เสียงรถยนต์แล่นไปตามถนนยามค่ำคืน ซึ่งปลอดโปร่งและว่างเปล่าปราศจากรถคันอื่น เพราะสถานที่ที่รถคันนี้แล่นผ่าน สองข้างทางเป็นป่ารกชัฏ[1] ไม่มีแสงจากเสาไฟซึ่งส่องตามรายทาง
"ยังไม่ถึงอีกหรือไง?"
นักธุรกิจวัยยี่สิบห้า หวีผมเรียบแปล้แสกข้างเล็กน้อย จมูกโด่งเหมือนสันเขา ดวงตาคมจมูกตรง เอ่ยกับเพื่อนในวันเดียวกันซึ่งย้อมผมน้ำตาลนั่งอยู่ข้าง ๆ
"โธ่ ไอ้ธันน์ ก็กูบอกแล้วว่าพ่อหมอท่านนัดตอนเที่ยงคืน"
"ไว้ใจได้หรือเปล่าวะ ไอ้เขตต์"
"ไว้ใจได้ดิ พ่อหมอคนเนี้ยดังจะตาย เจ้าสัวมหาเศรษฐีไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้วมาขอให้ท่านทำพิธีปลุกเสกของมงคลให้ มีใครบ้างวะไม่รวย"
"มันจะเกี่ยวเร้อ"
"เกี่ยวดิ มึงอย่าทำเป็นลบหลู่นะเว้ย ของบางอย่างตามึงไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ไอ้การที่คนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์อย่างมึงยอมมาหาพ่อหมอ ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เจอมาหรือไง" เพื่อนหนุ่มผมน้ำตาลยืนยัน
คิ้วเรียวคมของธันน์ย่นเข้าหากันเล็กน้อย มองดูแหวนเพชรในมือซึ่งแตกต่างจากเพชรทั่วไป ตัวมันไม่เพียงส่องแสงเงางาม แต่ยังพร่าพรายไปด้วยสีสันต่าง ๆ อย่างชนิดที่ไม่มีเพชรเม็ดใดเสมอเหมือน
เขาได้แหวนเพชรนี้มาจากลูกหนี้คนหนึ่งที่เป็นหนี้เขาเกือบสิบล้านบาท ระหว่างที่เขาบุกไปบ้านลูกหนี้เพื่อใช้อิทธิพลยึดทรัพย์อย่างนอกกฏหมาย
ลูกหนี้คนนั้นเปิดบริษัทค้าวัตถุโบราณกับเพื่อน แต่ทำกิจการไม่เป็นถูกหลอกให้ซื้อของปลอมมาขายหลายครั้ง นานเข้าทุนก็หมด นำไปสู่การล้มละลายและหนี้สิ้นพ้นตัว
ธันน์จึงสั่งลูกน้องยึดของโบราณทั้งเพื่อนำไปขายทอดตลาด โดยให้นำไปเก็บไว้ที่คลังของบริษัท แต่ระหว่างที่ตรวจยึดของโบราณจากลูกหนี้ เขาพลันเห็นแหวนวงหนึ่งซึ่งวางไว้ท่ามกลางเครื่องลายครามหรือพระพุทธรูปโบราณบนโต๊ะยาว
แหวนวงนั้นส่องประกายสะท้อนสายตาเขา นักธุรกิจผู้มีดวงตาคมคายจึงหยิบขึ้นมาดู
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแหวนเพชร แต่กลับส่องแสงสะท้อนเป็นสีสันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแดง เขียว เหลือง ฟ้า ชวนให้ร่างสูงนึกถึงไฟดิสโก้เธคเสียมากกว่าจะเป็นแหวเลอค่า
"นี่แหวนอะไร?" ชายหนุ่มหันไปถามลูกหนี้วัยห้าสิบกว่า
"แหวนเพชรนพเก้า ผมซื้อต่อจากนักโบราณคดี เขาบอกว่าได้มาจากถ้ำในภาคเหนือ"
นักธรุกิจปล่อยเงินกู้แค่นเสียง
"แค่นี้ก็โดนหลอกแล้วมึง แหวนเพชรอะไรจะมีแสงสียังกับไฟในผับ มิน่าทำกิจการอย่างนี้ถึงได้หมดตัว"
ชายวัยห้าสิบกว่าก้มหน้า เพราะการทำธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัด นำไปสู่ความหายนะทางการค้า สุดท้ายก็ต้องรับกรรม
ขณะที่ธันน์จะโยนแหวนลงไปที่โต๊ะ ชายชราซึ่งถูกตราหน้าว่าโง่เขลาไม่อยากยอมแพ้จึงเอ่ย
"อาจจะไม่ใช่ของปลอม ผมเคยเอาไปให้ร้านเพชรตรวจสอบแล้ว เขาบอกว่าไม่เคยเห็นเนื้อเพชรอย่างนี้ เลยตีราคาไม่ได้"
สายตาธันน์ตวัดไปยังแหวนในมืออีกครั้งทันที
"ไม่เคยเห็น?"
