webnovel

ตอนที่ 046

ตอนที่ 46 แบ่งตัว

“ไม่” เสิ่นอี้พูดขึ้น “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าระหว่างพวกมันจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรที่เกี่ยวข้องอยู่เลย”

จวงหมิงหานวางหลอดทดลองในมือลง แล้วลดเสียงพูดว่า “หมู่บ้านนี้มันแปลกประหลาดจริง ๆ ด้วย ยังคงมีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ถ้าหากเราคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ ไม่แน่ว่าเราอาจจะสามารถช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อเหล่านั้นได้ก็ได้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ลู่เว่ยก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา “กุญแจสำคัญของคดีนี้ก็คือชาวบ้านพวกนั้น พวกเขาดูน่าสงสัยชะมัด”

จวงหมิงหานวางหลอดทดลองที่มีหยดเลือดในนั้นไว้บนกล้องจุลทรรศน์แล้วทำการสังเกตต่อ “พวกคุณมาดูนี่สิ สิ่งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตแบบปล้องข้อต่อ แถมยังมีปากดูดรูปจานคล้ายกับปลิง แล้วก็... แบ่งตัว ! พวกมันใช้วิธีการแบ่งตัวในการแพร่ขยายพันธุ์ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว น่าแปลกมากเลย ถ้าผมเดาไม่ผิดนะ เพียงแค่มีเลือดมากเพียงพอ พวกมันก็จะสามารถขยายพันธุ์ออกมาได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากไม่มีเลือด พวกมันก็จะไม่สามารถที่จะแพร่พันธุ์ต่อไปได้ แต่สิ่งที่พวกเราไม่รู้ก็คือว่าถ้าหากไม่มีเลือดแล้ว พวกมันจะสามารถดำรงชีวิตได้นานแค่ไหน พลังของสิ่งมีชีวิตนี้แข็งแกร่งชะมัดเลย”

“ใช่น่ะสิ” เสิ่นอี้พูดขึ้น “นี่ขนาดพวกมันอยู่ในภาชนะที่ปิดมิดชิดนานขนาดนี้ก็ยังไม่ตายเลย”

จวงหมิงหานอุทานขึ้นด้วยความตกใจ “ไอ้เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ ? ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างแบบนี้มาก่อน”

“แล้วความเร็วในการขยายพันธุ์ของพวกมันยังไม่เท่ากันด้วยนะ บางตัวขยายพันธุ์ช้าบางตัวขยายพันธุ์เร็ว” เสิ่นอี้ก็รู้สึกเหลือเชื่อ “หรือว่าจะเป็นที่ยีนเด่นยีนด้อยด้วย ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นลองผ่าหัวใจของร่างนี้ออกมาดูดีไหม เสี่ยวเหลียงหยิบหัวใจมาทีสิ” ก่อนที่จะมีผลการทดลองออกมาอย่างเพียงพอ จวงหมิงหานก็ไม่กล้าที่จะให้ข้อสรุปใด ๆ

“ระวังด้วยนะ ข้างในคงจะมีแต่แมลงดูดเลือดอยู่เต็มไปหมด” เสิ่นอี้เตือนเขาขึ้นอีกครั้ง

จวงหมิงหานระมัดระวังอย่างมาก เขาวางหัวใจของหลี่ฉิงลงในภาชนะที่ปิดมิดชิดโดยเฉพาะ หลังจากปิดฝาแล้ว เขาจึงสอดมือเข้าไปในรูของกล่องทั้งสองข้าง ตัดชิ้นส่วนของหัวใจบาง ๆ ออกมาด้วยความรวดเร็ว

จากนั้นก็วางชิ้นหัวใจลงบนกล้องจุลทรรศน์แล้วสังเกตดู จะเห็นได้ชัดว่าเนื้อเยื่อนั้นตายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

“ดูดเลือด ทำลายเนื้อเยื่อ...ดูเหมือนพวกมันคิดที่จะ...ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง” จวงหมิงหานลดเสียงพูดลง “เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ”

“ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอย่างนั้นเหรอ ?” เสิ่นอี้ถามขึ้น “หมายความว่ายังไงกัน?”

จวงหมิงหานลดเสียงพูดลง “รูปร่างภายนอกของผู้เสียชีวิต มันน่าแปลกใช่ไหมล่ะ ?”

“ก็จริง” เสิ่นอี้อุทานขึ้น “ดูจากภายนอกแล้วนั้น ไม่มีความเสียหายอะไรเลย แม้แต่สาเหตุการตายก็ยังไม่พบ เพียงแค่ไม่มีลมหายใจแล้วเท่านั้น นอกจากนั้นทุกอย่างก็ดูปกติเหมือนกับคนที่มีชีวิตอยู่ เดี๋ยวนะ...คนมีชีวิตอย่างนั้นเหรอ ?”

