webnovel

ตอนที่ 066

ตอนที่ 66 คำนวณพลาด

เสิ่นอี้ไม่สนใจ

ท่าทางของเขาดูเหมือนว่าจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก

เขาเหลือบมองตู้ซื่อฮุยด้วยท่าทีที่เย็นชา แค่นั้นก็ทำให้ตู้ซื่อฮุยพูดไม่ออกในทันใด

เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเสียด้วยซ้ำ

เสิ่นอี้กวาดตามองเขาด้วยสายตาขู่เข็ญจนเขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกมา สิ่งที่เขาทำได้นั้นก็เพียงแต่มองเสิ่นอี้กับเย่หนิงจากไปด้วยตาปริบ ๆ

ทางด้านของไต้ซานซานนั้น ตั้งแต่ที่เสิ่นอี้ปรากฏตัวออกมาแล้วเดินจากไป เธอก็ได้แต่ยืนตัวแข็ง ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย และพูดอะไรไม่เป็นเลยทีเดียว จนกระทั่งเสิ่นอี้กับเย่หนิงเดินจากไปไกลแล้วนั่นแหละ เธอถึงจะเพิ่งได้สติขึ้นมา เธอรู้สึกโมโหจนกระทืบเท้าขึ้นอย่างไม่พอใจ แล้วชี้หน้าต่อว่าตู้ซื่อฮุยเสียงดัง “นายโง่เหรอไง จะมายืนนิ่งตรงนี้ทำหอกอะไรล่ะหะ ! ทำไมไม่ตามเขาไปล่ะ !”

เดิมทีอารมณ์ของตู้ซื่อฮุยนั้นก็ไม่ได้ดีมากอยู่แล้ว เมื่อถูกไต้ซานซานตำหนิด่าทอเช่นนี้อีก เขาจึงอารมณ์เสียมากยิ่งกว่าเก่า “เธอบอกว่าฉันเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วทีเธอล่ะ เธอจะยืนนิ่งอยู่ทำซากอะไร ? เธอก็ไม่ได้ตามเขาไปเหมือนกันนั่นแหละ !”

ไต้ซานซานโมโหจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว “ก็นี่มันเรื่องของนาย นายจะให้ฉันตามเขาไปทำอะไรละหะ !”

ตู้ซื่อฮุยรู้สึกโกรธจนแทบจะทนไม่ไหวเสียงแล้ว “แล้วมันยังไงล่ะ แล้วเธอคิดเหรอว่าฉันไม่อยากไป ? เธอดูไม่ออกรึไงว่าท่าทางของเสิ่นอี้นั้นเป็นแบบไหน เธอก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ !”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตู้ซื่อฮุยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเป็นอย่างมาก เขาขยี้หัวขยี้หูตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด ในใจรู้สึกกลัดกลุ้มอย่างเป็นที่สุด “จบกัน ! ดูเหมือนว่าคราวนี้โครงการของเราจะล้มไม่เป็นท่าแล้วล่ะ !”

เช่นนั้นไต้ซานซานก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธแค้น “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับยัยเย่หนิงนั่นกันแน่เนี่ย !”

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเย่หนิง ! ฉันรู้แต่เพียงว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเย่หนิงกับเสิ่นอี้นั้นดีมาก ๆ แค่เธอพูดใส่ไฟฉันให้เขาฟัง ไม่ว่าอย่างไรเสิ่นอี้ก็คงไม่ยอมให้ฉันคว้าโครงการนี้ไปแน่ ๆ เดิมทีโรงพยาบาลถงคังของเราก็ไม่มีข้อดีอะไรอยู่แล้ว เราอุตส่าห์โชคดีที่ได้เจอกับเสิ่นอี้ตามลำพัง แต่ว่าตอนนี้มันจบแล้ว จบสิ้นหมดแล้ว !” เมื่อตู้ซื่อฮุยพูดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชกกำแพงด้วยความโมโห “ทำไมฉันถึงได้ซวยขนาดนี้วะ !”

แต่ไต้ซานซานโกรธแค้นยิ่งกว่าตู้ซื่อฮุยเสียอีก ยัยเย่หนิงดันเป็นแฟนกับเสิ่นอี้เนี่ยนะ ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย !

เสิ่นอี้เขาเป็นใคร ?

คนแบบเขาจะขาดแคลนผู้หญิงถึงขนาดนี้เลยเหรอ

หรือว่าเขาจะหาผู้หญิงคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีคนที่ดีกว่านี้แล้วหรือไงกัน ทำไมเขาถึงได้มาชอบยัยเย่หนิงได้กันล่ะ ?

