เราขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปยังหอพักของพวกเรา น่าแปลกที่ถนนตอนนี้ดูโล่งจนผิดหูผิดตาไป รถยนต์ทุกคันวิ่งชิดเลนขวากันหมดทำให้เลนซ้ายแทบจะไม่มีรถขวางอยู่เลย
ถ้าวันนึงผมไม่ได้มีโอกาสมาดูแลมันแล้ว...ตอนนั้นมันจะอยู่ตัวคนเดียวได้รึเปล่านะ
พอถึงช่วงเข้าซอยที่ไม่มีรถวิ่งผ่าน ผมตัดสินใจให้ไนน์เรียนวิชานอกเหนือจากที่ผมวางแผนไว้
"พี่เบ็นหยุดรถทำไมครับ ปวดฉี่เหรอ" ดูจากใบหน้าไร้เดียงสาของมันแล้วผมคาดเดาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ามันถามด้วยความสงสัยหรือต้องการจะกวนส้นตีนเล่น
"พี่จะสอนเราขี่มอเตอร์ไซค์ เผื่อวันหน้าพี่ไม่อยู่ดูแลไนน์แล้วจะได้พึ่งพาตัวเองได้"
"พี่เบ็นจะทิ้งผมไปไหนเหรอ"
"เด็กบ้า ไม่ทิ้งไปไหนหรอก...ก็แค่เผื่อไว้ มาเร็ว มานั่งข้างหน้า"
"ไม่เอา ผมกลัว"
"ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เร็วเข้า" ผมกระตุ้นให้เด็กขี้กลัวมานั่งข้างหน้าแทนที่ผม มือมันสั่นไหวไปมาจนเห็นได้ชัดแม้ในที่แสงสลัว ส่วนผมเคลื่อนไปข้างหลังอยู่ในตำแหน่งผู้ซ้อนท้ายแทน
ผมสอนเรื่องเบสิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ทเครื่อง การบิดคันเร่ง การเบรค การกดไฟเลี้ยว และอื่น ๆ ที่ควรรู้เบื้องต้น เมื่ออธิบายครบผมจึงเริ่มให้ไนน์ลองสตาร์ทรถดู
"ไม่เอาพี่เบ็น ผมขี่ไม่ได้หรอก"
"ไม่ต้องกลัว พี่อยู่ข้างหลังเนี่ย เดี๋ยวช่วยประคอง โอเคนะ เริ่มจากสตาร์ทเครื่อง"
"...บิดกุญแจรถ...กำเบรค...แล้วก็...กดปุ่มนี้"
ปี๊ด!!!! เสียงแตรจากไอ้ชมพูดังลั่นไปทั่วซอย
ผมสะดุ้งโหยงสุดตัว ไนน์ก็เช่นกัน มันตกใจจนทำตัวไม่ถูกแล้วกดค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะได้สติ หมู่บ้านละแวกนี้เงียบสงัดมาก พอมีแตรดังออกมาจึงดูหนวกหัวเป็นพิเศษ
คุณลุงคนหนึ่งเปิดหน้าต่างออกมาด่าเราสองคน "ไอ้เด็กเวร! คนจะหลับจะนอนโว้ย!" ก่อนจะปิดหน้าต่างกระแทกกลับไปตามด้วยเสียงบ่นที่ฟังไม่รู้เรื่องแว่วออกมา
"ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ"
"นั่นมันปุ่มแตร ไอ้เด็กบื้อ" ผมดุไปหัวเราะไป ไม่ได้โกรธมันสักนิดเดียว ผมกลับฮาขี้แตกขี้แตนกับความโก๊ะของมันมากกว่า "เอ่า ลองใหม่"
คราวนี้ไนน์สตาร์ทเครื่องได้สำเร็จ ผมเอื้อมไปจับมือผอมบางที่กำแฮนด์ทั้งสองข้าง
ตอนนี้แผ่นหลังของไนน์แนบชิดกับช่วงท้องเต็ม ๆ ส่วนหัวของมันเกือบจะพิงมาชนหน้าอกผม ท่าทางของผมในตอนนี้เหมือนกำลังโอบกอดไนน์จากด้านหลังมากกว่ากำลังช่วยประคองรถเลยแฮะ
หัวใจผมเต้นรัวอีกครั้ง หวังว่าเสียงเครื่องยนต์ที่ติดอยู่จะกลบเสียงตึกตักในอกผมได้หมดนะ หูของไนน์มันใกล้หัวใจผมมากเหลือเกิน
ไนน์ใช้มือที่สั่นเทาบิดแฮนด์ข้างขวาเบา ๆ จนรถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ผมช่วยประคองแฮนด์ทั้งสองข้างด้วยอีกแรง แรก ๆ จะต้องหัดมือแข็งหน่อย ไม่ให้อ่อนปวกเปียกส่ายล้อหน้าไปมา
เมื่อดูท่าจะประคองรถได้หน่อยแล้ว ผมก็เตรียมปล่อยให้ไนน์ลองคุมรถเอง
"พี่จะปล่อยมือแล้วนะ"
"พี่เบ็น อย่าเพิ่ง ไนน์ยังไม่..." ไม่ทันแล้ว ผมชักมือกลับออกมาจับเอวไนน์ไว้แทน "อ๊า อ๊า พี่เบ็น อย่า!!" ไอ้เด็กขวัญหนีร้อนเสียงหลงดังลั่นซอย ทั้งที่คุมแฮนด์ได้ดีอยู่แล้วแท้ ๆ ปอดแหกไปได้
ผมไม่ได้ปลอบอะไร ไนน์เลยต้องยอมทรงตัวอยู่เงียบ ๆ
ไม่นานไนน์ก็ทำได้ ถึงล้อหน้าจะส่ายไปมาอยู่บ้าง แต่ก็ขับตรงไปได้โดยที่ไม่ล้ม
"ทำได้แล้ว ผมทำได้แล้วพี่เบ็น!"
