webnovel

0001 สิ่งนี้สามารถกินได้หรือไม่

ตอนที่ 1 สิ่งนี้สามารถกินได้หรือไม่?

แค่ก! แค่ก! แค่ก!...

บนเตียงไม้จันทร์หอมโบราณ ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังป่วยหนักนอนอยู่ เขาเริ่มไออย่างรุนแรง

เสมือนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงไม่หยุดไอหากปอดไม่ทะลุออกมาเสียก่อน

ริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำพร้อมหน้าตาอันซีดขาว นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า… เขาอาจอยู่ในโลกใบนี้ได้อีกไม่นาน และอาการไอที่รุนแรงนี้ก็ทำให้นายหญิงที่อยู่เคียงข้างร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง

นายหญิงผู้นี้ดูผิวเผินแล้วอายุน่าจะราวสามสิบปี แม้ว่านางจะยังอยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าสร้อยแต่นางก็ยังคงดูมีเสน่ห์และสง่างาม ในเวลานี้คิ้วที่ขมวดของนางค่อยๆคลายออกอย่างช้าๆ... พร้อมกับคว้ามือที่เรียวยาวของเด็กหนุ่มเอาไว้

“หยวนเอ๋อ! เจ้าตื่นขึ้นมาสิ...ข้ามิอยากให้เจ้าตาย! รีบไปเรียกผู้นำตระกูลกลับมาเร็ว!... บอกว่าหยวนเอ๋อรู้สึกตัวแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำในตอนนี้คือการรักษาหยวนเอ๋อ เรื่องล้างแค้นตระกูลหวังค่อยจัดการในภายหน้า!”

  สาวใช้รีบออกไปในทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากนายหญิง

แต่ในขณะนี้... เด็กหนุ่มได้แต่ไอไม่หยุด

ทันใดนั้น... โอ้ก! เลือดสีดำได้สำลักออกจากปาก! และเลือดเหล่านี้ได้กัดกร่อนเตียงจนเป็นรูขนาดใหญ่ ชัดเจนแล้วว่า… มันคือยาพิษร้าย

หลังจากที่ได้คลายก้อนเลือดสีดำออกมาเด็กหนุ่มก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้น

เขาพยายามรวบรวมความจำเพื่อระลึกว่าหญิงสาวนางนี้เป็นใครแต่นั่นกลับทำให้เขาปวดหัวอย่างหนักราวกับจะแยกออกเป็นสองเสี่ยง

  “หยวนเอ๋อ!... เจ้าเป็นอะไรน่ะ?! พิษของหญ้าทะลวงไส้กำเริบอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?!”

“เร็วเข้า!... พวกเจ้าไปนำโอสถถอนพิษมาให้นายน้อยกินเร็ว!” นายหญิงกล่าวอย่างกระวนกระวาย ด้วยสีหน้าที่กังวลอย่างยิ่ง

  สาวใช้อีกคนรีบออกไปทำตามคำสั่งในทันที

เด็กหนุ่มได้ใช้โอกาสนี้ค่อยๆรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเขาและในที่สุดเขาก็นึกออกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือใคร

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือมารดาผู้ให้กำเนิดร่างนี้มานานคือเหยินหงหลิงและตัวเขาเอง หรือถ้าจะพูดให้ถูก… คือเจ้าของร่างนี้มีชื่อว่าเย่หยวน

เย่หยวนเกิดในตระกูลระดับแนวหน้าในด้านการหลอมโอสถแห่งรัฐฉินหรือที่เรียกกันว่าศาสตร์แห่งโอสถนั่นเอง ผู้นำตระกูลนามว่า… เย่ฮานซึ่งเป็นบิดาของ เย่หยวนแม้เขาจะเป็นนักหลอมโอสถระดับปลายแถวแต่เขาก็มีตำแหน่งที่ค่อนข้างโดดเด่นในรัฐฉิน

แต่น่าเสียดายเย่ฮานผู้เป็นดั่งพ่อเสือลายครามแต่กลับให้กำเนิดลูกชายผู้เป็นดั่งสุนัข เย่หยวนเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้วเสีย รู้จักแต่สร้างปัญหาทุกวันและรังแกผู้หญิงไปวันๆ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดเข้ามาเรียนรู้เรื่องหลอมโอสถใดๆ ช่างน่าอับอายที่วันๆเขาก็ไปขลุกอยู่แต่บ้านของท่านยาย

