webnovel

โรคระบาดจากความมืด 2

trigger warning : นิยายเรื่องนี้มีฉากเลือดสาด ศพ โรคระบาด ความตาย

เลอัสพาผมวิ่งออกมาทางประตูหลัง พวกเราเป็นเด็กที่ตัวสูงเกือบเท่ากันจึงเป็นเรื่องลำบากสำหรับเขาที่จะแบกผมพาดไหล่ไปแบบนั้น ดังนั้นหลังจากที่ผมยอมให้ความร่วมมือในที่สุด พวกเราก็เปลี่ยนมาเป็นการขี่หลังแทน

ผมอยู่ในท่ากอดต้นคอเขาในขณะที่เขาวิ่งหลบพวกศพเดินได้ไปมา ยังเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนถึงจะเที่ยงคืน ผมกลัวเลอัสจะถูกพวกมันจับตัวได้ก่อนหน้านั้น ถึงในเกมเขาจะรอดมาได้จริงๆ แต่มันก็ไม่ได้รับประกันอะไรในตอนนี้

ในเนื้อเรื่อง...หลังจากที่โบสถ์ถูกบุก เลอัสจะหลบหนีไปมาอยู่ในหมู่บ้านจนเข้าสู่วันที่ห้า

"เข้าไปในป่าเถอะ" ผมบอกเลอัส "พวกเราตัวเล็กซ่อนตัวง่ายกว่า"

...

"ถ้าฉันตาย เอาฉันเข้าไปในหมู่บ้านแล้วเผาหมู่บ้านซะตกลงไหม อย่าทำเรื่องโง่ๆ อย่างการขุดหลุมฝังทีละคน"

เสียงผมดูแหบ อาจเพราะไม่ได้ขาดน้ำ คนที่แบกผมอยู่ไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงแค่กัดฟันแน่นจนได้ยินเสียงบด บางทีเขาอาจจะโกรธที่ผมยอมแพ้ทุกอย่างง่ายดาย หรืออาจจะหวาดกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว... ผมรู้ว่าสิ่งที่เราเจอมันน่ากลัวแต่ก็ไม่สามารถปลอบใจเขาได้...ผมไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่แน่ในขณะที่ร่างผมยังถูกเขาแบกไปมาอยู่

พวกเราหมอบลงกับพื้นขณะที่ร่างชาวบ้านหลายคนเดินผ่านไป กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งชวนให้คลื่นไส้ ผมคิดว่าตัวเองไม่สามารถได้กลิ่นได้อีกแล้ว แต่มันก็ยังชัดเจนอยู่ดี แต่ถึงแบบนั้นผมก็แยกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นจากศพพวกนั้นหรือคือกลิ่นของตัวผมเอง

ผมแนบร่างตัวเองลงกับพื้นแล้วสังเกตก็เห็นถึงต้นหญ้าตรงหน้าที่กลายเป็นสีดำไปแล้ว

นี่คือผลของความมืด ในเกมบอกไว้แบบนั้น

บางทีมันอาจเป็นแค่ข้ออ้างของผู้พัฒนาเกมที่จะสร้างฉากแปลกตาและอลังการ แต่ในโลกนี้มันเกิดขึ้นจริง สีของหญ้าตรงหน้าผมเข้มลงจนกลายเป็นสีเทาและส่วนปลายมันเป็นสีดำ นอกจากนั้นขอบของมันยังดูคมเป็นริ้วๆ ดูแหลมคม มองผ่านๆ แล้วดูเหมือนเข็มที่แทงออกมาจากดิน

ผมสงสัยว่าถ้าไปแตะมันนิ้วจะเลือดออกรึเปล่า แต่โดยไม่ทันตั้งตัว แขนผมก็ขยับไม่ได้เสียแล้ว

เมื่อศพเดินได้พวกนั้นจากไปไกลจนไม่ได้ยินเสียง เลอัสก็เริ่มแบกผมขึ้นหลังอีกครั้ง

ร่างกายผมเย็นและชา เมื่อถูกยกตัว ตัวผมก็แนบเข้ากับหลังของเขา สัมผัสถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"…หนาวจัง" ผมพึมพำ "ตัวนายอุ่นมากเลย"

เวลาตายของผมเข้ามาใกล้ทุกที

...หนาวมาก

...หนาว

...

ตอนที่เลอัสวิ่งไปตามป่า พวกเราเงียบกันมาก

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังซ่อนตัว เลอัสใช้สมาธิไปมากกับการหลบหลีกซากศพเดินได้พวกนั้น ส่วนผมก็กำลังใช้กำลังทั้งหมดเพื่อหายใจ

มันหายใจยากขึ้นทุกที

มันง่วง เหมือนจะหลับ มันอึดอัดเหมือนถูกบีบสมอง แต่ผมยังไม่อยากตายตอนนี้...ไม่ขณะที่อยู่บนหลังของเลอัส ผมไม่อยากให้เมื่อเขาหันกลับมาแล้วเจอแต่ร่างไร้วิญญาณ ถึงเรารู้จักกันไม่นานแต่ผมก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันเกินจะรับไหว

ผมไม่ควรตอบตกลงที่จะหนีมากับเขาเลย ความคิดแบบนั้นแล่นขึ้นมาตอนอ้วก น้ำย่อย น้ำเมือกและก้อนอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเลือดไหลออกมาจากคอผม เปื้อนลงเต็มหลังของเด็กผู้ชายตรงหน้า

ท่ามกลางความทรมาณ ผมสงสัยว่าระหว่างผมกับศพพวกนั้น ใครจะล้มก่อน

ทุกอย่างดูเลือนราง แต่เราสามารถหนีมาจนถึงค่อนคืนได้

อีกไม่กี่ชั่วโมงทุกอย่างก็จะจบลง

เมื่อถึงจุดหนึ่งพวกเราก็ตัดสินใจพักผ่อน เลอัสวางผมให้นั่งลงบนก้อนหิน แต่ร่างผมอ่อนปวกเปียกผมล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้จนต้องรบกวนเขามาช่วยจัดท่าให้

แผ่นหลังผมทาบกับหินก้อนใหญ่...มันให้ความรู้สึกอุ่นแม้ท่ามกลางความหนาวเย็นของค่ำคืน

สบายมาก

ทำให้ง่วงนอนมากด้วย

"หนาว...." ผมพึมพำอย่างควบคุมไม่ได้

แล้วหลับไป

...

เมื่อตื่นขึ้นมา ในหูผมเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น

ผมลืมตา แสงจันทร์ส่องลงมาเป็นสีแดง ท้องฟ้าทั้งหมดเป็นสีแดง--ทุกอย่างที่นี่ดูเป็นสีแดง มันเหมือนมีเลือดอยู่ทุกที่ ที่นี่ทั้งหมดราวกับนรก

"ฮึก—อย่าตายนะ อย่าตายนะ"

ยกเว้นคนตรงหน้าผมที่กำลังร้องไห้

เลอัสคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม

"ทำยังไงดี ทำยังไงดี--ฮึก"

ผมหายใจเข้าช้าๆ เหม่อมองน้ำตาที่หยดลงมาจากดวงตาสีเขียว

มันดูสวยงามเหมือนไม่มีจริง

พวกมันดูเหมือนไข่มุก เหมือนเพชร ผมไม่รู้จะบรรยายอย่างไร แต่เลอัสดูเหมือนภาพวาดมาก แบบที่ถูกศิลปินสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจและใส่หัวใจลงไปในนั้น

เห็นๆ อยู่ว่าพื้นที่รอบๆ ปกคลุมไปด้วยสีแดงและดำ แต่ราวกับว่ากำลังมีแสงสว่างเรืองรองออกมาจากตัวเขา มันทำให้นึกถึงดอกไม้สีขาวที่บานขึ้นจากซากศพ

"ฉัน...ควรทำยังไง" เด็กชายผมทองก้มหน้าลง ดูเคว้งคว้างและทำอะไรไม่ถูก

"…"

ผมเอง..

ผมไม่รู้ควรทำอะไรต่อเหมือนกัน

เดิมทีผมคิดว่าตัวเองจะตายในหมู่บ้าน แต่ดันกลายเป็นว่าถูกตัวเอกพาหนีมาตอนนี้เลยเคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูก

ว่ากันตามเหตุผล ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดคือผมจะตายตอนเที่ยงคืน

"…"

แต่เมื่อคิดว่าแม้กระทั่งเรื่องของตัวเอกที่จะพยายามช่วยทุกคนในหมู่บ้านจนถึงวินาทีสุดท้ายยังเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเนื้อเรื่องในเกมจะไม่ได้ตายตัวขนาดนั้น…

"…ทุกคนตายหมดแล้ว—ฉันเหลือแต่นาย ฮึก--"

ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกหก

...แน่อยู่แล้ว ผมรู้ว่ามีหลายคนในโบสถ์ยังไม่ตาย

เลอัสพยายามเดินเลี่ยงพวกเขาตอนอุ้มผมออกมา แต่ผมก็ยังเห็นอยู่ดี

ยิ่งคิดเรื่องนี้ยิ่งทำให้ใจสั่นสะท้าน เมื่อผมตระหนักว่าเลอัสทิ้งคนในหมู่บ้านเพื่อพาผมหนีออกมา...ถึงผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นจริง

มันเปลี่ยนแปลงได้

ในเนื้อเรื่องบอกว่าเลอัสจะอยู่ในหมู่บ้านจนถึงเที่ยวคืนวันที่ห้า แต่ตอนนี้เขาพาผมหนีเข้ามาในป่า

เนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลงได้

…จริง...รึเปล่านะ

ผมเป็นคนบอกให้เลอัสเข้าป่าเองเพื่อพิสูจน์ แต่บอกตามตรงว่าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

"ทำยังไงดี—อย่าตายนะ อย่าตาย"

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงหรือห่างจากเที่ยงคืนไปมากแค่ไหน แต่บางทีถ้าผมรอดผ่านคืนนี้ไปได้...ผมอาจมีชีวิตอยู่

บางที...ผมอาจจะไม่ตาย

ความหวังลมๆ แล้งๆ เข้าครอบงำ

ผมรู้ว่าร่างกายตอนนี้ของตัวเองมันสภาพแย่มาก เหมือนเนื้อเน่าในตู้เย็นที่ขึ้นราไปหลายอาทิตย์...มันน่ารังเกียจจนชวนสงสัยว่าเลอัสทนยอมอุ้มผมไปมาได้ยังไง

ผมหายใจเข้าออกด้วยความพยายาม ใช้ทุกวินาทีเพื่อดึงสติตัวเองจากความทรมาณ

แต่...ถ้า...ถ้าผมรอดได้ล่ะ

"...เฮ้" ผมเรียกเขา เด็กชายตรงหน้าสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว จากนั้นเบิกตากว้าง—ผมเห็นความยินดีในตาคู่นั้น

"นาย...นาย"

"...เลอัส" ผมแทรก

"นายห้ามตายนะ—ถ้านาย...ฉันจะทำยังไง" เลอัสยังสะอื้นอยู่

"ฉันยังไม่ตายสักหน่อย หยุดร้องน่า" ผมเหลือบมองตัวเอง เพราะร่างกายชาเลยไม่รู้สึก แต่บนตัวผมมีผ้าห่มหลายผืนคลุมอยู่ ผมรู้สึกขอบคุณเมื่อเดาได้ว่าเลอัสเอามาคลุมไว้เพราะเสียงพึมพำว่าหนาวของผม

"…ฮึก—" ทำไมเด็กนี่ยังร้องไห้อยู่อีกล่ะ ผมขมวดคิ้ว ช่างเถอะ ตอนนี้มีเรื่องที่ผมต้องพิสูจน์อยู่

"นายรู้จักชื่อฉันไหม?"

"…" พ่อพระเอกของเราทำหน้าแตกตื่น แล้วก็กลายเป็นรู้สึกผิด เมื่อพิจราณาถึงบุคลิกของเขาแล้ว ตอนนี้เลอัสคงกำลังรู้สึกผิดที่ตัวเองจำชื่อเด็กในโบสถ์เดียวกันไม่ได้ทั้งที่ผมสามารถเรียกชื่อเขาออกมาได้ทันที

ไอ้หมอนี่ไม่รู้ว่าผมไม่ใช่เด็กในโบสถ์— เหมือนกับคนอื่นๆ เขารู้สึกลางๆ กับใบหน้าของผมเหมือนเพื่อนที่เคยผ่านหน้าแต่ไม่เคยคุยกัน

ดีมาก อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าเขาไม่รู้ว่าผมไม่ใช่สมาชิกในโบสถ์...ไม่ใช่ใครเลย เป็นแค่คนแปลกหน้า

"นาย..." เขาอ้าปากจะถามชื่อผม แต่ผมก็พูดขัดไว้

"…ถ้าฉันรอดไปถึงพรุ่งนี้เช้าได้จะยอมบอกนะ"

เด็กชายตรงข้ามผมน้ำตาไหลไม่หยุด

ผมพยายามเลิกสนใจมันแล้วเลือกถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยที่สุดแทน

"ทำไม...ถึงเลือกที่จะพาฉันออกมาล่ะ"

นี่คือสิ่งที่ผมสงสัย

เลอัสก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย "เพราะ...เพราะ...ตอนนั้นทุกคนตายหมดแล้ว...เหลือแต่นาย"

"…" ไอ้ลูกหมานี่โกหกอีกแล้ว

แหงงล่ะ ทุกคนตายหมดแล้ว หลังพวกเราหนีมาประตูโบสถ์ก็คงพัง -ตอนนี้-ทุกคนที่ยังไม่ตายก็คงตายหมดแล้วล่ะ

ผมลังเลที่จะถามต่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมเลอัสถึงไม่ยอมบอกผมว่ามีคนอื่นรอดชีวิตอยู่อีกหรือทำไมถึงเลือกที่จะพาผมหนีออกมาคนเดียว...ถึงจะอยากรู้คำตอบ แต่ตอนนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่า

ผมอยากรู้ว่าเขาจะทิ้งผมรึเปล่า

พระเอกในเกมจะไม่ทิ้งเพื่อนของตัวเอง แต่เมื่อพิจารณาว่าทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้…

"…มาทบทวนดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก่อน" ผมหายใจเข้าลึก จากนั้นเริ่มไล่เรียงเหตุการ์ณ "เหมือนที่หนังสือในโบสถ์บอก ครรภ์ความมืดของจอมมารกำเนิดขึ้นทำให้เกิดระลอกคลื่นมานาธาตุมืดจำนวนมหาศาล…"

"อืม..." เลอัสดูมึนงง

"มันทำให้ทุกคนป่วย ถ้าไม่ตายไปเลยแบบคนในโบสถ์ก็กลายเป็นศพเดินได้พูดได้เหมือนผู้ใหญ่ในหมู่บ้านพวกนั้น"

"…"

"ดูจากที่พวกเขาเดินไปมาในป่า...ฉันไม่แน่ใจว่าพวกนั้นรู้จำนวนที่แน่นอนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไหม...ถ้าใช่ บางทีพวกเขา...พวกมันอาจจะหาเราอยู่..."

"สภาพตอนนี้ฉันป่วยและใกล้ตาย ส่วนนายคือเด็กที่น่าจะมีพลังแสงสว่างเลยไม่ป่วย แต่ถ้าโดนพวกศพเดินได้ฆ่าก็คงตายเหมือนกัน"

"…" เลอัสทำหน้าสิ้นหวัง

"พวกเราเป็นเด็กทั้งคู่ แถมฉันก็ขยับแขนขาไม่ได้ ถ้าโดนเจอเข้าก็สู้แรงพวกมันที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้...วิ่งหนีก็ไม่ทันแน่ๆ โดยเฉพาะตอนที่นายยังต้องแบกฉันอยู่"

"…"

เลอัสทำสีหน้าสิ้นหวังขึ้นทุกที

ผมทำหน้าไม่เข้าใจ "...ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นล่ะ"

"เรื่องพวกนี้มันบ้า…ฉัน...ทำยังไงดี...พวกเรา"

"แค่ทิ้งฉัน"

เลอัสยังไม่มีปฏิกิริยา เหมือนยังไม่เข้าใจว่าผมพูดอะไร

ผมอธิบาย "ถ้านายทิ้งฉัน นายต้องวิ่งหนีทันแน่ ฉันจะช่วยตะโกนล่อพวกมันไว้ให้ นายแค่วิ่งไปทางเมืองก็พอ"

"...เอ๊ะ"

"ยังไงภายในคืนนี้ฉันก็ต้องตาย ก็แค่เปลี่ยนเป็นตายให้เป็นประโยชน์หน่อยเท่านั้นเอง"

"---ยังไง" เด็กชายที่ถูกเลือกโดยแสงสว่างมีสีหน้าบิดเบี้ยว

"แค่นายทิ้งฉัน" ผมพูดช้าๆ "นายจะรอด"

พระเอกของเกมจะไม่มีวันทิ้งเพื่อนของเขา

เลอัสในเกมคือผู้กล้าที่เกิดขึ้นจากเหตุการ์ณโรคระบาดแห่งความตาย เป็นดอกไม้แห่งแสงที่บานออกมาจากซากศพของหมู่บ้านที่เขาเกิด

เลอัสคนนั้นทุกข์ทรมาณอย่างมากในหมู่บ้านตลอดห้าคืนแห่งความตาย แต่เขาพยายามช่วยทุกคนทุกวิถีทาง เลอัสวิ่งไปมาในหมู่บ้าน หนีจากการถูกตามฆ่าและไล่ปฐมพยาบาลคนป่วยที่สาปแช่งเขา

ก่อนที่ทุกอย่างจะสลายไปเมื่อถึงเที่ยงคืน

ในช่วงสุดท้าย พลังแสงสว่างในตัวเขาก็ตื่นขึ้นขณะพยายามยื้อชีวิตชาวบ้านคนหนึ่งตอนเที่ยงคืน

ถึงจะช่วยใครไม่ได้เลย แต่การพยายามจนถึงจุดสุดท้ายนั่นคือเลอัสที่ผมรู้จัก

ผมอยากรู้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเลอัสคนนั้นอยู่ไหม

มันจะส่งผลต่อแผนที่ผมจะเลือกใช้

"ไม่ ฉัน..."

"…"

ผมกำลังรอตัวเลือกของเขา

"ยังไง..." เลอัสใบหน้าบิดเบี้ยวและดูสับสนมาก "นายพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง…"

"…"

"นายพูดให้ทิ้งนายแบบนั้นออกมาได้ยังไง…พูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง" เขาดูโกรธ

"นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ฉันคิดออก"

"ไม่ มันต้องมีวิธีอื่น---ฉันกลัว นายก็กลัว นายไม่ได้อยากตาย...ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ--ฉันไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น---ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันจะต่างอะไรจากชาวบ้านที่กำลังตามฆ่าพวกเราล่ะ"

"…"

เลอัสยืนขึ้นด้วยความสับสนและพูดเสียงดัง "ฉันขอโทษที่จำชื่อนายไม่ได้ แต่ฉันเห็นแล้วว่าตั้งแต่มีโรคระบาดนายเป็นคนคอยสั่งทุกคน...นายฉลาดมาก ช่วยพวกเราไว้ตลอดทั้งที่นายก็ป่วย...ผิดกับฉันที่ร่างกายแข็งแรงดีแต่กลับช่วยใครไม่ได้เลย...ฉันเห็นนายอ้วกออกมาเป็นเลือดด้วยซ้ำตอนที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลคนอื่น! นายเป็นคนดีมาก—นายไม่ควรตาย อย่าบอกให้ฉันทิ้งนาย--ฉันคิดว่านายต้องคิดออกแน่ นายฉลาดขนาดนั้น! วิธีการที่นายไม่ต้องเสียสละตัวเอง...—มันต้องมีสิ!"

"แต่นายอาจจะตายนะ"

"แต่ถ้าฉันทิ้งนายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ!" เลอัสคำรามเสียงต่ำ มันดูไม่เหมือนคนที่กำลังต่อสู้กับความชั่วร้ายในใจของตัวเองแต่เหมือนเขากำลังหาเหตุผมมาหักล้างผมมากกว่า

เมื่อความสับสนหายไป เลอัสกล่าวว่า "ถ้าฉันทิ้งนายแล้วหนีไป ฉันจะมีชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน ฉันจะกลายเป็นคนแบบไหน"

ผมเงยหน้ามองเขา

เลอัสสบตากับผม ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายราวดวงดาวขณะที่เขาพูด

"ฉันจะไม่ทิ้งนาย"

ไหล่เล็กๆ นั่นยืดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เลอัสดูมุ่งมั่นมากโดยไม่สนใจถึงความจริงที่ว่าผมเป็นแค่คนใกล้ตายหรือพวกเราอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสิ่งหวังขนาดไหน

"…"

ว้าว

มีแสงสว่างอยู่ตรงหน้าผม

ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก แต่มันทำให้ผมรู้สึกตาพร่าอย่างช่วยไม่ได้

เขายังเป็นเลอัสคนนั้นอยู่ ถึงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกจะทิ้งคนในโบสถ์แล้วพาผมหนีมา แต่บางทีมันอาจมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างก็ได้... หรือบางทีตอนนั้นผมอาจจะมองผิดไป?

