webnovel

คู่ชะตาบันดาลรัก

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ 'หมิงเวย' หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล! สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้... กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่ แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง... รวมถึงนำไปสู่ความรัก! นับตั้งแต่ที่ 'หยางชู' เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

อวิ๋นจี๋ · 歴史
レビュー数が足りません
682 Chs

036 จัดการกับปัญหา

บทที่ 36 จัดการกับปัญหา

นายท่านสองรีบเดินทางไปยังห้องหลิวจิ่ง แล้วเขาก็เห็นฮูหยินสามและแม่นมถงร้องไห้กันอย่างหนัก

“เสี่ยวชีๆ! ลูกตื่นขึ้นมาสิ อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ” นายท่านสองชำเลืองมอง “เกิดอะไรขึ้น”

เขาเห็นนายท่านหกนอนอยู่บนพื้นดวงตาเหม่อลอย นอนหายใจรวยริน บริเวณท้องล่างของเขามีรู และมีเลือดไหลออกมาจนกลายเป็นแอ่งเลือดเล็กๆ ที่พื้น

และหมิงเวยที่ตัวสั่นในอ้อมแขนของฮูหยินสามที่มือของนางมีปิ่นปักผมสีทองที่ชุ่มไปด้วยเลือด

พอเห็นนายท่านสอง แม่นมถงก็คุกเข่าเสียงดังตุบด้วยสีหน้าเศร้าโศก “นายท่านสองเจ้าคะ บ่าวขอร้องท่านช่วยจัดการ ฮูหยินกับคุณหนูไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วเจ้าค่ะ!”

นายท่านสองมีสีหน้านิ่งสงบ “พูดดีๆ หน่อย ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

เขาพูดกับแม่นมถงพลางส่งสัญญาณให้แม่เฒ่าหม่าเข้าไปตรวจดูอาการ

“เจ้าค่ะ” แม่นมถงเช็ดน้ำตา “เมื่อสักครู่มีจดหมายในนามของนายท่านสองส่งมาจากข้างนอก ฮูหยินจึงมาพบตามที่นัดเอาไว้ไม่คิดเลยว่าคนที่รออยู่จะเป็นนายท่านหก ฮูหยินบอกว่านายท่านสองรับปากแล้วว่าต่อไปจะไม่ให้เขามาที่นี่อีก แต่นายท่านหกไม่ทำตามใครกันจะรู้ว่า...”

แม่นมถงร้องไห้ นางพูดเสียงสะอึกสะอื้น “นายท่านหกทำร้ายปิงซินใช้กำลังกับฮูหยิน แต่คุณหนูที่มาหาฮูหยินดันเกิดมาพบเห็นเข้า...”

“เพราะงั้นนางเลยแทงน้องหกงั้นหรือ” นายท่านสองขมวดคิ้วและมองไปยังบาดแผลที่หน้าท้องของนายท่านหก

มันคือการแทงจากด้านหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ” แม่นมถงยิ่งโศกเศร้ากว่าเดิม “บ่าว...บ่าวพูดไม่ได้เจ้าค่ะ!”

นายท่านสองรู้สึกใจหายวาบ “เขาสนใจเสี่ยวชีงั้นหรือ”

แม่นมถงพยักหน้าอย่างอึดอัดใจ ฮูหยินสามร้องไห้เสียงดังขึ้น นางร้องไห้ไปตีตัวเองไป “เป็นเพราะข้า ทั้งหมดเป็นเพราะข้า! ทำไมข้าถึงไม่ตายตามเขาไป!”

นางกอดหมิงเวยอีกครั้ง “เสี่ยวชี เสี่ยวชีลูกตื่นขึ้นมาสิ หากลูกเป็นอะไรไป แม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”

นายท่านสองยกมือกดหว่างคิ้ว เรื่องคราวนี้ปวดหัวมากจริงๆ

น้องหกคนนี้เหลวไหลแค่ไหนเขารู้ดี นายท่านสองไม่สงสัยเลยหากเขาจะนึกสนใจหลานสาวของตนเอง

ในสายตาของเขาผู้หญิงคนเดียวที่แตะต้องได้น่าจะเป็นมารดาของนาง

แต่เขาดันไปทำลายความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรมนี้เข้าถึงได้นำไปสู่สถานการณ์ในวันนี้

แต่คราวนี้คงจัดการเหมือนอย่างเคยไม่ได้แล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามแม่เฒ่าหม่า

