webnovel

ตอนที่ 069

ตอนที่ 69 จุดประสงค์ที่ซ่อนเร้น

“ความเป็นไปได้อย่างอื่นอย่างนั้นเหรอคะ ?”

เย่หนิงตกตะลึง

“ใช่ครับ ความเป็นไปได้อย่างอื่น ผมหมายถึงสาเหตุอื่นน่ะ เช่น เขาอาจจะอาศัยโอกาสที่พวกเราไม่ได้ระวังตัว แล้วฉีดยาเข้าไปในตัวมัน เพียงแต่ว่าตอนที่มันแช่แข็งอยู่ยังไม่ส่งผลอะไร แต่ขณะที่พวกเรายกศพออกมาจากตู้แช่แข็งเพื่อเอามาชันสูตรนั้น ผลจากการสูญเสียความเย็น ศพจึงเน่าเปื่อยในเวลารวดเร็วน่ะครับ”

สิ่งที่เสิ่นอี้อธิบายมานี้ฟังดูใกล้เคียงกับที่เฝิงเยี่ยนฮวายพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้ว่ามันคือพวกผีดิบระดับสูง แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งคือ คนที่ได้แตะต้องกับศพนั่นมีเพียงไม่กี่คนเองไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าอย่างไรก็คงอยู่ในกลุ่มของพวกเขานั่นแหละ เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่หนิงก็รู้สึกแปลก ๆ ในใจอยู่บ้างนิดหน่อย

เสิ่นอี้เหมือนกับว่าจะรู้ความคิดของเย่หนิง เขาจึงพูดออกมาในทันที “นอกจากคนในกรมตำรวจแล้ว ทั้งกู่ซานหมิง กลุ่มคนจากสถานีตำรวจตำบล ต่างมีโอกาสสัมผัสกับศพนั่นได้ทั้งนั้น ถ้าเขาคิดจะทำเช่นนี้จริงก็คงใช้เวลาไปไม่มากเท่าไหร่ แล้วคนที่จะทำเช่นนี้ได้ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน”

“จริงด้วย” เย่หนิงคิดได้ในทันที “ทำไมฉันนึกไม่ถึงเลยนะ”

หลังจากได้ยินที่เฝิงเยี่ยนฮวายพูดมา เธอก็รู้สึกว่าตัวเธอเองเริ่มจะหวาดระแวงทุกคนไปหมดเสียแล้ว

“คนที่อยู่ในเหตุการณ์มักดูไม่ออกหรอกครับ” เสิ่นอี้พูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ

คนอยู่ในเหตุการณ์มักจะดูไม่ออกงั้นเหรอ ? เขาพูดเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างนั้นแหละ

เย่หนิงมองเขาอย่างเย้ยหยันอยู่นิดหน่อย

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังกังวลอยู่หรอก” จวงหมิงหานยังคงสนใจข้อมูลวิจัยของเขาต่อ “พวกนายมาดูข้อมูลนี้อีกทีสิ ฉันค้นคว้าแล้วทำขึ้นมาโดยอิงจากตัวยาของพวกนายเลยนะ”

“หืม” ทันใดนั้นเสิ่นอี้รู้สึกสนใจขึ้นมา “ไม่เลวเลยนี่ หมิงหาน ผลออกมาเร็วขนาดนี้ นายนี่สมกับเป็นคนที่มีพรสวรรค์เลยนะ”

“เหอะ ๆ...” ในคำพูดของเสิ่นอี้นั้นมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะยอมรับอยู่ “นายกำลังชมฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ ทำไมฟังดูแล้วมันไม่ค่อยรื่นหูเลยนะ”

“หมิงหาน นายคิดมากน่า ฉันชมนายจริง ๆ นะ”

เย่หนิงทำเสียงเหอะ ๆ อยู่ในใจ

คำพูดนี้ ทำไมฟังดูแล้วถึงไม่ค่อยรู้สึกรื่นหูขนาดนี้นะ

จวงหมิงหานยังคงแสดงผลการวิจัยให้พวกเขาดูต่อไป “ส่วนที่มาของ...ส่วนประกอบชนิดนี้ ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด เพราะไม่รู้ว่ายามันสร้างจากส่วนประกอบที่หยิบออกมาจากตัวศพนั่น หรือว่าเพราะยานั่นทำให้ศพมีรูปร่างเน่าเปื่อยกันแน่”

