webnovel

ครุฑาจอมราชันย์

ครุฑาจอมราชันย์เป็นนวนิยายแนวกำลังภายในแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ไทยในช่วง พ.ศ.2470 คาบเกี่ยวไปถึงห้วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงตัวเอกที่มีชื่อว่าธีรพล ชายชาวไทยเชื้อสายจีนผู้ได้รับอัตลักษณ์พลังสถิตรูปพญาครุฑนามว่าสุบรรณมาตั้งแต่กำเนิด ในวัยเด็กนั้นเขาได้ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มองค์กรลึกลับซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือ พรรคภูติราชันย์ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นพรรคผู้ร่วมก่อตั้งของภาคีซันเหอหรือที่ชาวไทยรู้จักกันในนามว่าอั้งยี่ที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยมากว่าหนึ่งร้อยสิบแปดปี แต่ด้วยความคิดจะตั้งตนเป็นเจ้าในแผ่นดินสยามจึงได้ถูกพรรคบัวมารมรกต หรืออีกหนึ่งพรรคก่อตั้งตลบหลังให้ความร่วมมืออย่างลับๆกับทางการ จนเป็นผลให้พรรคภูติราชันย์ถูกกวาดล้างไปจากแผ่นดินสยามในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในเวลาต่อมา แม้ทางภาคีซันเหอจะคาดคิดว่าพรรคภูติราชันย์ได้หายสาบสูญไปสิ้นแล้วก็ตาม แต่เมฆผู้เป็นบิดาของธีรพลก็ได้ไปค้นพบหลักฐานของการดำรงอยู่ของพรรคภูติราชันย์เข้า จนส่งผลให้ทั้งตัวเขารวมไปถึงลี่ผู้เป็นภรรยาและธีรพลในวัยสี่ขวบถูกติดตามฆ่า จนในที่สุดเมฆและลี่ก็ถูกหนึ่งในขุนพลของอีกฝ่ายสังหารลง แต่สำหรับธีรพลที่ได้รับความช่วยเหลือจากทองใบเกลอคนสนิทของเมฆไว้นั้นก็สามารถหลบหนีมาใช้ชีวิตอย่างสงบได้ที่เวียงพิงค์ อีกกว่าสิบห้าปีถัดมา ธีรพลในวัยฉกรรจ์ที่ได้รับการฝึกฝนมวยไทยอย่างหนักจากทองใบก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ทำให้เขาได้รู้จักกับพลังงานชีวิต พลังงานธาตุ และอัตลักษณ์พลัง จนนำไปสู่การค้นพบสุบรรณในที่สุดซึ่งก็ทำให้เขาได้พัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับขั้น ด้วยโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเข้าไปผัวพันกับภาคีซันเหอ องค์กรใต้ดินที่มีอิทธิพลสูงสุดในสยามประเทศ ธีรพลก็จึงได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่ผิดกฎหมาย