แม่เฒ่าหม่าเป็นหมอ ตอนนี้นางให้ยากับนายท่านหกแล้วเรียบร้อย นางโค้งตัวตอบคำถามเขาไปว่า “อาการบาดเจ็บของนายท่านหกไม่ถึงตายเจ้าค่ะ”

นายท่านสองพยักหน้า ไม่ตายก็ดีแล้ว เรื่องนี้จัดการได้ น้องหกคนนี้เหลวไหลมานาน สมควรได้รับบทเรียนบ้างแล้ว

เขาฟังแม่เฒ่าหม่าพูดต่อ “แต่ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บไม่ค่อยดี เกรงว่าจะไปทำลายหยางจิง[footnoteRef:1]...” [1: หากจิงของไตไม่เพียงพอจะทำให้สมรรถภาพทางเพศของผู้ชายมีน้ำกามน้อย เป็นหมัน]

นายท่านสองขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร”

“นายท่านหก...คงไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้อีกแล้วเจ้าค่ะ”

“......” เมื่อฮูหยินสามได้ยินเช่นนั้นนางก็สาปแช่งอย่างดุเดือด “สมควรแล้ว! เขามันสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่หลานสาวของตัวเองยังคิดไม่ดีด้วยได้ ยังจะเรียกเป็นมนุษย์ได้อยู่อีกหรือ”

นายท่านสองถามแม่เฒ่าหม่า “มีทางรักษาหรือไม่”

“ยากเจ้าค่ะ” แม่เฒ่าหม่ากล่าวอย่างหนักแน่น “ร่างกายมนุษย์เป็นภาชนะของชี่ ซึ่งจะปิดทุกรูเปิดในร่างกายมนุษย์ หมุนเวียนเคลื่อนคล้อยเป็นวงจร แต่ปิ่นปักผมอันนั้น บังเอิญไปแทงตรงจุดรูเปิดแห่งหนึ่งพอดีทำให้ชี่ระบายออกมา แม้ว่าบาดแผลจะหาย แต่หยางจิงก็เสียหายไปแล้ว”

นายท่านสองคิด ตัวน้องหกเองมีบุตรชายสองคนแล้ว ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าบุตรของน้องหกยังน้อยไปหรือไม่

เขาพูดกับแม่เฒ่าหม่า “ท่านช่วยไปตามคนมาหน่อย ไปให้เงียบ อย่าให้คนอื่นพบเห็นได้”

“เจ้าค่ะ” แม่เฒ่าหม่าโค้งตัวลงแล้วถอยออกไป

นายท่านสองมองแม่นมถงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น จากนั้นมองไปยังฮูหยินสามที่กำลังกอดหมิงเวยอยู่

“ยังไม่เอาปิ่นนั่นออกมาอีก ไม่กลัวว่านางจะทำร้ายคนอีกหรือไง”

ฮูหยินสามเหมือนตื่นขึ้นจากฝัน นางยื่นมือไปดึงปิ่นออกอย่างระมัดระวังพลางพูดว่า “เสี่ยวชีอย่ากลัวไปเลย แม่อยู่ที่นี่ เอาปิ่นมาให้แม่นะ...”

เมื่อนำปิ่นออกมาได้นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วนางก็มีสีหน้าเศร้าอีกครั้ง “พี่สอง หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าไม่เคยขอร้องอะไรท่าน แต่วันนี้ข้าอยากขอร้องท่าน”

นางร้องไห้อย่างขมขื่น “เรื่องในวันนี้ข้าไม่สามารถไปต่อได้แล้ว เห็นแก่พ่อของเสี่ยวชี ท่านปล่อยเราสองคนแม่ลูกไปตามทางของพวกเราเถอะ!”

