ตอนที่ 13 กล้องวงจรปิดตบหน้า
“ก็เพราะว่าแม่เชื่อลูกถึงรู้ว่าลูกชอบทำให้ตัวเองลำบากใจ” ดวงตาของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งขุ่นมัว แต่สายตากลับเฉียบคม “ไม่รู้ว่าใคร รู้ทั้งรู้ว่าเป็นห้องที่อาเขยของตัวเองจองไว้ ก็ยังจะอาบน้ำที่นั่น...”
“ไร้ยางอายสิ้นดี!” จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องที่อิ๋งจื่อจินยั่วเจียงมั่วหย่วนก็เป็นความจริง นั่นเป็นเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้ วันที่สิบเจ็ดมกราคม โรงเรียนมัธยมชิงจื้อเพิ่งปิดเทอมได้ไม่นาน
ใกล้สิ้นปี[footnoteRef:1] อิ๋งเจิ้นถิงวุ่นเรื่องจัดการบริษัท จงมั่นหวาต้องไปส่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ยุโรปครึ่งปี นี่เป็นโอกาสที่หามาไม่ได้ง่ายๆ ห้ามเกิดข้อผิดพลาดอะไรเป็นอันขาด [1: สิ้นปี นับแบบจันทรคติ ประเทศจีนยังไม่ขึ้นปีใหม่ หรือยังไม่ถึงวันตรุษจีนนั่นเอง]
คุณหนูใหญ่คุณหนูรองใครสำคัญกว่า นี่แทบไม่ต้องคิด แต่ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง จงมั่นหวาก็ไม่มีทางวางใจได้อย่างสิ้นเชิง
โชคดีที่อิ๋งลู่เวยเสนอตัวบอกดูแลให้ได้ จงมั่นหวาถึงอยู่ที่ยุโรปได้อย่างสบายใจหลายวัน ปรากฏว่ายังไม่ทันที่เธอจะกลับมาก็มีข่าวลือว่าลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งยั่วยวนอาเขยตัวเองอย่างไร้ยางอาย
เธอจึงรีบเปลี่ยนตั๋วบินกลับฮู่เฉิงทันที ถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจียงมั่วหย่วนเคยชินกับการทำงานที่โรงแรมควีนเซ็นเตอร์มาตลอด นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในเมืองฮู่เฉิงต่างรู้ว่า ห้องเพรสซิเดนสูทชั้นสิบแปดของโรงแรมควีนเซ็นเตอร์ก็คือห้องส่วนตัวของเขา
แต่ลูกสาวแท้ๆ ของเธอคนนี้กล้าไปอาบน้ำที่นั่น!
ถ้าไม่ใช่ตั้งใจไปยั่วเจียงมั่วหย่วนยังจะเพื่ออะไรได้
โชคดีที่เจียงมั่วหย่วนเห็นแก่หน้าอิ๋งลู่เวย ไม่ได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็มาที่บ้านตระกูลอิ๋งอย่างไร้ความปรานี เรียกชื่อเรียกแซ่บอกให้พวกเขาสั่งสอนให้ดี
ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้จะเงียบไปแล้วก็ยังคงมีข่าวลือเล็ดลอดออกไป ช่วงหลายวันนั้นจงมั่นหวาไปข้างนอกเจอคนตระกูลอื่นก็ถูกหัวเราะเยาะทั้งต่อหน้าและลับหลัง
เธอโดนมาพอแล้วจริงๆ!
จงมั่นหวาพยายามข่มความโกรธ “ยังไม่รีบขอโทษอีก!”