สีหน้าของเสิ่นอี้เปลี่ยนไปในทันที “ไม่มีทางหรอกน่า !”

เย่หนิงกับลู่เวยรู้สึกตกใจ “มีอะไรหรอคะ ?”

เสิ่นอี้ไม่แม้แต่สนใจพวกเขา กลับถามจวงหมิงหานขึ้นด้วยความร้อนใจ “หมิงหาน ฉันขอถามนายเรื่องหนึ่งสิ นายคิดว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เรียบง่ายแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่จะ......มีสาเหตุพิเศษบางประการที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ ?”

จวงหมิงหานขมวดคิ้วมุ่น “นายหมายความว่า ในหมู่บ้านว่างยาชุนมีสิ่งที่พิเศษบางอย่างที่สามารถทำให้แมลงดูดเลือดแบบนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างนั้นเหรอ ? ถ้าหากมีล่ะก็ ก็คงเป็นที่โกดังหลังนั้นใช่ไหม ?”

“ไม่เพียงแค่นั้นนะ” เสิ่นอี้ส่ายหน้า “แม้กระทั่งโลงศพหินกับผีดิบที่อยู่บนเขาด้วย พวกนั่นก็ดูน่าสงสัยเกินไป อย่างแรกเลยเดิมทีที่นั่นเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงศพ ที่เพาะเลี้ยงศพอย่างนั้นทำไมถึงมีโลงศพหินมากมายขนาดนั้นอยู่กันล่ะ ?”

“ศาสตราจารย์เสิ่นครับ” เหลียงเซิงอดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้นมา “ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่เข้าใจว่าผีดิบนั่นคืออะไรก็เถอะ ตะ...แต่ไอ้ผีดิบนั่นทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่สามารถอธิบายได้เลยสักนิด มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะครับ”

เสิ่นอี้จึงถามสวนขึ้นมาทันควัน “แล้วถ้าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาล่ะ ?”

“มนุษย์สร้างขึ้นงั้นเหรอ ?” ทุกคนทั้งหมดต่างตกตะลึง

“ผมหมายถึง นอกจากแหล่งเพาะเลี้ยงศพแล้ว อีกฝ่ายยังใช้วิธีการพิเศษบางอย่างในการสร้างผีดิบขึ้นมา ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายนั้นคืออะไรก็เถอะ แต่มันก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก ลองนึกถึงสภาพภายในถ้ำดูสิครับ มันค่อนข้างที่จะชัดเจนเลยไม่ใช่เหรอ ?”

เย่หนิงที่ได้ยินดังนั้นก็อ้าปากค้าง “อย่างนั้นก็แสดงว่าผีดิบที่พวกเรานำกลับมาก็เป็นสิ่งทดลองของพวกเขาอย่างนั้นเหรอคะ ? แต่เฝิงเยี่ยนฮวายก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่านั่นมันเป็นผีดิบอายุร้อยกว่าปี ?”

จวงหมิงหานหัวเราะขึ้นมา “คุณหมอเย่ครับ คำพูดที่เพื่อนของคุณพูดมา มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ”

โอเค เย่หนิงเข้าใจแล้ว คำพูดที่บอกว่าเป็นผีดิบร้อยปีอะไรนั่นน่ะ มันอาจจะน่าช็อกโลกเกินไปหน่อยก็จริง คงมีไม่กี่คนที่จะหลงเชื่อคำพูดนี้ แต่กลับกัน ถ้าหากมันการคาดการณ์ของเสิ่นอี้แล้วล่ะก็ มันก็ไม่ยากเลยที่จะทำให้คนหลงเชื่อ

เธอจัดการความคิดวุ่นวายสะเปะสะปะในหัวอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อผ่านไปหลายนาที ก็ถามขึ้นว่า “ศาสตราจารย์เสิ่นคะ ถ้าหากเป็นอย่างที่คุณว่ามา ก็แสดงว่ามีคนคิดร้ายบางกลุ่มที่กำลังทำการทดลองในหมู่บ้านว่างยาชุนขึ้นเพื่อจุดประสงค์แปลก ๆ อะไรบางอย่าง แล้วการทดลองที่ว่านี้ก็คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่าผีดิบขึ้นมาอย่างนั้นใช่ไหมคะ ? แล้วในร่างของผีดิบที่พวกเรานำกลับมาก็มีแมลงแปลก ๆ อยู่ด้วย แมลงเหล่านั้นก็เป็นหนึ่งในการทดลองของพวกเขาด้วยใช่ไหมคะ ?”

