webnovel

ตอนที่ 059

ตอนที่ 59 คำเตือน

“เฮ้อ” คุณอาถอนหายใจยาวออกมา “เสี่ยวหนิง ตอนที่พ่อแม่ของเราจากโลกนี้ไป เรายังเด็กอยู่เลย ดังนั้นจึงมีบางเรื่องที่พวกเขาไม่ได้บอกเราไว้ พวกเขาไม่ได้ตายเพราะถูกรถชนหรอกนะ......พวกเขาถูกทำร้ายต่างหาก สิ่งที่ฆ่าพวกเขาคือ... ผีดิบ ! พวกเขาถูกผีดิบรุมทำร้ายจนตาย”

“นี่... นี่...” เย่หนิงช็อกจนพูดไม่ออก

ผีดิบ ?

พ่อแม่ของเธอเป็นนักล่าผีดิบ...

แต่สุดท้าย กลับตายด้วยน้ำมือของผีดิบอย่างนั้นเหรอ

นะ......นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย

“ขอโทษนะ” คุณอาลดเสียงพูด “เสี่ยวหนิง อาขอโทษด้วยจริง ๆ ที่อาปิดบังเรามานานหลายปีขนาดนี้...ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้อยู่ ๆ เราก็ถามขึ้นมา... เรื่องนี้ อาก็คงไม่คิดจะบอกเราหรอก อาอยากจะปิดบังเรา ปิดบังไปทั้งชีวิต ไม่ให้เรารู้เรื่องพวกนี้ตลอดไปเลยเสียจะดีกว่า”

“นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกันคะ...” เย่หนิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “คุณอา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คพ่อแม่ของหนูพวกเขาตายอย่างไรกันแน่ ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”

“เสี่ยวหนิง เราต้องรู้ไว้ว่าพวกเรานักล่ากับผีดิบเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาแต่กำเนิด การเป็นนักล่าผีดิบถือเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ไม่ว่าใครก็จะละทิ้งมันไปไม่ได้ แต่ระหว่างที่ทำหน้าที่นั้น อาจจะพบกับอันตรายได้ ถึงพวกเราจะเป็นนักล่า แต่ถ้าหากไม่ระวังก็มีโอกาสที่จะถูกคนอื่นสังหารได้เช่นกัน”

หลังจากที่เงียบไปสักพัก คุณอาก็พูดต่อว่า “หลายพันปีมานี้ นักล่าผีดิบที่ตายด้วยน้ำมือของผีดิบนั้นมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เหมือนกับพ่อแม่ของเรา รวมทั้งตระกูลถังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่เคยเป็นนักล่าผีดิบด้วยเหมือนกัน...เมื่อร้อยปีก่อน หลังจากตระกูลถังคนสุดท้ายไร้ผู้สืบทอด สี่ตระกูลใหญ่ในปัจจุบันเลยเหลืออยู่เพียงสามตระกูลเท่านั้น......เสี่ยวหนิง ตอนนี้เรารู้หรือยังว่าทำไมอาถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเรามาโดยตลอด เพราะว่าอาไม่อยากให้เราไปเจอกับอันตรายพวกนี้ยังไงล่ะ เข้าใจอาใช่ไหม”

“หนูรู้ค่ะ คุณอา...หนูรู้ว่าที่คุณอาทำไปก็เพราะหวังดี...”

เหมือนอย่างที่คุณอาของเธอพูดมา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปเจอกับเฝิงเยี่ยนฮวาย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของเฝิงเยี่ยนฮวาย บางทีเธอก็คงเป็นอย่างคนทั่วไป ใช้ชีวิตตามปกติธรรมดาไปตลอดชีวิต

จนกระทั่งวันนั้น วันที่ผีดิบตนหนึ่งเข้ามาในชีวิตเธออย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว......

ผีดิบตนหนึ่ง......

