บรรยากาศในร้านหมูกระทะยามค่ำคืนดูจะหนาแน่นตลอดไม่เว้นแม้แต่วันธรรมดาแบบวันนี้ ผมและสนได้นั่งที่โต๊ะริมกระจก ห่างจากมุมตักอาหารไปไกลโข
โต๊ะนี้ไม่เหมาะแน่สำหรับคนทั่วไปที่จะมากินให้คุ้มราคา แต่โต๊ะนี้ดูจะเข้าท่าที่สุดแล้วสำหรับเราที่มาคุยกันมากกว่าจะกินให้อิ่ม
จะว่าไปผมแทบไม่แตะอะไรเลยด้วยซ้ำ หยิบหมูไก่มาไม่กี่ถาดก็หยุดกินแล้ว สนบ่นอุบอิบใส่ผมตลอดทุกครั้งที่ผมบอกว่าอิ่มแล้ว
มันบ่นว่า 'พามาทั้งทีแดกให้สุดไปเลยดิวะ' ว่างั้นน่ะ แต่ผมกินไม่ลง ทั้งเรื่องของไนน์ เรื่องเด็กเส้นอะไรนั่น แล้วก็เรื่องของสนที่มันยังไม่เกริ่นมาสักทีอีก
"สรุปแล้วมึงมีอะไร พูดมาสักที"
"เดี๋ยวดิ กินให้อิ่มก่อน พอหิวแล้วอารมณ์จะเสียง่ายนะเว้ย"
"กูอิ่มแล้ว!"
"ก็ได้" สนถอนหายใจยาวเหยียดแล้วยอมวางตะเกียบลงแต่โดยดี "มา กูฟังอยู่"
"มึงชวนกูมาเองนะ มึงนั่นแหละมีอะไร"
"กูมีแน่ แต่กูก็รู้ว่ามึงก็มี กูให้มึงพูดก่อน"
ผมนึกไม่ออกว่าผมมีเรื่องอะไรอยากจะเคลียร์กับมันนักหนา ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่เรื่องที่ไม่ถูกกับไอ้สนทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้
แต่แล้วผมก็นึกเรื่องนั้นขึ้นมาได้
"เออ เรื่องค่ารักษาพยาบาลตอนนั้น มึงจ่ายให้กูทำไมวะ"
"แค่ครึ่งเดียวเอง"
"ครึ่งเดียวก็เยอะแล้ว มึงคิดอะไรของมึงถึงมาทำดีกับกู ไหนจะเรื่องแคนตาลูปนั่นอีก"
"กูรู้นะว่ามึงเกลียดกู แต่กูบอกไว้ให้รู้เลยนะ กูไม่เคยเกลียดมึง"
"แล้วทำไม..."
ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างเราสองคน มีเพียงเสียงดังปุดปุดของน้ำเดือดในกระทะ
"...มึงจำไม่ได้เลยสินะ จะว่าไป มึงคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ"
"อะไรวะ"
"มึงจำวันที่เรามากินหมูกระทะด้วยกันสองคนเป็นวันแรกได้ไหม"
ผมพยายามรื้อแฟ้มข้อมูลในหัวสมองอย่างหนัก
เจอแล้ว! ครั้งแรกพวกเรามากินที่ร้านนี้ ตอนนั้นเราดูเข้ากันมากถึงขั้นที่หลายคนจับเราเป็นคู่จิ้นสน-เบ็น และผมจำได้ว่าเราพูดเปิดใจอะไรกันไปหลายอย่าง แต่กลับจำไม่ได้สักเรื่องเลย
"ที่ร้านนี้...ใช่ไหม"
"อ่า ตอนนั้นเราสนิทกันมากเลยนะ" สนเหม่อมองหน้าผม สายตาเลื่อนลอยเหมือนกำลังนึกย้อนไปในช่วงอดีตของเรา "ไม่รู้ว่ามึงจำได้ไหม ตอนนั้นกูตัดพ้อออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจว่ากูอยากเป็นเดือนมากขนาดไหน มากขนาดที่จะพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้เป็นเดือนให้ได้"
"มึงก็เลยต้องกลายเป็นศัตรูกับกูเหรอ?"
