webnovel

ตอนที่ 075

ตอนที่ 75 วิญญาณคนตาย

“เป็นเพราะคนพวกนั้นสั่งห้ามพวกคุณออกไปข้างนอกตอนกลางคืนอย่างนั้นเหรอ ? แต่ผมว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ หรือว่าพวกคุณทำเรื่องน่าละอายอะไรไว้ หรือว่าที่ไม่กล้าออกจากบ้านตอนกลางคืนเพราะกลัวเจอกับผี กู่ซานหมิง คุณบอกพวกเรามาสิว่าลูกชายคุณตายยังไงกันแน่ ? ทำไมถึงไม่พูดออกมาล่ะครับ ? หรือว่าคุณพูดไม่ออก คุณคิดว่าแค่เปลี่ยนชื่อตัวเองแล้วเรื่องมันจะจบลงอย่างนั้นเหรอ ? คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถปิดบังความจริงที่คุณฆ่าลูกกับภรรยาของตัวเองได้อย่างนั้นใช่ไหม ?”

“เหลวไหล คุณพูดเหลวไหล !” ร่างของกู่ซานหมิงสั่นเทา เขาพุ่งตัวเข้าใส่เสิ่นอี้ราวกับว่าอยากจะเอาชีวิตของเขาอย่างไรอย่างนั้น เย่หนิงตกใจมาก เธอคิดที่จะเรียกคนมาช่วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...

ร่างของกู่ซานหมิงนอนนิ่งอยู่บนพื้น

เย่หนิงไม่ทันได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอหันมาอีกทีกู่ซานหมิงก็นอนนิ่งอยู่บนพื้นเสียแล้ว

อาจจะเป็นเพราะการกระทำของเสิ่นอี้นั้นรวดเร็วมาก เธอเลยไม่ทันเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชัดเจนว่าเธอเห็นกู่ซานหมิงกำลังกระโจนเข้ามาต่อยเสิ่นอี้อยู่เต็มสองตา แต่เพียงพริบตาก็เห็นว่าร่างของกู่ซานหมิงถูกเสิ่นอี้กดเอาไว้เสียแล้ว

เย่หนิงมองตะลึงจนอ้าปากค้าง

เป็นไปไม่ได้น่า เสิ่นอี้ที่ดูสุภาพเรียบร้อยแบบนั้น......เขากลับมีฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก หมัดเดียวจอดเลยแหะ !

ทำเอากู่ซานหมิงล้มกองไปอยู่บนพื้นแบบนั้นได้

เขานี่มันแมนชะมัด !

ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ เขาเป็นศาสตราจารย์ไม่ใช่เหรอ ? แล้วเขาก็ไม่ใช่ตำรวจชำนาญการพิเศษอะไรด้วย แต่ทำไมถึงกลับมีฝีมือที่ร้ายกาจแบบนี้ได้ ?

มะ...มัน... นะ..นี่มันเหนือความคาดหมายไปแล้ว !

หลังจากนั้น เธอก็เห็นเสิ่นอี้ยกร่างของกู่ซานหมิงขึ้น แล้วโยนเขาไว้บนเก้าอี้พร้อมทั้งล็อคกุญแจมือไว้

โห ! กุญแจมือก็มี แถมท่าทางของเขาก็ช่ำชองอีกด้วย นี่คงจับคนใส่กุญแจมือมาไม่น้อยแล้วใช่ไหมเนี่ย ?

เย่หนิงมองกู่ซานหมิงที่ร้องอาละวาดโดนใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นก็เห็นว่าเสิ่นอี้กำลังบีบคอของกู่ซานหมิงอยู่อย่างรุนแรง ท่าทางของเขานั้นรุนแรงไม่เบา เล่นทำเอากู่ซานหมิงแทบขาดอากาศหายใจตาย

“เสิ่นอี้ เสิ่นอี้คะ !” เย่หนิงตกใจมาก เธอรีบดึงตัวเสิ่นอี้ออกมา เพื่อไม่ให้เขาบีบคอของกู่ซานหมิงจนตายไปเสียก่อน “เสิ่นอี้ คุณใจเย็นหน่อยนะ ทำไมคุณถึงลงไม้ลงมือกับไอ้บ้านี่ถึงขนาดนี้ล่ะคะ”

เสิ่นอี้ไม่สนใจ แล้วแสยะยิ้มออกมา “คุณวางใจเถอะครับ เขาหนังเหนียวจะตายไป ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็ลองเอามีดมาแทงเขาดูสิ ผมเนี่ยน่ะเหรอจะบีบคอเขาตายได้ ? ถึงจะฟันหัวให้ขาดเขาก็คงไม่ตายแน่นอนครับ”