เย่หนิงยิ้มเฝื่อน ๆ ออกมา

ทำไมฟังดูแล้วถึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ได้ขนาดนี้นะ

ผู้สืบทอดนักล่าผีดิบงั้นหรือ เธอไม่ได้รู้สึกชอบหน้าที่นี้เลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะหลังจากที่พ่อแม่เธอเสียชีวิตไปเพราะสาเหตุนี้ เธอยิ่งไม่ชอบภาระหน้าที่นี้มากกว่าเดิมเสียอีก

เธอหวังว่าเธอจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขเหมือนในตอนนี้ ไม่ใช่ต้องไปไล่ฆ่าผีดิบอะไรนั่น

“เสี่ยวหนิง” อยู่ ๆ คุณอาก็ถามขึ้นต่อ “เมื่อกี้เราบอกว่าพวกเราไปเจอผีดิบมา แล้วยังเป็นผีดิบร้อยกว่าปีด้วยอย่างนั้นใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ” เย่หนิงถูหน้าผาก “พอนึกขึ้นมาตอนนี้หนูรู้สึกไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ผีดิบเนี่ย เมื่อก่อนหนูคิดว่าเป็นแค่นิทานตำนานหลอกเด็กเท่านั้น......แต่มันกลับมีสิ่งนี้อยู่จริง ๆ เสียอย่างนั้นล่ะ เฮ้อ จริงสิคะคุณอา หนูได้ยินเฝิงเยี่ยนฮวายพูดมาว่าผีดิบมีการแบ่งระดับด้วย ผีดิบระดับสูงจะฆ่าผีดิบที่มือระดับต่ำกว่า และสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายด้วย มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ”

“ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ ในโลกของผีดิบ การยับยั้งระดับเป็นเรื่องที่เคร่งครัดมาก เมื่อผีดิบสิบปีมาอยู่ตรงหน้าผีดิบร้อยปี มันก็ไม่อาจมีพละกำลังที่จะต่อต้านได้ ทำไมหรอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?”

“หนู...หนูไม่รู้จะพูดอย่างไรดี...” เย่หนิงคิดอยู่สักพัก ก็พูดออกมา “ก่อนหน้านี้พวกหนูเจอกับผีดิบร้อยปีตัวนั้นมา อยู่ดี ๆ มันก็ตายเสียอย่างนั้นเลย ละลายกลายเป็นน้ำหนอง เฝิงเยี่ยนฮวายบอกว่ามีเพียงผีดิบที่ระดับสูงกว่าผีดิบร้อยปีเท่านั้นถึงจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ คุณอาคะ นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”

“เอ่อ...” คุณอาหายใจเข้าไปเสียเฮือกใหญ่ “มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ”

“ใช่ค่ะ คุณอา”

“เสี่ยวหนิง...” คุณอารู้สึกร้อนใจขึ้นมา “เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เกิดขึ้นที่ไหน เสี่ยวหนิง เราต้องระวังให้มากนะ อย่าไปที่นั่นอีกเด็ดขาด ขนาดผีดิบร้อยปียังถูกฆ่าอย่างง่ายดายแบบนั้น เจ้านั่นต้องฝึกบำเพ็ญเพียรมาตั้งหลายร้อยปี เป็นผีดิบที่บำเพ็ญเพียรมาหลายร้อยปีเชียวนะ พวกหนูต่อกรกับมันไม่ไหวหรอก พวกหนูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ถึงในมือของนักล่าผีดิบอย่างพวกเราจะมีของวิเศษที่ใช้ควบคุมผีดิบอยู่ แต่ถ้าอีกฝ่ายบำเพ็ญตบะมาอย่างสูงส่งล่ะก็ อุปกรณ์เวทมนตร์ทั่วไปคงทำอะไรมันไม่ได้หรอก”

เย่หนิงนึกไม่ถึงว่าอาของตัวเองจะจริงจังขึ้นมาขนาดนี้ “คุณอา... คือ...คือว่า ผีดิบที่บำเพ็ญเพียรมาหลายร้อยปีนี่ มันเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรอคะ”

