ตอนที่ 32 ชะตากรรมที่ยากจะหลุดพ้น
คำสาปนั่น พวกเขานึกออกแล้ว !
เมื่อนึกถึงคำตักเตือนของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน พลันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา โดยเฉพาะแม่ของเด็กคนนั้น ร้องไห้คร่ำครวญจนหมดสติไป
คนที่อยู่ตรงนั้นคงนึกว่าพวกเขารับไม่ได้ที่ลูกสาวต้องตายไป แต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังหวาดกลัวอะไรอยู่กันแน่
หลังจากที่จัดการพิธีศพเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงตัดสินใจกลับไปยังหมู่บ้าน
พวกเขารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
พวกเขากลัวจริง ๆ กลัวจนไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับอันตรายเหล่านี้อีกแล้ว
ก่อนที่จะกลับ พวกเขาได้โทรศัพท์หาคนอื่นอีกสามคน รวมถึงกู่ซานหยาด้วย
คู่สามีภรรยาได้บอกกู่ซานหยาและคนอื่น ๆ ถึงเรื่องคำสาป รวมถึงเรื่องการเสียชีวิตของลูกสาวของตน และเรื่องที่ตัดสินใจที่จะกลับไปหมู่บ้านว่างยาชุนผ่านทางโทรศัพท์
วัยรุ่นสามคนที่หนีออกมาจากหมู่บ้านพร้อมกันกับพวกเขานั้น มีคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจเสาะจึงตัดสินใจที่จะกลับไปที่หมู่บ้านด้วยกันกับพวกเขา
แต่กู่ซานหยากับหวังชิ่งหมิง ชายวัยรุ่นอีกคนหนึ่งนั้นกลับไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น พวกเขาก็แค่หวาดกลัวกันไปเอง กู่ซานหยากับหวังชิ่งหมิงไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความตั้งใจเพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้หรอก
กว่าที่พวกเขาจะออกมาจากหมู่บ้านแห่งนั้นได้ล้วนยากลำบาก ใช้ชีวิตข้างนอกก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ทำไมต้องกลับไปด้วยล่ะ ?
โดยเฉพาะหวังชิ่งหมิง เขาเพิ่งจะได้รู้จักสนิทสนมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันกลับไปที่หมู่บ้านว่างยาชุนอีกเป็นอันขาด
แต่ผลช่างทันตาเห็นยิ่งนัก ในที่สุดก็เกิดเรื่องอีกครั้ง !
คราวนี้ เป็นหวังชิ่งหมิง
เขาได้พาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปเที่ยวสวนสนุก แต่ไม่คิดว่าขณะที่นั่งรถไฟเหาะนั้นเขาคาดเข็มขัดนิรภัยไม่แน่นพอ ร่างของเขาจึงลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วตกลงมา ทั้งร่างแหลกเป็นชิ้น ๆ เสียชีวิตคาที่ทันที
ตั้งแต่วันที่พวกเขาออกมาจากหมู่บ้านว่างยาชุนจนถึงตอนที่เกิดเรื่อง วันนี้เป็นวันที่ห้าสิบเจ็ด
ครั้งเดียวอาจจะเรียกได้ว่าบังเอิญ แต่ถ้าสองครั้งล่ะ ?
เกิดเรื่องติดต่อกันมาสองราย แล้วแบบนี้ยังจะเป็นเรื่องบังเอิญอยู่อีกไหม ?
