webnovel

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น 'ตัวหายนะ' เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

เยวี่ยเชียนโฉว · 東方
レビュー数が足りません
1039 Chs

020 ผู้ประสบภัย (2)

บทที่ 20 ผู้ประสบภัย (2)

ไม่เพียงแค่ไล่ตะเพิดเหมียวอี้กลับห้องเก็บของไป ซ้ำยังใส่กลอนประตูห้องเก็บของด้วย ทำให้เหมียวอี้พูดไม่ออก ทำได้แค่เปิดหน้าต่างไม้ขึ้นเพื่อระบายอากาศ

เหมียวอี้เบื่อมาก จึงปูผ้านวมที่ฮูหยินที่ไม่เคยพบหน้าท่านนั้นให้มา แล้วนั่งขัดสมาธิฝึกฝน

จนถึงเวลาดึกดื่นอย่างไม่รู้ตัว เหมียวอี้ได้ยินเสียงเรืออีกลำหนึ่งแล่นเข้ามาใกล้ ตอนแรกก็ยังไม่มีเรื่องอะไร แต่ไม่นานก็มีเสียงเข่นฆ่ากันโช้งเช้งและเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น

เสียงพวกนี้ทำให้เหมียวอี้ย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนแรกที่เข่นฆ่าแย่งชิงกันในแดนหมอกเลือดหมื่นจั้ง

"โจรสลัด มีโจรสลัด คุ้มครองฮูหยิน!"

นั่นเป็นเสียงของพ่อบ้าน

เหมียวอี้รีบลืมตาแล้วลุกขึ้นยืน คว้าทวนไม้ เดินไปที่ประตูแล้วผลักออกเบาๆ ประตูไม้กระเด็นออกไปทันที

เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็ก้าวขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรือ เห็นเพียงเรือทะเลลำหนึ่งแล่นมาเคียงกับเรือลำนี้ บนเรือข้างๆ มีโจรสลัดถือดาบปีนขึ้นมาบนเรือลำนี้อย่างต่อเนื่อง พวกเขาแกว่งดาบยาวและตะโขนขู่ขวัญ

มีคนมากมายกำลังต่อสู้กันอย่างห้ำหั่นบนเรือที่เขาอยู่ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าความหนักเบาในการโจมตีกลับ สู้พวกโจรสลัดที่ทำมาหากินกับดาบเปื้อนเลือดไม่ได้ มีคนหลายคนโดนฟันลงไปกองกับพื้นแล้ว ยิ่งนั้นมียังมือธนูยิงโจมตีด้วย คนที่ปกป้องเรือลำนี้ถูกฆ่าจนต้องถอยกลับตลอดทาง

เชือกตะขอกรงเล็บไม่กี่เส้นถูกขว้างขึ้นมา พวกโจรสลัดกระโดดออกมาจากใบเรือโจรสลัด ถือดาบไถลตัวไปตามเชือก แล้วมุ่งสู่ห้องของนายท่านบนชั้นดาดฟ้า เห็นได้ชัดว่าอยากจับตัวหัวหน้าก่อน

ขอเพียงควบคุมตัวนายท่านได้ ก็สามารถทำให้คนอื่นหยุดการต่อสู้ได้เพราะห่วงชีวิตนายท่าน และลดความเสียหายจากการบุกโจมตีด้วย เห็นได้ชัดว่าโจรสลัดพวกนี้มากด้วยประสบการณ์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องแบบนี้แน่

ด้านนอกเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด ผู้หญิงในห้องนายท่านกรีดร้องขวัญกระเจิง แถมยังมีเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย ขณะพ่อบ้านกำลังตะโกนบอกให้ขัดขวางพวกเขาอยู่ในนั้น

วื๊ด! เสียงลมพัดมาวูบหนึ่ง ขณะที่ทวนยาวในมือเหมียวอี้เคลื่อนไหวดัง 'ฉึก' ลูกธนูขนสีขาวดอกหนึ่งปักอยู่บนลำทวนและสั่นไปมา เกือบจะยิงเข้าหัวของเขาแล้ว