“ทำไมมันจะไม่เก่งล่ะ นั่นมันปีศาจที่มีชีวิตมาหลายร้อยปีเชียวนะ บางทีผีดิบที่บำเพ็ญเพียรมากว่าร้อยสองร้อยปีพวกเราอาจจะต่อกรกับมันได้ แต่ถ้าเป็นตัวที่ระดับสูงกว่านั้น พวกเราคงยับยั้งมันไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเรายังไม่ค่อยรู้อะไร เราต่อกรกับมันไม่ไหว มันต้องฆ่าเราอย่างง่ายดายแน่ เสี่ยวหนิง ฟังอาพูดให้ดีนะ อย่าไปที่นั่นอีกเป็นอันขาด แล้วยิ่งเราเป็นผู้สืบทอดนักล่าผีดิบด้วย ถ้าถูกผีดิบหลายร้อยปีพบเข้าล่ะก็ มันต้องไม่ปล่อยเราไปแน่ ๆ”

“คุณอา หนูรู้ค่ะ คุณอาอย่ากังวลไปเลย ไม่ว่ายังไงก็ตาม หนูจะไม่ไปที่นั่นอีกเด็ดขาด”

พอเห็นว่าคุณอาเป็นห่วงถึงขนาดนี้ เย่หนิงจะกล้าบอกได้อย่างไรล่ะ ว่าเฝิงเยี่ยนฮวายกำลังสงสัยว่าผีดิบตัวนั้นอยู่ข้างกายเธอ ถ้าหากพูดออกไปล่ะก็...คุณอาของเธอจะต้องเป็นกังวลมากจนรีบบินกลับมาหาเธอทันทีแน่ ๆ

แต่ว่า......มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ

เรื่องพวกนี้มันเป็นความจริงใช่ไหม

ถ้ามันเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นข้างกายเธอ......ก็มีผีดิบอยู่จริง ๆ น่ะสิ

แล้วยังอยู่ในกลุ่มคนที่อยู่ข้างตัวเธออีกด้วย

จะ...จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า !

นี่มันไม่ใช่แล้ว คนรอบ ๆ ตัวเธอต่างก็เป็นคนธรรมดาทั้งนั้น จะไปมีผีดิบได้ยังไงกัน ?

อีกอย่าง ที่เฝิงเยี่ยนฮวายพูดมานั้น มันก็แค่การคาดเดาเท่านั้นเอง

หรือว่าจะยังมีสาเหตุอื่น ๆ อยู่ หรือว่าผีดิบตนนั้นเน่าเปื่อยด้วยสาเหตุอื่น ๆ เป็นเพราะแมลงดูดเลือดหรือเป็นเพราะถูกผีดิบระดับสูงกว่าสังหารเอา

“เสี่ยวหนิง” คุณอาพูดต่อ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องระมัดระวังตัวไว้นะ ตอนนี้เรายังไม่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดนักล่าที่แท้จริง เรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าต้องไปเผชิญกับผีดิบจริง ๆ เราต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ อะ... เอาเป็นว่าเราทำเป็นเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตกลงไหม ?”

เธอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

เย่หนิงไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ แต่ตอนนี้ เธอที่ทำคดีนี้อยู่ยังไงก็ต้องพบเจอกับผีดิบแน่นอน จะให้หลบยังไงก็คงหลบไม่พ้น

แต่เพื่อไม่ให้อาของเธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น เย่หนิงเลยต้องพูดโกหกเพื่อปลอบอาของเธอ “คุณอา สบายใจได้เลยค่ะ หนูไม่คิดจะทำเรื่องนั้นแน่นอน หนูเป็นหมอนิติเวชดี ๆ จะให้ไปไล่ฆ่าผีดิบได้อย่างไรล่ะคะ ที่หนูโทรหาคุณอาก็เพราะตอนนี้เฝิงเยี่ยนฮวายตกเป็นผู้ต้องสงสัย หนูก็แค่อยากจะรู้ให้แน่ใจว่า ที่เขาพูดมามันเป็นความจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่ เมื่อคุณอาพูดมาแบบนี้ หนูก็รู้ว่าเฝิงเยี่ยนฮวายไม่ได้พูดโกหก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยที่พวกหนูตามหาอยู่”

พอได้ฟังเย่หนิงพูดเช่นนั้น คุณอารุ้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไป เราพยายามพบเจอพวกมันให้ได้น้อยที่สุดนะ เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจแล้วค่ะ คุณอา สบายใจได้เลย”