webnovel

ตอนที่ 058

ตอนที่ 58 ปิดบัง

เสิ่นอี้เริ่มจะรู้สึกสับสนอยู่บ้างแล้ว “อาหนิง เพื่อนร่วมชั้นของคุณเค้าพูดอะไรกับคุณบ้างครับ ?”

“ไม่มีอะไรค่ะ !” เย่หนิงส่ายหัว แต่เธอกลับดึงดันที่จะถามเขาต่อ “คุณเชื่อหรือเปล่าคะ ?”

เสิ่นอี้พูดออกมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว “เชื่อสิ ผมเชื่อ ! คุณพอใจหรือยังครับ ?”

เย่หนิงจ้องเขม็งไปที่เขาอยู่ชั่วครู่

น้ำเสียงของเขามันอะไรกันน่ะ ทำไมถึงพูดออกมาราวกับว่ามันยากลำบากขนาดนั้น ฉันเชื่อ ? พอใจหรือยัง ? อย่างนั้นเหรอ

เมื่อมองท่าทางที่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจของเขา ราวกับเขากำลังถูกเธอบีบบังคับให้พูดออกมาอย่างไรอย่างนั้นแหละ

“ผมเชื่อคุณจริง ๆ นะครับ !” เสิ่นอี้รีบย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

“เหอะ แต่ฉันไม่เชื่อหรอก !”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เสิ่นอี้พูดออกมาเช่นนั้น เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขาแค่พูดแบบขอไปทีเท่านั้นเอง แล้วกลับมาบอกว่าเชื่อเธอเนี่ยนะ ?

“คุณไม่เชื่ออะไร ? ไม่เชื่อผม หรือไม่เชื่อว่ามีผีดิบอยู่บนโลกใบนี้ ?” เสิ่นอี้ยิ้มตาหยีถามเธอขึ้น

รอยยิ้มของเขา ทำเอาเย่หนิงเริ่มที่จะยอมแพ้

ช่วยไม่ได้ เธอดันต้านทานหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้เองนี่น่า

เดิมทีเธออยากจะบอกว่าเธอไม่เชื่อเขา แต่ทำไมเมื่อพอได้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาแล้ว เธอกลับพูดอะไรไม่ออกเลย

เธอเลิกคิดแล้วหันกลับไปพูดกับเขาอย่างฟึดฟัดว่า “ฉันจะไปโทรศัพท์ !”

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปถามคุณอาของเธอด้วยตัวเอง เธอต้องรีบถามความจริงจากคุณอาให้รู้เรื่อง พิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดนี้จากคุณอาของเธอ

“โทรศัพท์เหรอ โทรไปไหน นี่ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะ” เสิ่นอี้กำลังคิดว่าเย่หนิงหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลีกหนีจากเขา

“บนโลกนี้แหละ” เย่หนิงโบกมือถือในมือ แล้วหันตัวเดินกลับไปที่ห้องสำนักงาน

ทั้งโทรทางไกลเอย ทั้งค่าโทรศัพท์เอย

เย่หนิงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

ทั้งหมดก็เป็นเพราะเฝิงเยี่ยนฮวายนั่นแหละ เมื่อกี้น่าจะให้หัวหน้าหยางฟาดเขาเข้าให้สักชุด

เมื่อรอสายอยู่สักพัก ทางนั้นก็รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เสียงที่เธอคุ้นเคยดังผ่านเข้ามา “อาหนิง ? นั่นเราใช่ไหม ? โอะโอ เรายังจำได้ว่ามีอาอยู่เหรอเนี่ย เด็กน้อยเอ้ย !”

“คุณอา......” ดวงตาของเย่หนิงเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาขึ้นในทันใด

เธอไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก มีเพียงแต่คุณอาเท่านั้นที่เลี้ยงเธอมาจนโต คุณอาของเธอยอมที่จะแต่งงานช้าเพียงเพื่อเพราะเธอคนเดียว หลังจากที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว อาของเธอเพิ่งจะได้เจอกับแฟนคนแรกในงานเลี้ยงรุ่น ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไปอยู่เมืองนอกเป็นสิบกว่าปี แต่เขาก็ยังครองความเป็นโสดอยู่เพื่อรอคุณอาของเธอ

หลังจากที่เย่หนิงได้ยินเรื่องนี้ เธอจึงตัดสินใจแทนคุณอาของเธอทันทีว่า......ให้คุณอาแต่งงาน !