เวลานี้ แม้แต่กู่ซานหยาเองก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากที่คู่สามีภรรยาได้ยินเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาก็รีบโทรหากู่ซานหยาอีกครั้ง เร่งให้เขากลับไปด้วยกันทันที
พวกเขาซื้อตั๋วสำหรับสามคนไว้แล้ว และเตรียมที่จะนั่งรถกลับในวันพรุ่งนี้เช้า แต่กู่ซานหยากลับปฏิเสธความหวังดีของพวกเขา
เขาไม่เชื่อมันหรอก
ถึงแม้กู่ซานหยาจะปฏิเสธคำชวนของพวกเขา แต่พอเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ตกกลางคืนก็นอนไม่หลับ พอหลับตาก็มองเห็นแต่หน้าเพื่อนที่ตายไปแล้ว
เลือดไหลอาบหน้า
จากนั้นก็ยังฝันถึงย่าที่ตายไปแล้วหลายปี ในฝันเธอกำลังร้องไห้ ขอร้องให้เขารีบกลับไปที่หมู่บ้าน
กู่ซานหยานอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นในระหว่างที่เขาทำงาน เขากลับไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานเลยแม้แต่น้อย จนไม่ทันระวังและเกิดเรื่องขึ้นจนได้
เขาถูกดูดเข้าไปในเครื่องจักร
และกู่ซานหยาก็เสียชีวิตลงทันที
ในขณะที่ทั้งสามคนที่เหลือขึ้นรถเตรียมตัวที่จะกลับไปยังหมู่บ้านนั้น กู่ซานหยาก็ได้เสียชีวิตแล้ว
แต่สุดท้ายสามคนนั้น ก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีชะตากรรมเหล่านั้นได้พ้น
ระหว่างทางที่กลับบ้าน รถที่พวกเขาโดยสารมาเกิดพลิกคว่ำตกลงไปในเหว
คนในรถต่างได้รับบาดเจ็บหนักบ้างน้อยบ้าง แต่มีเพียงพวกเขาสามคน.....ที่ตายคาที่
หลังจากข่าวนี้ได้แพร่สะพัดมาที่หมู่บ้านว่างยาชุน ทั้งหมู่บ้านก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
กู่ซานหมิงรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนล้มป่วยป่วยหนัก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครกล้าคิดที่จะออกไปจากหมู่บ้านว่างยาชุนอีกเลย
คนที่หนีไปทั้งหกคนนั้นต่างเสียชีวิตลงด้วยคำสาป มีใครบ้างเล่าที่จะกล้าออกไปเผชิญความตายเช่นนี้อีก
ดูเหมือนพวกเขายังจะสามารถพูดหลอกตัวเองได้อีกหรือ ? เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มันคือเรื่องบังเอิญอย่างนั้นใช่ไหม ?
บนโลกใบนี้มีที่ไหนที่บังเอิญแบบนี้บ้าง?
ลู่เว่ยที่หลบอยู่ด้านหลังของเย่หนิงหวาดกลัวจนตัวสั่น “พะ พี่เย่... หมะ หมู่บ้านนี้มันพิลึกอย่างที่คิดไว้เลย... ผะ ผมก็บอกแล้วว่าอย่ามา...ทีนี้จะทำยังไงดี...พวกเราโดนคำสาปเข้าให้แล้ว...พวกเราต้องถูกขังอยู่ในที่บ้า ๆ แบบนี้ใช่ไหมเนี่ย !”
เย่หนิงกระชากตัวของกู่ซานหมิงออกมา “คุณพูดบ้าอะไรหา ! ไอ้เรื่องบ้าบอแบบนี้คุณยังเชื่ออยู่อีกหรอ ?”
“มันไม่ใช่เรื่องบ้าบออะไรนะครับคุณตำรวจ ! ที่ผมพูดมันเป็นความจริงทั้งสิ้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองเช็คดูสิครับ น้องชายของผมกับพวกเขาตายไปแล้วจริง ๆ พวกเขาออกจากหมู่บ้านว่างยาชุนไปไม่เท่าไหร่ หลังจากนั้นสี่สิบเก้าวันก็ทยอยตายกันทีละคน ๆ พวกคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ ? บนโลกนี้มันมีที่ไหนจะบังเอิญอย่างนี้บ้างครับ ?”
“พวกเขาต้องโดนคำสาปแน่ ๆ คนในหมู่บ้านต่างต้องคำสาปกันหมด แล้วก็นักศึกษาพวกนั้นอีก... พวกคุณดูสิครับ พวกเขาก็ต้องตายเหมือนกัน คำสาปเริ่มแสดงฤทธิ์แล้ว ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น จากนี้ไปจะต้องมีคนตายอีกหลายคนแน่ !”
“หืม จริงเหรอคะ ?” เย่หนิงดึงหนวดเคราของเขา “ฉันขอบอกคุณเลยนะ ถ้าจะมีใครตายอีก ตาแก่อย่างคุณนั่นแหละที่จะตายเป็นคนแรก เหอะ !”
กู่ซานหมิงอายุไม่ถึงสี่สิบปี แต่กลับไว้หนวดไว้เครา สวมเสื้อผ้ามอมแมมจนดูแก่เกินอายุจริง พอถูกพวกเย่หนิงด่าว่าเป็นตาแก่ เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจ “ผมเพิ่งจะอายุสามสิบกว่าเองนะครับ !”
