webnovel

ตอนที่ 030

ตอนที่ 30 หมู่บ้านต้องคำสาป

สีหน้าของกู่ซานหมิงเหม่อลอย “หมู่บ้าน...หมู่บ้านของเราเหรอครับ ?”

“ใช่ค่ะ !” เย่หนิงตอบเขาแล้วพูดต่ออีกว่า “คุณบอกว่าในหมู่บ้านของคุณมีปีศาจภูเขาไม่ใช่เหรอคะ ? นี่ก็ผ่านไปหลายปีแล้วก็ยังไม่มีใครเคยเห็นอีกเลย แต่พวกคุณก็ยังคงเชื่ออยู่ ? โกหกหรือเปล่าคะ ? แล้วคุณจะเชื่อไหมว่าพวกเราจะจับคุณโยนออกไปข้างนอกนะหา ! หัวหน้าหยางคะ เปิดประตู ! โยนไอ้หมอนี่ออกไปให้เขาเป็นอาหารของปีศาจภูเขานั่นที”

หัวไวจริง ๆ หยางปินกระแอมขึ้นมา “ได้ !” เขาสบสายตาไปที่ลูกน้อง ช่วยกันคนละไม้คนละมือยกตัวของกู่ซานหมิงขึ้นมา

“เฮ้ย ! อย่า อย่าโยนผมออกไป !” กู่ซานหมิงร้องโอดครวญราวกับหมูถูกเชือด เขาร้องตะโกนจนได้ยินออกไปไกลหลายกิโลเมตร “อย่าโยนผมออกไป ! มันมีปีศาจภูเขาอยู่ มันมีปีศาจภูเขาอยู่จริง ๆ !”

“มันมีปีศาจภูเขาที่ไหนกันเล่า !” เย่หนิงก็ยังคงไม่เชื่อคำพูดของเขาอยู่ดี “ไหนคุณลองพูดมาสิ ! ว่าปีศาจภูเขานั่นหน้าตามันเป็นยังไง ?”

กู่ซานหมิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ “คุณตำรวจ ผมพูดความจริงนะครับ ! มันมีปีศาจภูเขาอยู่จริง ๆ”

“คุณเคยเห็นเหรอคะ ?” เย่หนิงถามเขาขึ้นอีกครั้ง “งั้นคุณก็พูดมาสิว่าไอ้ปีศาจนั่น หน้าตามันเป็นอย่างไรกันแน่ ?”

สีหน้าของกู่ซานหมิงดูโศกเศร้าจริง ๆ “ผมไม่เคยเห็นครับ แต่ว่า......มันมีอยู่จริง ๆ นะครับ ตอนเป็นเด็ก ในหมู่บ้านของพวกเรายังเคยมีคนถูกปีศาจภูเขาจับตัวไปเลย !”

เรื่องที่กู่ซานหมิงต้องการจะบอก มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ในตอนนั้นตัวเขายังอายุแค่เจ็ดแปดขวบ

ในหมู่บ้านว่างยาชุนแห่งนี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คำบอกเล่านี้ถูกพูดต่อ ๆ กันมา คำบอกเล่าที่ว่า ‘ฟ้ามืด ห้ามออกจากบ้าน’

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเมื่อทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน บ้านเรือนทุกหลังก็ต้องรีบปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาและมิดชิด จนไม่มีใครสามารถออกไปได้ !

เพราะถ้าออกไปก็จะถูกปีศาจภูเขาจับตัวไป

นี่คือคำสอนแต่บรรพกาลของหมู่บ้านว่างยาชุน !

ตอนที่กู่ชานหมิงยังเด็ก เขาไม่เชื่อคำพูดนี้ คิดว่าผู้ใหญ่ก็แค่ขู่ให้กลัวเท่านั้นเอง อีกอย่างบางทีคนเราก็เป็นแบบนี้ เรื่องไหนที่คนยิ่งห้าม เราก็ยิ่งอยากทำ

กู่ซานหมิงก็เป็นคนแบบนั้น

ตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ใหญ่ในบ้านรวมถึงในหมู่บ้าน ต่างคอยเตือนพวกเขาตลอดเวลาว่า กลางคืนห้ามออกไปข้างนอก กลางคืนห้ามออกไปข้างนอก ซ้ำไปซ้ำมาจนพวกเขาเบื่อหน่ายที่จะฟัง พวกเขาจึงคอยแต่หาโอกาสว่าเมื่อไหร่จะได้ออกไปเล่นข้างนอก

ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวที่มีความคิดแบบนี้ เด็กในหมู่บ้านคนอื่นก็คิดเช่นเดียวกันกับเขา เมื่อวันหนึ่ง อยู่ ๆ ก็มีคนพูดถึงความคิดนี้ขึ้นมา กอรปกับที่ได้รับความเห็นชอบจากเพื่อน ๆ คนอื่นในหมู่บ้าน ทำให้เมื่อตกกลางคืนทุกคนจึงตัดสินใจที่จะแอบออกไปเล่นด้วยกันข้างนอกบ้าน โดยที่ไม่เชื่อเลยสักนิดว่าจะมีปีศาจภูเขาอะไรนั่นอยู่จริง