เหมียวอี้สะบัดทวนหนึ่งที ลูกธนูขนสีขาวเด้งออกไปจากทวนของเขา เหมียวอี้โบกทวนยาวหนึ่งจั้ง ชี้ไปยังมือธนูที่ขดเกาะอยู่บนเสากระโดงเรือ

ปั้ง! เสียงของพลังงานไร้รูปร่าง ทำให้มือธนูที่กำลังง้างเตรียมยิงอีกครั้งเลือดสาด ตกกระแทกลงบนดาดฟ้าเรือ เขาดิ้นพล่านเอาตัวรอดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแน่นิ่งไป

เหมียวอี้ตะลึง นึกไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะอ่อนปวกเปียกแบบนี้ สักพักก็ฌนึกได้ว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว มนุษย์ธรรมดาต้านทานพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาไม่ได้หรอก

ปั้ง! ประตูห้องนายท่านถูกโจรสลัดตีพังแล้ว

เหมียวอี้ไม่ทันได้ครุ่นคิดมาก เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วขึ้นด้านบนไป จังหวะที่แทรกตัวเข้าไปในห้อง พลังอิทธิฤทธิ์บนตัวเขาระเบิดออกมา ทำให้ฝูงโจรสลัดกระอักเลือดตัวปลิวกระเด็นออกไป

ขณะเดียวกันก็บุกเข้าไปในห้อง ใช้ทวนแทงลงทะลุหน้าอกโจรสลัดที่กำลังชูดาบเตรียมจะฟันพ่อบ้าน

ดาบในมือโจรสลัดตกเฉียดผ่านพ่อบ้านลงพื้นไป เท้าทั้งสองอ่อนแรงล้มลง

พ่อบ้านที่อกสั่นขวัญหาย ฮูหยินที่อุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขน และยังมีหญิงรับใช้อีกสองคน ล้วนมองเห็นเหมียวอี้สีหน้าไร้อารมณ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังโจรสลัดที่ล้มลง โดยเฉพาะดอกบัวสีขาวบานหนึ่งกลีบที่เปล่งแสงอยู่ตรงหว่างคิ้วเหมียวอี้ เด่นชัดติดตามาก

พ่อบ้านพูดด้วยความดีใจเหลือเกิน "ท่านเซียนช่วยด้วย ช่วยชีวิตพวกเราด้วย!"

เหมียวอี้ไม่สนใจเขา ใช้ปลายทวนยกศพขึ้นและหอบหิ้วขึ้นไปบนดาดฟ้าข้างนอกเพื่อแสดงพลัง

จิตใจที่ฝึกหนักมาหลายปี เขาจึงไม่หวาดกลัวกับเรื่องพวกนี้แล้ว ขนาดตัวเองยังแอบรู้สึกแปลกๆ เลย เขายังจำตอนที่ตัวเองแข้งขาอ่อนหลังจากฆ่าหวงเฉิงด้วยความโกรธที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งได้ดี

โจรสลัดที่บุกตามมา พอมองเห็นภาพเงารางดอกบัวเปล่งแสงตรงหว่างคิ้วเหมียวอี้ ต่างพากันตกใจจนแข้งขาอ่อน หกคะเมนลงบันไดไป

ศพถูกยกอยู่บนทวน เหมียวอี้แกว่งทวนแล้วตะโกนว่า "ถ้าไม่ไสหัวไป จะฆ่าไม่ละเว้นเลย!"