“พี่สะใภ้ใหญ่...” อิ๋งลู่เวยเห็นเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จจึงหันไปทางเด็กสาว “เสี่ยวจิน อาเล็กรู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอมาปลอบคุณแม่ของเธอหน่อย โมโหไปจะไม่ดีต่อร่างกาย”
ขาเรียวยาวของอิ๋งจื่อจินงอเล็กน้อยยืนพิงประตู พอได้ยินคำพูดนี้ก็เบิกตาโต “หนูตาบอดเองเหรอ”
“เสี่ยวจิน เธอจะตาบอดได้ยังไง เธอก็ดีๆ อยู่...” ยังไม่ทันพูดจบทันใดนั้นอิ๋งลู่เวยก็ฉุกคิดได้ เธอตกใจ
“เสี่ยวจิน เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะมั่วหย่วนพวกเราก็คงหาเธอไม่เจอ”
เธอขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ
เจียงมั่วหย่วนเป็นผู้ชายที่สาวไฮโซทั้งเมืองฮู่เฉิงอยากแต่งงานด้วย เธอจะตาบอดได้ยังไง
นี่ไม่เท่ากับด่าเธอไปด้วยเหรอ
อิ๋งลู่เวยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้า ท่าทางเสียใจ
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมีเหรอจะทนเห็นลูกสาวตัวเองโดนว่าได้ เธอแสยะยิ้มด้วยความโมโห “สมกับเป็นเด็กที่มาจากบ้านนอก คำพูดอะไรก็พูดออกมาได้หมด!”
เสียงดังเอะอะขนาดนี้พวกคนรับใช้ต่างได้ยินกันหมด
พวกเขามองมาด้วยความสงสัย สายตาที่มองเด็กสาวเจือไปด้วยการดูถูก
จงมั่นหวานิ้วสั่น เธอไม่เคยเสียหน้าเท่านี้มาก่อน
อีกทั้งลูกสาวแท้ๆ เป็นคนที่ทำให้เธอเสียหน้า
เธอคลอดลูกมาเพื่อมาเป็นกาลกิณีให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ
พอนึกถึงตรงนี้ เลือดในกายจงมั่นหวาก็พลุ่งพล่าน ราวกับเลือดร้อนแล่นขึ้นสมอง กำลังจะระเบิดออกในที่สุดเธอก็หมดความอดทน ก้าวขึ้นหน้า ขณะที่กำลังจะกระชากตัวลูกสาวมา...
ภายในห้องรับแขกที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็มีเสียงนุ่มนวลของผู้หญิงดังขึ้น
“เสี่ยวจิน เธอไปรออาที่โรงแรมควีนเซ็นเตอร์ห้องหนึ่งแปดศูนย์หนึ่งก่อนนะ อาเตรียมของใช้กับเสื้อผ้าใหม่สำหรับอาบน้ำไว้ให้เธอข้างในแล้ว พอเธออาบน้ำเสร็จก็ไปริมแม่น้ำกับอาด้วยกัน ดีไหม”
“...”
จงมั่นหวาชะงัก ตกใจเล็กน้อย “ลู่เวยเหรอ”
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเองก็ตกใจ
อิ๋งลู่เวยเงยหน้าขึ้นทันที มองเด็กสาวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ก็แค่บทสนทนาทั่วไป ยังจะอัดเสียงไว้ด้วยเหรอ
อิ๋งจื่อจินเอาโทรศัพท์มาปิดเสียงอย่างเหนื่อยหน่าย “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม”
เทคโนโลยีของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดมันดีแบบนี้ ไม่ต้องให้เธอเปลืองแรง มือถือเครื่องนี้ก็ใช้ได้ อัดเสียงให้เองอัตโนมัติตอนคุย
ทันใดนั้นคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง ทั้งยังอารมณ์เสีย พอนึกถึงคำพูดที่เธอพูดก่อนหน้านี้ แล้วมาฟังเสียงอัดพวกนี้ เธอแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
