webnovel

ตอนที่ 12 ปริศนาซ้อนปริศนา

หมอนิลลี่อดนอนทำการวิเคราะห์ทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้าก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอให้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วจะได้แจ้งผลการวิเคราะห์ หลังจากนั่งรออยู่สักพัก ทุกคนก็มาถึง

"กินข้าวเช้าหรือยังครับ ดูสภาพคงไม่ได้นอนทั้งคืน" ณัฐกล่าวทัก

"ยังเลยค่ะ ใจร้อนอยากบอกผลการวิเคราะห์มากกว่า"

"สวัสดีครับ คุณหมอ มีข่าวดี เรารู้ตัวคนร้ายแล้วหรือครับ" รวยกล่าวทักทาย

"ที่ใจร้อนอยากแจ้ง เพราะว่าไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ ภาพที่เก็บได้ไม่พอที่จะวิเคราะห์ว่าเป็นใคร ส่วนดีเอ็นเอ กว่าจะรู้ผลคือช่วงเย็นเลย แต่ตอนนี้อยากรู้ว่าคนที่แอบเข้ามาที่เพิงตอนกลางคืนคือใครมากกว่า ผลดีเอ็นเอ"

"จะเอายังไงต่อดีคะ หรือจะลงไปคุยกับสารวัตรพลอีกสักครั้ง เผื่อทางสารวัตรจะมีข้อมูลอะไรมากกว่า"

"ผมว่าก็ดีเหมือนกัน หลายหัวดีกว่าหัวเดียว แล้วไอ้พลมันก็เป็นตำรวจ ย่อมเก่งเรื่องสืบหาหลักฐานมากกว่าพวกเรา ส่วนพี่รวยก็ถนัดในการรวบรวมหลักฐานมากกว่า"

"งั้นเราไปกันเลยไหมค่ะ"

"ผมว่าเราใจเย็นหน่อยก็ได้ครับ ลงไปใช้เวลาเดินทางนานอยู่ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินข้าวเช้ากันก่อนแล้วค่อยลงไปก็ได้ครับ ระหว่างเดินทางแม่หมอก็นอนพักในรถสักงีบก็ดีนะครับ ผมเป็นห่วง"

"ตอนลงนี่ ถนนดีมากเลยนะคะ คงหลับไหว อ้าวยังไงทุกคนก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ก็กินกันก่อนค่อยลงก็ได้"

รวยยืนมองณัฐหยอดคำหวาน อดนึกไม่ได้ว่าคู่นี้เขาจีบกันอยู่หรือเปล่านะ

"งั้นเดี๋ยวผมเข้าครัวทำ โจ๊กปกาเกอญอให้ทานแล้วกันครับ" ณัฐเอ่ยปากอาสา

"ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้กินอาหารชาวเขามานานแล้ว ตั้งแต่โดนไล่ออกจากหมู่บ้านมา"

แล้วณัฐก็เข้าไปจัดแจงทำอาหารเช้าให้ทุกคนรับประทาน โดยมีรวยเข้ามาเป็นลูกมือ เมื่ออาหารพร้อม ก็ส่งเสียงเรียกดร.นิลลี่ ซึ่งเผลอหลับไประหว่างที่รออาหารอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ณัฐเลยต้องเดินเข้าไปใกล้

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย" แล้วอยู่ๆ นิลลี่ก็ตะโกนร้องให้ช่วย แล้วก็ตื่นขึ้น มาโผลกอดณัฐ เหมือนคนกำลังตกใจ

"โอ๋ โอ๋ คนดี ขวัญเอยขวัญมานะครับ ฝันร้ายหรือครับ เห็นเผลอหลับไป" ณัฐปลอบประโลม

หมอนิลลี่เมื่อรู้ตัวก็รีบคลายอ้อมกอดแล้วขยับตัวออกห่างณัฐทันที ทำหน้างงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมเขินอายไปพร้อมกัน

"น่าอายจริง เผลอหลับต่อหน้าผู้ชายยังไม่พอ ยังไปกอดเขาอีก" ดร.นิลลี่คิดในใจ แล้วก็รีบตอบณัฐไปสั้นๆ ว่า

