webnovel

ตอนที่ 002

ตอนที่ 2 ความตาย

นักศึกษาด้านข้างจำนวนไม่น้อย เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็มีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป หวังจวิ้นแสยะยิ้มขึ้นมา “อำกันเล่นชัด ๆ”

ไม่รู้ว่าอีกาบนต้นหวายเก่าแก่ตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้านนั่นเจอเข้ากับอะไรที่น่าตื่นตระหนก จนพวกมันร้องเสียงระงมเซ็งแซ่บินหนีออกไปเป็นฝูงใหญ่ ในหมู่บ้านที่เงียบสงัดเช่นนี้ เสียงร้องของพวกอีกาก็ยิ่งทำให้ผู้คนยิ่งกวาดกลัวกันเป็นพิเศษ

ผู้ใหญ่บ้านมองฝูงอีกาพวกนั้นที่ตื่นตระหนกจนบินหนีไปคนละทิศคนละทางสักพัก แล้วหันมองขวับกลับไปยังกลุ่มนักศึกษาด้วยความรู้สึกที่เย็นชา “พวกเธอจะต้องเชื่อฟังที่ฉันพูด ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าพวกเธอจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ !”

นักศึกษาหญิงบางคนที่เริ่มใจเสาะก็พากันตื่นตกใจจนพูดไม่ออก

จางลี่ฝืนยิ้มออกมา “ผู้ใหญ่บ้านคะ พวกเขายังเป็นเพียงนักศึกษา คุณไม่ควรที่จะพูดขู่พวกเขานะคะ”

“สิ่งที่ผมพูดมันเป็นความจริง !” สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านเริ่มฉายแววจริงจัง “ทางที่ดีที่สุดพวกเธอต้องรีบกลับไปที่โกดังเดี๋ยวนี้ ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ! หลังฟ้าสว่างฉันถึงจะกลับมาเรียกพวกเธอ ! ก่อนที่ฉันจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ พวกเธอห้ามออกไปจากโกดังนี้แม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วล่ะก็ บอกไว้เลยว่าฉันไม่รับผิดชอบ !”

ในขณะที่ผู้ใหญ่บ้านกับจางลี่กำลังพูดคุยถกเถียงกันอยู่นั้น เว่ยเจี้ยนกั๋วก็เริ่มที่จะระมัดระวังตัวบ้างแล้ว แถว ๆ นี้เริ่มจะไม่เห็นแม้แต่คนในหมู่บ้านสักคน พวกเขาต่างกลับไปยังบ้านของตนเอง เขารีบห้ามนักศึกษาบางคนที่ยังคิดที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้อยู่ด้านใน พูดด้วยเสียงดังว่า “ทุกคนก็ได้ยินที่ผู้ใหญ่บ้านบอกแล้วนะ รีบกลับไปที่โกดังซะ ตกกลางคืนบนภูเขาคงจะมีสัตว์ป่าออกมาแน่ ๆ ทุกคนอย่าเดินเถลไถลออกไปไหนล่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านก็ยังคงเฝ้ามองอยู่ตรงข้างนอกตลอดเวลา กว่าที่นักศึกษาทั้งหมดจะกลับเข้าไปยังโกดังเขาถึงหันมาคุยกับเว่ยเจี้ยนกั๋วและจางลี่ต่อ “ดูแลนักศึกษาของพวกคุณให้ดี ถ้าหากหายตัวไปล่ะก็ อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน !”

จางลี่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ “ผู้ใหญ่บ้านคะ ดิฉันขอถามสักหน่อยได้ไหม นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ?”

ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่จางลี่ด้วยสายตาเย็นชา จนจางหลี่อดที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจเสียไม่ได้

“อย่าถามให้มากนัก ดูแลคนของพวกคุณให้ดี ๆ ก็แล้วกัน !”

พอสิ้นคำพูด ผู้ใหญ่บ้านก็ค่อย ๆ เดินจากไปอย่างช้า ๆ ตามมาด้วยลมยามค่ำคืนที่พัดมาจากในป่าอย่างรุนแรง ฝนเม็ดใหญ่ตกกระหน่ำลงมาติดต่อกัน พวกอีกาบนต้นหวายเก่าแก่กลับยิ่งส่งเสียงร้องออกมาอย่างยินดี

“รีบ ๆ เข้ามา อย่าให้เปียกฝนล่ะ !” เว่ยเจี้ยนกั๋วดันจางลี่เข้าไปในโกดัง แล้วรีบปิดประตูทันที

ภายในโกดังมีเพียงตะเกียงสลัว ๆ นักศึกษานั่งเกาะกลุ่มกันราวสองสามคนบนพื้นกระดานไม้ บ้างก็พูดคุยกันหรือไม่ก็เล่นโทรศัพท์อยู่ มีเพียงผู้ชายไม่กี่คนที่นอนตะแคงข้างบนพื้นไม้แล้วหลับไป แต่ในดวงตาของกลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังเผยให้เห็นสายตาที่วิตกกังวลเอ่อล้นออกมาให้เห็น

จางลี่กับเว่ยเจี้ยนกั๋วกำลังตรวจเช็คประตูหน้าต่างกันสักพักว่าปิดสนิทดีแล้วหรือยัง มีนักศึกษาบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกมาเสียงเบา “อาจารย์จางคะ พรุ่งนี้พวกเราจะได้กลับบ้านแล้วใช่ไหมคะ ?” “ใช่ครับอาจารย์ หมู่บ้านนี้ชวนให้รู้สึกแปลก ๆ ป่าก็ทึบ ๆ น่าขนลุกชะมัดเลย !”