"มึงจะบ้าเหรอ" สนระเบิดหัวเราะออกมา "ตอนนั้นเราสัญญากันต่างหาก ว่าจะพยายามของตัวเองให้เต็มที่ แล้วถ้าใครแพ้หรือใครชนะก็จะต้องไม่อิจฉาหรือไม่โกรธกัน
"แต่แล้วคะแนนของมึงในช่วงแรกก็นำโด่ง พุ่งสูงกว่าทุกคนและสูงกว่ากูด้วย กูพยายามซ้อมแทบตายแต่พี่เชอร์รีก็เอาแต่หันไปสนใจมึง ตอนนั้นกูอิจฉามึงฉิบหาย
"ตอนนั้นกูคิดว่า ในเมื่อไม่มีใครเห็นความพยายามกูเลย กูก็คงต้องพยายามมากกว่านี้ จนในที่สุด คืนวันหนึ่งกูก็เป็นลมล้มไประหว่างการซ้อมแสดงละคร"
ผมนึกออกแล้ว ตอนนั้นอยู่ ๆ สนก็ล้มลงไปนอนกับพื้น โชคดีที่เราซ้อมกันในห้องแอร์ที่พื้นเรียบ สนจึงไม่เจ็บตัวอะไรมากเท่าผม พวกเรายกเลิกการซ้อมทันที ส่วนผมอยู่นอนเฝ้าไข้สนทั้งคืน
'เบ็นโชคดีที่เกิดมาแล้วมีเงินใช้มากมาย...มีอีกหลายคนที่เขายังขัดสนอยู่นะ'
นี่คือประโยคที่แม่เคยสอนเพียงไม่กี่ประโยคที่ผมจำได้ขึ้นใจ และมันผุดขึ้นมาในหัวผมตอนนั้นพอดี สนเป็นคนฐานะกลาง ๆ ไม่ได้ยากจนอะไรแต่ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น
พอถึงตอนนี้ ผมนึกออกแล้วว่าตอนที่สนเข้าโรงพยาบาล ผมตัดสินใจจ่ายค่าห้องและค่ารักษาให้สนไป มันไม่ได้เยอะแยะมากมายเท่าไหร่สำหรับผม แต่ถ้าเทียบกับสนก็คงเยอะพอสมควร
"แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูจ่ายค่ารักษาให้มึง กูบอกไปว่าเป็นพี่เชอร์รีไม่ใช่เหรอถ้าจำไม่ผิด"
"มึงจำได้แล้วใช่ไหม...นั่นแหละ กูจะรู้มาได้ยังไงก็ไม่เกี่ยว มันเกี่ยวกับที่มึงออกค่ารักษาให้กูแล้วกูก็อยากช่วยมึงกลับ แค่นั้น"
ความทรงจำของผมกับไอ้สนเริ่มไหลเข้าสมองผมมากขึ้นเหมือนจิ๊กซอว์ที่เริ่มประกอบเข้ากันเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ เพียงแต่ตอนนี้มันยังกระจุกเป็นกลุ่ม ๆ อยู่ ผมรู้สึกว่ายังมีเรื่องของเราอีกเยอะที่ผมลืมไปแล้ว
"มันยังไม่จบแค่นั้น แม้ว่ากูจะพยายามหนักถึงขั้นไข้จับ แต่พี่เชอร์รีก็ยังคงไม่สนใจกู เอาแต่ตามดูแลมึงตลอด
"แต่กูก็คิดนะว่า ยังไงผลสุดท้ายก็อยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ด้วยว่าจะเลือกโหวตให้ใครมากที่สุด กูเลยเลิกสนใจมึงกับพี่เชอร์รีแล้วหันมาซ้อมการแสดงให้หนักขึ้นกว่าเดิม
"แต่แล้ววันแข่งจริงก็มาถึง กูแสดงไปเต็มที่ เต็มกำลังที่กูซ้อมมา แต่มึง ไอ้เบ็น มึงกลับ..."