"ค่ะ"

"อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ เชิญไปกินได้แล้วครับ เด็กน้อยของผม" ณัฐเริ่มหยอกอีกแล้ว

รวยที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดก็แอบอมยิ้ม ในความน่ารักของทั้งสองคน

แล้วทั้งสามคนก็มาที่ห้องครัว รับประทานอาหารกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางลงดอยไปพบกับสารวัตรพลโดยคราวนี้หมอนิลลี่พามูมู่ลงมาด้วย

"อ้าว ไอ้ณัฐ ไหงลงมาหาเองเลยว่ะ" พลทักเมื่อเห็นเพื่อนเข้ามาที่โรงพัก

"สวัสดีครับสารวัตร" รวยยกมือทำความเคารพนาย

"สวัสดีครับ คุณหมอผู้น่ารัก" สารวัตรหันมาทักทาย ดร.นิลลี่ พร้อมกับหยอดเล่นๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของไอ้ณัฐเพื่อนสนิท

"หมอเขาก็น่ารักของเขาทุกวัน" ณัฐดักคอเพื่อน

"สวัสดีค่ะ สารวัตร"

รวยสังเกตเห็นอาการของนายและเพื่อนก็แอบอมยิ้มอีกเช่นเคย หรือจะมีศึกชิงนางกันนะ

"หยอด หยอกกันพอแล้ว ทำงาน ทำงาน" ณัฐเริ่ม ส่งเสียงดุ

"มีอะไรด่วนหรือว่ะ ถึงต้องลงกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า ไม่รอให้ข้าขึ้นไปหา"

"ถ้าไม่รีบจะลงมาทำไมว่ะ วันนี้" ณัฐตอบกวนเพื่อน

"เอางี้นะคะ เดี๋ยวให้พี่รวยเล่า เหตุการณ์ดีกว่า"

แล้วหมอนิลลี่ก็หันไปบอกกับพี่รวยว่า "พี่รวยเล่าหน่อยสิว่าไปเจออะไรมาบ้าง"

"คืองี้นะครับนาย ตอนนี้เราเจอเพิงที่น่าสงสัย ตรงทางเข้าไปยอดดอยที่มีการทำไร่ฝิ่น บ้านมีคนอยู่ 2 คน สามีภรรยากัน ผมเห็นภรรยามีท่าทีแปลกๆ ออกไปข้างนอกทุกวันเดินเข้าไปทางขึ้นยอดดอยด้วย ส่วนตกกลางคืนก็มีคนเข้าออกเพิงหลังนั้น"

"เริ่มมีเบาะแส มาบ้างแล้ว" สารวัตรพลบอกทุกคน แล้วก็ถามรวยต่อว่า

"แล้วเอ็งรู้ยังว่ะ ว่าเป็นใคร หรือสงสัยใครบ้าง"

"ยังไม่รู้เลยครับว่าชายต้องสงสัยคือใคร พยายามเก็บหลักฐานมาแล้วครับ ส่งให้คุณหมอไป ส่วนทางด้านคนในเพิงก็ยังไม่ได้ผลการตรวจดีเอ็นเอ ว่าตกลงเกี่ยวข้องกับการตายของหมูทั้งหมู่บ้านไหมครับ"

"แล้วคุณหมอวิเคราะห์ข้อมูลได้ผลอย่างไรบ้างครับ" สารวัตรหันมาถามหมอนิลลี่

"ข้อมูลวิเคราะห์แล้วยังไม่รู้ว่าคนลึกลับคือใครเลยค่ะ เลยพามูมู่ลงมาด้วยเผื่อทางสารวัตรคิดอะไรได้มากกว่าและจำเป็นต้องใช้ข้อมูล ส่วนผลดีเอ็นเอ น่าจะได้เย็นๆ ค่ำวันนี้ค่ะ"

"เอางี้เราเข้าไปคุยกันในห้องประชุมดีกว่า จะได้ออกความเห็นกันได้อย่างเต็มที่ พร้อมฉายข้อมูลจากตัวมูมู่ได้ด้วย"