“ไม่ใช่ครับ” เสิ่นอี้พูดขึ้นเรียบ ๆ “ผมคิดว่าพวกนั้นคงเป็นสิ่งที่พวกเขาทดลองผิดพลาด ถ้าหากเป็นสิ่งที่พวกเขาทดลองสำเร็จล่ะก็ พวกเขาไม่มีทางที่จะทิ้งพวกมันไว้อย่างนั้นหรอกครับ ส่วนแมลงดูดเลือดพวกนั้น......ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่แม้แต่พวกเขาก็คาดไม่ถึงก็ได้”

สีหน้าของเย่หนิงก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน “สิ่งทดลองที่ผิดพลาด คุณว่าอย่างนั้นเหรอ ? แล้วยังมีสิ่งทดลองที่สำเร็จอีก ? ก็... ก็โลงพวกนั้นว่างเปล่านี่ ไม่ใช่ว่าพวกมันถูกเอาตัวไปเพราะเป็นผลงานทดลองที่สำเร็จหรอกเหรอ ?”

“อย่างไรมันก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผมเท่านั้นเองนะครับ”

สีหน้าของลู่เว่ยยิ่งดูได้ยากขึ้น “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันก็ออกจะน่ากลัวเกินไปนะครับ เป็นคนแบบไหนกันแน่ ถึงจะทำการทดลองบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ !”

เสิ่นอี้มองเย่หนิงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา “คุณหมอเย่ คุณไม่รู้สึกเลยเหรอครับว่าเพื่อนร่วมห้องของคุณคนนั้นออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเกินไป ?”

เย่หนิงอึ้งไปในทันใด สักพักก็ถามขึ้นอย่างตะกุกตะกักว่า “คุณหมายความว่าอะไร ?”

เสิ่นอี้พูดอย่างเรียบ ๆ “คุณไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยหรือว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือเปล่า ?”

“เอ่อ ก็...ก็...” เย่หนิงไม่เคยนึกเอะใจมาก่อนจริง ๆ นั่นล่ะ แล้วก็ไม่รู้สึกเลยว่าเฝิงเยี่ยนฮวายจะมีตรงไหนที่น่าสงสัย “เสิ่นอี้ เขามาช่วยพวกเรานะ คุณลืมไปแล้วเหรอ ยังมีไอ้หนูลู่อีก เขาเป็นคนช่วยชีวิตไอ้หนูลู่นะ !”

เสิ่นอี้ยังคงนิ่งเฉย “พวกเราก็ได้เห็นสถานที่นั้นแล้ว ก่อนหน้านั้นมีนักศึกษาตายไปเท่าไหร่ แล้วหลังจากนั้นล่ะมีตำรวจต้องสละชีวิตไปกี่คน เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะครับ คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า ? แต่ถ้าพวกเราหยุดที่จะสืบต่อ หลังจากนั้นมันจะเป็นยังไง ?”

จวงหมิงหานหัวเราะขึ้น “ฉันว่าฉันเข้าใจความหมายของนายแล้วล่ะ เจ้าเฝิงเยี่ยนฮวายนี่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่อีกฝ่ายส่งมาคุ้มกันห้องทดลอง เขาอาจจะพอรู้ว่าคงปิดบังสิ่งที่อยู่ในนั้นไว้ไม่อยู่แล้ว เลยแกล้งทำเป็นเล่นละครตบตา บอกว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดนักล่าผีดิบอะไรนั่นเพื่อหลอกลวงพวกนายทุกคน ให้พวกนายเลิกสืบหาเบาะแสใช่ไหม ? ไอ้ผีดิบนี่ ถึงนายจะเอากลับมาตรวจสอบ ก็คงหาเบาะแสของมันไม่เจอหรอก”

เสิ่นอี้พยักหน้า “มีความเป็นไปได้มากเลยล่ะ”

“ไม่จริงน่า... ก็...” ถึงแม้เย่หนิงจะไม่ค่อยอยากจะสงสัยในตัวของเฝิงเยี่ยนฮวาย แต่สิ่งที่เสิ่นอี้กับจวงหมิงหานพูดมานั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลย อย่างไรเจ้าผีดิบนี่ก็อันตรายเกินไปแล้ว จะให้คล้อยตามคำพูดของเฝิงเยี่ยนฮวายทุกอย่าง ก็คงจะเชื่อได้ยากจริง ๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ในเมื่อพวกนายไม่เชื่อ... ผีดิบก็อยู่ตรงนี้แล้ว เอามาผ่าชันสูตรตามเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ปัจจุบันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้รู้กันไปเลยว่าไอ้นี่มันตายมานานเท่าไหร่แล้ว ?”