ในตอนนั้น กู่ซานหมิงนอนอยู่กับย่าของเขา เพราะว่าเอาแต่นึกถึงแผนการที่จะแอบออกไปเล่นข้างนอก ทำให้เขาไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน เฝ้ารอเวลาที่ให้คนในบ้านหลับกันหมด เขาจะได้แอบออกไป

แต่โชคยังดี เพราะเพียงแค่เขาออกมาที่สวนหน้าบ้าน พ่อที่ได้ยินเสียงเขาเคลื่อนไหวของ ก็ตามออกมาข้างนอกด้วย และในที่สุดเขาก็ถูกพ่อจับได้เสียก่อน จึงต้องกลับเข้าไปในบ้าน

เมื่อรู้ว่าเขาจะแอบออกไปเล่นข้างนอก คนทั้งบ้านก็ต่างตกใจและก็โกรธเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพ่อที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จับตัวเขายกขึ้นแล้วตีเขาอย่างรุนแรงไปหนึ่งที ตีจนเขาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ถ้าหากว่าแม่ของเขาไม่ห้ามเอาไว้เสียก่อน บางทีเขาก็อาจจะถูกตีจนขาหักไปแล้ว

“ออกไปสิ ! ฉันบอกให้แกออกไป !” พ่อของเขาโกรธมาก โกรธจนไม่เห็นท่าทีว่าอารมณ์จะเย็นลงเลยแม้แต่น้อย พลางชี้หน้าต่อว่าเขาอยู่ตลอด “ไอ้เด็กเหลือขอ ! อยากให้ฉันตีแกจนตายไปเลยใช่ไหม ! ที่ฉันกับแม่ของแกคอยบอกคอยสอนนี่แกไม่เคยจำเลยใช่ไหม ? แอบออกไปข้างนอกแบบนี้ ไม่กลัวตายเลยสินะ ? แกอยากจะตายนักใช่ไหม ได้ ! ฉันจะทำให้แกตายสมใจ ! ฉันจะตีแกให้ตายเอง !”

“พอเถอะค่ะคุณ อย่าตีแกเลย ถ้าคุณตีแกอีก คราวนี้แกต้องตายจริง ๆ แน่”

แม่ของเขาช่วยห้ามทางไม้เรียวของพ่อเอาไว้ ส่วนเขาก็เอาแต่ร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของคุณย่าอย่างเจ็บปวด แม้แต่ย่าเองก็ทนไม่ไหวที่จะตำหนิลูกตัวเอง “แกทำอะไรหา ทำไมถึงลงไม้ลงมือหนักขนาดนี้”

พ่อของเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงตะโกนด่าออกมา “ยังไงมันก็คิดจะออกไปตายอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้ตายไปซะเลยดีไหม ผมยอมตีให้มันตายด้วยน้ำมือตัวเอง ดีกว่าส่งให้มันออกไปตายข้างนอก !”

ไม่ทันที่คนในบ้านจะได้เถียงอะไรกันต่อ ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากข้างนอกผ่านเข้ามาในบ้าน

กู่ซานหมิงฟังเสียงนั้นออก มันเป็นเสียงกรีดร้องของเพื่อนเล่นทั้งสองคน ใช่จริง ๆ ด้วย เป็นเสียงของพี่น้องสองคนที่นัดหมายกับเขาว่าจะแอบออกไปเล่นข้างนอกในคืนนี้

ชั่วชีวิตนี้ กู่ซานหมิงสาบานได้ว่าเขาไม่มีทางลืมเสียงกรีดร้องในคืนนั้นได้เด็ดขาด

ในหุบเขาที่เงียบสงัด ความโศกเศร้าอาดูรสะท้อนออกมา นำพาซึ่งเสียงร้องไห้แสนหวาดผวา

ย่าของเขาช่วยปิดหูของเขาทั้งสองข้าง แต่เสียงนั่นก็ยังคงเล็ดรอดมาให้ได้ยินอยู่ดี ราวกับจะกระชากหัวใจของเขาออกมา

กู่ซานหมิงหวาดกลัวจนตัวสั่น เหงื่อกาฬไหลท่วมทั้งตัว คืนนั้นเขานอนซมอยู่ทั้งคืน

ครั้งนั้นเขาป่วยเสียหลายวัน

แต่ไม่มีแม้สักคนที่จะมาเยี่ยมเขา

เมื่อเวลาผ่านไปห้าหกวัน อาการป่วยของเขาดีขึ้นมาก จนสามารถที่จะออกไปเล่นข้างนอกได้แล้ว แต่เขากลับกลัวการที่จะออกไปข้างนอก แม้แต่ในเวลากลางวันก็ไม่กล้าที่จะออกไป

