webnovel

ตอนที่ 025

ตอนที่ 25 ปิดบัง

เสิ่นอี้หันมามองที่กู่ซานหมิงทันที แล้วถามขึ้นอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็แปลกแล้วล่ะครับ ผู้ใหญ่บ้านกู่ ในเมื่อคุณไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร แล้วทำไมถึงรู้ว่าเป็นสัตว์ป่าล่ะครับ ? มีคนอื่นบอกคุณมางั้นหรือ ? หรือในหมู่บ้านมีใครเคยเห็นมันบ้าง ? ใครเป็นคนบอกคุณว่าตอนกลางคืนห้ามออกไปไหน ห้ามเปิดไฟ และห้ามส่งเสียงดังงั้นหรือครับ ?”

สีหน้าของกู่ซานหมิงเริ่มซีดเซียว ผ่านไปเกือบครึ่งนาทีเขาก็ฝืนพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก “ที่หมู่บ้านของพวกเราเคยเกิดเรื่องขึ้นมาก่อน เมื่อก่อนนั้น พอตกกลางคืนก็มักจะมีคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ทุกคนหวาดกลัวจนไม่กล้าออกจากบ้านในตอนกลางคืน”

“กลางคืนมักจะมีคนหายไปอย่างไร้ร่องรอยงั้นหรือ ?” เย่หนิงรู้สึกว่ากู่ซานหมิงเริ่มจะพูดจามั่วซั่วแล้ว “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือเปล่า ?”

“แน่สิ... พวกเราแจ้งตำรวจแล้ว...” ท่าทางของกู่ซานหมิงดูแล้วกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก

“แจ้งแล้วเหรอคะ ?” เย่หนิงถามกลับ “ผู้ใหญ่บ้านกู่คะ คุณรู้ไหมคะว่ามีระบบเครือข่ายภายในแผนกกรมตำรวจอยู่ด้วย ? พวกเราไม่พบข้อมูลบันทึกการแจ้งความการหายตัวไปของชาวบ้านที่หมู่บ้านว่างยาชุนเลย แล้วจากที่ฟังคุณว่ามา คนในหมู่บ้านที่หายตัวไปน่าจะไม่ได้มีเพียงแค่คนสองคนแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็นับว่าเป็นคดีใหญ่ของเมืองตงไห่เลยนะคะ ซึ่งไม่มีทางเลยที่พวกเราจะไม่รู้เรื่องนี้”

“ผะ... ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทำไมพวกคุณถึงไม่รู้...ตะ...แต่อย่างไรก็ตามคนในหมู่บ้านของเราก็หายตัวไปแล้ว...ละ... แล้วก็พวกเราก็แจ้งความไปแล้วด้วย ...แจ้งความไปหลายต่อหลายครั้ง... ก็ไม่มีคนหาเจอ ผะ...ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น...... ถึงอย่างไรแถวนี้ ก็น่าจะมีสัตว์ป่า...”

พอเห็นเย่หนิงทำท่าจะโต้เถียงเขาต่อ เสิ่นอี้จึงยกมือห้ามเธอไว้ แล้วหันไปถามกู่ซานหมิง “ผู้ใหญ่บ้านกู่ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่ามา นักศึกษาที่ตายไปก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไปเจอกับสัตว์ป่าในหมู่บ้านเข้าใช่ไหมครับ ?”

“ผมไม่รู้ !” กู่ซานหมิงไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว เมื่อเห็นท่าทีของเขา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยอยากให้ความร่วมมือในการสืบคดีเสียแล้ว

เสิ่นอี้พูดต่ออย่างไม่รีบร้อนอะไร “ผู้ใหญ่บ้านกู่ คุณทำอย่างนี้ อาจจะทำให้พวกเราลำบากได้นะครับ หรือคุณคิดจะให้พวกเราจับกุมคนในหมู่บ้านเข้าซังเตเสียเลยดีไหม ?”

“พะ...พวกคุณต้องการอะไร” กู่ซานหมิงร้อนใจจนสีหน้ากลายเป็นสีแดงฉาน “ถึงเรื่อง...จะ...จะเกิดในหมู่บ้านของเรา แล้วมันต้องเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วยงั้นหรือ ? พวกเราไม่เคยเข้ามาที่โกดังเลยด้วยซ้ำ...”