และต้องต่อสู้กรุยทางเพื่อสร้างพรรคของตนให้มีอิทธิพลอำนาจสูงขึ้นในภาคีและตามล่าหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การสังหารครอบครัวของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับชะตากรรมของชีวิตผู้คนในพิภพสหัสดาราที่ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานต่างมิติกับโลกมนุษย์ ที่ความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งหนอันสืบเนื่องมาจากพระราชาองค์ปัจจุบันได้สิ้นพระชนม์ลง จึงทำให้บรรดาเผ่ามนุษย์ที่เคยสมัครสมานสามัคคีกันได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นแสวงหาอำนาจต้องการตั้งตนเป็นใหญ่ และที่สำคัญที่สุดเผ่าพันธุ์อสูรที่เคยถูกสยบอยู่กว่าสองพันปีก็ได้โอกาสอันดีเริ่มเคลื่อนไหวรุกรานอาณาจักรต่างๆอีกครึ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ทิตยะ ก็ทำให้ธีรพลได้พบกับแม่ทัพใหญ่อัศวเมธ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยเหลือตามหาองค์ชายราวินทร์ที่หายสาบสูญไปจากพิภพสหัสดารา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วหลังจากธีรพลออกค้นหาอยู่ภายในโลกมนุษย์ได้สักระยะหนึ่งก็ได้พบกับองค์ชายราวินทร์และช่วยกันกำจัดพรรคภูติล้างวิญญาณซึ่งมีตัวการใหญ่ก็คือจอมเวทย์บุศัยยะ ผู้ที่แฝงตัวเข้ามายังโลกมนุษย์เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานธาตุจากอัตลักษณ์พลัง และที่สำคัญก็คือจอมเวทย์ผู้นี้เองเป็นผู้ที่สั่งการฆ่าครอบครัวของเขา เมื่อไม่มีจอมเวทย์บุศัยยะคอยบงการ พรรคภูติราชันย์จากที่จะสามารถล้มล้างภาคีซันเหอซึ่งเป็นศัตรูสำคัญลงได้และกำลังจะดำเนินแผนการยึดครองสยามประเทศ ก็ได้ถูกธีรพลซึ่งในขณะนั้นได้ขึ้นเป็นผู้นำภาคีพลิกสถานการณ์เข้าจัดการจนสามารถล้มจอมราชันย์ของพรรคลงได้ และทำลายแผนการอันชั่วร้ายของพรรคภูติราชันย์ทั้งหมด จากนั้นธีรพลก็ได้กลับไปยังพิภพสหัสดาราเพื่อช่วยเหลือองค์ชายราวินทร์ รวบรวมคนจากเผ่ามนุษย์ เผ่าปักษา เผ่านาคาและเผ่าสัตว์เทพเข้าต่อกรกับเผ่าอสูรที่จอมเวทย์บุศัยยะบงการอยู่ เพื่อขัดขวางการปลุกชีพจอมมารรามสูรที่เคยอาละวาดเมื่อราวสองพันปีก่อนลง ซึ่งด้วยพันธมิตรที่แข็งแกร่งและความเก่งกาจของธีรพลที่มีอัตลักษณ์พลังสถิตอยู่ด้วยกันถึงห้าตน ก็ทำให้เขาสามารถสังหารจอมเวทย์บุศัยยะผู้เป็นตัวการพรากชีวิตของบิดามารดาเขาลงได้และสามารถช่วยเหลือพิภพสหัสดาราไว้ได้ในที่สุด