เขาใส่พลังอิทธิฤทธิ์ลงไปในเสียง เสียงจึงดังกระหึ่มอยู่บนเรือ

เขาไม่อยากฆ่าคน เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้และยังไม่ได้ฝึกความเคยชินในการฆ่าคนด้วย เขาแค่อยากเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ได้คิดจะสังหารทั้งหมด

ทุกคนล้วนได้เห็นภาพเงารางดอกบัวตรงหว่างคิ้วเขาแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว บนเรือเพิ่งเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด พลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ มีแค่เสียงตัวเรือแกว่งตามคลื่นทะเลและเสียงน้ำทะเลซัดกระทบเรือ

ในโลกนี้ เซียนมีอิทธิพลต่อมนุษย์มาก ต่อให้เป็นมนุษย์ที่มีฝีมือหมัดมวยร้ายกาจกว่านี้อีก พอเจอกับเซียนระดับต่ำก็ตายอย่างเดียว

พอเห็นฝูงชนนิ่งไม่มีการตอบสนองใดๆ เหมียวอี้ชูทวนขึ้นแล้วปล่อยพลัง

ปั้ง! ศพที่แบกอยู่บนทวนกระเจิงเป็นชิ้นๆ

ขนาดก้อนหินยังกระเจิงเป็นชิ้นๆ นับประสาอะไรกับร่างกายที่มีเลือดเนื้อล่ะ

ไม่นาน โจรสลัดที่เพิ่งจะเข่นฆ่าอย่างกำเริบเสิบสาน รีบพากันหนีหัวซุกหัวซุน ปีนกลับขึ้นเรือตัวเอง บางคนตกใจถึงขนาดไปไหนไม่ถูกแล้วกระโดดลงทะเลไปเลย

เรือโจรสลัดแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว แต่บนดาดฟ้าเรือนี้ยังมีคนกอดศพร้องไห้อยางเจ็บปวด "สหาย สหาย! "

คนๆ นั้นรองไห้ไม่กี่ที จู่พลันหันกลับมามองเหมียวอี้ พูดเสียงดังว่า "ท่านเซียน วันนี้ท่านปล่อยพวกมันไป พรุ่งนี้พวกมันอาจจะไปฆ่าคนบริสุทธิ์อีกนะ ท่านปล่อยพวกมันไป ก็เท่ากับทำร้ายคนอื่นมากขึ้น"

แววตาเหมียวอี้วูบไหวขยับสายตา คิดๆ ดูแล้วก็ใช่เหมือนกัน ชั่วแวบเดียว ร่างเขาเหาะไปอยู่บนเรือโจรสลัด พอทวนยาวแกว่งรัวไปมา แผ่นกระดานไม้ก็ปลิวว่อน เสียงร้องดังก้องขึ้นทันที ราวกับกระทิงตัวผู้บุกเข้าบ้านกระดาษ

เรือที่แล่นอยู่ทนโท่ ไม่นานก็กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยบนผิวน้ำทะเล พังทลายลงมาทั้งลำ เรือทั้งลำถูกรื้อแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแบบนี้

เหมียวอี้เหยียบลงบนคลื่นแล้วกระโดดเด้งหล่นลงมาที่เรือเดิม มองดูโจรสลัดที่ว่ายน้ำดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ในทะเล

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารอีก แต่กลับทำลายเรือที่โจรสลัดใช้ทำชั่ว ส่วนโจรสลัดที่อยู่ในทะเลจะมีชีวิตต่อไปได้มั้ย ก็แล้วแต่ดวงของพวกเขา

พอสลัดรอยเลือดบนทวนไม้สะอาดแล้ว ภายใต้สายตาฝูงชนที่จับจ้องด้วยความเคารพยำเกรง เหมียวอี้ถือทวนกลับไปที่ห้องเก็บของเดิมเงียบๆ

ข้างนอกยังมีเรื่องอะไรอีก เหมียวอี้ไม่อยากสนใจ ส่วนเรื่องเก็บกวาดให้สะอาดพวกนั้นยิ่งไม่ต้องมายุ่งกับเขาเลย

แต่ไม่นาน พ่อบ้านเดินเข้ามาอย่างเคารพนอบน้อม พูดคำขอโทษที่เมินเฉยไม่ต้อนรับออกมามากมาย และเชิญเหมียวอี้ขึ้นไปพักในห้องนอน

เหมียวอี้บอกว่าไม่ต้องแล้ว

หลังจากพ่อบ้านจำใจเดินออกไปไม่นาน นายหญิงที่หายตกอกตกใจแล้วมาแสดงความขอบคุณอีก

เหมียวอี้เกิดในเมืองเล็กๆ เขาอาจจะไม่เข้าใจทฤษฎีอะไรมากมาย แต่ก็มีบางเรื่องที่เขารู้ เขาก็ประหลาดใจเช่นกันว่าผู้หญิงคนเดียวขึ้นเรือมาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ?