“คุณพิสูจน์ได้หรือเปล่าล่ะครับ ?” เสิ่นอี้พูดเบา ๆ เพียงประโยคเดียว แต่ทำเอาผู้ใหญ่บ้านพูดไม่ออกสักคำ เขาได้แต่ข่มอารมณ์โกรธและโมโหเอาไว้ ไม่พูดอะไรออกมา

เย่หนิงเคยเจอคำพูดที่ถึงกับทำให้คนพูดไม่ออกของเสิ่นอี้มากับตัวเองแล้ว แต่พอเห็นกู่ซานหมิงโดนเสิ่นอี้ดักทางจนพูดไม่ออกแบบนี้ ในใจของเธอกลับรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เธอคงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน “ผู้ใหญ่บ้านกู่ คุณก็พูดเองนี่ว่านักศึกษาเหล่านี้เกิดเรื่องในหมู่บ้านของพวกคุณ คนในหมู่บ้านก็ย่อมมีโอกาสมากที่จะถูกสงสัยเป็นธรรมดา แล้วคุณจะพูดอะไรได้อีก และยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ฉันได้ยินมาว่าหลังจากนักศึกษาพวกนั้นหายตัวไป พวกคุณเองที่เป็นคนขัดขวางพวกเขาไม่ให้ออกตามหาคนที่หายตัวไป ฉันคิดว่าพวกคุณกำลังทำตัวน่าสงสัยอยู่นะคะ”

ทั้งร่างของกู่ซานหมิงก็สะดุ้งขึ้นมา “พูดเหลวไหล !”

เสิ่นอี้เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม เขามองไปที่เย่หนิงแล้วพูดขึ้นว่า “ที่คุณหมอเย่พูดมาก็มีเหตุผล ผู้ใหญ่บ้านกู่ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าทำไมพวกเราถึงต้องสอบปากคำกับคุณตามลำพัง ในหมู่พวกคุณ คุณนี่แหละที่น่าสงสัยมากที่สุด”

กู่ซานหมิงรู้สึกยัวะขึ้นมา เขายัวะจนสั่นไปหมดทั้งตัว “ผะ...ผม...ถ้าผมรู้เร็วกว่านี้คงไม่ให้นักศึกษาพวกนั้นค้างคืนอยู่ที่นี่หรอก คะ...คนพวกนี้...มันพาความโชคร้ายมาที่หมู่บ้าน...ไอ้พวกอัปมงคลนั่น...”

เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ “ผู้ใหญ่บ้านกู่ ทางที่ดีคุณควรพูดความจริงออกมาดีกว่านะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ดีต่อตัวคุณแน่ เว้นเสียแต่คุณจะยอมติดคุก”

“ผม......” แววตาของกู่ซานหมิงเปล่งประกายอะไรบางอย่างออกมา “ผมไม่รู้อะไรจริง ๆ ครับ คุณตำรวจ ที่ผมรู้ผมก็บอกออกไปหมดแล้ว ก่อนหน้านั้นหมู่บ้านเราเคยมีคนหายตัวไป ทุกคนบอกว่าเป็นเพราะลิงแมนดริล แต่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ตอนนี้พวกเราไม่กล้าแม้แต่จะเลี้ยงสัตว์ เพราะกลัวว่าจะเป็นการล่อให้ลิงแมนดริลมาน่ะครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ ?” เสิ่นอี้ถาม

กู่ซานหมิงพยักหน้าอย่างรัวเร็ว “จริงครับ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ”

“เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือครับ ?” เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วทำไมคุณถึงเอาแต่ปิดบังไม่พูดออกมาตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ”

กู่ซานหมิงกลืนน้ำลาย “ที่ผม ที่ผมไม่บอก ก็เพราะว่าผมกลัวพวกคุณไม่เชื่อ ก่อนหน้านั้นก็เคยมีตำรวจที่มาสอบถามพวกเรา พอเราบอกว่ามันเป็นลิงแมนดริล พวกเขาก็ไม่เชื่อ แล้วก็...แล้วก็บอกว่าพวกเราสร้างเรื่องขึ้นมา เมื่อพวกคุณไม่เชื่อ พวกเราก็เลยไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องของลิงแมนดริลอีก...”