เมื่อมาถึงห้องประชุม ทุกคนก็บอกข้อมูลในส่วนของตน และมูมู่ก็ฉายข้อมูลที่ได้ให้สารวัตรได้ดู สารวัตรเลยเสนอความเห็นว่า

"เอาอย่างงี้ดีไหมครับ แทนที่จะให้รวยเดินตามหรือสะกดรอยผู้ต้องสงสัย ในเมื่อเรามีหุ่นเก็บหลักฐานซึ่งขนาดเท่าตัวแมลงเอง ทำไมเราไม่ปล่อยเจ้าหุ่นนี่ไปสำรวจแทน แล้วถ้าคุณหมอพอจะทำเพิ่มได้อีกก็ส่งมันไปสำรวจในไร่ฝิ่น และที่เราสงสัยเพิ่ม ว่าไงบ้างครับ"

"อืม เป็นความคิดที่ดีค่ะ หุ่นยนต์เก็บหลักฐานตอนนี้มีแบบพร้อม ใช้เวลาผลิตวันเดียวก็ได้เป็นร้อยตัวแล้วค่ะ สารวัตรต้องการให้ผลิตมากน้อยแค่ไหนค่ะ"

"ไม่ต้องเป็นร้อยหรอกครับ แค่สิบกว่าตัวก็พอแล้วครับ ตามที่เพิง ตามสองสามีภรรยา ตามผู้ต้องสงสัยที่เข้าออกเพิง ส่งไปเฝ้าที่ไร่ฝิ่นสองสามตัว นอกนั้นปล่อยบินเล่นในหมู่บ้าน แล้วเก็บหลักฐานมาดูกันทุกวัน น่าจะพบเบาะแสอะไรเพิ่มขึ้น และก็ให้เก็บดีเอ็นเอมาด้วย ส่วนรวยก็ไปเฝ้าดูว่ามีใครน่าสงสัยมาเพิ่มอีกไหม จะได้ส่งหุ่นยนต์ไปตามเก็บหลักฐาน"

"สมกับเป็นสารวัตรจริงๆ เลยหว่ะ ไอ้พล ความคิดแกนี่เฉียบแหลมมาก"

"ไม่ต้องมายอกันเลยเพื่อน แค่แกเปิดทางให้ข้าตามจีบคุณหมอก็พอ" พลแอบกระซิบไปที่เพื่อนสนิท

"งั้นต้องมาดวนกันซะแล้ว ใครดีใครได้หว่ะ" ณัฐกระซิบตอบกลับไปแบบเริ่มท้าตีท้าต่อย

"ตามนั้นเพื่อน" สารวัตรกระซิบกลับ แล้วหันไปบอกทุกคนว่า

"ไหนๆ ก็ลงมาแล้ว วันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อเที่ยงเองนะครับ ห้ามปฏิเสธ เพราะถือว่าทุกคนทำงานเหนื่อยร่วมกัน"

"เอาอีกแล้วนะแก"

"แกติดหนี้ข้าหลายมื้อแล้ว ดีเหมือนกันจะได้หาโอกาสขึ้นไปกินข้าวบนดอยมอมแมม ได้บ่อยๆ"

"จะดีหรือค่ะ คราวก่อนสารวัตรก็เลี้ยงไปทีแล้ว"

"อย่าปฏิเสธน้ำใจผมเลยครับ ผมยินดีเสมอ"

เมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็ต้องเลยตามเลยให้สารวัตรพาไปเลี้ยงอาหารกลางวันอีกมื้อ โดยคราวนี้พาไปนั่งร้านอาหารริมน้ำตก บรรยากาศธรรมชาติสบายๆ

"จะได้ถือโอกาสมาเที่ยวเล่นบ้างครับ จะได้หายเครียด"

"บรรยากาศดีมากเลยค่ะ"

แล้วทุกคนก็นั่งคุยกันสัพเพเหระ รับประทานอาหาร ชมธรรมชาติ แต่อยู่ดร.นิลลี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนมองอีกแล้ว แต่พอหันกลับไปก็ไม่เจอใครตามเดิม

"แปลกจริงช่วงนี้ ทำไมเหมือนมีคนตามอยู่เรื่อย แถมฝันร้ายก็ถี่ขึ้น เหมือนมีคนตามไล่ล่าเลย" แม่หมอนั่งคิดในใจ