อยู่ ๆ หวังจวิ้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดัง “ไอ้พวกปอดแหกเอ๊ย ! เดี๋ยวฉันจะเปิดหน้าต่างออกไปให้ดูซะเลย”

“อย่านะ !” นักศึกษาหญิงหลายคนหวาดกลัวจนร้องตะโกนขึ้นมา ทำให้หวังจวิ้นยิ่งหัวเราะเสียงดังลั่นมากกว่าเดิม “ฉันจะบอกอะไรให้นะ รู้ไหมว่าทำไมที่นี่ถึงมีอีกาเยอะขนาดนี้ ? หึหึ คงไม่รู้กันล่ะสิ รู้รึเปล่าว่าอีกามันชอบกินอะไร ? จะบอกให้ว่าสิ่งที่อีกามันชอบกินที่สุดก็คือเนื้อเน่า ๆ ยังไงล่ะ หึหึ ที่นี่ต้องมีซากศพเต็มไปหมดแน่ ๆ...”

“เลิกพูดซักทีจะได้ไหม !” นักศึกษาหญิงที่อยู่ใกล้กับหวังจวิ้นหวาดหลัวจนสีหน้าซีดเผือด พร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ

ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งลุกขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่เขา “พอได้แล้ว หวังจวิ้น ! ทำให้ผู้หญิงหวาดกลัวนายสนุกนักหรือไง ! ถ้าสนุกมากนัก คืนนี้นายก็ออกไปอยู่เฝ้าข้างนอกซะ แล้วอย่าเข้ามาอีกล่ะ !”

หวังจวิ้นแบะปากออก “ฝนตกหนักขนาดนี้ จะให้ฉันไปอยู่ข้างนอก นายนี่มันโง่กว่าฉันซะอีกนะ !”

“หยุดได้แล้ว อย่าทะเลาะกัน !” จางลี่ห้ามปรามพวกเขา “พวกเธอรีบไปพักผ่อนเสียเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่ก็แล้วกัน”

เว่ยเจี้ยนกั๋วไม่สามารถคิดในแง่ดีได้เลยสักนิดเดียว ถ้าพรุ่งนี้ฝนยังตกตลอดอยู่แบบนี้ คงจะออกไปยากเสียแล้ว

หลังจากจัดการกับนักศึกษาพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว จางลี่ก็เดินไปหาเว่ยเจี้ยนกั๋ว แล้วถามว่า “คุณเว่ย พรุ่งนี้เราจะหาวิธีออกไปจากที่นี่ได้หรือเปล่าคะ ? น้ำมันรถยิ่งมีน้อยเสียด้วย”

เว่ยเจี้ยนกั๋วถูมือไปมา “ก็น่าจะออกไปได้สักสิบกิโลเมตรนั่นล่ะ ผู้ใหญ่บ้านก็บอกไว้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าออกไปไม่ไกลนักจะมีสถานีตำรวจท้องถิ่นอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดูท่าพวกเราก็คงต้องขอความช่วยเหลือจากที่นั่นแล้วล่ะ”

พลันสีหน้าของจางลี่ก็เปลี่ยนสีไปทันที “คุณเว่ย คุณได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า ?”

“อะไรหรือ ?” สีหน้าของเว่ยเจี้ยนกั๋วปรากฏความงงงวย

จางลี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อผ่านไปสักครู่จึงพูดขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นี้คุณได้ยินเสียงอะไรบางอย่างไหม ?”

เว่ยเจี้ยนกั๋วส่ายศีรษะ มองจางลี่ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ผู้ช่วยจาง เป็นอะไรไป ?”

ด้านนอกของโกดัง นอกจากเสียงลมฝนที่พัดผ่านมาแล้ว ยังมีเสียงอะไรอยู่กันแน่ ?

จางลี่รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย “หรือว่าฉันจะหูแว่วไปเองงั้นหรือ ?”