ผู้หญิงต่ำต้อยอย่างเย่หนิงนั่นน่ะ ทำไมเธอถึงโชคดีได้ขนาดนี้กัน

ชายหนุ่มที่งามราวกับเพชรเม็ดงามอย่างเขากลับถูกยัยนั่นฉกไปเสียได้ เธอมันจะดวงดีเกินไปแล้วนะ !

พอนึกถึงตอนที่เย่หนิงพูดกับพวกเขาเมื่อสักครู่นี้ ไต้ซานซานก็โกรธจนควันแทบจะออกหู

ถ้าหากให้เธอเดา ตอนนี้ยัยเย่หนิงต้องกำลังพูดเยาะเย้ยพวกเราอยู่แน่ ๆ โดยเฉพาะเธอ !

เมื่อกี้เย่หนิงก็พูดอยู่ไม่ใช่เหรอว่าขยะอย่างตู้ซื่อฮุยนั้น ไม่สามารถทำให้เธอสนใจได้

เมื่อมีเสิ่นอี้มาเป็นตัวเปรียบเทียบอีก คนอย่างตู้ซื่อฮุยยิ่งเทียบเขาไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

ไต้ซานซานกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น เล็บมือของเธอแทบจะทะลุกำปั้นออกมา

ตู้ซื่อฮุยที่เธอเสียเวลาวางแผนแย่งชิงมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ตอนนี้กลับถูกยัยเย่หนิงมองว่าเป็นขยะที่เธอไม่ต้องการแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ไต้ซานซานก็รู้สึกไม่พอใจมาก เธอเลยผลักตู้ซื่อฮุยออกไปให้พ้น “นายก็ได้แต่รอเหงือกแห้งอยู่ตรงนี้นั่นแหละ ไม่คิดที่จะหาวิธีอื่นบ้างเลยหรือไง ? ฉันเตือนนายไว้เลยนะ ถ้าหากว่านายคว้าโครงการนี้เอาไว้ไม่ได้ คราวนี้พวกเราก็คงจบเห่แล้ว ฉันขอบอกนายไว้เลย !”

“เธอพูดอะไร !” ตู้ซื่อฮุยคว้าข้อมือของไต้ซานซานไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไต้ซานซาน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนแรกที่เธอเข้าหาฉัน เธอก็แค่เห็นแก่ฐานะของพ่อฉันเท่านั้นเอง ยังไงเรื่องมันก็มาถึงตรงนี้แล้ว เธอพูดไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ หากคว้าโครงการนี้มาไม่ได้มันก็ไม่มีผลดีต่อเธอเหมือนกันนั่นแหละ !”

ไต้ซานซานสลัดมือของตู้ซื่อฮุยออก แล้วพูดขึ้นอย่างโมโห “ฉันจะไปเดือดร้อนแทนนายได้ยังไงล่ะ เหอะ ! ดูสิ ท่าทางของยัยเย่หนิงนั่นเหมือนกับเหยียบหัวนายขนาดนั้น เห็นเธอได้ใจเข้าหน่อย นายก็ยอมเธอซะแล้ว นายคงคิดหาวิธีเองไม่ได้สินะ ? ฉันขอบอกนายเลยนะว่า อย่าคิดว่าหากคว้าโครงการนี้ไม่ได้แล้วเรื่องมันจะจบแค่นี้ นายนึกเหรอว่าเย่หนิงจะปล่อยนายไป !”

“แล้วจะให้ทำยังไง ไหนเธอลองว่ามาสิ ! ตอนนี้เย่หนิงก็เป็นแฟนเสิ่นอี้แล้ว ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ? ฉันจะกล้าไปเข้าไปจีบเธออีกเหรอ ให้ฉันตามไปถือรองเท้าให้เธอยังจะเป็นไปได้มากกว่า !”

ตู้ซื่อฮุยรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ถ้าหากรู้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแบบนี้ เมื่อกี้เขาคงไม่พูดแบบนั้นกับเย่หนิงหรอก เผื่อว่าเธอจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ดี ๆ ที่หลงเหลือระหว่างเราแล้วช่วยพูดถึงเขาในแง่ดี ๆ บ้าง แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างนั้น เขากลับทำมันพังจนหมดแล้ว

“มันคงจะไม่จบลงแบบนี้ใช่ไหม ?” ไต้ซานซานยังคงไม่ยอมแพ้

แล้วคิดดหรือว่าเขาจะยอมแพ้ เขากัดฟันกรอด แล้วก่นด่าออกมา “โธ่เว้ย !”

