webnovel

ตอนที่ 006

ตอนที่ 6 คนเป็นเห็นคนตาย

เย่หนิงชะงักไปเล็กน้อยทันที แต่ยังคงตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ก็จริงน่ะสิ ! ฉันจะโกหกคุณทำไมล่ะ !”

“หมอนิติเวช ?” เขามองหน้าเธออย่างเสียไม่ได้ “ก็คงผ่าพิสูจน์ศพมาแล้วหลายศพสินะ ? ถ้าอย่างนั้น คุณก็เป็นหมอนิติเวชมาหลายปีแล้วหรือ ?”

สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

“แน่นอนสิ !” เย่หนิงพึมพำขึ้นมา “ตอนปีหนึ่งฉันก็ได้แตะศพแล้ว ตอนปีสองก็เข้าร่วมกับทีมหมอนิติเวชอย่างเป็นทางการ ตอนปีสี่ก็เริ่มฉายเดี่ยวทำงานชันสูตรศพเอง...”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เธอก็เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ปกติเสียแล้ว ดูจากสีหน้าที่แสดงออกมา เห็นได้ชัดว่าเขายังคงไม่เชื่อเธอ

“เป็นอะไรไป คุณ...ไม่เชื่อฉันหรือ ? ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันเอาบัตรประจำตัวมาให้คุณดูก็ได้นะ !” เย่หนิงหยิบบัตรประจำตัวออกจากกระเป๋า แล้วยื่นให้กับเขา “คุณดูเอาเองแล้วกัน ดูให้ชัดล่ะ !”

“เมืองตงไห่ สถานีย่อยเจียงหยาง ตำแหน่งหมอนิติเวชสูงสุด ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เธอ

“เป็นไงล่ะ ทีนี้เชื่อแล้วหรือยัง ?” เย่หนิงเก็บบัตรประจำตัวกลับไป “ฮึ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ คุณก็คงคิดว่าฉันโกหกอยู่ดี”

“หมอเย่ใช่ไหม ? แถมยังเป็นหมอนิติเวชสูงสุดอีกด้วยงั้นหรือ ?” ชายหนุ่มถือโอกาสพาดเสื้อคลุมไว้บนไหล่ แล้วแสยะยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็แปลกแล้วล่ะหมอเย่ คุณเป็นหมอนิติเวชมาตั้งหลายปีแล้ว ขนาดคนเป็นกับคนตายก็ยังแยกไม่ออกเลยงั้นหรือ ?”

“อึก !” เย่หนิงรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างติดอยู่ที่คอ จนเธอพูดไม่ออกแม้สักคำเดียว รู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินหล่นใส่ที่เท้าของเธอ

อย่างที่เขาพูด เธอเป็นหมอนิติเวชมาก็หลายปีแล้ว สัมผัสศพมาก็มากมายไม่รู้เท่าไหร่ คนไหนคือคนเป็นหรือคนตายทำไมเธอจะไม่รู้ ! ถึงแม้ไม่มีเครื่องมือ เธอก็สามารถแยกแยะออกอยู่แล้ว

“ถ้าเช่นนั้น ...” ริ้วเรียวยาวงดงามดั่งหยกของเขาชี้ไปที่ปลายจมูกของเธอเบา ๆ “คุณหมอเย่ คุณจะอธิบายได้หรือเปล่า ว่าเมื่อครู่นี้คุณถอดเสื้อผ้าผมทำไม ?”

“ฉัน...” เย่หนิงพูดไม่ออก

ก็ใครจะไปรู้ว่าคุณยังไม่ตายล่ะ ?

แต่เหตุผลนี้มันบอกออกมาไม่ได้ !

เธอเป็นหมอนิติเวชแท้ ๆ แต่กลับบอกว่าคนที่มีชีวิตอยู่นั้นตายไปแล้ว แบบนี้มันเหมือนตบปากตัวเองชัด ๆ

ชายหนุ่มพิงตัวเข้าที่ขอบเตียงผ่าศพ แล้วมองเธอด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มสักทีเดียว “อย่างไรคุณหมอเย่ พูดไม่ออกเลยหรือ ?”

