webnovel

ตอนที่ 015

ตอนที่ 15 การมีอยู่ที่เป็นไปไม่ได้

เย่หนิงส่ายหน้า “อาการที่เกิดขึ้นกับศพนั้นแปลกมาก ตอนนี้คงทำได้แค่เพียงส่งตัวอย่างไปตรวจสอบเท่านั้น เมื่อผลตรวจออกมาถึงจะรู้ว่าพวกเขาถูกพิษจริงหรือเปล่า”

ตอนนี้แม้แต่เวลาเสียชีวิตของผู้ตายเหล่านี้เธอก็ยังไม่รู้แน่ชัด อย่าเพิ่งพูดถึงสาเหตุการเสียชีวิตเลย !

ตั้งแต่เธอเป็นหมอนิติเวชมาเป็นเวลานานหลายปี ก็เพิ่งจะเคยเจอกับปัญหาที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามากขนาดนี้เป็นครั้งแรก

เย่หนิงแยกอวัยวะแต่ละส่วน ๆ ของศพทั้งสามออกมารวมกัน อวัยวะของหวังจวิ้นเป็นหัวใจกับปอด ของจางหลิงคุนเป็นตับกับไต ส่วนฟางอี้เป็นกระเพาะอาหารกับม้าม ตอนที่หยิบอวัยวะจากร่างทั้งสามออกมา เธอก็ได้พบบางอย่างที่ผิดปกติบนร่างกายอีกแล้ว

ภายในทรวงอกและช่องท้องของทั้งศพทั้งสามนั้นมีของเหลวสีดำปะปนกันอยู่ เธอใช้หลอดหยดแยกของเหลวออกมาจากภายในศพทั้งสามแล้ววางไว้บนหลอดทดลอง ให้ลู่เว่ยช่วยทำสัญลักษณ์เอาไว้ ลู่เว่ยรับหลอดทดลองแล้วหยดเข้าไป พลางบ่นไปด้วย “ให้ตายเถอะ นี่มันคืออะไรเนี่ย ? ทำไมถึงได้เหม็นขนาดนี้ !”

เย่หนิงก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นของมันชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือเกิน กลิ่นนั้นเหม็นอย่างกับขี้ตมที่ขุดขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ จนเธอแทบจะอาเจียนออกมา

ถ้าหากหยางปินจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก เพราะเขาเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรมชุดใหญ่ แต่ศาสตราจารย์เสิ่นคนนั้นเนี่ยสิ...ท่าทางของเขาจะนิ่งเกินไปหน่อยหรือเปล่า ตั้งแต่ตอนที่เริ่มผ่าชันสูตรศพจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังยืนดูอยู่ข้าง ๆ มาโดยตลอด แม้กระทั้งคิ้วก็ไม่ขมวดเลยสักนิด สำหรับเธอแล้ว ใจของเสิ่นอี้นี่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปจริง ๆ ถ้าลองเป็นคนอื่นน่ะเหรอ ก็คงไม่มีใครทนไหวหรอก

หรือไม่ต้องไปดูคนอื่นหรอก มองแค่สีหน้าของหยางปินกับลู่เว่ยก็ได้ แม้กระทั่งในใจของเธอเองก็ยังอดที่จะรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้เลย แต่ศาสตราจารย์เสิ่นนั้น ท่าทีของเขากลับสงบนิ่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

เพราะเย่หนิงต้องอยู่จัดเก็บกวาดห้องชันสูตรศพ หยางปินกับลู่เว่ยจึงช่วยกันนำตัวอย่างส่งไปที่ห้องทดลอง

เย่หนิงมองไปยังเสิ่นอี้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามานั้น ราวกับมีม่านบางเบากำลังปกคลุมเขาอยู่ ใบหน้างดงาม รูปร่างสมส่วน สวยงามราวกับภาพวาด

ภาพที่สงบนิ่งสวยงามเช่นนี้ ทำให้เย่หนิงอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทุกอย่างที่ตัวเธอประสบพบเจอมาเมื่อคืน มันเป็นแค่ความฝันฉากหนึ่งหรือจินตนาการของเธอเองกันแน่ ?