คนในบ้านยังคงกล่าวเตือนเขาเหมือนเช่นเคย ว่าตอนกลางคืนห้ามออกไปข้างนอก พ่อของเขาถึงกลับต้องให้เขาย้ายไปอยู่ในห้องเล็ก ๆ พอตกกลางคืนก็จะให้เขาเข้าไปข้างในห้อง แล้วล็อกประตูจากทางด้านนอก

จริง ๆ แล้วต่อให้พ่อของเขาไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่กล้าออกไปข้างนอกแล้ว

เขาหวาดกลัว เขาหวาดกลัวเสียงร้องเมื่อคืนนั่น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าพี่น้องสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว

หลังจากคืนนั้น คนในหมู่บ้านก็ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาอีกเลย

พวกเขาโดนปีศาจภูเขาจับตัวไปแล้ว !

คืนนั้นตอนที่พวกเขาทั้งสองคนแอบออกไปเล่นข้างนอก ก็ได้ถูกปีศาจภูเขาจับตัวไป !

แต่ไหนแต่ไรก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเชื่อคำเล่าลือลวงโลกแบบนั้น แต่ว่าหลังจากคืนนั้น เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจ หลบอยู่ในบ้านอย่างหวดกลัว ไม่กล้าออกไปไหนอีก

เขาเก็บตัวอยู่ในบ้านมาปีกว่า จนกระทั่งน้องชายของเขาเกิดมา สถานการณ์ถึงค่อย ๆ ดีขึ้นมาบ้าง

เขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง จึงต้องเข้มงวดเรื่องของปีศาจภูเขาให้มากขึ้นกว่าเดิม

ประสบการณ์นี้ของกู่ซานหมิง ถูกเขาเล่าออกมาได้อย่างสมจริงราวกับเห็นภาพด้วยตาตัวเอง ทำเอาลู่เว่ยหวาดกลัวจนต้องไปหลบอยู่ข้างกองข้าวเปลือก เมื่อเย่หนิงเห็นท่าทางของเขาเช่นนั้นแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและหัวเราะออกมา สำหรับเธอแล้ว ลู่เว่ยเป็นผู้ชายตัวใหญ่ แต่ทำไมใจของเขาถึงได้อ่อนปวกเปียกขนาดนี้

แต่ว่าเรื่องที่กู่ซานหมิงเพิ่งเล่าออกมานั้น ก็น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ นี่มันเรื่องผีหลอกเด็กจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย ?

เย่หนิงมองเขาเรียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง “กู่ซานหมิง ทั้งหมดที่คุณเล่ามานั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือคะ ? ทำไมในหมู่บ้านของคุณถึงได้มีเรื่องเยอะแยะมากมายขนาดนี้เนี่ย ? ทั้งปีศาจภูเขาทั้งแมลงดูดเลือด แล้วยังมีภูตผีปีศาจด้วยอีกหรือเปล่า ? ถ้ามีล่ะก็ คุณก็พูดออกมาทีเดียวเลยดีกว่า หรือคุณอยากให้พวกเราช่วยคุณจับปีศาจภูเขาอะไรนั่นด้วยไหม ?

ทำไมกู่ซานหมิงจะฟังคำพูดประชดชันของเย่หนิงไม่เข้าใจ แต่เมื่อเขาฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกละอายหรือโกรธเคือง แต่สีหน้ากลับแสดงความสิ้นหวังที่แสนเจ็บปวดอออกมาย่างเห็นได้ชัด “ถ้าเป็นอย่างนั้นwfhก็ดีน่ะสิครับ ! แต่หมู่บ้านว่างยาชุนของเราเป็นหมู่บ้านต้องคำสาป...ไม่เพียงแต่คนในหมู่บ้าน ทุกคนที่เข้ามาในหมู่บ้าน...ไม่ว่าเป็นใคร ต่างก็ต้องโดนคำสาปกันทั้งนั้น...”

เสียวหม่าหงุดหงิดมาก “คุณเพ้อเจ้ออะไรของคุณเนี่ย ?”

“ผมไม่ได้เพ้อเจ้อ มันคือความจริง...” กู่ซานหมิงพูดขึ้นด้วยท่าทีสิ้นหวังเป็นอย่างมาก “ผมนึกว่าเวลาผ่านมาหลายปี บาปกรรมของพวกเราจะได้รับการอภัย... แต่ทำไม...ทำไมสิ่งนี้ มันถึงกลับมาอีกครั้ง”

กู่ซานหมิงทรุดตัวลงคุกเข่า เขาเอาหัวกระแทกบนพื้นไม้อย่างหนักหน่วง พลางร้องครวญคราง “ทำไม ทำไม ทำไมถึงไม่ปล่อยพวกเราไป ทำไมกัน !”