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ค่อย ๆ ค้นคว้าไปสิ” เสิ่นอี้ขัดคำพูดของจวงหมิงหานขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระมากมายจากปากจวงหมิงหานอีก “สิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือต้องหาวิธีควบคุมการเติบโตของแมลงดูดเลือดในร่างผู้ป่วยพวกนั้น”

“ฉันเรียกยาชนิดนี้ว่ายาจำกัดการเติบโตก็แล้วกัน” จวงหมิงหานเปิดวิดีโออันที่สามขึ้นมา “ตอนนี้ฉันกำลังค้นคว้าอยู่ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็รู้ผลแล้ว”

“เร็วแค่ไหน !” สิ่งที่เสิ่นอี้กับเย่หนิงกังวลใจที่สุดตอนนี้ก็คือปัญหานี้แหละ พวกเขาไม่มีเวลาที่จะรีรออีกต่อไปแล้ว

“พรุ่งนี้ เร็วที่สุดพรุ่งนี้ถึงจะรู้ผลล่ะ”

พรุ่งนี้งั้นหรือ ? เสิ่นอี้กับเย่หนิงมองหน้ากัน

“ใช่แล้ว พรุ่งนี้” จวงหมิงหานย้ำขึ้นมาอีกครั้ง “อย่างเร็วที่สุดพรุ่งนี้รู้ผลแน่นอน”

“ถ้าอย่างนั้นยังมีปัญหาอื่น ๆ อีกไหม ?” เสิ่นอี้ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายดายขนาดนั้นแน่

“ปัญหาน่ะมีแน่นอน” จวงหมิงหานปิดวิดีโอลง แล้วเปิดกลับไปยังวิดีโอแรก “แมลงดูดเลือดนี้คงเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ เท่าที่ฉันเคยทำการค้นคว้ามานั้น ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนี้เลยด้วย สำหรับพวกเราแล้ว สิ่งมีชีวิตนี้คือสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้ ตอนนี้ฉันวิจัยและผลิตยาตัวนี้ออกมาแล้ว แค่ปรับปรุงจากตัวพื้นฐานยาเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...”

จวงหมิงหานยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าเสิ่นอี้มองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“ทำไมนายมองฉันอย่างนี้ล่ะ ?” จวงหมิงหานเหลือบมองเขา “อย่าบอกนะว่า นายตะลึงในความสามารถของฉันแล้วอย่างนั้นใช่ไหม ?”

“เอาเถอะ พ่อคนเก่ง” สีหน้าของเสิ่นอี้เหมือนกับว่าไม่สนใจอะไรนัก “ฉันก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยแทนนายต่างหาก ถ้าคนพวกนั้นรู้ว่านายอัจฉริยะขนาดนี้ ฉันว่านายคงตกอยู่อันตรายแล้วล่ะ ไม่แน่นายอาจจะถูกพวกมันจับตัวไป เพื่อไปช่วยพวกมันทำการวิจัยก็ได้นะ”

พอเสิ่นอี้พูดออกมาเช่นนี้ ก็ทำเอาสีหน้าของจวงหมิงหานเปลี่ยนไปทันที

เย่หนิงมองเสิ่นอี้อย่างหมดคำพูด “คุณอย่าทำตัวแบบนี้จะได้ไหมคะ”

“ผมพูดความจริงนะ” สายตาของเสิ่นอี้มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “ตอนนี้อีกฝ่ายคงอาจจะยอมทำทุกอย่างที่จะทำให้การทดลองบ้า ๆ นี้ประสบความสำเร็จขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้ล่ะว่าพวกนั้นจะไม่ทำเรื่องเลว ๆแบบนั้นขึ้นมาล่ะ”

พอเสิ่นอี้พูดจบ ก็พบว่าท่าทีของจวงหมิงหานนั้นค่อนข้างที่แปลกไปอยู่ไม่น้อย สีหน้าของเขาเหมือนกับมีคำว่า “กังวล” เขียนติดไว้อยู่