แต่ถ้ามันเป็นแค่ภาพจินตนาการแล้วล่ะก็ ทำไมเธอถึงไม่ฝันถึงคนอื่นล่ะ ? ทำให้ต้องเป็นเสิ่นอี้คนนี้ด้วย

อีกอย่าง คนเมื่อคืนนั้น......จะใช่เขาจริง ๆ หรือเปล่า

“คุณหมอเย่” เสิ่นอี้ยืนพิงหน้าต่าง แล้วมองมาทางเธอด้วนสีหน้าเรียบเฉย “บนหน้าผมมีอะไรติดอยู่งั้นหรือครับ ? ทำไมคุณถึงเอาแต่มองจ้องผมอย่างนั้นล่ะ”

เย่หนิงจ้องมองเสิ่นอี้ไม่วางตา แล้วถามขึ้นมาว่า “คุณเป็นใครกันแน่ ?”

เหมือนกับว่าเสิ่นอี้ไม่ได้สนใจคำถามของเธอเลยแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้พูดอะไร

เย่หนิงกัดฟันกรอด ถามอย่างตรงไปตรงมา “ศาสตราจารย์เสิ่นคะ รบกวนอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ?”

“เมื่อคืนนี้ ?” แววตาของเสิ่นอี้ฉายแววประหลาดใจออกมาชั่วครู่ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม แล้วถามขึ้น “คุณหมอเย่ คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันครับ ?”

“อย่าทำมาเป็นเสแสร้งนะ !”

พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว เย่หนิงก็โกรธจนกัดฟันกรอด ๆ “อย่าบอกฉันเชียวนะว่าคนในห้องชันสูตรศพเมื่อคืนนี้ไม่ใช่คุณน่ะ !”

“เมื่อคืนนี้อย่างนั้นหรือครับ ?” เสิ่นอี้เริ่มที่จะขมวดคิ้วน้อย ๆ

“โกหก ! คุณอย่ามาโกหกฉันนะ !” เย่หนิงพุ่งไปหาเขา กระชากคอเสื้อของเขาแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธจัด“อย่านึกนะว่าแค่คุณตัดผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วฉันจะดูไม่ออก คนพวกนี้ตายได้ยังไง ฉันว่าตัวคุณเองนั่นแหละน่าจะรู้ดีที่สุด ! เมื่อคืนนี้คุณก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมล่ะ ? คุณเสิ่นอี้ คุณอยากจะให้ฉันผ่าชันสูตรคุณอีกครั้งใช่ไหม !”

เสิ่นอี้แกะมือของเย่หนิงออก “คุณหมอเย่ เรามาพูดกันอย่างตรง ๆ ดีกว่าครับ”

เย่หนิงตะลึงไปครู่หนึ่ง เสิ่นอี้มองเธอแล้วถามขึ้นว่า “ในแต่ละวันผมไม่รู้ว่าผมพบเจอผู้หญิงอย่างคุณมาแล้วกี่คน ที่คิดหาวิธีต่าง ๆ นานา เพื่อที่จะทำให้ผมสนใจ แต่ผมบอกคุณเลยนะว่า คนอย่างคุณหมอเย่เนี่ย ผมเพิ่งจะเคยพบเคยเห็นจริง ๆ”

เย่หนิงโกรธจนแทบพูดไม่ออก แต่คนที่ทำตัวโอ้อวดถือดีอย่างหมอนี่ มันเหมือนกับคนเมื่อคืนนี้ทุกระเบียดนิ้วเลย ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ใช่ไอ้โรคจิตเมื่อคืนนี้ล่ะก็ บอกเลย เธอไม่มีทางเชื่อ !

เย่หนิงยัวะจนกัดฟันกรอดตลอดเวลา “คุณกล้าพูดว่าเมื่อคืนนี้ คนคนนั้นไม่ใช่คุณงั้นเหรอคะ ?”