"เห็นไหม ไม่เห็นยากเลย"
เราสองคนขับออกมาถึงนอกซอยเข้าสู่ถนนใหญ่ ไนน์ดูลังเลเล็กน้อย แต่ผมก็กระตุ้นสำเร็จ และในที่สุดไนน์ก็ขับทางตรงได้คล่องปร๋อ สำหรับหัดครั้งแรกก็นับว่าสุดยอดแล้ว
"พี่เบ็น โคตรรู้สึกดีเลยครับ" ไนน์ว่าพลางหันหัวมามองผม
นี่เป็นคำหยาบคำแรกที่ได้ยินจากปากไนน์แล้วมั้ง คำว่า โคตร ไม่ได้หยาบอะไรมากแต่ผมไม่เคยได้ยินไนน์พูดคำพวกนี้เลย
"พี่ทำให้รู้สึกดีได้กว่านี้อีกนะ" สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วปล่อยออกมาทันที "วู้ววว!"
ผมโห่ร้องสุดเสียงไม่สนใจคนรอบข้างอีกแล้ว การได้ตะโกนแบบนี้ทำให้เราระบายความตื่นเต้นของตัวเองได้ดี ผมจำได้เลยว่าขับรถเป็นครั้งแรกผมก็ร้องออกมา
"วู้ววววฮู้ววว! สุดยอดไปเลยโว้ยยย!" ไนน์โห่ร้องตามผม แต่เสียงดัง ดังกว่าเสียงของผมด้วย
พวกเราดีใจกันได้ไม่นาน หยาดน้ำเล็ก ๆ หยดลงมาที่แขน จากหยดเล็กกลายเป็นเม็ดใหญ่ จากเม็ดใหญ่กลายเป็นสายน้ำหล่นลงมาบาดเนื้อ และจากสายน้ำเล็ก ๆ ก็กลายเป็นห่าฝนท้วมลงมาในเวลาไม่กี่นาที
ผมให้ไนน์จอดรถก่อนแล้วเปลี่ยนมาให้ผมขับแทน ขี่มอเตอร์ไซค์ตอนฝนตกจะอันตรายกว่าปกติ ก่อนสตาร์ทรถผมคว้าเสื้อกันฝนที่เก็บเอาไว้ใต้เบาะรถขึ้นมา
โชคร้ายที่มันมีอยู่แค่ตัวเดียว ผมจึงเสียสละให้ไนน์สวมไว้แล้วให้มันกอดกระเป๋าเป้ของผมซึ่งข้างในใส่ของที่ซื้อมาในวันนี้ทั้งหมดรวมถึงเจ้าตุ๊กตากระต่ายน้อยด้วย
เสียงหยาดฝนดังระงมอยู่ท่วมหูเป็นเสียงซ่า ๆ เหมือนช่องทีวีที่ไม่มีคลื่น
เม็ดฝนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อตกลงมามันจึงแสบผิวเนื้อที่โดน แสงไฟจากฟ้าแล่บส่งสัญญาณเตือนก่อนที่ยักษ์บนเมฆจะคำรางลงมาสู่โลกมนุษย์ ทำบรรยากาศน่าขนลุกขนพองไปหมด กลิ่นไอความเย็นพัดเข้ามาเปลี่ยนทะเลทรายเป็นสวนน้ำขนาดหย่อม ๆ
พอจะให้หนาวก็ทำไข่สั่นเลยนะ พับผ่าเถอะ
ผมสะดุ้งขึ้นเมื่อมีมือมาสัมผัสที่เอวของผม ไนน์เอาหัวมานอนซบกับแผ่นหลังทำผมใจเต้นตึกตักอีกครั้งหนึ่ง
เราสองคนกอดกันท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา มีแค่กระเป๋าเป้ของผมที่แยกร่างของเราให้ออกจากกัน