“แต่นายก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปเลย” เสิ่นอี้รีบพูดขึ้น “เรื่องนี้ทางตำรวจเราต้องเก็บรักษาความลับเอาไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะให้เรื่องของนายรั่วไหลออกไปได้แน่”

จวงหมิงหานส่ายหัว “สิ่งที่ฉันกังวลนั้นไม่ใช่เรื่องนี้ ผลการวิจัยของฉันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักหรอก เพียงแค่ปรับปรุงจากข้อมูลก่อนหน้านั้นของพวกมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ พวกนั้นเองก็คงทำได้เหมือนกัน แต่เรื่องที่ฉันกำลังกังวลอยู่นั้นก็คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกนั้นต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ก็มีวิธีที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่านี้ แต่ทำไมพวกนั้นถึงไม่เลือกใช้ แต่กลับเลือกใช้ยาที่มีผลยังไม่แน่นอนมาใช้ควบคุมเนี่ยนะ”

เย่หนิงรู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย “จะเป็นไปได้หรือเปล่าคะว่าพวกนั้นยังไม่รู้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา ?”

“ไม่ ไม่มีทางหรอก เรื่องนี้มันง่ายมาก ๆ เลยนะ สิ่งที่ฉันปรับเปลี่ยนนั้นมันง่ายกว่าผลทดลองของพวกนั้นเยอะเลย ง่ายแบบปลอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกนั้นไม่รู้วิธี หรือว่าทำไม่ได้ แต่แค่พวกนั้นไม่คิดที่จะทำต่างหาก”

เมื่อฟังสิ่งที่จวงหมิงหานพูด เสิ่นอี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “เพื่ออะไรกัน ?”

“นั่นน่ะสิ ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ถ้าเมื่อกี้อยู่ ๆ นายไม่ได้เตือนฉันขึ้นมา ฉันคงนึกไม่ถึงปัญหานี้หรอก ทั้ง ๆ ที่พวกนั้นมีวิธีที่เชื่อถืออยู่แล้วแน่ ๆ แต่ก็กลับไม่ทำ มันเป็นเพราะอะไรล่ะ ? คนพวกนี้มันคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”

เสิ่นอี้ไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “บางทีพวกมันอาจจะใช้นักศึกษาเหล่านั้นให้กลายเป็นผลงานทดลองของพวกมันไปแล้วก็ได้นะ ! ในเมื่อแมลงดูดเลือดเข้าไปในร่างกายของนักศึกษาเหล่านั้นแล้ว พวกมันก็เลยไม่ต้องหาคนอื่นมาทำการทดลองแล้วยังไงล่ะ พวกนั้นก็คงจะใช้นักศึกษาเป็นตัวทดลองในการทดสอบตัวยาที่ไม่เหมือนกัน ลองคิดดูสิ หมิงหาน ยาที่นายพูดถึง ไม่ใช่ว่าพวกมันทำขึ้นมาไม่ได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกนั้นต้องการจริง ๆ ต่างหาก ดังนั้นตอนนี้พวกนั้นก็เลยอาจจะกำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่”

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ” จวงหมิงหานพยักหน้า แล้วท่าทีของเขาก็กลับไปครุ่นคิดอีกครั้ง “จริง ๆ แล้วพวกมันอยากจะทดลองอะไรกันแน่ และพวกนั้นคิดที่จะทำสิ่งทดลองแบบไหนขึ้นมากันนะ ?”

“เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลังดีกว่า” เสิ่นอี้ขัดความคิดของจวงหมิงหาน แล้วถามขึ้นต่อ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ยาที่นายวิจัยและผลิตขึ้นมา สามารถเอาให้ผู้ป่วยได้แล้วใช่ไหม จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า ?”

จวงหมิงหานยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา “ฉันทำมันขึ้นมาโดยที่คำนึงถึงความปลอดภัยอย่างถึงที่สุดแล้วล่ะ แต่ถึงแม้ฉันจะพยายามให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์หรอก และยานี้มันก็ใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

“ใช้ได้ชั่วคราวอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน ?”