สีหน้าของเสิ่นอี้ฉายแววแปลกใจ “คุณหมอเย่ วิธีตีสนิทของคุณเนี่ยมันจะไม่เกินไปหน่อยหรือครับ ? เรื่องที่คุณพูดมาทั้งหมดเนี่ย ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิดเดียว ผมจะบอกอะไรให้คุณฟังสักหน่อยนะครับ ผมเพิ่งนั่งเครื่องมาจากหนานเจียง มาถึงที่นี่วันนี้เมื่อตอนหกโมงเช้า ผมออกจากบ้านตอนที่ยังไม่ตีสี่ดีเลยด้วยซ้ำ แล้วก็รบกวนนักศึกษาให้ช่วยไปส่งผมที่สนามบิน ตอนเจ็ดโมงสี่สิบ ผมเพิ่งจะถึงสนามบินเมืองตงไห่ ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ คุณจะลองไปเช็ครายชื่อผู้โดยสารก็ได้นะครับ”

“ส่วนเมื่อคืน ผมก็อยู่ที่ห้องสำนักงานตลอด ไม่ใช่ผมแค่คนเดียว เพื่อนร่วมงานของผมก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาสามารถเป็นพยานได้ ว่าอย่างไรครับคุณหมอเย่ คุณยังมีคำถามอะไรอีกไหม ?”

เย่หนิงมองเสิ่นอี้ เธอพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว !

ถ้าเป็นอย่างที่เสิ่นอี้พูดมาจริง ๆ ช่วงเวลามันก็ไม่ตรงกันแล้ว

เมื่อคืนพวกเขาพบศพเมื่อเวลาประมาณ 20.10 น. กลับมาถึงที่นี่ก็ประมาณ 22.45 น. ขลุกตัวอยู่ที่ห้องผ่าตัด กว่าเธอจะกลับไปถึงที่หอพัก ก็หลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะปรากฏตัวอยู่ที่หอพักของเธออีกครั้งหนึ่งด้วย

ตอนนั้นเป็นเวลากี่โมง เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ตอนที่เธอเปิดคอมพิวเตอร์ก็ได้มองนาฬิกาก็เห็นว่ามันเป็นเวลา 1.37 น. แล้ว ถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะไปจากหอพักของเธอตอนตีหนึ่งครึ่ง ไปถึงสนามบินก็ตีสองกว่าแล้ว แล้วจากตงไห่ไปหนานเจียง จะใช้เวลานั่งเครื่องบินครึ่งชั่วโมงมันก็เร็วเกินไป ไม่มีทางไปถึงหนานเจียงตอนตีสี่หรอก

ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดมาจริง จากสนามบินหนานเจียงถึงที่พักของเขา อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ถึงแม้เรื่องที่หอพักเมื่อคืนจะเป็นเพียงเพราะเธอฝันไป แต่ถ้าเขาออกเดินทางก่อนเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า นั่งเครื่องบินกลับไปกลับมาทั้งคืน ก็คงจะไม่มีทางที่จะทนไหวหรอก

แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเขามีพยานมากพอที่จะยืนยันได้ว่าเขาอยู่ที่เมืองเจียงหนานตอนสองทุ่มกว่าหรือสามทุ่มแล้วล่ะก็ เขาก็คงไม่มีทางอยู่ที่เมืองตงไห่ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนตีหนึ่งตีสอง มันไม่มีเที่ยวบินจากตงไห่มาหนานเจียง เขาจะอยู่ทั้งสองที่ในเวลาเดียวกันได้ยังไง ? มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย !

หรือว่านั่นจะไม่ใช่เขาจริง ๆ ?

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ไม่มีคำอธิบายใดที่ดูจะสมเหตุสมผลมากไปกว่านี้แล้ว เย่หนิงจึงถามขึ้นมาอย่างโง่ ๆ ว่า “คุณมีฝาแฝดหรือเปล่า ?”

เสิ่นอี้ขมวดคิ้ว เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “คุณหมอเย่ วิธีตีสนิทของคุณนี่ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ ถ้าคุณอยากจะเดทกับผมจริง ๆ ยังไงผมจะลองกลับไปคิดดูอีกครั้งนะครับ”

เย่หนิงโกรธจนขนลุกซู่ “ใครจะไปนัดเดทกับคุณกันล่ะ ! อย่าหลงตัวเองนักได้ไหม ไม่มีใครเขาสนใจคนที่หลงตัวเองอย่างคุณหรอก”

“ไม่มีงั้นหรือครับ ?” สายตาเยาะเย้ยของเสิ่นอี้ที่มองไปที่เธอ “แล้วใครกันล่ะที่เอาแต่จ้องผมมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”