ฮูหยินสูงศักดิ์ไม่กล้าปิดบังเป็นธรรมดา นางบอกเรื่องภูมิหลังของตัวเอง เล่าความจริงให้ฟังด้วยน้ำเสียงไพเราะ

ที่แท้สตรีนางนี้ชื่อว่าจี้ซิ่วฟาง ไม่ได้มากจากแดนเซียน แต่มาจากแดนอู๋เลี่ยง ก่อนหน้านี้ครอบครัวประสบภัยพิบัติ ขณะที่สิ้นไร้หนทาง เคราะห์ดีที่ท่านน้าที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนของนางส่งคนมาตามหา

นางไม่เคยบพบหน้าท่านน้าคนนั้นของนางเลย เพราะตั้งแต่ท่านแม่นางยังเด็ก ท่านน้าคนนั้นออกจากบ้านไปตามหาหนทางสำเร็จเป็นเซียนแล้ว

ไม่มีใครคาดคิด ท่านน้าคนนั้นสำเร็จเป็นเซียนได้แล้วจริงๆ แถมยังเป็นเซียนที่มาจากแดนอู๋เลี่ยงด้วย ที่นางมาครั้งนี้ก็เพื่อพาลูกน้อยมาขออาศัยท่านน้า

ภายใต้สถานการณ์ที่สาวกถูกแบ่งแยกเขตแดนเพื่อควบคุมจัดการ ถ้าหากไม่ใช่เซียน คนทั่วไปถ้าต้องการออกจากพื้นที่ไปต้องทำอะไรบ้าง ทั้งหมดล้วนต้องใช้ใบอนุญาตผ่านทางที่ออกโดยท้องที่นั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายและการหายไปของสาวก คนที่ไม่มีใบอนุญาตผ่านทาง พอถูกตรวจจับได้ ก็ต้องส่งเข้าไปที่ 'จวนเฉิงย่วน' คล้ายๆ กับตอนที่เหมียวอี้และน้องเป็นเด็กแล้วเกือบถูกส่งไปที่ 'จวนฉือย่วน' เพียงแต่ว่า 'จวนเฉิงย่วน' เป็นที่สำหรับนักโทษ ได้รับการปฏิบัติแย่กว่า

ไม่ว่าจะเป็นที่แดนเซียนหรือที่แดนอู๋เลี่ยงล้วนเป็นสถานการณ์แบบนี้ แต่เมื่อมีสัมพันธ์ความเกี่ยวโยงกับท่านน้าเซียนเป็นสื่อกลาง ฮูหยินสูงศักดิ์ข้ามเขตแดนมาก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

เหมียวอี้เข้าใจแล้ว ว่าฮูหยินสูงศักดิ์นางนี้ยังมีท่านน้าคนหนึ่งที่เป็นเซียนไว้เป็นที่พึ่ง

หลังจากคุยกันแล้ว ฮูหยินสูงศักดิ์ก็แสดงขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมทั้งเชิญเหมียวอี้ให้ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องด้านบน เหมียวอี้ยังคงปฏิเสธไปเช่นเดิม

ตอนฐานะต่ำต้อยก็อยากอวดภูมิ แต่พอฐานะสูงขึ้นมาก็อยากอยู่เงียบๆ ซะอย่างนั้น

พอฮูหยินสูงศักดิ์เดินออกไป ไม่นานก็มีคนส่งเหล้าและอาหารมาให้เต็มโต๊ะ ผ้าปูเตียงก็จัดใหม่ ต่างกับการปฏิบัติตอนเพิ่งขึ้นเรือมาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง…

…………………………