คุณอาของเธอนั้นโสดมานานหลายปีขนาดนี้ อีกฝ่ายที่รอผู้หญิงอย่างคุณอาของเธอมาหลายปี ผู้ชายแบบนั้นจะหาได้จากที่ไหนอีกกันเล่า

อีกอย่าง ตัวเธอเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณอาของเธอแต่งงานช้าไปตั้งหลายปี ตอนนี้เธอนั้นก็โตแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะให้คุณอาของเธอแสวงหาความสุขของตนเองแล้วล่ะ

หลังจากที่คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดคุณอาของเธอก็ตอบรับคำขอแต่งงานจากเขา หลังจากแต่งงานแล้ว คุณอาเธอของก็ตามสามีก็ไปอยู่เมืองนอก และหลังจากที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วคุณอาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย หลายปีที่ผ่านมานี้เย่หนิงได้คุยกับคุณอาของเธอผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น

เมื่อได้ยินคุณอาพูดเช่นนี้แล้ว เย่หนิงก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า ช่วงนี้เธอนั้นก็ทำงานยุ่งมาตลอด จึงไม่ได้คุยโทรศัพท์กับคุณอาของเธอมาเป็นเวลานานพอควรแล้ว

“เอาล่ะ อาแค่พูดหยอกเราเล่นเฉย ๆ น่ะ” คุณอาพูดไป แล้วหัวเราะขึ้นมา “อารู้ว่าช่วงนี้เราต้องยุ่งมากแน่ ๆ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ คดีจบแล้วหรือยัง คงพักผ่อนได้แล้วใช่ไหม ? ว่างเมื่อไหร่ก็มาเยี่ยมอาบ้างนะ”

“ไม่เลยค่ะ” เย่หนิงถอนหายใจออกมา “คุณอา ที่จริงแล้ว...หนู วันนี้หนูโทรหาอาเพราะมีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อยค่ะ”

เมื่อได้ฟังดังนั้น คุณอาก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “มีเรื่องจะถามอาอย่างนั้นเหรอ ?”

นี่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรอกใช่ไหม ?

“ใช่ค่ะ คุณอา...” ขณะที่เย่หนิงพูดนั้น ในใจของเธอเองก็ยังคงคิดอยู่ว่า ถ้าเฝิงเยี่ยนฮวายอำเธอขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ? ถ้าเกิดเธอพูดอะไรแปลก ๆ แบบนี้ออกไปแล้ว อาของเธอคงไม่คิดว่าเธอเป็นโรคประสาทหรอกใช่ไหม ไม่แน่คุณอาคงนึกว่าเธอทำงานหนักจนเหนื่อย จนเอาแต่คิดเรื่องราวบ้าบออยู่เต็มหัวไปหมด

“มีอะไรเหรอ ?” คุณอาของเธอเริ่มที่จะรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา “เสี่ยวหนิง เราไปเจอเรื่องยุ่งยากเข้าให้ใช่ไหม ถ้าให้อาเดานะ คงไม่ใช่เรื่องงานหรอกสิท่า เรา... มีคนที่แอบชอบแล้วเหรอ ?”

อยู่ ๆ เย่หนิงก็รู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา “คุณอา คุณอาพูดล้อเล่นอะไรคะเนี่ย จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะคะ ที่หนูโทรหาอาก็เพราะเรื่องงานต่างหากเล่า”

“เราสิพูดล้อเล่น แค่เรื่องงานยังจะต้องมาถามอาอีก”

เย่หนิงลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายเธอก็ถามขึ้นมา “คุณอา คุณอาเคยได้ยินเรื่อง... นักล่าผีดิบบ้างไหมคะ”

“อะไรนะ” คุณอาประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เสี่ยวหนิง ร...เราพูดอะไรน่ะ”

“นักล่าผีดิบไงคะคุณอา คุณอาเคยได้ยินบ้างหรือเปล่าคะ”

คุณอาเงียบลงไปเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะนาน

เย่หนิงรู้สึกว่าตัวเองคงไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว เพราะเธอก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ การที่คุณอาเงียบไปแบบนั้น นั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด

“คุณอา คุณอารู้ใช่ไหมคะ”

“เสี่ยวหนิง......” คุณอาถามเสียงเบา “เราเจอกับ...นักล่าผีดิบคนอื่นมาใช่ไหม เขาแซ่อะไร แซ่เฝิงหรือว่าแซ่เจิ้ง”

เธอไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นความจริง

นักล่าผีดิบ

ไม่นึกว่าอาของเธอจะรู้เรื่องนี้ด้วย

“แซ่เฝิงค่ะ” เย่หนิงไม่อยากจะพูดและรู้สึกยากที่จะพูดแซ่นั้นออกมา

“แซ่เฝิง ? เฝิงเยี่ยนฮวายใช่ไหม” คุณอาถามขึ้นอีกครั้ง

“คุณอารู้จักด้วยเหรอคะ” เย่หนิงตกใจเป็นอย่างมาก

“ทำไมอาจะไม่รู้จักล่ะ ผู้สืบทอดของตระกูลเฝิง หนึ่งในนักล่าผีดิบผู้มีฝีดีเลิศในโลกนี้เชียวนะ ! ยังมีอีกคนที่อายุน้อยกว่าเขา มีชื่อเสียงพอ ๆ กัน เขาคือเจิ้งชวนแห่งตระกูลเจิ้ง”

เย่หนิงพูดพึมพำ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”

“ทำไมเหรออาหนิง เขาตามหาเราเจอแล้วอย่างนั้นเหรอ เขาพูดกับเราแล้วใช่ไหม ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงมาหาเราได้ล่ะ”

“คุณอา... พวกหนูไปเจอกับผีดิบมา...” เย่หนิงถอนหายใจออกมา “เมื่อกี้หนูไม่รู้จะพูดกับอาเรื่องนี้อย่างไรดี แต่ในเมื่อคุณอารู้แล้ว หนูก็จะบอกความจริงกับอาเอง ก่อนหน้านี้พวกหนูเหมือนจะเจอกับผีดิบตนนึงมา เป็นผีดิบอายุร้อยปี แล้วเฝิงเยี่ยนฮวายก็จัดการมันแล้วด้วย หลังจากนั้น เขาก็บอกกับหนูเรื่องหนึ่ง... เรื่องเกี่ยวกับนักล่าผีดิบค่ะ”

คุณอาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว “อารู้แล้ว เราคงจะยอมรับเรื่องที่เขาพูดมาไม่ได้สินะ แต่มันก็ไม่แปลกเหรอก ตอนแรกที่อาได้ยินเรื่องนี้อาก็ไม่เชื่อเลยเหมือนกัน เขาก็เลยจะให้เรามาถามอาเองอย่างนั้นใช่ไหม ?”

“ใช่ค่ะ” เย่หนิงพูดไป และก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองกำลังพูดจาไร้สาระอยู่ “คุณอา นี่เป็นเรื่องจริง......แต่ว่า ทำไมที่ผ่านมาคุณอาถึงไม่บอกหนูเลยล่ะคะ”

“เฮ้อ !” คุณอาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ถึงเวลาแล้วสินะ ในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้วสินะ เมื่อก่อนอาคิดว่าถ้าอาไม่บอกเรา ไม่ให้เรารู้เรื่องอะไรเลย บางทีอาจจะไม่ทำให้เราต้องมาพัวพันกับเรื่องเหล่านี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...เหตุการณ์มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นเสียแล้ว ฐานะของเราถูกยกขึ้นมาไว้ตรงนั้นแล้ว ถึงจะอยากจะหลบหนีเท่าไหร่ ก็คงหนีไม่พ้น นี่คงเป็นชะตากรรม เป็นชะตากรรมของพวกเรานักล่าผีดิบ เสี่ยวหนิง เราอย่าโทษอาเลยนะ อาไม่ได้คิดจะปิดบังเราจริง ๆ”

“หนูรู้ค่ะ...” ความตั้งใจของคุณอา เย่หนิงจะไม่เห็นใจได้อย่างไรกัน

“เสี่ยวหนิง ทะ.....ที่อาอยากจะบอกเรา ไม่ใช่เรื่องนี้นะ แต่เป็นเรื่องการตายของพ่อแม่เราน่ะ...” เสียงคุณอาแหบแห้งลง

“อะไรนะคะ การตายของพ่อแม่หนูเหรอ” เย่หนิงช็อกอย่างสุด ๆ “คุณอา กะ...การตายของพ่อแม่หนูจริง ๆ แล้วมันมีอะไรใช่ไหมคะ พะ...พวกเขาไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอคะ”