโรงพยาบาลก็มีตึกสำนักงานแยกออกมาด้วย...”

พอได้ยินกู่เถียนโปพูดมาแบบนี้ เย่หนิงก็รู้ได้ทันที

ในโรงพยาบาลถงคัง จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าหมอทุกคนที่เข้าร่วม ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ศูนย์วิจัยและฟื้นฟูโรคที่รักษาไม่หายนั่นก็น่าสงสัยมากที่สุด และผู้นำคนสำคัญของโรงพยาบาล อย่างเช่น ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ก็ต้องเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นการทำการวิจัยแบบนี้ลับหลังบรรดาผู้นำคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม หากผู้นำเป็นคนสำคัญในการบงการความเป็นไปได้ก็จะยิ่งมากขึ้น

กู่เถียนโปถอนหายใก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอู้อี้ “รู้เรื่องพวกนี้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังไงก็ไม่ได้มีแค่พวกเขาไม่กี่คนอยู่แล้ว...ยังมีคนอื่นอีกแน่ๆ ...”

กู่เถียนโปดูมั่นใจมาก มากเสียจนเย่หนิงรู้สึกสงสัย “กู่เถียนโป คุณรู้ได้ยังไงคะว่ายังมีคนอื่นอีก ทำไมคุณถึงได้แน่ใจว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลัง”

“บางครั้งผมก็ได้ยินพวกเขาคุยโทรศัพท์กัน...ไม่รู้ว่าโทรหาใคร...แต่ฟังจากน้ำเสียงและเรื่องที่คุย...ก็พอจะรู้ว่าต้องเป็นหัวหน้าของพวกเขาแน่ๆ”

เสิ่นอี้เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ถ้าพูดแบบนั้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็น่าจะเป็นตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

กู่เถียนโปส่ายหน้า

จากตรงนี้ เราได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลย การที่กู่เถียนโปปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขารู้ว่าผู้อำนวยการคือใคร และเขาก็รู้ว่าผู้อำนวยการเองก็เข้าร่วมด้วย เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้มั่นใจนักหนาว่าผู้อำนวยการไม่ใช่บอสใหญ่

เสิ่นอี้เขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยื่นสมุดส่งให้เย่หนิง เย่หนิงมองข้อความในสมุดที่เขียนไว้ว่า เซี่ยจุน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถงคัง ไม่มีภูมิหลังอะไร แต่จู่ๆ กลับมีเงินมาลงทุนสร้างโรงพยาบาล แสดงว่าต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน ! คนคนนั้นไม่อยากออกหน้า ทำให้เซี่ยจุนเป็นเพียงคนที่รับเคราะห์แทนเท่านั้น

คนแซ่ตู้อยากจะเข้าแทนที่เซี่ยจุน

เย่หนิงยังคงสงสัย คนแซ่ตู้อยากเข้าแทนที่เซี่ยจุนงั้นหรือ คนแซ่ตู้คนนี้ก็คือพ่อของตู้ซื่อฮุยสินะ

เขาอยากจะเข้าแทนที่เซี่ยจุนอย่างนั้นเหรอ

พอเย่หนิงเข้าใจว่าเสิ่นอี้พูดถึงเรื่องโครงการ “แหล่งพลังงานดวงใจ” เธอก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว

เมื่อเทียบกับเซี่ยจุนแล้ว เห็นได้ชัดว่าพ่อของตู้ซื่อฮุยมีความทะเยอะทะยานกว่ามาก ที่พวกเขาอยากเข้าแทนที่เซี่ยจุน น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งคิดมาแค่วันสองวัน ประจวบเหมาะกับที่เสิ่นอี้รับผิดชอบการเปิดตัวของโครงการ “แหล่งพลังงานดวงใจ” ตู้ซื่อฮุยก็คงต้องมองเห็นแนวโน้มตลาดขนาดมหาศาล และไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน แต่ก็น่าเสียดาย เกรงว่าแผนการของพวกเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จง่ายๆ เสียแล้ว

เย่หนิงกดเสียงต่ำ เอ่ยออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา “เชิญพวกเขามาไหมคะ”

เสิ่นอี้ส่ายหน้า มองไปทางกู่เถียนโป

พอกู่เถียนโปพูดทุกอย่างออกมาแล้วเขาก็นั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ ดูราวกับใกล้จะไม่ไหวมากขึ้นทุกที เขาเหม่อมองขึ้นไปบนเพดาน นัยน์ตาว่างเปล่า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ น่าจะเพราะความคิดที่เคยยึดมั่นได้หายไปแล้ว ละทิ้งไปแล้วซึ่งความหวังทุกอย่าง