เย่หนิงไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี นี่มันเป็นเรื่องสำคัญหรือไงกันเล่า ?
ในที่สุดก็เป็นเสิ่นอี้ที่ต้องสรุปเรื่องราวทั้งหมด “เอาล่ะ ปล่อยตาแก่นั่นไปเถอะครับ คุณทำตัวเหมือนอายุมากกว่าเขา ดึงหนวดเขาไปมาแบบนี้ มันไม่ดีเลยนะครับ ดูสิ คุณดึงหนวดเขาจนหลุดหมดแล้วเนี่ย เห้อ ! ผู้หญิงบ้านไหนกัน ทำไมไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย”
ยัยนี่หนิ ทำตัวเรียบร้อยสักนิดได้ไหมเนี่ย ?
พอได้ยินคำนี้ เย่หนิงก็นึกถึงหมัดที่เพิ่งชกเสี้นอี้ไปหยก ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา เธอรีบปล่อยมือออก พุ่งเข้าหากู่ซานหมิง แล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์ชะมัด !”
กู่ซานหมิงลูบคางตัวเอง พลางจ้องไปที่เย่หนิง แล้วถือโอกาสพูดเลียนแบบเสิ่นอี้ “เด็กคนนี้นี่ ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย !”
“คุณอยากตายเหรอหา !” เย่หนิงระเบิดความโกรธออกมา
“พอแล้ว ๆ คุณหมอเย่” เสิ่นอี้รีบห้ามเธอ “อย่าทำร้ายเขาเลยครับ”
เย่หนิงยังคงยั๊วะอยู่ “ฉันดูโหดขนาดนั้นเลยหรือไง ?”
เสิ่นอี้กลับหัวเราะออกมา “เปล่าสักหน่อย ไม่โหดอยู่แล้ว คุณหมอเย่นี่อ่อนโยนจังเลยนะครับ ทั้งน่ารักทั้งอ่อนโยน.....”
“แหวะ” ลู่เว่ยรีบยกมือกุมท้องขึ้น “ผมอยากจะอ้วก”
หยางปินมองไปที่กู่ซานหมิง แล้วถามขึ้น “คนพวกนั้นชื่ออะไรบ้าง ?”
ถ้าคนพวกนั้นเสียชีวิตอย่างน่าเหลือเชื่อตามที่กู่ซานหมิงเล่ามาแล้วล่ะก็ อย่างไรเมื่อพวกเขากลับไปค้นข้อมูลก็ต้องเจออย่างแน่นอน แต่ว่าเรื่องนี้ มันจะน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ?
ถ้าจะคิดว่ามันบังเอิญ ก็คงบังเอิญมากเกินไปหน่อยแล้ว
หลังจากที่หนีออกไปจากหมู่บ้านได้สี่สิบเก้าวัน ทุกคนก็ต่างทยอยเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดไปทีละคน ?
ไม่ต้องถามว่าชาวบ้านในหมู่บ้านจะตกใจแค่ไหน แม้แต่พวกเขาที่แค่ฟังเขาเล่ามา ต่างก็รู้สึกขนลุกอยู่ในใจจนอดที่จะนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพราะคำสาปอะไรนั่นหรอกใช่ไหม ?
นี่มันหมู่บ้านบ้าอะไรกันแน่เนี่ย !
ทำไมถึงเกิดเรื่องประหลาด ๆ ได้มากมายขนาดนี้
คำสาป ?
แมลงดูดเลือด ?
ปีศาจภูเขา ?
แล้วยังจะมีภูตผีปีศาจที่ไหนอีกไหม ?
หยางปินคิดแล้วคิดอีก จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ปีศาจภูเขานี่ซ่อนตัวอยู่ในป่าใช่ไหม ?”
กู่ซานหมิงตกใจจนตัวสั่นขึ้นมา “คุณตำรวจ พวกคุณคงไม่คิดที่จะขึ้นไปบนเขากันหรอกใช่ไหมครับ ?”
หยางปินคิดอย่างนั้นแหละ ! ปีศาจภูเขาบ้าอะไรกัน เขาไม่มีวันเชื่อหรอก
เขาต้องไปเห็นมันด้วยตาของเขาเอง
“อย่านะครับ !” กู่ซานหมิงแทบจะร้องไห้ออกมา “เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก !”