[เอฟเฟกต์ที่ซ่อนอยู่ของสกิล 'แกะหรือหมาป่า' ถูกเปิดใช้งาน!]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' ทำงานแล้ว]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' จะทำให้คุณมีค่าสถานะเท่ากับผู้ที่โจมตีคุณก่อนเป็นเวลา 5 นาที เมื่อคุณฆ่าผู้ที่โจมตีคุณได้ หรือคุณโจมตีมอนสเตอร์ตัวอื่นจากเผ่าเดียวกันจะเพิ่มเวลาให้เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' 2 วินาทีต่อ 1 ตัว]
[เมื่อเอฟเฟกต์ 'เอคโค่' ทำงานอยู่ จะหักค่าประสบการณ์ที่จะได้รับจากการฆ่ามอสเตอร์ครึ่งหนึ่งทุกตัว]
หน้าต่างระบบปรากฏขึ้นอธิบายเอฟเฟกต์ที่ซ่อนอยู่นั้น ขัตติยะกวาดตาอ่านมันอย่างรวดเร็วแล้วหัวเราะออกมาทั้งที่เลือดยังเต็มปาก
'มีเอฟเฟกต์ที่ซ่อนอยู่ด้วย ทำไมไม่บอกกันล่ะแฟร์'
[เพราะมันซ่อนอยู่ แฟร์เลยไม่เห็น]
"..."
ตอบแบบนี้ก็ได้เหรอ
แต่ช่างเถอะ เอฟเฟกต์ที่ซ่อนอยู่นี่เป็นของดี เขาจะไม่ปล่อยให้มันเสียเปล่า
ขัตติยะดันก้ามแมงป่องออกไปอย่างสบายๆ ก่อนจะตรวจสอบสเตตัสของตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างจากเอฟเฟกต์เอคโค่
[สเตตัส]
ผู้ถือกุญแจ – ขัตติยะ (19)
อาชีพ – อยากเป็นอะไรก็ตามใจ (EX)
ระดับ – 10 (+60) (ชั่วคราว)
พลังชีวิต – 24664/25580 (ชั่วคราว)
พลังเวท – 450/570 (ชั่วคราว)
พลังกาย – 21 (+100) (ชั่วคราว)
ความคล่องตัว – 15 (+40) (ชั่วคราว)
ความทนทาน – 10 (+100) (ชั่วคราว)
ความแม่นยำ – 10 (+55) (ชั่วคราว)
สติปัญญา – 24 (+5) (ชั่วคราว)
โชค – 11
คะแนนโบนัส – 0
เห็นสถานะแล้วขัตติยะเกือบขยี้ตาตัวเองเพื่อมองใหม่
เพิ่มขึ้นไปตั้งหกสิบเลเวล!
มอนสเตอร์แมงป่องยักษ์เลเวลเจ็ดสิบเลยงั้นเรอะ!
แล้วเลือกที่ลดนั่นก็มากกว่าเลือดเดิมที่เขามีด้วย หมายความว่าต่อให้เป็นเขาที่เลเวลสิบแล้ว เสริมพลังเต็มที่แล้วก็ยังรับการโจมตีไม่ไหวงั้นสินะ
ต้องขอบคุณเอฟเฟกต์เอคโค่
"ติน!" เสียงของศัสตราเรียกเขาแต่ไม่ได้เข้ามาใกล้ เพราะยังตกตะลึงกับชายหนุ่มผมสีเงินที่ดันก้ามแมงป่องยักษ์ออกไปอย่างง่ายดายราวกับกล่องกระดาษเปล่า
เป็นไปได้ยังไง!?
"ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ตอนนี้เรามีเรื่องต้องทำก่อน" ขัตติยะหันไปทางแมงป่องยักษ์แล้วกวาดตามองอย่างชั่วร้าย
พวกมันรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากตัวขัตติยะจนเผลอถอยหลัง ชูหางขึ้นสูงพร้อมต่อสู้อย่างจริงจัง แค่มนุษย์คนหนึ่งพวกมันตั้งหลายตัวคงสู้ได้
แต่น่าเสียดายที่พวกมันเล่นผิดคน
"พวกแกน่ะ โชคร้ายจริงๆ" ขัตติยะดึงดาบยาวออกมาจากช่องเก็บของ แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ยังคงนิ่งอึ้ง "เรามาฆ่าพวกนี้กันเถอะ จะได้จบภารกิจแบบสบายๆ กัน"
"จะทำได้เหรอ?" ศัสตราถามอย่างงุนงง แต่ก็หยิบดาบขึ้นมาพร้อมสู้
ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้นัก แต่ขัตติยะที่ดูแข็งแกร่งผิดปกติมีความมั่นใจมาก และเขาในฐานะเพื่อนสนิทก็เชื่อใจเขามากเช่นกัน
ถ้าเพื่อนบอกว่าสู้ก็สู้!
จะรอดหรือตายวัดกันไปเลย!!
"แน่นอนว่าทำได้ จะทำให้ดูและจเหลือไว้ให้นายด้วย" ขัตติยะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
'เปลี่ยนอาชีพเป็นพาลาดินศักดิ์สิทธิ์'
[คุณเปลี่ยนอาชีพชั่วคราว]
[คุณได้รับอาชีพเป็นพาลาดินศักดิ์สิทธิ์]
บัฟจากนักบุญยังคงอยู่ ซึ่งไม่ได้บวกลงไปในค่าสเตตัส แต่ขัตติยะยังรู้สึกได้ การต่อสู้ครั้งนี้ความได้เปรียบมันก็ชัดเจนแล้ว
ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ฝึกใช้ทักษะดาบเสียที
แต่ก่อนหน้านั้น...
[เปิดใช้สกิลเคลือบอาวุธศักดิ์สิทธิ์]
[อาวุธของคุณจะเพิ่มความทนทาน 30% ต้านทานการกัดกร่อนและคำสาป 100% เป็นเวลา 5 นาที]
ไม่รู้ว่าทักษะดาบที่เคยเรียนมาจากโลกเดิมมันจะเป็นยังไงเมื่อเอามาใช้ในโลกนี้กันนะ
ขัตติยะตั้งท่าดาบ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โจมตีเข้าที่ข้อต่อของแมงป่องอย่างแม่นยำ ตัดก้ามข้างหนึ่งที่กระแทกเขาติดกำแพงทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ดาบที่สองตัดอีกก้าม หางแมงป่องที่ชูข่มขู่มาก่อนก็พุ่งมาที่เขา ขัตติยะยกดาบขึ้นกันเพียงเล็กน้อยก็เบี่ยงมันออกไปแล้วใช้จังหวะนั้นตัดหางมันทิ้งเสียเลย
ดาบของขัตติยะคมกริบและแม่นยำ ฟันออกไปเพียงสามครั้งก็ตัดอาวุธคู่ต่อสู้ทิ้งทั้งหมด เหลือแค่ตัวเปล่าให้ฆ่า ซึ่งเขาก็ไม่ลังเลที่จะผ่ามันออกเป็นสองท่อนแม้ว่าร่างกายมันจะแข็งมากก็ตาม
เพราะเขาเองก็มีความทนทานพอกันยังไงล่ะ
[เพิ่มระดับ ชำนาญดาบขั้นสูง 1 > 2]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
ขัตติยะมองเวลสองวินาทีที่เพิ่มขึ้นมาแล้วอยากถอนหายใจ เพิ่มมาแค่นี้แค่ฟันดาบครั้งเดียวก็หมดแล้ว มันจะใช้คุ้มเหรอเนี่ย
แต่เขาไม่มีเวลาให้คิดนานนัก เมื่อเขาโจมตีมอนสเตอร์มันจะไม่มองเขาเป็นมิตรอีกต่อไป และทุกตัวต่างโจมตีมาที่ขัตติยะ เพราะเขาในเวลานี้อันตรายที่สุด
ศัสตราไม่ได้ปล่อยให้เพื่อสู้เพียงลำพัง เขาเขาไปรับการโจมตีจากหางพิษด้วยดาบ แต่พิษของแมงป่องยักษ์มีฤทธิ์กัดกร่อน อาวุธของเขาถึงเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว
"บ้าเอ้ย ขนาดอาวุธระดับสูงก็ยังเอาพิษของแมงป่องนี้ไม่อยู่เหรอ!" ศัสตรากัดฟันแล้วใช้ออร่าดาบเคลือบดาบของตัวเองไว้ ทำให้การกัดกร่อนลดลงไปมาก
"อาวุธมันจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่ผู้ใช้ด้วยน้า~" ขัตติยะยังมีเวลาหันมาหยอกล้อเพื่อน แมงป่องเหล่านั้นโจมตีเขาไม่โดนเลยและเขาก็ได้ตัดหางมันไปหลายตัวแล้วด้วย "ใช้ให้ยืมดาบแล้วกัน"
ขัตติยะโยนดาบที่เคลือบพลังศักดิ์สิทธิ์ไปให้ดาบจัดก้ามแมงป่องขาดไปข้างหนึ่งอย่างง่ายดาย ศัสตราทิ้งดาบในมือของตัวเองทันทีและจับดาบของขัตติยะขึ้นฟาดฟัน
ตัวดาบแข็งแรงทนทานกว่าดาบของเขาจริงๆ
ข้อเสียของมันคือส่องแสงเงางามแสบตามากเลย
"นายขัดดาบตัวเองทุกวันรึไงวะติน สว่างเกินไปแล้ว!" เขาอดไม่ได้ที่จะบ่น
"มันเคลือบสกิลต่างหากล่ะเฟ้ย!"
คิดได้ยังไงดาบส่องแสงเงางามคือขัดดาบทุกวัน
อีกอย่างหน้าอย่างเขาดูเหมือนคนที่ชอบขัดดาบไหม?
ศัสตราหัวเราะในลำคอ ก่อนจะใช้สกิลออร่าดาบของเขากับดาบของขัตติยะ สกิลทั้งสองไม่ได้ขัดแย้งกัน ทำให้ความสามารถในการโจมตีเพิ่มมากขึ้นไปอีกขั้น
แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ศัสตราเอาชนะมอนสเตอร์ได้ด้วยตัวเอง
"หรือฉันต้องใช้สกิลช่วยเพิ่มนะ" ขัตติยะมองดูสกิลของพาลาดินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสกิลโจมตีอยู่จำนวนหนึ่ง
"ระวังหลัง!" เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูห้าวดังขึ้นจากด้านหลังของขัตติยะ แมงป่องยักษ์ที่แอยซ่อนตัวในความมืดที่โคมไฟส่องไม่ถึง
หางแมงป่องพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขัตติยะที่ได้ยินเสียงเตือนก่อนหยิบเอามีดสั้นออกมาแล้วตัดมันขาดอย่างรวดเร็ว
"กางเขนศักดิ์สิทธิ์!"
[เปิดใช้งานสกิลกางเขนศักดิ์]
มีดสั้นถูกสะบัดเป็นรูปกางเขนสีเงินแล้วพุ่งเข้ากระแทกตัวของแมงป่องยักษ์ตัวนั้นอย่างเต็มที่ ที่หลังของมันมีรอยไหม้ลึกรูปกางเขน
[เพิ่มระดับ ชำนาญมีดสั้นขั้นสูง 1 > 2]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
ขัตติยะไม่ได้สนใจศพแต่หันไปทางต้นเสียงที่แจ้งเตือนเขา ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วบอกอีกฝ่าย
"คุณเป็นใครน่ะ ออกมาเถอะ ทางนี้คงไม่มีอันตรายนอกจากตัวที่ดาบสู้อยู่หรอก"
"นายไม่คิดจะมาช่วยฉันสินะ!" ศัสตราหันมาเขม่นขณะรับมือกับแมงป่องยักษ์เพียงลำพัง "จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย!"
"ให้ฉันช่วยเอง!" คนที่หลบซ่อนอยู่พุ่งตัวเข้าไปช่วยศัสตรา เธอไม่ได้เผชิญหน้ากับขัตติยะโดยตรงเพราะคิดว่าเขาอันตรายเกินไป
คนที่สามารถฆ่าแมงป่องยักษ์ได้ด้วยตัวคนเดียวจะไม่อันตรายได้ยังไง
ขัตติยะเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่ หันไปเก็บซากมอนสเตอร์ที่ตายด้วยฝีมือเขาเข้าสู่ช่องเก็บของ
ซากศพของแมงป่องยักษ์จัดเป็นวัตถุดิบ แต่แก่นพลังเวทภายในนั้นแยกออกจากศพ เมื่อนำมันเข้าช่องเก็บของโดยที่ยังไม่ผ่าแก่นพลังเวทออกมันก็จะแยกให้เองอัตโนมัติ
เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับแอ็กนัสดีนะ
เขาหันกลับไปมองทางศัสตราและหญิงสาวลึกลับที่ใส่ชุดคลุมสีดำสนิททั้งตัว การต่อสู้ดูเข้าขากันได้ดี คนหนึ่งจู่โจมด้านหน้าอีกคนคอยก่อกวน
เพราะเหลือก้ามเพียงข้ามเพียงทำให้แมงป่องยักษ์เสียเปรียบ แต่มันก็กัดฟันสู้สุดชีวิต ขัตติยะได้ยินเสียงเดินของสิ่งมีชีวิตมาแต่ไกล เขาเหลือมองดูระยะเวลาเอฟเฟกต์เอโคที่เหลืออยู่
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เหลือเวลา 2:54 นาที]
ยังถือว่าเหลืออยู่มาก
ทางศัสตราไม่ได้ดูน่าเป็นห่วงแล้ว และยังมีต่างหูที่ใส่เวทโล่เข้าไป น่าจะไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง ขัตติยะจึงล่วงหน้าไปหาแมงป่องยักษ์อีกฝูงที่กำลังมา
เมื่อไม่อยู่ในระยะสายตาเพื่อนและขัตติยะก็อยู่ในที่มืด แต่เขาก็ยังมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง และมองเห็นเงาร่างของแมงป่องยักษ์เหล่านั้น พวกมันเห็นเขาก็รีบชูหางขึ้นข่มขู่ และพร้อมจะโจมตีใส่เช่นกัน
ด้วยเอฟเฟกต์เอคโค่ที่กำลังทำงานอยู่ เลเวลของขัตติยะอยู่ที่ 70
ซึ่งเท่ากับหรือสูงกว่าแมงป่องยักษ์ในถ้ำแห่งนี้แล้ว ผลของสกิลแกะหรือหมาป่าจึงไม่ทำงานใช่ไหม?
เป็นเอฟเฟกต์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียจริงๆ
ขัตติยะคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังพร้อมกับเข้าโจมตีแมงป่องอย่างรวดเร็ว มีดสั้นได้เคลือบด้วยแสงสีเงินเงาส่องสว่างวูบวาบในความมืด ทำให้สัตว์ใต้ดินอย่างแมงป่องชะงักไปชั่วครู่
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ขัตตะยะฆ่ามันได้แล้ว
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' เพิ่ม 2 วินาที]
...
ขัตติยะไม่รู้ว่ายิ่งฆ่ามาไกลแค่ไหนและฆ่าไปเท่าไหร่ กว่าจะรู้ตัวก็เป็นตอนที่ระบบแจ้งเตือนหมดเวลา
[เอฟเฟกต์ 'เอคโค่' หยุดการทำงาน]
[บัฟทั้งหมดหายไป]
[ระบบกำลังคำนวณค่าประสบการณ์ของคุณ]
"อ่า... หมดเอฟเฟกต์ซะทีนะ" เขาสู้เหมือนคนบ้าพลังและไม่กลัวตาย ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับสเตตัสของมอนสเตอร์ด้วยเอฟเฟกต์เอคโค่คงไม่ได้ไล่ฆ่าอย่างเมามันขนาดนี้
แต่พอเอฟเฟกต์หมดลงร่างกายก็กลับมาอ่อนแออีกครั้งและเลือดของเขาก็เหลือเพียง 50 เท่านั้น แค่สะกิดเบาๆ เขาก็น่าจะตายทันที
"เปลี่ยนอาชีพกลับไปอาชีพหลักก่อนแล้วกัน"
[ยกเลิกอาชีพพาลาดินศักดิ์สิทธิ์]
"รักษาขั้นสูง"
[เปิดใช้งานสกิลรักษาขั้นสูง]
พลังชีวิตที่ร่อแร่ก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง รวมทั้งความเหนื่อยล้าที่มีก็ลดหายไปครึ่ง พลังเวทของเขายังเหลืออยู่อีกมากจึงสามารถใส่บัพให้ตัวเองได้อีกครั้ง
[เพิ่มความเร็วขั้นสูง +22% เป็นเวลา 6 นาที]
[เพิ่มฟื้นฟูพลังเวทขั้นสูง +27% เป็นเวลา 10 นาที]
เขารีบกลับไปตรงทางที่พวกศัสตราอยู่ด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าเสียงการต่อสู้ได้เงียบไปแล้ว แต่ด้วยความเชื่อใจเขาก็ไม่คิดว่าศัสตราจะแพ้ให้กัยมอนเตอร์
เมื่อมาถึงก็เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวนอนราบกับพื้นหายใจหอบหนัก มีซากศพแมงป่องยักษ์ที่สภาพยับเยินเป็นผ้าขี้ริ้วดูไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
"ดูไม่จืดเลยนะพวกนาย" ขัตติยะยิ้มให้พวกเขาอย่างขบขัน ศัสตราและหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนพูดที่อยู่ในสภาพเรียบร้อยเป็นที่สุด จะมีก็แต่คราบเลือดเล็กน้อยบนเสื้อเท่านั้น
ซึ่งเลือดนี่ก็มาจากตอนที่โดนโจมตีครั้งแรกนั่นเอง
หลังจากนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จากแมงป่องยักษ์เลย
"สภาพนายมันดูดีเกินไปแล้วต่างหาก นายเป็นแอ็กนัสแน่นะ?" ศัสตราพูดอย่างสงสัย จากที่เห็นเหมือนว่าจะระบบเดียวกันก็จริง แต่แอ็กนัสมันแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
แล้วยังมีสกิลแปลกๆ อย่างมอนสเตอร์ที่ระดับสูงกว่าจะไม่โจมตีก่อนอีก
"ฉันก็เป็นแอ็กนัสนี่แหละ แค่แปลกนิดหน่อย 'รักษาขั้นสูง'"
[เป็นใช้งานสกิลรักษาขั้นสูง]
การรักษาถูกมอบให้กับทั้งศัสตราและหญิงสาวปริศนา ไม่รู้ว่าโดนโจมตีด้วยหรือเปล่าแต่รักษาไว้ก่อนดีกว่า
"ฮ่า... ค่อยดีขึ้นหน่อย" ศัสตราลุกขึ้นนั่งในทันที
สกิลรักษาขั้นสูงไม่ได้แค่เพิ่มพลังชีวิตรักษาบาดแผล แต่ยังบรรเทาอาการเหนื่อยล้าหรือการติดพิษได้ด้วย นี่เป็นสกิลของผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งมาก
"ขอบคุณ" หญิงสาวคนนั้นเอ่ย ก่อนจะถอดฮู้ดออกเผยให้เห็นผมสีทองสั้น ใบหน้าเป็นลูกครึ่งอังกฤษ ดวงตาของเธอเป็นสีเขียวอ่อนที่หายากกลมโต ใบหน้าเรียวสวยและอ่อนเยาว์
"หืม!?" ทั้งขัตติยะและศัสตราอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นใบหน้าเต็มของหญิงสาว
"อะไรคะ มองทำไมกัน?" เธอหันมาทำหน้าบึ้งใส่พวกเขา
"เปล่าๆ ก็แค่แปลกใจที่ลูกสาวคนเล็กของบริษัทเทวพันธ์ก็มาเป็นแอ็กนัสกับเขาด้วยน่ะสิ" ศัสตราพูดออกมาอย่างประหลาดใจ แต่ความประหลาดใจของขัตติยะต่างกับศัสตรา
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอตัวละครที่รู้จักในนิยายของพี่สาว!
แอ็กนัสกุญแจสีทองที่มีชื่อเสียงในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
อาชีพมือสังหารแห่งความมืดระดับ S
เซเรีย เทวพันธ์!