เย่หนิงอึ้งไป แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่กู่ซานหมิงพูดไปเมื่อครู่นี้ เธอก็กลับคิดว่าสิ่งที่เสิ่นอี้พูดมานั้นมีเหตุผล กู่ซานหมิงเองก็กินยาอะไรนั่นเข้าไปแล้วนี่นะ เขาคงจะไม่ตายง่าย ๆ แบบนี้หรอก

“คุณว่าคุณเป็นผู้เคราะห์ร้ายอย่างนั้นเหรอ ?” เสิ่นอี้แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง “ผู้ใหญ่บ้านกู่ ถ้าให้ผมเดานะ ผมว่าคุณเป็นพวกเดียวกับมันมากกว่า อย่ามาทำเป็นเสแสร้งว่าตัวเองเป็นผู้เคราะห์ร้ายอะไรเลย คุณไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้นหรอก บอกมาสิว่า คุณทำลายชีวิตคนมามากเท่าไหร่แล้ว ?”

กู่ซานหมิงขัดขืนสุดชีวิต ปากของเขาเอาแต่พูดงึมงำ

เห็นดังนั้นเย่หนิงกระแอมขึ้นมาสองสามครั้ง “นะ...นั่น เสิ่นอี้คะ ก็คุณ...คุณกำลังบีบคอเขาอยู่นะ เขาเลยพูดอะไรออกมาไม่ได้ยังไงล่ะคะ ?”

ถึงแม้เย่หนิงจะพูดอย่างนี้ แต่เสิ่นอี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ กลับบีบคอของกู่ซานหมิงแน่นยิ่งกว่าเดิม เห็นท่าทางของเขาอย่างนั้น ก็เหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะบีบคอกู่ซานหมิงให้ตายเลยทีเดียว

“เสิ่นอี้ คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ ?” เย่หนิงรู้สึกตกใจมากจริง ๆ “ถ้าคุณยังไม่ปล่อย คราวนี้เขาได้ตายจริง ๆ แน่”

“ไม่ครับ !” เสิ่นอี้มองกู่ซานหมิงอย่างไร้ความรู้สึก “กลางคืนที่ห้ามออกไปนอกบ้านเพราะมีปีศาจมีผีอะไรนั่น คุณโกหกผมใช่ไหม ? ปีศาจภูเขางั้นเหรอ ? คุณคงไม่รู้สินะว่าบนภูเขานั่นมีอะไรอยู่ คนในโลงศพเป็นใครกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นคนในหมู่บ้านใช่ไหม ? คนพวกนั้นเป็นสิ่งทดลองกลุ่มแรกในหมู่บ้านใช่ไหม ? ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกมันจับคนเป็น ๆ มาเป็นสิ่งทดลองอย่างนั้นเหรอ ? คุณอย่าบอกผมนะว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้ !”

“ตอนกลางคืนเคยมีคนจำนวนไม่น้อยที่หนีลงมาจากเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกคุณใช่ไหม ? แล้วพวกคุณทำยังไงล่ะครับ มองอย่างไม่แยแสอย่างนั้นเหรอ ? พวกคุณปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา แล้วปล่อยให้พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากข้างนอกบ้านอย่างนั้นใช่ไหมครับ คุณไม่สนใจเขา แต่ยอมให้พวกเขาถูกสิ่งทดลองที่คลุ้มคลั่งพวกนั้นกัดตายไปทั้งอย่างนั้นใช่ไหม หรือพวกคุณก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ?“

มือไม้ของกู่ซานหมิงเริ่มที่จะอยู่ไม่สุข เขาเอาแต่ดิ้นรนสุดชีวิต แต่น่าเสียดายที่มือของเขาถูกใส่กุญแจไว้อย่างแน่นหนา ส่วนลำคอก็โดนเสิ่นอี้บีบไว้แน่น จะขัดขืนอย่างไรก็เสียแรงเปล่า

เสิ่นอี้ไม่สนใจท่าทีขัดขืนของเขา แล้วพูดขึ้นต่อ “พวกคุณคงเคยผ่านมันมาแล้วใช่ไหม ช่วงเวลาที่อารมณ์ยังไม่คงที่หลังจากที่ได้รับยาไป ดังนั้นคุณก็เลยกัดลูกกับภรรยาจนตาย เป็นอย่างนั้นใช่ไหมครับ ?”