"ครับ"
ชายหนุ่มผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินเริ่มสนใจขึ้นมา ไม่ว่าสินค้าอะไรเขาก็มองเห็นเป็นเงินทองทั้งนั้น
"ฉันจะลองเอาไปให้เพื่อนฉันตรวจ ดูซิว่าจะเหมือนที่แกโม้ไหม"
กล่าวจบก็เก็บแหวนไว้ในกระเป๋าเสื้อ สั่งลูกน้องให้ตรวจนับของและนำไปที่โกดัง ส่วนเขาเดินออกจากบ้านของลูกหนี้ทันที วันนี้เขาทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน จึงคิดอยากจะไปหาอะไรผ่อนคลายบ้าง
"อีฟเหรอ? พี่เอง ว่างไหม มากินอะไรกัน"
โทรหาหญิงสาวที่คบด้วย ซึ่งยังไม่ถึงขั้นเรียกว่าแฟน ธันน์ยังอยู่ในวัยรักสนุก ไม่คิดจะมีฝั่งมีฝาเร็วเกินไป
"ค่ะ พี่ธันน์" ปลายสายตอบด้วยเสียงใส
ทั้งสองคนนัดพบที่ภัตตาคารหรูซึ่งตั้งอยู่บนตึกระฟ้าของมหานคร อีฟในวันนี้แต่งตัวสวยมาก ชุดเดรสกระโปรงขาวลายลูกไม้สไตล์คุณหนู ผมสีบรอนซ์ดัดเล็กน้อย ในมือถือกระเป๋าหนังราคาหลักแสน นั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามธันน์
"งานเป็นไงบ้างคะพี่ธันน์?"
"ก็เหมือนเดิม"
อีฟรู้ว่าธันน์ไม่คุยเรื่องงาน จึงเปิดเมนูเปลี่ยนเรื่องคุย
"วันนี้จะกินอะไรดีคะพี่ธันน์ แต่ช่วงเย็นอีฟไม่กินเยอะนะ ขอเป็นพวกสลัดดีกว่า"
ทั้งสองสั่งอาหารที่เลือกไว้ เมื่อบริกรจดเมนูแล้วก็ขอตัวออกไป ระหว่างรออาหาร ธันน์เผยยิ้มที่มุมปาก
"จริงสิอีฟ พี่มีอะไรจะให้"
"อะไรคะ?" สาวผมบรอนด์ทำท่าตื่นเต้น
นักธุรกิจหนุ่มหยิบแหวนขึ้นมาจากในกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้อีกฝ่าย
"แหวนน่ะ สวยไหม?"
ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้าง มองดูแหวนซึ่งเปล่งประกายหลากสีสันด้วยความยินดี ทุกครั้งที่พบกับธันน์ เธอมักจะได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านเสมอ
"ขอบคุณค่ะพี่ธันน์ แต่อีฟไม่เอาดีกว่า พี่ให้อีฟเยอะแล้ว"
"ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากให้น่ะ อย่าปฏิเสธสิ"
ชายหนุ่มจับนิ้วเรียวงามมาสวมแหวน แต่น่าแปลกที่มันกลับสวมไม่เข้า คิ้วคมของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน
จำได้ว่าตอนที่ยึดแหวนวงนี้มา รอบวงมันใหญ่พอที่จะสวมเข้านิ้วหญิงสาวได้สบาย แต่น่าแปลกทำไมกลับสวมไม่เข้า
พยายามอยู่พักหนึ่งก็ทำไม่ได้ จนนิ้วหญิงสาวเจ็บ อีฟจึงเอ่ย
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธันน์ แค่นี้อีฟก็ขอบคุณมากแล้ว"
นักธุรกิจหนุ่มรู้สึกเสื่อมเสียหน้า ได้แต่ชักมือกลับ
"ไว้พี่จะไปให้ช่างแหวนขยายให้"
"ขอบคุณค่ะพี่" หญิงสาวยิ้มฟันขาว
แต่ด้วยความยังที่ยังไม่หายสงสัย ดวงตานักธุรกิจหนุ่มยังจดจ่ออยู่ที่แหวนเพชรนพเก้า รอบวงดูแล้วน่าจะใหญ่พอ แต่ทำไมสวมนิ้วเรียวยาวไม่เข้า
เขาจึงนำแหวนมาสวมนิ้วชี้ตัวเอง พยายามดันให้เข้าเหมือนต้องการเอาชนะตามนิสัย ขณะที่มันเข้าได้เพียงปลายนิ้ว ร่างชายหนุ่มก็เย็นวาบราวกับตกอยู่ในหล่มน้ำแข็ง ศีรษะปวดเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบสมอง สายตาพร่าเลือนคล้ายเห็นทุกสิ่งเป็นภาพมายาอันเลือนลาง
"เฮ่ย!"
ชายหนุ่มตกใจถึงขีดสุด รีบลุกขึ้นจากโต๊ะ พลอยทำให้หญิงสาวตระหนกตาม เพราะที่ธันน์มองเห็น คือนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งยืนเกาะติดอยู่ริมหน้าต่างด้านหลังอีฟ แต่มันไม่เหมือนนกทั่วไป เพราะแม้มันจะมีหัวและขาอย่างนก แต่ตัวกลับเหมือนคน กล้ามล่ำได้สัดส่วน สวมสร้อยสังวาลทองอันเลอค่า
พญาครุฑ!
พญาครุฑซึ่งมีตัวสีครามเข้ม ดวงตาคมกล้าจ้องเขม็ง จะงอยปากทองแวววาวสะท้อนแสงจันทร์ ไม่ต่างจากที่เคยได้ยินจากนิทานหรือภาพยนตร์
ชายหนุ่มใจหายวาบ ก้าวเท้าถอยหลังจนสะดุดล้ม สะโพกจ้ำเบ้ากับพื้น ปวดแปลบอยู่ไม่น้อย
อีฟไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้มาก่อน รีบวิ่งมาประคองธันน์ให้ลุกขึ้น
"เป็นอะไรไปคะ พี่ธันน์ พี่ธันน์!"
หนุ่มนักธุรกิจอับอายมาก ไม่เคยเสียกิริยาอย่างนี้ต่อหน้าผู้คน เขารวบรวมสติแล้วจ้องไปที่หน้าต่างอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร
"พี่ธันน์เป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น?" อีฟถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
หูของชายหนุ่มไม่ได้ยินคำถามของเธอเลย แต่ดวงตากลับจ้องไปที่แหวนซึ่งส่องประกายแพรวพราวบนโต๊ะ หรือว่าแหวนวงนี้จะมีอะไรแปลกพิสดาร?
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น แผ่นหลังธันน์ยังเย็นวะวาบไม่หาย เขานำแหวนนพเก้าเก็บเข้ากล่องกำมะหยี่ ส่ายหน้าช้า ๆ ยังไม่อยากเชื่อกับเหตุการณ์ที่เจอมา
ไม่นานนัก รถหรูของเขาก็แล่นถึงเรือนไม้กลางป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของพ่อหมอผู้แก่กล้าด้วยอาคม....
[1] ป่ารกชัฏ - ป่าทึบ
----- จบตอน -----
ฝากด้วยนะคร้าบ ขอกำลังใจเยอะ ๆ เน้อ ชอบไม่ชอบติชมกันได้
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!