"คุณหมอ คุณหมอ ใจลอยคิดถึงใครอยู่ครับ" เสียงสารวัตรพลนั่นเอง ทำเอานิลลี่ต้องหันมามอง เพราะไม่ได้ยินเสียงสารวัตรตั้งแต่ต้น จึงตอบว่า

"ว่ายังไงนะคะ"

"คุณหมอใจลอยไปไหนครับ" สารวัตรถามมาอีกครั้ง

"เปล่าค่ะ แค่ชื่นชมกับธรรมชาติเท่านั้นค่ะ"

"วันนี้แม่หมอของผมดูแปลกๆ นะ" ณัฐเริ่มหันมาพูดบ้าง

"ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ"

เมื่อนั่งคุยพักผ่อนและรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว

"งั้น แยกกันตรงนี้ดีไหมว่ะ เอารถกันมาคนละคันอยู่แล้ว พวกข้าจะได้รีบขึ้นดอยไปทำหุ่นยนต์เพิ่ม จะได้เริ่มงานกันเร็วๆ"

"ก็ดีหว่ะ ข้าจะได้ไปทำคดีต่อในเมืองด้วย ไม่ได้กลับเข้าโรงพักอยู่แล้ว เดี๋ยวเดินไปส่งที่รถแล้วค่อยแยกกัน"

ทั้งหมดเดินไปที่ลานจอดรถของร้านอาหารและก็ล่ำลากัน โดยสารวัตรหันมาบอกกับหมอนิลลี่ว่า

"ไว้ผมจะหาโอกาสไปให้คุณหมอเลี้ยงข้าวคืน ที่บนดอยนะครับ ไหนคุณหมอก็ติดผมหลายมื้อแล้ว"

"เห้ย ให้ข้าเลี้ยงก็ได้ไม่ต้องไปทวงกับแม่หมอของข้าก็ได้" ณัฐเริ่มแก้กลับ

"ยินดีเสมอค่ะ สารวัตรขึ้นไปได้ตลอดเลยค่ะ"

"เอาลากันพอแล้ว ข้าจะรีบขึ้นดอย" ณัฐหันมาดุใส่ สารวัตรพล

แล้วต่างคนต่างแยกย้าย สารวัตรก็ไปทำคดีต่อในตัวเมือง ส่วนทีมหมอนิลลี่ก็กลับขึ้นดอย ระหว่างที่เดินไปขึ้นรถนั้นดร.นิลลี่ก็รู้สึกว่ามีคนมองและสะกดรอยตามอีกแล้ว

"คิดไปเองหรือเปล่านะ" นิลลี่คิด

เมื่อเดินทางกลับมาถึงบนดอยมอมแมมก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ตุ๊ดตู่มานั่งรออยู่บ้านริมน้ำนานแล้วเลยเอ่ยปากว่า

"หนีไปทำอะไรสนุกๆ กันมาอีกแล้วนะ ศิษย์น้อง ลืมศิษย์พี่กันเลย" แล้วก็ส่งค้อนวงใหญ่ใส่มาที่ณัฐอีกตามเคย

"อย่าโกรธเลยจ้า ตุ๊ดตู่ เราลงไปคุยเรื่องที่ตามสืบกันหน่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน"

"แต่ผมอยากช่วยนี่ครับ"

"พี่บอกแล้วไงว่าเรายังเด็กช่วยเรื่องนี้ยากหน่ะ ช่วยพี่ดูบ้านริมน้ำว่ามีเคสหรือเปล่าดีกว่านะ"

"แล้วที่มานั่งนี่ นานหรือยังนะ มีเคสไหม"

"ไม่มีเลยครับ"

"งั้นดีเลย พี่จะได้ไปทำการตรวจดีเอ็นเอให้เสร็จ พร้อมทำหุ่นเก็บตัวอย่างเพิ่มด้วย อย่าโกรธพี่เลยนะที่ให้รอนาน

"ไม่โกรธก็ได้ครับ แต่ขออยู่ช่วยทำหุ่นยนต์แทนแล้วกัน"

"ได้จ้า เดี๋ยวให้เข้าไปดู ให้ช่วยบางอย่างได้"

"งั้นผมกับคุณณัฐขอตัวไปนั่งเฝ้า เพิงต่อนะครับ" รวยขอตัวไปทำหน้าที่สายสืบ

"ก็ดีเหมือนกันค่ะ เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม ส่วนหมอกับตุ๊ดตู่จะไปทำหุ่นยนต์เพิ่ม"

แล้วรวยกับณัฐก็แยกไปที่เพิงของตนเพื่อนั่งเฝ้าดูเพิงของพี่ก๊อกแก๊กต่อไป ส่วนหมอนิลลี่กับตุ๊ดตู่ก็เข้าไปนั่งทำหุ่นยนต์เก็บหลักฐานกัน ระหว่างที่นั่งทำหุ่นยนต์อยู่นั้น หมอนิลลี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ หันไปก็ไม่เจอใคร

"เอาอีกแล้ว คิดมากไปหรือเปล่านะ" หมอนิลลี่คิดในใจ แต่ก็เริ่มกังวลเหมือนกันเพราะช่วงนี้รู้สึกแบบนี้บ่อยขึ้น

"แม่หมออยู่ไหม แม่หมอ ช่วยลูกชั้นด้วย" มีคนมาร้องเรียกอยู่หน้าห้องบ้าน เหมือนมีเสียงร้องไห้ด้วย

นิลลี่รีบวิ่งออกมาพร้อมทั้งมูมู่และตุ๊ดตู่

"เด็กเป็นอะไรหรือค่ะ" นิลลี่ถามเมื่อเห็นหญิงวัยรุ่นน้ำตานองหน้าอุ้มลูก ที่ดูเหมือนไม่รู้ตัวอยู่ในอ้อมกอด

"คือไอ้หนูมันท้องเสียจ้า ถ่ายทั้งวันเลยตั้งแต่เช้า แล้วอยู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ร้องไห้ ไม่ขยับเลย แม่หมอ ช่วยลูกหนูด้วย"

ดร.นิลลี่รีบบอกมูมู่ "รีบเอาเด็กไปตรวจด่วน มูมู่ เปิดเส้นให้น้ำเกลือเลย ดูแล้วเด็กน่าจะไฮโปรโวลุมมิคช็อก เจาะเลือดด้วยตรวจอิเล็กโตรไลต์ กลูโคส ตับไต ซีบีซีอย่างด่วน"

"ไม่ต้องห่วงนะคะ แต่หนูน้อยต้องนอนอยู่ที่นี่ แม่เฝ้าได้ค่ะ"

"ค่ะๆ ดีใจจังไม่เสียแรงที่ นั่งเรือข้ามมาจากฝั่งพม่า แล้วเดินขึ้นดอยมาหาแม่หมอ"

"หา มาจากฝั่งพม่าเลยหรือคะ"

"ใช่ค่ะ ฝั่งนู้นไม่มีหมอเข้ามารักษาเลยค่ะ พอดีได้ยินว่าที่นี่มีหมอมาตั้งบ้านอยู่ หนูก็เลยจ้างเรือพาข้ามฟากมาค่ะ"

"งั้น คงต้องอยู่ที่นี่จนกว่าลูกจะดีขึ้น เดี๋ยวหมอจะรีบไปดูเด็กให้นะคะ"

แล้วก็รีบวิ่งตามมูมู่กลับตุ๊ดตู่เข้าไปดูแลเด็กต่อ

"มูมู่ขอดูผลไวทัลไซน์กับการตรวจร่างกายหน่อย"

มูมู่รีบรายงานผลตรวจทางตาให้หมออ่าน

"แย่แล้วเด็กเริ่มฮาร์ดบล็อก เตรียมใส่ทิว ซีพีอาร์ด่วน"

มูมู่กับหมอนิลลี่ช่วยกันทำซีพีอาร์ โชคดีที่เด็กพึ่งมาหัวใจหยุดเต้นที่นี่ และให้น้ำเกลือเร็วจึงสามารถปั๊มหัวใจจนหัวใจกลับมาเต้นได้ แต่เด็กต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะหายดี

ตุ๊ดตู่ยืนงงกลับศัพท์ใหม่ แต่เป็นลูกมือหมอนิลลี่มานานรู้ว่าตอนนี้ แม่หมอกำลังยุ่งอยู่ไม่สามารถสอบถามได้ ได้แต่ยืนงงต่อไป

พอจัดการทำหัตถการให้เด็กเรียบร้อย พร้อมผลแลบออกทั้งหมด หมอนิลลี่ก็มาบอกกับแม่เด็กว่า

"เด็กพึ่งหัวใจหยุดเต้น แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ หมอช่วยให้กลับมาแล้วค่ะ แต่ต้องให้น้ำเกลือดูอาการต่ออีกหลายวันเลย แต่ตอนนี้เด็กอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต แม่คงต้องนอนอยู่ที่ห้องสังเกตอาการไปก่อนจนกว่าหนูน้อยจะออกมาอยู่กับแม่ได้ค่ะ"

"ฮือ ฮือ ลูกหนูจะตายไหมคะ"

"ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ยังไงต้องหมอต้องดูอย่างใกล้ชิดต่อ"

"ค่ะๆ งั้นเดี๋ยวหนูนั่งรออยู่ตรงนี้แหละค่ะ ขอบคุณแม่หมอมากค่ะ"

"เดี๋ยวยังไงหมอจะมาบอกอาการเป็นระยะนะคะ ไม่ต้องกังวลนะคะ"

แล้วหมอนิลลี่ก็เข้าไปดูอาการของหนูน้อยต่อ ซึ่งตุ๊ดตู่ก็ตามเข้าไปยืนงง อยู่ข้างๆ

"รู้แล้วๆ รู้ว่างง แต่วันนี้ยุ่งมากๆ เลย ต้องรอไอ้หนูนี่ดีขึ้นก่อนนะ แล้วจะสอน เอางี้วันนี้แก้เบื่อไปช่วยมูมู่ทำหุ่นยนต์เก็บตัวอย่างก็ได้ และจะกลับดึกหน่อยก็ได้ไม่ว่ากัน"

แล้วหมอนิลลี่ก็เดินไปสั่งมูมู่ว่า

"มูมู่วันนี้ ตั้งโปรแกรมทำหุ่นเก็บตัวอย่าง 20 ตัวนะ เดี๋ยวชั้นดูแลเด็กเอง"

"ครับงั้นผม ตามมูมู่ไปนะครับ"

ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน พอรุ่งเช้าเด็กน้อยก็มีอาการดีขึ้น ออกจากห้องผู้ป่วยวิกฤตได้แล้วแต่ยังต้องให้น้ำเกลือและเฝ้าระวังเรื่องท้องเสียและช็อกอยู่

"เด็กปลอดภัยแล้วค่ะ ถ้าหยุดถ่ายและอาการช็อกดีขึ้น วันพรุ่งนี้ก็น่าจะได้กลับบ้านนะคะ"

"ดีใจจังเลยคะ งั้นหนูอยู่กับลูกได้แล้วนะคะ"

"ตามสะดวกเลยคะ หมอขอตัวก่อนนะคะ"

พอดีวันนี้เป็นวันเสาร์เมื่อคืนตุ๊ดตู่เลยอยู่นั่งช่วยทำหุ่นยนต์จนเสร็จ เมื่อหมอนิลลี่เดินเข้ามาก็ถามอย่างตกใจว่า

"เมื่อคืนอยู่นี่ทั้งคืนเลยหรือ"

"ครับ ทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ หุ่นยนต์ 20 ตัว" พร้อมโชว์ผลงานให้ดู

"โอเคสุดยอดเลย ไปเราไปที่เพิงของคุณณัฐกัน"

เมื่อมาถึง ณัฐเห็นทั้งสองคนก็ทักว่า

"ดูท่าทั้งสองคนจะยังไม่ได้นอน ดูเสื้อผ้ายังเป็นชุดเมื่อวานอยู่เลย"