นายท่านสองขมวดคิ้ว “ท่านจะทำอะไร เรื่องน้องหก ข้าจะจัดการให้เอง เหตุใดถึงไปต่อไม่ได้”

ฮูหยินสามพูดอย่างเศร้าๆ “หากน้องหกเกิดอาฆาตมาดร้ายต่อเสี่ยวชีเล่าจะทำอย่างไร เขาเป็นผู้ชายในเรือนนี้ พวกเราแม่ลูกจะเอาอะไรมาป้องกันตัวเองได้”

นายท่านสองขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร “สิบปีมานี้ จิตใจของข้าช่างอ่อนแอ กว่าเสี่ยวชีจะหายดีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ข้าก็มีความหวังอยู่เล็กน้อย หากเกิดเรื่องขึ้นมาอีกจนเกิดการสูญเสียอีกครั้ง ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร”

นายท่านสองมองหมิงเวยด้วยความมึนงงแล้วพูดว่า “นางก็แค่กลัว อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

“แล้วถ้าหากไม่ดีขึ้นมาล่ะ” ฮูหยินสามถาม

“ไม่มีทางไม่ดีขึ้นหรอก”

“พี่สองไม่สามารถรับประกันได้ใช่หรือไม่” ฮูหยินสามเช็ดน้ำตา

นายท่านสองถอนหายใจ “เอาล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เรื่องน้องหก ข้ารับปากเจ้าว่าจะจัดการให้เรียบร้อยจะไม่ทำให้เสี่ยวชีมีปัญหา ต่อไปจะไม่ให้เขามาคุกคามพวกท่าน ท่านทำในสิ่งที่ท่านต้องทำ ข้าเองก็จะทำตามที่ข้าสัญญาเอาไว้ รอให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน ท่านค่อยพาเสี่ยวชีไปเมืองหลวงเพื่อออกเรือนเถอะ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับการจากไปของพวกนาง ฮูหยินสามรู้สึกดีใจ “จริงหรือ”

“จริง” นายท่านสองมองหมิงเวยอย่างระมัดระวังแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติจึงพูดว่า “พวกท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ เราจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อีก วันรุ่งขึ้นข้าจะเชิญหมอมาดูอาการเสี่ยวชีให้นางทานยาสงบจิต เดี๋ยวนางคงอาการดีขึ้นในไม่ช้า”

ฮูหยินสามตอบรับคำ ในระหว่างที่พูดคุยกัน แม่เฒ่าหม่าก็มาพร้อมกับคนรับใช้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งสองสามคน พวกเขาช่วยกันอุ้มนายท่านหกขึ้นไปบนเปลอย่างคล่องแคล่วแล้วพาออกไปจากห้องหลิวจิ่ง

นายท่านสองเองก็ตามออกไปด้วย บาดแผลของนายท่านหกไม่สามารถซ่อนได้และยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องจัดการในภายหลัง

ห้องหลิวจิ่งกลับสู่ความสงบ หมิงเวยกะพริบตา “ท่านแม่อย่าร้องไห้”

ฮูหยินสามหยุดร้องให้แล้วเอามือลูบอก “เขาน่าจะเชื่อ”

หมิงเวยพยักหน้า “พวกเรารีบเก็บกวาดกันเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”

จุดประสงค์ของการแสดงฉากนี้ก็เพื่อทำให้นายท่านสองเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ นางแค่ตกใจกลัวจนเอาปิ่นแทงนายท่านหก

หลานสาวทำร้ายอาตัวเอง แม้จะเป็นการป้องกันตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

ฮูหยินสามกังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อนางจึงตอบตกลง แต่สิ่งที่หมิงเวยคิดก็คือ นางไม่รู้ว่านายท่านสองมีบทบาทอย่างไรในเรื่องนี้ หากเขามีส่วนร่วมในการข่มเหงฮูหยินสามด้วยละก็ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องถูกชำระความ

ตอนนี้นางกังวลแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินสามและนายท่านสองคืออะไรกันแน่ แค่รู้เห็นเป็นใจให้นายท่านหกรังแกนางหรือว่า...

นอกจากนี้ยังมีประโยคที่นายท่านสองพูดไปก่อนหน้านี้ว่า ‘ท่านทำในสิ่งที่ท่านต้องทำ ข้าเองก็จะทำตามที่ข้าสัญญาเอาไว้’ ฮูหยินสามต้องทำอะไรงั้นหรือ แล้วนายท่านสองให้สัญญาอะไรไว้

ฮูหยินสามปฏิเสธที่จะบอกข้อมูลภายในทั้งหมดกับนาง หมิงเวยจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะน่าเกลียดกว่าที่นางคิดเอาไว้

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ต้องรีบร้อน หากรู้ว่าศัตรูคือใครก็จัดการได้ไม่ยาก คนที่ทำเรื่องชั่วช้าทั้งหมดนี้ จะไม่ให้ใครหนีพ้นไปได้แม้แต่คนเดียว!

…………………………………………………..