บทที่ 7 หันอวี่ฝาน คุณมันโหดเหี้ยม!
นางแบบระดับโลก? เธอไม่เคยคิดไปไกลขนาดนั้นเลย เธออยากสนใจแค่ปัจจุบันเท่านั้น…
…นั่นคือการทำให้หันอวี่ฝานและโม่อวี่โหรวได้รับกรรมที่ก่อไว้
เวลาเที่ยงก่อนการประชุมที่เทียนอี้ หันอวี่ฝานผู้ที่ไม่ได้ทานมื้อเที่ยงกับถังหนิงมานานแล้ว จู่ๆ ก็ตัดสินใจพาเธอมาภัตตาคารหรูที่อยู่ด้านล่าง เขายังจองโต๊ะและจัดเตรียมมื้อเที่ยงใต้แสงเทียนไว้ด้วย ถังหนิงไม่มีปฏิกิริยาอะไรขณะมองดอกกุหลาบที่เข้าคู่กับเทียนโดย ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เธอนั่งลงหลังจากหันอวี่ฝานดึงเก้าอี้ให้
“ผมสั่งสเต็สเต๊กเนื้อสันนอกจานโปรดของคุณไว้ให้แล้ว…”
ถังหนิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและไม่มีคำใดจะเอ่ย ดูเหมือนว่าตลอดห้าปีที่อยู่ด้วยกันมา หันอวี่ฝานก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอชอบอะไร
“เป็นอะไรไป คุณไม่ชอบหรือ”
ถังหนิงกำลังจะตอบกลับ แต่หัวหน้าพ่อครัวก็มาปรากฏตัวข้างพวกเขาพร้อมถือถาดอาหารไว้ เขาหันมาหาถังหนิง “คุณถัง วันนี้เรามีสเต็สเต๊กสันในจานโปรดของคุณด้วยครับ ผมขอนำเสนอภัตตาคารเฟรเดอริก เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันแต่งงานของคุณ…”
หันอวี่ฝานสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แต่เขาก็ขายหน้าเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป เขาแค่เปลี่ยนจานของถังหนิงอย่างเงียบๆ “รสนิยมของคุณเปลี่ยนไปแล้วสินะ”
“ขอบคุณค่ะ แต่พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันหรอกค่ะ” ถังหนิงอธิบายให้หัวหน้าพ่อครัวฟังเชฟเข้าใจ และไม่สนใจหันอวี่ฝาน “คุณช่างเอาใจใส่เสียจริง ฉันพูดถึงแค่ครั้งเดียวแต่คุณก็จำได้”
หัวหน้าพ่อครัวเชฟจากไปอย่างสุภาพ ถังหนิงจึงหันกลับมาสนใจหันอวี่ฝานต่อ
“ครั้งต่อไป ผมจะต้องจำได้แน่นอนว่าภรรยาของผมชอบทานอะไร!” หันอวี่ฝานเตือนตัวเอง
“รีบทานเร็วๆ เข้าเถอะ เรายังต้องกลับไปและคุยกันเรื่องบทพูดนะ” ถังหนิงยิ้มเย้ยหยันอยู่ข้างในใจ แต่ก็ยังคงความสงบนิ่งไว้ และตอนนั้นเอง…เธอได้รับข้อความเรื่อง หัวเรื่อง ‘1908ศูนย์แปดหนึ่งเก้า’ เมื่อเธอเปิดดูก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นข้อความจากโม่ถิง
ศูนย์แปดหนึ่งเก้าวันที่สิบเก้าเดือนแปดคือเมื่อวาน วันที่พวกเขาแต่งงานกัน
[“สเต็สเต๊กนั่นมาจากผมเอง สิ่งที่หัวหน้าพ่อครัวต้องการจะสื่อคือ…ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานของเรา]”
ถังหนิงหัวเราะออกมา และตอบกลับข้อความจากใต้โต๊ะ [“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหน]”
[“ผมมีวิธีค้นหาในสิ่งที่ผมอยากรู้]” โม่ถิงตอบอย่างใจเย็น
ถังหนิงจับโทรศัพท์ไว้แน่นขณะชาย สายตาส่อดสายตามองไปรอบๆ ภัตตาคาร แต่ก็ไม่พบโม่ถิงเลย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขามีวิธีจัดการกับสิ่งต่างๆ อย่างรอบคอบได้อย่างไร แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ...