ไต้ซานซานจ้องเขม็งไปที่เขา “นี่ เมื่อกี้นายก็ได้ยินที่พวกเขาพูดนี่นา พวกเขาจะไปหาศาสตราจารย์จวง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รออยู่ที่นี่แหละ อย่างไรซะเมื่อพวกเขาออกมาแล้วก็ต้องไปที่จอดรถอยู่ดี เราก็แค่รอพวกเขาอยู่ที่นี่เท่านั้น ตู้ซื่อฮุย โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ นะ นายไปที่ที่ว่าการมณฑลมาตั้งหลายรอบแต่กลับไม่เคยเจอตัวเขาเลยสักครั้ง ตอนนี้เขามาหานายถึงที่แล้ว โอกาสดีขนาดนี้ ถ้านายปล่อยมันไป เห็นทีก็คงไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะ”

“ต่อให้เธอไม่พูด ฉันก็รู้อยู่แล้วน่ะ ! เมื่อกี้เธอก็ได้เห็นท่าทางของเสิ่นอี้แล้วนี่ เธอก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเลย โดยเฉพาะหลังจากที่เย่หนิงพูดแบบนั้นไป เขาก็ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะรออยู่ตรงนี้เพื่ออะไรล่ะ ? รอให้พวกเขาออกมา แล้วเสิ่นอี้ก็ยังคงไม่สนใจฉันเหมือนเดิมอย่างนั้น เว้นแต่...เว้นแต่ว่าเย่หนิงจะกลับคำพูด แล้วช่วยฉันพูดกับเขาดี ๆ ถ้าไม่อย่างนั้น...”

พอไต้ซานซานได้ฟังคำพูดของตู้ซื่อฮุย เธอก็แสยะยิ้มออกมา “นายนึกเสียใจขึ้นมาล่ะสิท่า ?”

“เธอยังจะพูดอีกเหรอ !”

ทางที่ดีไต้ซานซานควรจะหยุดพูดไปเลยเสียดีกว่า ยิ่งเธอพูดตู้ซื่อฮุยก็ยิ่งหัวร้อนมากกว่าเดิม ดังนั้นเขาเลยชี้หน้าต่อว่าไต้ซานซาน “เมื่อกี้ก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ เธอทำให้เย่หนิงไม่พอใจจนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอไง ? ผู้หญิงแบบเธอน่ะ เรื่องดี ๆ ไม่คิดจะทำ ถนัดแต่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายลง เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่าเย่หนิงไม่มีทางมาหาฉัน แต่เธอก็ไม่เชื่อ จะต้องพูดยั่วโมโหต่อหน้าเย่หนิงให้ได้ ทีนี้เป็นไงล่ะ ! ตอนนี้พอกันที เธอทำทุกอย่างพังหมดแล้ว พอใจเธอแล้วหรือยัง !”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ?” ไต้ซานซานเองก็โมโหเช่นเดียวกัน “นายมันไม่ได้เรื่องเอง แล้วมาโทษฉันได้ยังไง ถ้าหากนายได้เรื่องสักนิด นายจะถูกยัยนั่นทำเสียเรื่องเหรอหา ? ใครใช้ให้โรงพยาบาลถงคังส่งคนไร้กำลัง ไร้ทักษะ ไร้สมองอย่างนายไปเมืองหนานไห่ตั้งหลายสิบรอบกันล่ะ แม้แต่เงาของเสิ่นอี้นายก็ยังหาไม่เจอเลย ! ตอนนี้ได้เจอเขาแล้ว แต่นายกลับคว้าโอกาสไว้ไม่ได้เอง ทีนี้ก็ยังมาโทษฉันอีก นายยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่าเนี่ยหะ !”

สองคนนี้ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งเสียงดัง คนข้างทางที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็ส่งสายตาสงสัยมาให้เขาทั้งสองคน แต่สองคนนี้ที่กำลังโมโหอยู่นั้นกลับไม่ได้สนใจอะไร ต่างคนต่างพูด ต่างด่าตำหนิอีกฝ่ายไปมาไม่มีใครยอมใคร

ส่วนเย่หนิงน่ะเหรอ ?

ตอนนี้อารมณ์ของเธอนับว่าดีมากทีเดียวเลยล่ะ

เมื่อเห็นท่าทางหงอย ๆ จนตัวลีบของตู้ซื่อฮุยแล้ว เธอก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ลืมไปหมดเลยว่าตัวเองกำลังควงแขนของคน ๆ หนึ่งไว้อย่างแน่นขนัดทีเดียว

“คุณมีความสุขมากเลยเหรอครับ ?” เสิ่นอี้อดที่จะตลกขึ้นมาไม่ได้

“เอ่อ...” เย่หนิงที่เพิ่งจะได้สติขึ้นมา เธอก็รีบปล่อยแขนของเสิ่นอี้ออก แล้วหัวเราะขึ้นอย่างเขินอาย “ฮ่า ๆ ศาสตราจารย์เสิ่น นั่นก็...ก็...ก็แค่...”

“อ่อ ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ผมเข้าใจแล้วล่ะ” เสิ่นอี้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ้าตู้ซื่อฮุยนั่นน่ะ ผมเองก็เกลียดเขามากเหมือนกัน”