“แล้วก็...เรื่องนักศึกษาพวกนั้นที่หายตัวไป ที่พวกเราห้ามพวกเขาไม่ให้ขึ้นไปตามหาบนภูเขา ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง... ถ้าพวกเขาไปเจอลิงแมนดริลเข้าจะทำยังไง พวกคุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ ถึงแม้...ถึงแม้จะไม่ใช่ลิงแมนดริลก็เถอะ แต่ก็บอกไม่ได้หรอกว่าภูเขาลูกนี้มันมีสัตว์ป่าหรืองูเงี้ยวเขี้ยวขออะไรบ้าง แล้วพวกเราจะให้เขาขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง...”

เสียวหม่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ลิงแมนดริลมันคือตัวอะไรล่ะ?”

“มันคล้ายภูติผีปีศาจน่ะ” เสิ่นอี้อธิบายให้เขาฟัง “ถ้าจะบอกว่าเป็นลิงบาบูนคุณก็คงเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะมันมีหน้าตาที่เหมือนกัน เล่ากันว่ามันนิสัยที่ดุร้าย พละกำลังมหาศาล ถ้าหากคนธรรมดาไปปะทะกับมัน ก็คงไม่ใช่มวยที่ถูกคู่นักหรอก”

ลู่เว่ยสะดุ้งขึ้นมาทันที “เจ้านี่มันกินคนหรือเปล่า มันเรียกอีกอย่างว่าพรายภูเขาใช่ไหม ?”

ได้ยินดังนั้น เย่หนิงก็อยากจะตีลู่เว่ยให้ตายนัก “พอได้แล้ว แกหยุดพูดซี้ซั้วซะที ถึงจะเป็นลิงแมนดริล แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีที่เราทำอยู่ด้วยล่ะ แกลืมไปแล้วหรอว่านักศึกษาพวกนั้นเสียชีวิตกันยังไง”

ลู่เว่ยตาสว่าง “เออ จริงด้วย ผมลืมไปเสียสนิทเลย”

เย่หนิงพูดเสียงฮึดฮัด “แกอย่ามาทำเป็นกระต่ายตื่นตูมได้มั้ยหะ”

สำหรับเธอแล้ว มันคงไม่ใช่ลิงแมนดริลหรอก อย่างแรกเลย โกดังนี้ประตูหน้าต่างล้วนถูกปิดอยู่ มันไม่มีทางที่จะเข้ามาข้างในได้ อีกอย่างวันนี้เสิ่นอี้ก็ได้บอกจุดที่น่าสงสัยไปแล้ว ถ้านักศึกษาเคราะห์ร้ายเหล่านั้นโดนอะไรบางอย่างลากไปที่ชั้นลอยจริง แล้วทำไมนักศึกษาคนอื่นถึงไม่สังเกตเห็นเลย

ลิงแมนดริล ? ถ้าหากมันมาจริง ๆ การกระทำของมันคงสร้างเรื่องไว้ไม่น้อยแน่ แล้วทำไมถึงไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ ?

แล้วอีกอย่าง ถ้าว่ามันจะกินคนจริง พวกหวังจวิ้นก็คงถูกกัดจนเสียชีวิต แต่ทำไมบนร่างกายถึงไม่มีร่องรอยของบาดแผลเลยสักนิดเดียว

ดังนั้นเย่หนิงจึงรู้สึกสงสัยในสิ่งที่กู่ซานหมิงพูดมาเป็นอย่างมาก คน ๆ นี้แววตาเป็นประกาย แต่เวลาพูดกลับอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดปิดบังอะไรบางอย่าง ตอนนี้เขากำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่ ?

สิ่งที่เขากำลังปิดบังนั้นน่าจะมีสองอย่างคือ อย่างแรก ความลับของหมู่บ้านนี้ อย่างที่สอง สาเหตุการตายที่แท้จริงของนักศึกษากลุ่มนั้น

พอคิดได้ถึงตรงนี้ เย่หนิงก็เริ่มที่จะมั่นใจมากขึ้น

กู่ซานหมิงคนนี้ เขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่

เธอคิดว่าเสิ่นอี้ก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน

เธออดไม่ได้ที่มองไปทางเขา แต่กลับไม่นึกว่าเขาก็กำลังมองมาที่เธอด้วยเหมือนกัน สายตาของทั้งสองคนสบเข้ากันพอดี เขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย สักพักก็พูดขึ้นว่า “ไม่แน่ว่าฆาตกรอาจอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ”

พอทุกคนได้ยินดังนั้น ก็ต่างตะลึงกันไปหมด

“คุณหมอเย่” เขาถามเย่หนิง “คุณสนใจจะขึ้นไปดูที่ชั้นลอยด้วยกันไหมครับ ?”