สนพูดค้างไว้แล้วถอนหายใจยาวออกมา ผมไม่ได้รับรังสีความโกรธจากสน ไม่ใช่ความเกลียดเช่นกัน แต่รังสีที่แผ่ออกมาเป็นคลื่นที่ดูสับสน และผมก็คิดว่าสนเองก็กำลังสับสนอยู่จนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง
"...แต่มึงก็ได้เป็นเดือนตามที่มึงอยากเป็นแล้วไม่ใช่เหรอวะ"
"มันไม่ใช่...มันก็ใช่...ตอนนั้นมึง...โกงกู"
"ห๊ะ!" ผมจำไม่ได้เลยว่าเคยไปโกงมันตอนไหน แล้วถ้าโกงจริง ๆ ผมควรจะเป็นเดือนไปแล้ว
"กูแสดงไปอย่างเต็มที่ แต่วันนั้นมึงกลับเล่นไม่เต็มที่ กูรู้นะว่ามึงแกล้งทำเป็นเล่นแย่ กูดูออก กูรู้ว่ามึงทำให้ละครตัวเองดูดรอปลงเพื่อให้กูชนะ"
มาถึงตอนนี้ผมจำเรื่องราวตอนนั้นได้แล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือความสงสารและความเห็นใจ
ผมจำภาพไม่ได้ชัดเจนนักแต่สิ่งที่ตรึงติดอยู่กับความทรงจำไว้คือความพยายามของสน ความพยายามที่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจ แม้แต่พี่เชอร์รีเองก็ไม่เห็น
แต่ผมเห็นและรับรู้ได้
วันนั้นผมจึงตัดสินใจสละสิทธิ์แบบเนียน ๆ โดยการแกล้งจำบทผิด เล่นผิดคิว ยืนผิดตำแหน่ง ทุกอย่างในการแสดงของผมมันดูมั่วและวุ่นวายไปหมด ใช่ ผมตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้น
ที่ทำไปนั้นก็เพื่อตัดตัวเองออกจากตัวเลือกที่สมควรได้รับตำแหน่ง และผมเชื่อมั่นว่าถ้าไม่มีผมแล้ว สนมันต้องได้เป็นเดือนแน่ ๆ แล้วก็ตามคาด สนได้เป็นเดือนตามที่หวังจริง ๆ
"กูก็แค่อยากให้มึงได้เป็นเดือน มึงอยากเป็นมากเลยนี่ถ้ากูจำไม่ผิด"
"ด้วยการดูถูกความพยายามของกู?" ผมอึ้งกับคำพูดของสน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงมุมมองนี้เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ไตร่ตรองให้ละเอียดถึงผลที่จะตามมา "มึงไม่รู้หรอกว่าหลังจากได้ตำแหน่งแล้วกูรู้สึกยังไงบ้าง กูรู้สึกผิดต่อมึงที่วันนั้นกูเผลอเล่าว่าอยากเป็นเดือนให้มึงฟัง แล้วพี่เชอร์รีก็บ่นกูทุกวัน พี่แม่งบอกว่า ถ้าวันนั้นมึงไม่ได้เล่นห่วยขนาดนั้น มึงคงได้เป็นเดือนไปแล้ว มึงหน้าตาดีกว่าหุ่นดีกว่ากูตั้งเยอะ"
"กูเนี่ยนะ?"
"เออ! ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหนังหน้าตัวเองบ้างนะมึงน่ะ"
"เดี๋ยว กูว่ามึงใช้สำนวนผิดนะ" ผมหัวเราะให้กับการใช้สำนวนที่ไม่เข้าท่าของมันทั้งที่มันเรียนครูภาษาไทยแท้ ๆ
ครั้งนี้สนหัวเราะไปกับผมด้วย บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงไปบ้าง ไม่ได้มีออร่าของความอึดอัดอยู่แล้ว ตอนนี้มีแต่กลิ่นควันหมูลอยอยู่
"เรื่องนั้นเลยทำให้มึงเกลียดกูงั้นดิ"
"กูบอกแล้วว่ากูไม่เคยโกรธหรือเกลียดมึงเลย กูรู้สึกผิดและรู้สึกสมเพชตัวเองก็แค่นั้น...แต่กูยอมรับก็ได้ว่าความรู้สึกส่วนนึงก็เคืองมึงเหมือนกัน"
"กูขอโทษ ตอนนั้นกูแค่อยากให้เพื่อน...อยากให้มึงมีความสุข"
"เออ..." ผมสังเกตเห็นสนเขินนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น "มึงนั่นแหละที่มองค้อนกูทุกครั้งที่เจอกัน"
"ก็ตั้งแต่ที่มึงได้เดือน มึงก็ทำตัวแปลกไป ไม่คุยกับกู เมินกู กูก็นึกว่ามึงหยิ่ง"
"เหรอวะ กูก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่ะ ตอนนั้นกูอาจจะกำลังเคืองมึงอยู่หรืออาจจะรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้ามึงมั้ง กูก็จำไม่ค่อยได้"
...เหมือนผมจะนึกอะไรออกมาได้อีกครั้ง
ความรู้สึกในตอนนั้นกำลังผุดออกมา ผมลืมไปแล้วว่าเคยมีบาดแผลนี้อยู่ในใจ จะเรียกว่าลืมไปหมดแล้วก็คงไม่ได้หรอก เพราะความเจ็บปวดยังคงอยู่ แค่เพิ่งจำเหตุผลได้ก็เท่านั้น
เหมือนกับแมลงปอตัวนั้น...
มันคือการถูกทรยศหักหลัง ทั้งที่พยายามช่วยเหลือทุกคน อยากให้ทุกคนมีความสุข แต่เมื่อคนที่ผมช่วยรอดพ้นปัญหาไปได้แล้ว พวกเขาก็ทิ้งผมไปเลย ไม่ได้สนใจใยดีความรู้สึกของผมสักนิด
เพราะอย่างนี้เองผมถึงกลายมาเป็นคนแบบนี้ ช่วยเหลือคนอื่นไปเรื่อย แต่เรื่องของตัวเองกลับปิดประตูไว้แน่นไม่ยอมเปิดใจให้ใครเข้ามาช่วยได้ง่าย ๆ
เพราะรู้ตัวดีว่าเรียกร้องให้ใครมาช่วยเหลือก็ไม่มีใครสนใจผมเลย มีแต่ผมที่ดูแลคนอื่น คนอื่นไม่เคยมาดูแลผม ทั้งเด็กผู้หญิงในฝัน ทั้งพ่อ ทั้งไอ้พี่กุ้ง ทั้งไอ้สน...ไนน์เองก็ด้วย ทุกคนทิ้งผมไปหมด
...นี่คือสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้น...
แต่ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด วันนี้สนมันช่วยทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทุกคนไม่ได้ทิ้งผมไปไหนเลย ทั้งพ่อ และทุกคน ผมเองต่างหากที่ปิดกั้นหัวใจไว้ไม่ให้ใครเข้ามาดูแลเอง
โดยเฉพาะไนน์ ไนน์ไม่ใช่แค่คนที่ผมต้องดูแล และไนน์ก็ไม่ใช่แค่คนที่คอยดูแลผม
ไนน์พิเศษกว่านั้น
และตอนนี้ไนน์เองก็กำลังปิดกั้นหัวใจไม่ให้ผมยื่นมือเข้าไปช่วย...
"เบ็น!" สนดีดนิ้วใส่หน้าผมจนสะดุ้งเกือบทำกระทะหก "มึงเหม่อนานเกินไปแล้ว"
"โทษที คุยถึงไหนแล้วนะ"
"เรื่องที่กูเมินมึงไง มึงยกโทษให้กูได้ไหม" สนยกมือไหว้ขอโทษผมแล้วหลับตาปี๋
"เออ เอาเหอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว...ไหม?"