"ใช่ค่ะ พอดีเมื่อคืนมีเคสฉุกเฉินเป็นเด็กน้อยเลยต้องเฝ้าทั้งคืน ส่วนตุ๊ดตู่ก็อยู่ช่วยมูมู่ทำหุ่นยนต์ทั้งคืนเหมือนกันค่ะ แล้วทางนี้เป็นยังไงบ้างคะ"

"ทางนี้ยังเงียบๆ อยู่ครับ"

"หุ่นยนต์เสร็จหมดทุกตัวแล้วนะคะ เดี๋ยวจะทำการปล่อยออกไปโดยให้สลับกันทำงานจุดละ 2 ตัวเผื่อถูกเห็นหรือเวลาเอาข้อมูลกับมาวิเคราะห์"

"รอบคอบมากเลยครับ คุณหมอ" รวยกล่าวเสริม

"งั้นขอตัวกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วปล่อยหุ่นยนต์ออกไปทำงานให้นะคะ แล้วก็ต้องไปดูเด็กน้อยต่อด้วย"

ต่างคนต่างแยกย้ายกันตามเคย ตุ๊ดตู่กลับบ้านไปนอน นิลลี่ไปดูเด็กน้อยพร้อมปล่อยหุ่นยนต์ ส่วนณัฐกับรวยก็นั่งสังเกตการณ์เพิงต่อไป

พอตกเย็นนิลลี่เห็นเด็กน้อยหยุดถ่ายแล้ว อาการช็อกดีขึ้น เด็กกลับมาร้องไห้ได้กินได้แล้วเลยบอกกับแม่เด็กว่า

"หมอให้กลับบ้านได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้สายๆ ก็ได้คะ"

"ขอบคุณคุณหมอมากเลยคะ ชีวิตนี้จะไม่ลืมพระคุณเลย"

"เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วคะ"

แล้วหมอนิลลี่ก็ขอตัวออกมาจากห้องดูอาการเพื่อมาสอนตุ๊ดตู่เรื่องซีพีอาร์ต่อไป

"วันนี้พี่หมอยังไม่ได้นอนเลย ขอสอนเรื่องสั้นๆ นะ ซีพีอาร์เป็นไง"

"ได้ครับ แล้วศิษย์น้องหล่ะครับ"

"ช่วงนี้คุณณัฐเองคงไม่ค่อยว่างมาเรียนด้วย เราเรียนคนเดียวไปนั่นแหละ อ้าวเริ่ม ซีพีอาร์เคยได้ยินไหม"

"ไม่เคยเลยครับ เมื่อวานผมเลยยืน งงไง"

"ขอสอนง่ายๆ เลยนะ เรายังเด็กเกินที่จะสอนละเอียด พูดง่ายๆ คือ เมื่อคนไข้หมดสติ เราจะทำซีพีอาร์เพื่อช่วยกระตุ้นหัวใจคนไข้ให้กลับมาทำงาน พี่จะสอนแบบไว้เผื่อเจอคนหมดสติจะได้ช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เอาไหม"

"ดีครับ"

"วันนี้สอนแค่ทฤษฎีก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเรียนปฏิบัติกัน พี่จะเอาศิษย์น้องเรามาเรียนด้วย"

"ได้เลยครับ"

"เอาตามนี้ เมื่อคนไข้หมดสติ สิ่งแรกที่เราต้องตรวจเลยคือ ดูว่ายังมีลมหายใจอยู่ไหม ต่อมาดูว่ามีชีพจรไหม ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยพกเครื่องวัดความดันก็จะไม่สามารถวัดความดันได้ ต่อมาเมื่อพบว่าหยุดหายใจกับหัวใจหยุดเต้น เราก็จะปั๊มหัวใจคนไข้ซึ่งเรียกว่าซีพีอาร์นั่นเอง"

"อ้อ เข้าใจแล้วครับ"

"เอาเท่านี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ช่วงเย็นทวงพี่ด้วย เผื่อลืมว่าให้สอนการทำซีพีอาร์ภาคปฏิบัติ พี่ขอตัวไปพักก่อนนะ"

"ครับผม"

คราวนี้ต่างคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อนบ้าง คืนนี้หมอนิลลี่หลับเป็นตายเลยเนื่องจากอดนอนต่อกันหลายคืน

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!

DrNillycreators' thoughts