กู่ซานหมิงเลิกที่จะขัดขืน เขาเลิกขัดขืนในทันใด ในดวงตามีแต่ความคาดหวังอยู่ลึก ๆ

เสิ่นอี้ปล่อยมือ แล้วมองเขาอย่างเย็นชา

เย่หนิงกลับยืนฟังด้วยความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าในเรื่องนี้มันจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มากมายถึงเพียงนี้

ความเป็นจริงมันช่างน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้อย่างมาก

พอเห็นกู่ซานหมิงทรุดลงไปแล้ว เสิ่นอี้ก็ไม่ถามอะไรเขาต่ออีก แต่เขาหันกลับพูดกับเย่หนิงว่า “เราไปกันเถอะครับ”

เย่หนิงชะงักไป “ไม่ถามต่อแล้วเหรอคะ”

“ยังจะต้องถามอะไรอีกเหรอครับ เราก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่”

เสิ่นอี้พูดออกมาอย่างง่ายดาย

เมื่อเสิ่นอี้ไปแล้ว เย่หนิงเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องอยู่ที่ห้องสืบสวนต่อไปทำไมอีก เธอจึงรีบตามเขาออกไปทันที “เสิ่นอี้ คุณรอฉันด้วยสิ”

เสิ่นอี้หยุดฝีเท้าลง แต่สิ่งที่ทำให้เย่หนิงคาดไม่ถึงก็คือท่าทีของเสิ่นอี้ที่ดูเหมือนเขาจะอ่อนล้าลง นี่เขาคงเหนื่อยมากเลยใช่ไหม ?

“เสิ่นอี้คะ ?” เย่หนิงกังวล “คุณพักสักหน่อยดีไหมคะ คุณคงไม่ได้หยุดพักเลยใช่ไหมเนี่ย”

“อย่ากังวลไปเลย ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

“ไม่เป็นไรงั้นเหรอ” เย่หนิงอ้ำอึ้ง “ท่าทางของคุณดูไม่เหมือนคนที่ไม่เป็นไรนะคะ”

“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ ผมก็แค่... เพราะเรื่องคดีนี้แหละ ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

พูดถึงเรื่องคดี เย่หนิงก็กลับนึกขึ้นมาได้ “อ้อ จริงสิคะ เสิ่นอี้ ! คำพูดที่คุณพูดกับกู่ซานหมิงเมื่อกี้นี้มันคืออะไรกันคะ ? หรือว่า... คุณพบอะไรเข้าแล้ว ?”

เสิ่นอี้ยิ้มขึ้น “ความจริงแล้ว ตอนที่ได้รู้เรื่องคดีนี้ ผมก็รู้สึกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านว่างยาชุนมีอะไรที่ผิดปกติบางอย่าง ตั้งแต่ตอนนั้นก็เลยเริ่มให้คนไปตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับหมู่บ้านและชาวบ้านนั้นอย่างละเอียด จากนั้นผมก็เลยได้พบเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งครับ”

“ในเครือข่ายหน่วยตำรวจสันติบาลของพวกเรา พบว่าหมู่บ้านว่างยาชุนนั้นมีจำนวนหนึ่งร้อยสิบเจ็ดครัวเรือน ประชากรทั้งหมดมีเพียงสี่ร้อยสามสิบเอ็ดคน สาบสิบปีที่ผ่านมานี้ ไม่ปรากฏว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงของประชากรอย่างชัดเจน แล้วก็ไม่มีประชากรต่างถิ่นที่เข้ามาด้วยครับ”

เย่หนิงอดที่จะตกใจไม่ได้ “ไม่มีประชากรต่างถิ่นงั้นเหรอคะ ?”

“ใช่แล้วครับ สามสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีประชากรจากต่างถิ่นเลย หรือจะพูดได้อีกอย่างก็คือ คนในหมู่บ้านนี้ ถึงจะแต่งงานมีลูกกันแต่ก็เป็นเพียงการแต่งงานกันเองเท่านั้น และในขณะเดียวกัน นอกจากกู่ซานหยาและคนอื่น ๆ ที่เคยออกจากหมู่บ้านไปไม่กี่ปีที่แล้ว หมู่บ้านว่างยาชุนก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่เคยออกไปจากหมู่บ้านอีกเลย”

“ในระหว่างสามสิบปีมานี้ มีบันทึกจำนวนชาวบ้านที่เสียชีวิตไว้ทั้งหมดสิบเจ็ดคน ช่วงเวลาเสียชีวิตก็อยู่ในปีเดียวกัน นอกจากนี้แล้ว โรงพยาบาลสองสามแห่งในเมืองตงไห่นั้น ก็ได้พบบันทึกการสอบถามอาการป่วยของชาวบ้านว่างยาชุนด้วย ถึงแม้จะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ก็ยังมีคนจำได้ โดยเฉพาะหมอที่เคยตรวจพวกเขามาก่อน เขาจำได้ดีทีเดียวล่ะ”