อิ๋งลู่เวยได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอหลุบตาลง พูดเสียงเบา “แม่คะ พี่สะใภ้ใหญ่ หนูผิดเอง หนูลืมเรื่องนี้ไปสนิท หนูเป็นคนให้เสี่ยวจินไปเอง แต่ตอนนั้นหนูออกไปข้างนอกเลยให้เสี่ยวจินรอหนู นึกไม่ถึงว่ามั่วหย่วนจะกลับมาเร็ว อันที่จริงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ไม่รู้ว่าทำไมลือออกไปแบบนั้น”
จากนั้นก็ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ “ต่อมาหนูก็อธิบายกับมั่วหย่วนไปแล้ว แม่คะ พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวจินจริงๆ ค่ะ หนูบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
แสดงความจริงใจอย่างสุดซึ้ง จงมั่นหวามองเด็กสาวด้วยสีหน้าสับสน จากนั้นก็กลับไปนั่งที่โซฟา ครั้งนี้เอาแต่เงียบไม่พูดอะไร
คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งรู้สึกอายมาก แค่อยากจบเรื่องนี้โดยเร็ว เอาไม้เท้าในมือเคาะพื้นอีกครั้ง แววตาเข้มงวด แต่กลับไม่ดุดันแบบก่อนหน้านี้แล้ว “ได้ ในเมื่อไม่ใช่เพื่อตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเจียง แล้วทำไมเธอต้องผลักเวยเอ๋อร์ด้วย”
คำพูดนี้ทำให้ไฟโกรธที่เพิ่งดับไปของจงมั่นหวาปะทุขึ้นมาอีกครั้ง “รู้ทั้งรู้ว่าอาเล็กของเธอเป็นโรคฮีโมฟีเลีย เธอยังจะทำแบบนี้อีกเหรอ”
“แม่คะ พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ใช่...” อิ๋งลู่เวยดวงตาเบิกโพลง ท่าทางร้อนใจ ชิงพูดขึ้นก่อน “พูดอะไรกันคะ หนูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่เกี่ยวกับเสี่ยวจิน ตอนนั้นเสี่ยวจินจะประคองหนู”
“ลู่เวย ไม่ต้องช่วยแก้ตัวเด็กคนนี้โกหกจนเคยตัว เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ ยังจะตามใจอีกเหรอ” จงมั่นหวาโมโหมาก ตบโต๊ะอย่างแรง รู้สึกปวดใจมาก “เธอรู้ไหมว่าคนในเวยปั๋วพูดถึงเธอว่ายังไง!”
อกตัญญู!
นี่ต้องเป็นตราบาปขนาดไหน
ทันใดนั้นเอง พ่อบ้านที่กำลังดูเวยปั๋วอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “คุณนาย คุณนายผู้เฒ่า แย่แล้วครับ มีคนปล่อยคลิปกล้องวงจรปิดในงานเลี้ยงวันนั้น”
“กล้องวงจรปิดเหรอ” จงมั่นหวาตกใจ “เอามาซิ”
นั่นเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ส่วนตัว จะมีกล้องวงจรปิดได้ยังไง
ถ้ามีกล้องวงจรปิด ไม่เท่ากับว่าไม่มีแม้แต่ที่จะมุดดินแล้วเหรอ
“มีกล้องวงจรปิดก็ดี” คุณนายผู้เฒ่าแสยะยิ้ม “ความจริงกองอยู่ตรงหน้าแล้ว คำพูดโกหกก็ปิดไม่มิดแล้ว”
พ่อบ้านรีบยื่นโทรศัพท์มือถือ ถือไว้ตรงหน้าจงมั่นหวากับคุณนายผู้เฒ่า
อิ๋งลู่เวยคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะเข้าไปขวาง แต่คลิปเล่นเองอัตโนมัติ เธออยากจะปิดก็ไม่ทันเสียแล้ว
ภายในคลิป หญิงสาวเดินลงบันไดอย่างสง่างาม ขณะที่เดินไปได้ครึ่งทาง เท้าขวาของเธอได้ก้าวไปเหยียบกระโปรง พลาดตกบันได มือข้างหนึ่งยังได้ฉุดเด็กสาวที่อยู่ข้างหลังไปด้วย
เด็กสาวตกใจอย่างเห็นได้ชัด จับราวบันไดได้ทันเวลา ถึงไม่ล้มตามไปด้วย
ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ถึงยี่สิบวินาทีนี้ได้ติดอันดับที่สิบเจ็ดของประเด็นฮอต