แต่เมื่อกี้นี้เธอได้ยินเสียงนั่นจริง ๆ นะ เสียงตะโกนนั่น...ราวกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ร้องออกมาอย่างโหยหวน แต่ตอนนี้กลับไม่ได้ยินเสียงนั่นเสียแล้ว

มีเพียงเสียงอีการ้องปะปนอยู่ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกหนักอยู่ตลอดเวลา เสียงแหลมนั่นช่างฟังดูโศกเศร้าและหดหู่

สถานที่แห่งนี้ ช่างทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้จริง ๆ

จางลี่อยากจะออกไปจากที่นี่แทบใจจะขาด

แต่ยังโชคดีที่ว่าเช้าวันถัดมา ฝนก็ได้หยุดลง

ขณะที่จางลี่กำลังออกไปเปิดประตูให้กับผู้ใหญ่บ้าน บนท้องฟ้ายังมีเค้าลางของพายุฝนที่เพิ่งพัดผ่านไปอย่างเจือจาง

“พวกเธอไปกันได้แล้ว !” ผู้ใหญ่บ้านไล่แขกผู้มาเยือนอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จากที่นี่ตรงออกไปทางทิศเหนือ เพียงไม่ถึงห้ากิโลเมตรก็จะมีสถานีตำรวจอยู่”

ไม่ว่าอย่างไร จางลี่ก็กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้นเธอกับเว่ยเจี้ยนกั๋วก็แยกกันไปเพื่อปลุกกลุ่มนักศึกษาให้เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ถึงแม้จะถูกปลุกในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ และยังมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่โอดครวญ แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ทำให้ทุกคนต่างก็รีบเก็บข้าวของเพื่อที่จะออกเดินทาง

จางลี่ยืนอยู่หน้าประตูรถเพื่อนับเช็คจำนวนคน “หนึ่ง สอง สาม... สิบเอ็ด สิบสอง... ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง... สามสิบสอง สามสิบสาม...”

เดี๋ยวนะ ทำไมยังขาดไปอีกหนึ่งคน ?

จางลี่ที่คิดว่าตัวเองนับเลขตกไป เมื่อขึ้นรถแล้วเธอจึงนับใหม่อีกรอบ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังขาดไปหนึ่งคนอยู่ดี

เมื่อเธอตรวจเช็คอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าคนที่หายไปคือหวังจิ้น ในใจก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างทันที “หวังจวิ้นล่ะ ? เขาหายไปไหน พวกเธอมีใครเห็นเขาบ้างหรือเปล่า ?”

“หวังจวิ้นหรอ ?”

พอได้ยินจางลี่พูดเช่นนั้น เหล่านักศึกษาก็พบว่าหวังจวิ้นหายไปจริง ๆ เมื่อไล่ถามดูทีละคนก็ได้รู้ว่าเมื่อเช้านี้ไม่มีใครที่เห็นเขาเลยสักคน หรือจะพูดได้อีกอย่างว่า เขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

จางลี่รู้สึกร้อนใจมาก นักศึกษาหายไปทั้งคนแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ถึงรถบัสคันนี้จะไม่ใช่รถของมหาวิทยาลัยที่เธอใช้เดินทางมา แต่ก็เป็นรถที่เธอช่วยหามาให้ อีกทั้งเธอก็เป็นอาจารย์ นักศึกษาหายไปทั้งคนแบบนี้ อย่างไรเธอก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ

จางลี่รีบวิ่งกลับไปหาผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง บอกเขาว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งได้หายตัวไป ขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยคิดหาวิธีที่จะตามหาตัวเขา

“นักศึกษาหายตัวไป ?” สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านพลันเปลี่ยนไป ทั่วทั้งใบหน้าแสดงความดุร้ายจนทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “เธอบอกว่านักศึกษาหายตัวไปอย่างนั้นหรอ ? เขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

ความน่ากลัวของผู้ใหญ่บ้าน ทำให้จางลี่ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก เว่ยเจี้ยนกั๋วก็นำกลุ่มนักศึกษากลับเข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้ง และพูดเสียงดังว่า “พวกเรารีบออกตามหาให้ทั่ว !”

“เดี๋ยวก่อน หยุดอยู่ตรงนั้น !” ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงแข็งกร้าว “ผมบอกให้ทุกคนหยุด ! ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในป่าทั้งนั้น ! ไม่อนุญาตให้ใครออกไปไหนด้วย !”

“ผู้ใหญ่บ้าน !” ชาวบ้านจำนวนหนึ่งวิ่งตะโกนออกมาจากในหมู่บ้านด้วยความตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา ราวกับเพิ่งได้พบเจอสิ่งที่น่าขนลุกมา พูดออกมาอย่างไม่เป็นภาษา “ที่หมู่บ้าน มันออกมาแล้ว ! มันออกมาอีกแล้ว...”

สีหน้าผู้ใหญ่บ้านเปลี่ยนไปในทันที เมื่อจางลี่มองไปที่สายตาของพวกเขา ก็รู้สึกเหมือนกับพวกเขาได้พบเจอสัตว์ประหลาดอันแสนน่ากลัว “เป็นเพราะพวกคุณ... เป็นเพราะพวกคุณที่เรียกมันออกมา... เมื่อคืนผมไม่น่าให้พวกคุณเข้ามาพักในหมู่บ้านเลย !”