…เขามีท่าทางราวกับกษัตริย์ที่ไม่มีใครสามารถเพิกเฉยหรือปฏิเสธได้
“ถังหนิง คุณมองอะไรอยู่เหรอ” หันอวี่ฝานถามพร้อมโบกมือไปมาตรงหน้าเธอ สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถามสงสัย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก…” ถังหนิงส่ายหัวและค่อย แล้วๆ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างใจเย็น “อวี่ฝาน เมื่อไรเราจะกลับไปจดทะเบียนสมรสกันล่ะ”
“หลังจากที่ทุกอย่างลงตัว คุณก็รู้ดีว่างานประกาศรางวัลท็อปเทน-โมเดลคือโอกาสที่โม่อวี่โหรวจะก้าวหน้าในสายอาชีพของเธอ ถังหนิง เธอโชคดีจริงๆ ที่มีคุณ…ไม่อย่างนั้นอวี่โหรวคงต้องจบลงแค่นี้แน่” หันอวี่ฝานรินไวน์แดงให้ถังหนิงก่อนที่จะชนแก้วกับเธอ
“ฉันจะช่วยคุณนำสิ่งที่คุณต้องการกลับคืนมาให้คุณได้สิ่งที่คุณสมควรได้” ถังหนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ลักยิ้มบนใบหน้าทำให้เธอดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก
แต่หันอวี่ฝานในตอนนี้ไม่ได้สนใจเธอสักเท่าไร หัวใจของเขาหลงใหลไปกับการยั่วยวนของโม่อวี่โหรวมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ฉุกคิดว่าคำพูดของถังหนิงมีนัยแอบแฝง
“ถังหนิง คุณก็ลำบาก…”
ถังหนิงรู้ทุกอย่างที่เธอกำลังจะทำ มื้อกลางวันนี้ก็เป็นแค่รางวัลเล็กๆ แต่เป็นรางวัลที่เป็นแผนการเพื่อปิดบังเจตนาที่แท้จริงของเขา
“แล้วก็นะ หลังจบงานแถลงข่าวแล้ว ช่วยโทรหาผู้จัดการของคุณด้วย เราคงต้องใช้วิธีทางกฎหมายเพื่อที่จะได้ตกลงในการจัดการกับเธอ”
“ตกลง” ถังหนิงยิ้มหวาน
แต่ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้เขาแตะต้องหลงเจี่ยแน่นอน
เวลาบ่ายสองโมง ณ ห้องประชุมหลักของเทียนอี้ นักข่าวจากสื่อทุกแขนงทุกสื่อมารวมกันที่นี่ พวกเขาอยากรู้ว่าถังหนิงจะพูดอะไร
ทุกคนต่างก็มีคำถามมาถามเธอ ตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้ถังหนิงถอยห่างจากวงการอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงสาเหตุที่เธอเซ็นสัญญากับเทียนอี้ หรือความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอถึงไปแทนที่โม่อวี่โหรวได้ ซึ่งตั้งแต่เธอถอยห่างจากวงการไป เธอก็หลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ ดังนั้นมันจึงยากที่จะหาเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเธอ
วันนี้ช่างเป็นวันที่เหมาะสำหรับเหมาะเจาะของเหล่านักข่าวพวกเขาจริงๆ
เวลาบ่ายสามโมง ถังหนิงแต่งกายอย่างเรียบง่ายและปรากฏตัวพร้อมบอดี้การ์ดข้างกาย เธอเดินไปที่เวทีอย่างช้าๆ และหันหลังกลับมาพบปะฝูงชน นักข่าวต่างก็แย่งกันเพื่อที่จะได้ถามเธอเป็นคนแรก
“ถังหนิง ชื่อของคุณคือติดอันดับหนึ่งในอันดับการคำค้นหา และดูเหมือนว่าจะยังไม่ลดอันดับเลยอยู่ที่นั่น คุณจ่ายเงินเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้หรือเปล่าคะ”
“ถังหนิง ทั้งคุณและโม่อวี่โหรวต่างก็เป็นนางแบบในสังกัดของเทียนอี้ แต่ทำไมช่วงหลายปีมานี้ถึงมีแต่
อวี่โหรวที่ได้รับความสนใจล่ะคะ คุณโดนบริษัทดองเหรอ คุณก็เลยอิจฉาชื่อเสียงของเธอใช่ไหม?”