อย่างไรก็ตาม เย่ฮานก็มิได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เขาไม่เคยคาดหวังอะไรจากลูกชายและปล่อยให้เย่หยวนทำตามใจตัวเองตลอดแถมยังคอยปกป้องเขามากจนเกินไปเสียด้วย ทุกครั้งที่เย่หยวนไปสร้างปัญหาไว้ข้างนอก สุดท้ายเย่ฮานก็ต้องตามไปจัดการแก้ไขให้ทุกครั้งไป

  แต่ในฐานะผู้เป็นบิดา… เขาก็ยังคงหวังว่าสักวันหนึ่งลูกชายของเขาจะได้ดิบได้ดีอะไรไปบ้าง เมื่อไม่นานมานี้เย่ฮานก็ได้จ่ายเงินจำนวนมากให้กับสำนักตันอู่เพื่อให้เย่หยวนได้มีโอกาสเข้าไปเล่าเรียนวิชาบางอย่างจากที่นั่นแต่ใครจะคิดเล่าว่าเจ้าแสบเย่หยวนจะไปอิจฉาหญิงสาวผู้หนึ่งจนไปท้าแข่งถอนพิษกับนางด้วยความมั่นใจ และผลสุดท้ายเขาก็ถูกพิษของตนเล่นงานจนตาย!

หลังจากที่รื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ เย่หยวนก็ถอนหายใจเบาๆเจ้าของร่างเดิมนี้ควรจัดอยู่ในคนจำพวกไหนกันแน่ถึงกล้าฆ่าตัวตายเช่นนี้ เขาต้องฉลาดเพียงใดถึงได้ทำเยี่ยงนี้!

‘ช่างเถอะ! ตอนนี้… ข้า ฉิงหยุนซี จักรพรรดิแห่งโอสถผู้สง่างามและยิ่งใหญ่ที่จบชีวิตลงและวิญญาณได้เข้ามาอยู่ในร่างของชายหนุ่มตระกูลสูงส่งผู้นี้ บัดนี้… สวรรค์ได้ประทานพรให้แก่ข้าแล้ว จินหยุนซีได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครา และข้าจะขอแก้แค้นแทนท่านพ่อ พร้อมสังหารคนทรยศอันมักใหญ่ใฝ่สูงด้วยตัวของข้าเอง!’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หน้าตาของเย่หยวนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความอาฆาต

เหยินหงหลิงสังเกตเห็นท่าทางของเย่หยวนได้อย่างชัดเจน ซึ่งนางคิดว่าเย่หยวน คงจะกลัวว่าพวกสวะจากตระกูลหวังจะมาทำร้ายเขา นางจึงรีบปลอบเขาว่า 

“ลูกรัก... เจ้าต้องรู้จักอดทนรอคอยโอกาสเหมาะสมเพื่อแก้แค้น พวกเราตระกูลเย่ต้องสะสางหนี้แค้นครั้งนี้แน่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเจ้าต้องรักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วเราค่อยหารือเรื่องนี้กันต่อไป”

ความรักของเหยินหงหลิงผู้เป็นแม่นั้น เย่หยวนสามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ

เนื่องจากเขาเป็นผู้สืบทอดร่างนี้ดังนั้นเขาจึงต้องสืบทอดความรู้สึกของร่างนี้ไปด้วยไม่ว่าเขาจะเป็นอันธพาลและเกเรอยู่นอกบ้านอย่างไรแต่ในส่วนลึกของจิตใจแล้ว เขารักพ่อแม่เขามาก

“ท่านแม่... ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นกังวล”

เหยินหงหลิงนิ่งไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของลูกชายเจ้าวายร้ายนี้มักสร้างแต่ปัญหานอกบ้าน ทำให้นางเกือบหัวใจสลายอยู่หลายคราแค่คราวนี้เขากลับมีคำพูดที่ฟังแล้วช่างซาบซึ้งใจเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนี้?

หรืออาจเป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้เขาเปลี่ยนไป?

  หลังจากนิ่งไปชั่วครู่เหยินหงหลิงกลับรู้สึกเป็นสุขมากจนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและกล่าวว่า “แค่เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ในเวลาเดียวกัน… ปัง! เสียงคนถีบประตูเปิดออก

“เจ้าตัวแสบ เจ้ายังไม่ตายหรอกรึ? เจ้าทำให้ข้ากังวลยิ่งรู้หรือไม่!”

เสียงตะโกนราวฟ้าผ่านั่นทำให้แก้วหูของเย่หยวนปวดไปหมดแม้คำพูดจะฟังไม่ไพเราะนักแต่น้ำเสียงกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีและห่วงใย ไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้… หัวหน้าตระกูล เย่ฮาน กลับมาถึงแล้ว

เย่ฮานปกติมีนิสัยที่หยาบกระด้างเล็กน้อยจึงมักไม่มีผู้ใดเคารพเขาในฐานะเซียนโอสถ ความจริงแล้วเขาดูเหมือนพวกคนป่าจากเทือกเขามากกว่า

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเย่ฮาน เหยินหงหลิงจึงหันกลับมาจ้องเขา “หยวนเอ๋อเพิ่งจะผ่านพ้นความตายมา ท่านพูดอะไรที่เป็นมงคลกว่านี้ได้ไหม?”

  เย่ฮานไม่สนใจสิ่งที่นางพูด แต่กลับจ้องมองกองเลือดสีดำอย่างสงบนิ่ง เขาหัวเราะ และกล่าวว่า “ดูท่าลูกชายของเย่ฮานผู้นี้เป็นคนที่มีบุญวาสนาเสียจริงถึงรอดชีวิตมาได้ ฮ่าๆๆ! มา… รีบกลืนโอสถแก้พิษนี่เข้าไปซะ และรีบขับพิษที่ยังตกค้างออกจากร่างกายเจ้า หลังจากนั้น เจ้าจะรู้สึกดีขึ้น”

เย่ฮานค่อยๆหยิบเม็ดโอสถออกมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเย่หยวน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่หยวนตกใจและรีบหันหลังกลับไปที่เตียงทันที

“มันกินได้หรือเปล่าท่านพ่อ?” เย่หยวนร้องถามด้วยความตกใจ

  เย่ฮานคำรามคำโตพลางจ้องมองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

“เจ้าตัวแสบ นี่พิษขึ้นสมองเจ้าแล้วหรือไง? ลืมไปแล้วหรือว่าพ่อของเจ้าเป็นใครกัน? ”

เหยินหงหลิง ก็คิดเช่นเดียวกันว่าเย่หยวนคงถูกพิษกัดกินสมองจนความทรงจำลืมเลือน จึงรีบกล่าวขึ้นว่า

“หยวนเอ๋อ พ่อของเจ้าเป็นถึงเซียนโอสถแม้กระทั่งท่านจักรพรรดิก็ยังต้องให้ความเคารพ ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือท่านพ่อของเจ้าเขาจะทำร้ายเจ้าเชียวหรือ?”

มุมปากเย่หยวนพลันกระตุกและเลือกที่จะไม่ออกความเห็น

เขารู้ดีกว่าโอสถเม็ดนี้คือโอสถแก้พิษ เพียงแต่ประสิทธิภาพของโอสถกลับอ่อนเกินไป เมื่อชาติที่แล้วพ่อของฉิงหยุนซีเป็นถึงจักรพรรดิโอสถ เขาโตมาพร้อมกองโอสถที่หยิบกินดั่งขนมหวาน ดังนั้นไฉนเขาจะไม่ทราบว่าโอสถธรรมดาทั่วไปเม็ดนี้คือโอสถแก้พิษ?

  แม้ว่าโอสถพวกนี้จะช่วยยับยั้งพิษในร่างกายได้ แต่ก็มีประสิทธิภาพที่อ่อนเกินไปและไม่สามารถกำจัดพิษที่ยังตกค้างในร่างกายได้

นักหลอมโอสถทั่วไปไม่สามารถตรวจพบพิษเหล่านี้ได้และไม่มีผลกระทบมากมายนักกับสุขภาพของเย่หยวนในระยะสั้น แต่พิษพวกนี้จะยังคงซ่อนตัวหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขาแน่นอน มันจะกลับกลายเป็นภาระให้แก่ร่างกายของเขาต่อไปในอนาคต ซึ่งนั่นจะมีผลต่อการบ่มเพาะฝึกฝนของเขาในวันข้างหน้า

แท้ที่จริงแล้วในสายตาของเย่ฮาน หญ้าทะลวงลำไส้นี้มิได้มีอันตรายมากมายอันใด เพียงแต่ระหว่างทางที่เย่หยวนถูกส่งตัวกลับมาที่บ้านนั้นพิษได้กระจายตัวไปทั่วร่างกายแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่หายใจเข้าแต่หายใจออกไม่ได้ ดังนั้นการกลืนโอสถถอนพิษจึงยิ่งเป็นไปไม่ได้และนั่นเป็นสาเหตุให้เย่ฮานพาคนเข้าไปบุกบ้านตระกูลหวัง

ก่อนตาย.. ฉิงหยุนซีคือจักรพรรดิโอสถ เขาจะไม่กระจ่างแจ้งในด้านศาสตร์แห่งโอสถได้อย่างไร? แต่ในความคิดของเย่ฮาน เขาที่เป็นถึงเซียนโอสถย่อมพินิจว่าตนเหนือกว่าบุตรชายอยู่แล้ว

เมื่อมองดูสีหน้าของบุตรชาย เย่ฮานรู้สึกปวดใจไม่น้อย

“เจ้าแสบนี่! เจ้าไม่เชื่อใจในฝีมือการหลอมโอสถของพ่อเจ้าได้อย่างไร!”

เย่หยวนจ้องมองโอสถเม็ดสีดำในมือของพ่อเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนเงยหน้าเผชิญกับคู่ดวงตาที่แสนโกรธเกรี้ยวของพ่อเขาอีกครั้ง

เขาอ้าปากและพูดว่า “หญ้าหูกระต่ายสีแดงเกินมาสองส่วน ดีงูเขียวขาดไปหนึ่งส่วน นี่น่าจะเกิดจากทักษะควบคุมที่ไร้เสถียรระหว่างหลอมกลั่น และสิ่งที่ผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดคือ การผสมธาตุทองลงในโอสถถอนพิษ เพราะมิเพียงจะไม่ช่วยเสริมฤทธิ์โอสถแล้ว แต่นั่นยังทำให้ส่วนผสมของโอสถถอนพิษปะปนกันไปหมด ท่านพ่อ… เพราะท่านหลอมกลั่นโอสถผิดพลาดถึงสามขั้นตอน แสดงว่ามาตรฐานของท่านตกต่ำลง”

  สีหน้าของเย่ฮานเปลี่ยนผันในทันทีที่ได้ยิน ขณะนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจในทีแรกเขายังรู้สึกโกรธมาก ตามมาด้วยความประหลาดใจและท้ายที่สุดเขาได้แต่ตะลึงงันค้างเติ่งอยู่แบบนั้น

เขาเป็นนักหลอมโอสถ ดังนั้นเขาจึงตระหนักถึงคุณสมบัติของมันเป็นอย่างดี เย่หยวนวิเคราะห์ราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง แม้เขาจะเห็นด้วยว่าเป็นจริงอยู่หลายส่วน แต่ก็ไม่กล้าเชื่อว่าลูกของตนจะพินิจวิเคราะห์ได้ถูกต้องแม่นยำเยี่ยงนี้

เจ้าตัวแสบนี่... ใช่บุตรชายของเขาจริงๆ รึ?

เย่ฮานได้แต่สงสัย เขาจ้องเขม็งมองเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือบุตรชายของเขาจริงๆ

“เลิกจ้องข้าได้แล้ว ข้านี่แหละบุตรชายของท่านพ่อจริงๆ” เมื่อเห็นสีหน้าของเย่ฮาน เย่หยวนรู้สึกผิด จึงรีบพูดปกป้องตัวเอง

“นี่เจ้าตัวแสบ... เจ้าไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสืออย่างเมื่อก่อนก็ได้? หากเจ้าเชี่ยวชาญดั่งปากว่าจริงไฉนตอนนั้นเจ้าถึงไม่สามารถสกัดพิษออกจากหญ้าทะลวงไส้นั่นได้ตั้งแต่แรก?” เย่ฮานรู้สึกว่า มีบางสิ่งอย่างไม่ถูกต้องสักทีเดียว

เย่หยวนเหลือบตาไปมา ก่อนเร่งคว้าโอสถถอนพิษจากมือเย่ฮานขึ้นมาพร้อมกลืนเข้าปากไปทันที

....................................