หมดสิ้นหนทางแล้ว เย่หนิงได้แต่ยอมรับไปเสียดื้อ ๆ “ขอโทษนะคุณผู้ชาย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นนะ เมื่อกี้ฉันนึกว่าคุณตายไปแล้วจริง ๆ”

“นึกว่างั้นหรือ ?” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นก็ถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหมอเย่พูดให้ฟังหน่อย ผมเหมือนคนที่ตายไปแล้วตรงไหนมิทราบ ? ไม่มีลมหายใจ ? ตัวแข็งทื่อหรือ? หรือว่ารอยเลือดคั่งของศพ ?”

เย่หนิงมองดูเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ตานี่รู้เยอะไม่เบาเลยนี่นา หล่อนกัดฟันพูดออกไปตรง ๆ “ไม่มีลมหายใจแล้ว ! หัวใจก็ไม่เต้นแล้วด้วย ! ไม่มีชีพจรอีกต่างหาก ดังนั้นก็เลยมั่นใจว่าคุณตายไปแล้วชัวร์ ๆ !”

ชายหนุ่มกอดอกแล้วมองไปที่หล่อน ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย “เพราะฉะนั้นคุณหมอเย่ คุณไม่คิดจะรับผิดชอบผมหน่อยหรือ ?”

“อะไรนะ !” เย่หนิงรู้สึกโง่ไปชั่วขณะ “นี่คุณ คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ?”

“คุณว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มย้อนถาม “คุณตั้งใจทำผมสลบ แล้วก็พามาสถานที่บ้า ๆ แห่งนี้ แถมยังถอดเสื้อผ้าของผมออกจนหมด โดนลูบคลำไปเสียทั้งตัว ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรผมหน่อยเลยหรือไง ? หรือหมอนิติเวชอย่างพวกคุณถนัดทำแต่เรื่องแบบนี้ ?”

เย่หนิงรู้สึกโกรธขึ้นมา...เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันแน่ ? ถ้าหากว่าเขาจะโทษว่าเธอทำอะไรไม่รอบคอบ จนเกือบจะผ่าศพของเขาแล้วล่ะก็...ช่างมันเถอะ ถือว่าเธอพลาดเอง แต่เขาก็กำลังสอบสวนเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่หรือไง ? ทำไมเขาถึงพูดราวกับว่าปักใจเชื่อแล้วว่าเธอเป็นคนทำมิดีมิร้ายเขาจริง ๆ

เธอไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยจริง ๆ......ถึงแม้จะมองเขาด้วยความสงสัยมากไปเสียหน่อยก็เถอะ

แล้วก็ที่บอกว่าเธอตั้งใจทำเขาสลบนี่มันหมายความว่าอะไรกัน ? เธอยังไม่ทันเห็นเขาสักหน่อย แล้วจะมาบอกว่าตั้งใจทำเขาสลบได้อย่างไรกัน ?

เย่หนิงพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ เขาทำให้เธอหัวหมุนไปหมดแล้ว “คะ...คะ...คุณพอได้แล้ว ! นี่คุณคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ?”

“แล้วผมคิดอะไรเหรอ ?” อีกฝ่ายถามขึ้นอย่างไม่รีบร้อนนัก “คุณหมอเย่ ผมสิต้องเป็นคนถามคุณว่าคุณคิดยังไง ?”

แล้วเธอจะคิดอย่างไรได้ล่ะ ? เจตนาของเธอบริสุทธิ์จะตายไป พอเขาพูดแบบนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกลายเป็นคนโรคจิตเสียแล้ว

เย่หนิงตอกกลับไป “ใครจะไปมีความรู้สึกกับศพได้กันล่ะ ?”

เขาไม่ได้โกรธแม้แต่นิด เพียงแต่ถามกลับไปอย่างช้า ๆ ว่า “แต่ก็มีคนประเภทนั้นอยู่นะ”

เย่หนิงกัดฟันกรอด ๆ เธอโกรธจนแทบจะปะทุออกมา ใครใช้ให้เธอทำผิดก่อนล่ะ! ใครใช้ให้เธอต้องถอดเสื้อผ้าให้เจ้าหมอนี่ แถมยังเกือบผ่าร่างเขาเข้าแล้ว ไอ้เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครที่เจอเข้ากับตัวเองก็คงหัวร้อนไม่ต่างกับเธอหรอก !

เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่หนิงก็เริ่มที่จะปล่อยวางได้เล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ “คุณคะ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้นเลย เพื่อนร่วมงานของฉันยืนยันได้”

“เพื่อนร่วมงานงั้นหรือ ? ไหนล่ะ ? ” ท่าทางของอีกฝ่ายก็ดูจะไม่เชื่อเธออยู่ดี

“นี่คุณ ! คุณรอฉันแป๊บเดียว ! ฉันจะเรียกเขามาเดี๋ยวนี้แหละ !” เมื่อเรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้ว เย่หนิงก็คงต้องพึ่งพยานบุคคลอย่างลู่เว่ย เพื่อมาพิสูจน์ว่าเธอ “บริสุทธิ์” จริง ๆ เธอไม่ได้อยากได้เขาจนตัวสั่นเสียหน่อย

“งั้นก็ดี ผมจะรอ แต่ว่า......” ดวงตาที่ชวนให้ใครต่อใครหลงใหลของเขามองจ้องมาที่เธอ “แต่ถ้าคุณกล้าโกหกผมล่ะก็ คุณหมอเย่......ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร คุณเองก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจ !”

เย่หนิงทำได้แต่เพียงสบถด่าแล้วเดินออกไป ในใจของเธอคิดคำด่าเขาเป็นหมื่นเป็นแสนคำ ด่ายันบรรพบุรุษของเขานั่นแหละ !

ทนไม่ไหวแล้วนะ ! คนบ้าอะไรยั่วโมโหกันชะมัดเลย เธอแค้นนัก อยู่ ๆ ก็ถูกเขาหาว่าเป็นหมอโรคจิต ที่สำคัญคือเธอโต้เขากลับไม่ได้สักคำ ! เธอบริสุทธิ์ใจนะ ชื่อเสียงทั้งชีวิตของเธอ ถ้าหากพิสูจน์ไม่ได้แล้วล่ะก็......

เย่หนิงได้แต่คิดว่าถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงกรมตำรวจแล้ว จะมีผลอะไรตามมา อีกทั้งท่าทางของอีกฝ่ายที่ไม่ยอมรามืออีก

ไอ้หมอนี่ ท่าทางจะมีอิทธิพลจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าเบ่งเสียขนาดนั้นหรอก

เพราะฉะนั้นแล้ว ! เย่หนิงได้แต่เช็ดน้ำมูกปาดน้ำตาไป คนประเภทนี้......หมอนิติเวชตัวเล็ก ๆ อย่างเธอคงเอาคืนไม่ได้หรอก ! และคงจะโทษเขาไม่ได้ด้วย !

เย่หนิงจึงกลับไปที่ห้องทำงานแล้วคว้าเอาตัวลู่เว่ยออกมา

แต่คาดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะหลับไปเสียแล้ว ! เธอชักจะโมโหขึ้นมาแล้วนะ ! คิดพลางดึงหูของลู่เว่ยให้ตื่นขึ้นมา “ไอ้ลู่ แกสมควรตาย ! ที่แท้แกมานอนหลับสบายอยู่ที่นี่เองเหรอ ? ฉันนึกว่าแกจะตกส้วมตายไปแล้วซะอีก !”

ลู่เว่ยมุ่ยหน้าลง “ลูกพี่ เป็นอะไรไปอีกล่ะ ? ดึกป่านนี้แล้วจะปล่อยให้ผมนอนสบาย ๆ ไม่ได้เหรอ ? ลูกพี่บอกเองว่าเป็นคดีใหญ่ไม่ใช่เหรอ ? พรุ่งนี้ผู้เชี่ยวชาญจากที่ว่าการมณฑลคงลงมา ดึกป่านนี้แล้วลูกพี่อย่าผ่าอะไรสะเปะสะปะเลย !”

“แกคิดว่าฉันผ่าสะเปะสะปะหรอ !” เย่หนิงไม่รอให้เขาอธิบาย ดึงตัวลู่เว่ยแล้วลากออกไป “รีบมาเดี๋ยวนี้ ! รีบมาที่ห้องชันสูตรศพเดี๋ยวนี่เลย !”

ลู่เว่ยที่ยังไม่ตื่นดี มองเย่หนิงที่มีอาการร้อนรน เขาจึงตื่นขึ้นเต็มตา “พี่เย่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีการฆาตรกรรมเกิดขึ้นงั้นหรือ ?”