“ถังหนิง คุณสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ก็เพราะจะเพื่อที่จะสร้างกระแสข่าวใช่ไหมลืองั้นเหรอ”
เมื่อสถานการณ์เริ่มยุ่งเหยิง พนักงานของบริษัทก็รีบออกมาขัดขวางกันนักข่าวออก และทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม ในที่สุดถังหนิงก็ได้รับอนุญาตให้พูด
“ก่อนอื่นฉันอยากขอโทษทุกคนที่ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง และทำให้ทุกคนสงสัยในความซื่อสัตย์ของ
โม่อวี่โหรว”
“ส่วนที่งานแสดงมงกุฎดาราคราวน์ สตาร์ของอัชแอ็ฟ ฉันตัดสินใจด้วยตัวเอง บริษัทและโม่อวี่โหร่วไม่รู้เรื่องที่ฉันปรากฏตัวบนเวที ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเทียนอี้ บริษัทของฉันหรือว่าโม่อวี่โหรว”
“ความจริงแล้ว…ฉันพยายามที่จะสร้างกระแสข่าวลือ! แต่ผู้จัดการของฉันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอแค่ถูกโดนฉันหลอกใช้เท่านั้น ฉันตัดสินใจที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง ขอบคุณที่อดทนรับฟังอค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่ถังหนิงพูดจบ ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย…
นักข่าวต่างก็ไม่สบายใจ…พวกเขาแทบไม่เคยเห็นคนดังคนไหนยอมรับความผิดอย่างง่ายดายและตรงไปตรงมาขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นคงพยายามหลบเลี่ยงสถานการณ์ แต่เธอกลับยอมรับผิดทั้งหมด และอ้างว่าผู้จัดการของเธอ บริษัทหรือโม่อวี่โหรวไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย
ถังหนิงคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แต่หันอวี่ฝานกลับเตรียมอย่างอื่นไว้โดยที่เธอเองก็ไม่คาดคิด เพื่อที่จะยืนยันว่าเธอเป็นคนเรียกร้องความสนใจ เขาอนุญาตให้ผู้จัดการผู้ดูแลศิลปินเข้าหาถังหนิงและเผชิญหน้ากับสื่อ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำเรื่องแบบนี้ แต่…บริษัทและฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถังหนิง ผมหวังว่าคุณจะเรียนรู้จากความผิดพลาด และไม่ทำอะไรล้ำเส้นอีก”
ไม่ใช่ครั้งแรก…จุดประสงค์ของคำพูดเหล่านั้นคือการโต้กลับคำกล่าวของหลงเจี่ยอย่างชัดเจน ตอนนี้เลยดูเหมือนว่า ทุกครั้งที่เธอทำหน้าที่แทนโม่อวี่โหรวในอดีตก็เพื่อต้องการสร้างข่าวลือกระแสให้ตัวเอง!
หันอวี่ฝาน คุณมันโหดเหี้ยม!
ถังหนิงยังคงนิ่งเงียบขณะโค้งขอโทษให้สื่อ จากนั้นและเพราะการปกป้องจากพนักงานบริษัท เธอจึงออกจากห้องประชุมได้อย่างปลอดภัยพนักงานก็คุ้มกันเธอออกจากห้องประชุมไป...
และทันใดนั้นชาวเน็ตก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ตั้งแต่ถังหนิงยอมรับทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา สาธารณชนที่มองเห็นเพียงแค่ผิวเผินก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แม้แต่พนักงานของไห่รุ่ยก็ยังทำเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเยาะเย้ย
หลังเมื่อออกมาจากการประชุมแล้ว โม่ถิงก็ได้ยินบทสนทนาของพนักงาน เขาหันไปหาผู้ช่วยจัดการที่รีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในงานแถลงข่าววันนี้ให้ฟัง “ท่านประธานครับ ท่านอยากทำอะไรเพื่อช่วยคุณนายถังไหม”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมอยากรู้ว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองอย่างไร” โม่ถิงตอบอย่างสุภาพ เขาเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาสงสัยว่าถังหนิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แบบไหน เพราะว่าเขาช่วยเธอมาแล้วสองครั้งจึงอยากรู้ว่าเธอจะแก้ไขประเด็นนี้ด้วยตนเองได้อย่างไร
ในฐานะที่เป็นภรรยาของโม่ถิง เธอจะยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้บั่นทอนจิตใจอย่างนั้นหรือ