โรคจากความมืดทำให้เห็นภาพหลอนได้เหมือนกัน...

ไม่

"ฉันเห็นคนอื่นในโบสถ์…พวกเขายังไม่ตาย"

"…"

เลอัสมีสีหน้าตกใจและหวาดกลัวขึ้นมา มันยืนยันว่าสิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่ภาพหลอน

"เกิดอะไรขึ้น"

ผมไม่ได้กล่าวประณามเขาแต่เปิดให้เขาอธิบาย ถ้าเขาเป็นเลอัสคนนั้นเขาไม่มีทางทิ้งคนอื่นอยู่แล้ว

เลอัสทำสีหน้าลำบากใจ "พวกเขา...ตายแล้วจริงๆ ...กลายเป็นเหมือนชาวบ้านนอกโบสถ์ โดนความมืดทำให้อยากทำร้ายคนอื่น"

"ตายแล้ว? ทำร้ายคนอื่น?" ในเนื้อเรื่องเด็กในโบสถ์ไม่ได้ถูกความมืดควบคุม เลอัสจะพยายามรักษาพวกเขาอย่างสุดความสามารถด้วย

"พวกเขาพยายามถมเลือดใส่ฉัน"

"…" นั่นเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง

"ความมืดควบคุมพวกเขาให้ทำร้ายคนอื่น...พวกเขาสาปแช่งฉันเพราะฉันไม่ป่วย"

"…" นั่นเป็นพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นของมนุษย์ในช่วงโรคระบาด ผมมึนงง "พวกเขาอาจแค่เครียดเพราะตัวเองป่วย..."

"นายก็ป่วยแต่นายไม่ได้ทำแบบนั้นเลย มีแค่นายคนเดียวที่ยังไม่ถูกความมืดครอบงำ…ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่อาจเป็นเพราะนายเป็นคนดีมาก...ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ"

"…"

"พวกเขาถูกความมืดครอบงำไปแล้วจริงๆ"

"...."

เวร

ในเนื้อเรื่องปกติ เลอัสจะเข้าใจเพื่อนของเขาและพยายามรักษาต่อไป แต่พอมีผมที่ไม่แสดงอาการอะไรเลยเป็นตัวเปรียบเทียบ ฝั่งผู้ป่วยปกติเลยดูหนักขึ้นจนกลายเป็นศพเดินได้

ยิ่งเมื่อผมบอกเขาเกี่ยวกับครรภ์ความมืดยิ่งทำให้แย่ลง เลอัสเหมารวมทุกคนที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเป็นผู้ถูกความมืดครอบงำโดยไม่รู้ตัว อีกฝ่ายไม่เข้าใจถึงความชั่วร้ายในเวลาคับขันของมนุษย์เลยอิงผมเป็นตัวอย่าง

ผลคือเลอัสเชื่อว่าผมเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกครอบงำ

"…อา" เผชิญหน้ากับดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเพิ่งปล่อยคนในโบสถ์ตายไปด้วยความเข้าใจผิด

ดังนั้นแล้วผมจึงได้แต่ยิ้มราวกับกำลังขอโทษ

"พวกเขาคง...ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วจริงๆ ด้วย..."

ผมขอโทษจริงๆ

"ขอโทษที่ฉันสงสัยนายนะ"

"อืม ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่กลัวนายเสียใจเลยไม่ได้บอกน่ะ" เลอัสยิ้มตอบ แล้วจึงมีสีหน้าหมองลงเมื่อนึกถึงว่าเพื่อนคนอื่นๆ กลายเป็นซากศพคลั่งที่จ้องจะทำร้ายคนอื่น

ความรู้สึกผิดอันดำมืดครอบงำตัวผม

"แบบนี้เอง...ขอบคุณนะ" ผมยิ้มออกมา

ผมภาวนา

เรื่องที่ไม่รู้ก็ขอให้ไม่รู้ต่อไป...ตลอดไปเลยเถอะนะ

ลองใช้แอปนี้ครั้งแรกเลยค่ะ ได้ข่าวว่ามีคอมเม้นทีละย่อหน้า อยากเห็นกับตาว่ามันเป็นยังไง55555

Asa6210800122creators' thoughts