เมื่อเห็นท่าทางของกู่เถียนโปเป็นแบบนั้น เย่หนิงก็เริ่มรู้สึกว่าคนคนนี้ช่างน่าสงสารมากจริงๆ

และชาวบ้านหมู่บ้านว่างยาชุนเหล่านั้นก็คงไม่ต่างอะไร

พวกเขาเพียงแค่ถูกคนใช้หลอกใช้ประโยชน์ และที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นก็คือพวกคนที่ใช้ประโยชน์จากพวกเขาเหล่านั้น

พอเดินออกจากห้องสอบปากคำ หยางปินก็รอพวกเขาอยู่ด้านนอกแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาก็รีบเอ่ยถามขึ้นทันที “เป็นยังไงบ้างครับ”

“โรงพยาบาลถงคัง” เสิ่นอี้พูดออกมาเพียงเท่านั้น

หยางปินหน้าถอดสี “เป็นพวกเขาจริงๆ ด้วยสินะ !”

“เรื่องนี้พวกเราจะช้าไม่ได้ รีบส่งคนไปทันที !”

เสิ่นอี้พูดออกมาแค่นั้น แต่หยางปินก็เข้าใจได้ในทันที เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ต้องรีบตัดสินใจให้เด็ดขาด ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีโอกาสลงมือทำอะไรได้อีก

ต้องพยายามรวบรวมพยานหลักฐานและจับกุมตัวผู้ต้องหาให้เร็วที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเคลื่อนย้ายพยานหลักฐานทั้งหมด

หยางปินรีบไปขอกำลังสนับสนุนจากอธิบดีกรมฯ ทันที

ไม่อย่างนั้นการอาศัยเพียงคนไม่กี่สิบคนในทีมคงไม่พอที่จะปิดล้อมที่นั่นได้

ครึ่งชั่วโมงต่อมา การรวมพลก็เรียบร้อย รถตำรวจยี่สิบกว่าคันขับมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลถงคัง ส่วนหนึ่งประจำที่ด้านนอกเพื่อปิดประตูเข้าออกทั้งหมดของโรงพยาบาล อีกส่วนเข้าไปภายใน กระจายกำลังพลปิดล้อมรอบตัวอาคารวิจัย

อาคารวิจัยสิบชั้น ไม่ถือว่าสูงมากนัก และไม่ได้โดดเด่นสะดุดตา และภายในโรงพยาบาลก็ดูเงียบเหงาโดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด

อาคารวิจัยถูกปิดล้อมไม่ถึงสองนาที เซี่ยจุนก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ ด้านหลังยังมีรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลอีกสองคนตามมาด้วย ซึ่งก็คือรองผู้อำนวยการตู้และรองผู้อำนวยการหวง

ไม่นึกเลยว่าตู้ซื่อฮุยจะตามมาด้วย

เมื่อเห็นสถาบันวิจัยถูกตำรวจปิดล้อมอย่างแน่นหนา สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มที่จะแย่ลง

“นะ...นี่จะทำอะไรกัน พวกคุณจะทำอะไร...” เซี่ยจุนทั้งโมโหและหวั่นวิตก “นี่มันโรงพยาบาลนะครับ พวกคุณ พวกคุณจะบุ่มบ่ามเข้ามาแบบนี้ไม่ได้นะ !”

หยางปินไม่ได้พูดอะไรให้อ้อมคอมเสียเวลา เขาขยิบตาส่งสัญญาณให้นายตำรวจชำนาญการพิเศษสองสามนายเข้าไปใส่กุญแจมือทั้งสี่คนไว้โดยไม่พูดไม่จา

“ทำอะไร พวกคุณทำอะไร !” ไม่ใช่แค่เซี่ยจุน แต่ตู้ซื่อฮุยกับคนอื่นๆ ต่างก็ตะโกนคัดค้านออกมาเสียงดังลั่น

“ค้นให้ทั่ว !” หยางปินออกคำสั่ง พาคนเข้าไปในอาคารวิจัย เริ่มทำการตรวจค้น เย่หนิงกับเสิ่นอี้เองก็เข้าไปร่วมตรวจค้นด้วย

อาคารวิจัยแห่งนี้มีระบบสัญญาณเตือนภัยและกันขโมยอย่างครบครัน ทำให้ทางตำรวจต้องทำลายระบบเหล่านั้นก่อนถึงจะสามารถเข้าไปบุกค้นได้ เมื่อเห็นใครขวางทางก็เข้าจับกุมทันทีโดยไม่ถามให้มากความ แต่ละคนถูกใส่กุญแจมือและถูกทยอยลำเลียงออกมาภายนอกตัวอาคารทันที