"ขนาดมึงยังลืมไปเกือบหมดแล้วก็คงผ่านไปก็ได้ม้าง" ลากเสียงยาวใส่ผมอีก "ว่าแต่ ขอบใจมึงมากนะ"
"เรื่องอะไรวะ"
"ทุกเรื่องที่ผ่านมา...มึงเป็นคนดีนะเบ็น ช่วยเหลือคนอื่นตลอด มึงเป็นฮีโร่ของกูเลยนะ เออ! กูจะตั้งฉายาให้มึงว่า ไอ้จุมออนแมน!" พูดเสร็จก็ทำท่าแปลงร่างเหมือนเด็กที่เลียนแบบท่าไอ้มดแดงอยู่
"ประสาทแดก!"
"ข้าคือไอ้จุมออนแมนผู้ผดุงความยุติธรรมให้โลกนี้เป็นสีชมพู!" ชักจะกวนตีนแล้วนะ ผมหยิบขวดน้ำที่เป็นแก้วมาเคาะหัวไอ้สน แต่มันหลบได้
เราแหย่เล่นกันไปมา ไม่ได้เล่นไม่ได้หัวเราะกับไอ้สนมานานมากจนลืมความรู้สึกนี้ไปแล้ว
"เอ่อ แล้วเรื่องไนน์ มึงจะเอายังไง" คนกำลังสนุกมึงพาเข้าเรื่องเครียดนะไอ้สนนะ
"กูไม่รู้ว่ะ แต่ไนน์มันจะขอถอนตัว" ผมหุบยิ้มลงทันที อารมณ์ถูกสับเปลี่ยนกระทันหัน
"มันถอนตัวได้ด้วยเหรอวะ"
"ถอนตัวไม่ได้หรอก แต่ถ้าไนน์จะไม่ไปจริง ๆ มันก็แค่ไม่ไปโผล่ในวันแข่งไง"
"มึงยอมแพ้แล้วเหรอวะ ถ้ามันเป็นไอ้ดรนะกูจะลากมาตีให้ตูดลายเลย"
"ดรกับไนน์มันไม่เหมือนกันไง ไนน์มันพยายามเท่าไหร่ผู้คนก็ไม่ยอมรับมันเลย ผิดกับดรที่...กูไม่ได้จะว่าดรมันไม่พยายามนะ...แต่ดรมันดูดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพยายามมากก็ทำออกมาได้ดี"
"ก็เหมือนมึงกับกู กูเหมือนไนน์ที่พยายามแทบตายแต่ไม่มีใครสนใจ ส่วนมึงเหมือนดรที่ทำอะไรก็ดูดีไปหมด ไม่ต้องพยายามมากก็เรียกเสียงเชียร์ได้"
"อื้ม...ไม่ยุติธรรมเลยเนอะ"
"กูถึงเชื่อมาตลอดไง พยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีผลอะไรหรอกถ้าหน้าตามึงไม่ดีพอ"
"..."
"แต่มึงทำให้กูเห็นแล้วนะว่าไนน์มันเปลี่ยนได้จริง ๆ กูเคยด่ามันว่าเป็นดินสกปรกใช่ไหม" ตอนที่พาไนน์ไปยิมวันแรกนั่นเอง "กูไปขอโทษมันมาแล้ว และบอกเรื่องที่พนันกันด้วย" ถึงตรงนี้ผมมองค้อนมันทันที ปากสว่างฉิบหาย "เฮ้ยใจเย็น ตอนนั้นกูไปชมมันต่างหาก แล้วมันก็ไม่ได้โกรธมึงด้วย...เอาเป็นว่ากูยอมรับ ครึ่งนึง ว่าคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้"
"...แต่ก็ไม่ได้ดีพอ"
"เอาเป็นว่ามึงไปลากไนน์มาแข่งเดือนในวันจริงให้ได้ การท้าดวลของเรายังไม่จบจนกว่าจะถึงวันตัดสิน"
"ไม่ จะให้ไปแข่งทำไมในเมื่อทุกคนมองมันแบบนั้นไปแล้ว"
"หรือมึงอยากจะโกงกูอีกรอบ? หรือมึงอยากจะดูถูกความพยายามของคนคนนึงอีกรอบ?"
"..."