Thanakorn_Pinchai · ファンタジー
レビュー数が足りません
23 Chs

ตอนที่ 14 : หญิงปริศนา

เพียงชั่วลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครา ธีรพลที่เคลื่อนอย่างแคล่วคล่องว่องไวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนก็พบกับกำแพงไม้ที่เงาปริศนาได้กระโดดข้ามผ่านไป ด้วยความมั่นใจดั่งที่เคยเกิดขึ้นตอนดึงเกวียนให้หลุดพ้นจากการตกเขา ธีรพลพลันเร่งฝีเท้าขึ้น พลังงานชีวิตภายในกายหมุนเร็วรี่ ร่างกระโดดลอยค้างสูงเข้าหากำแพงอย่างรวดเร็ว

แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดั่งหวัง การควบคุมพลังชีวิตยังไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ร่างจากที่เคยจะลอยข้ามผ่านไปอย่างง่ายดายกลับล่วงหล่นลงกลางทาง แต่โชคยังดีที่มีมือข้างหนึ่งยึดเหนี่ยวรั้วไม้ไว้ได้ทันการณ์ ร่างจึงไม่พุ่งชนรั้วไม้อย่างเสียหลัก

ฟู่ว!

ธีรพลผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เป็นเพราะการควบคุมการไหลเวียนพลังงานงานชีวิตที่ยังไม่ชำนาญดีพอ พลังงานจึงขาดห้วงร่างร่วงตกลงก่อนถึงที่หมาย แต่อย่างไรเสียครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรก เขาจึงไม่นำมาคิดกังวลให้มากความพลางเกร็งกำลังดึงตัวตีลังกาลงยังอีกฝากฝั่งหนึ่งของรั้วไม้ไป

แต่ขณะที่เท้ายังไม่ทันได้แตะพื้นดี ฝ่ามือข้างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นจากมุมมืด พร้อมกับไอเย็นที่ทำให้รู้สึกหนาวซึ้งถึงขั้วหัวใจ เงาร่างชุดดำปริศนาอาศัยจังหวะที่ธีรพลยังไม่ทันได้ลงพื้นตั้งหลักมั่น ส่งฝ่ามือเข้าประทับทรวงอกด้วยจังหวะเวลาที่พอดีเป็นที่สุด

แม้จะเหมือนขับขันจวนเจียน แต่ธีรพลที่ระวังตัวคาดการณ์การลอบโจมตีไว้ก่อนหน้าแล้ว เมื่อเห็นฝ่ามือเคลื่อนเข้าหา ก็พลันปล่อยหมัดตรงอันทรงพลังเข้าปะทะกับฝ่ามือแฝงไอเย็นข้างนั้นอย่างถนัดถนี่

หมับ!

ฝ่ามือข้างดังกล่าวแทนที่จะเข้าหักหาญปะทะกำลังกับกำปั้นของธีรพล แต่กลับพลิกเปลี่ยนเป็นคว้ากำ ดึงรั้งกระชากแขนทั้งข้างลง จนทำให้ธีรพลที่ไม่มีหลักอยู่แล้วหน้าคว่ำลงอย่างไม่อาจต้านทาน

โครม!

หน้าท้องธีรพลกระแทกพื้นจนบังเกิดเสียงดังสะท้าน ผลจากการประมือครั้งแรกธีรพลตกเป็นฝ่ายเสียเชิงพ่ายแพ้กินดินเข้าเต็มรัก

และก็ดูเหมือนฝ่ายร่างชุดดำปริศนาจะย่ามใจในฝีมือที่เหนือกว่า แทนที่จะรีบหลบหนีไปแต่กลับยืนนิ่งมองดูธีรพลอย่างสังเวช กวักมือเร่งให้เขาบุกโจมตีเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว

เมื่อเป็นดังนั้นก็พานสมใจธีรพลที่กำลังต้องการจะแก้มือ เขาจึงรีบยันตัวลุกขึ้นปัดเนื้อตัวที่เปื้อนดินอย่างลวกๆ ตั้งท่าสืบเท้าเข้าหา ปล่อยหมัดซ้ายเร็วออกจู่โจมที่ใบหน้า

ทึบ!

และก็เป็นอีกครั้งที่หมัดของธีรพลต้องถูกฝ่ามือของอีกฝ่าย ปาดเข้าที่ข้อมือจนเบี่ยงเบนออกไปจนไม่อาจหักห้าม แต่ครานี้อาวุธที่ธีรพลจงใจปล่อยออกกลับเป็นการใช้เพื่อหยั่งเชิงดูแนวทางการต่อสู้ของอีกฝ่าย ซึ่งก็ทำให้รู้ว่าที่อีกฝ่ายไม่เข้าปะทะกันโดยตรงนั้น ก็เป็นเพราะมีแนวทางฝีมือในเชิงรับที่ใช้กำลังน้อยกว่าเข้าชิงชัย อาศัยจังหวะเวลาและชั้นเชิงขั้นสูงเข้าตีโต้สวนกลับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ฝึกหมัดมวยในแนวทางนี้ก็มักจะเป็นสตรีที่มีสรีระอ่อนด้อยกว่าเพศชายฝึกฝนกัน

ทันทีที่คิดขึ้นได้ธีรพลก็กำหนดแผนการทดสอบขึ้นในใจ ร่างพลันเคลื่อนเข้าหาในระยะประชิด แต่แทนที่จะปล่อยหมัดง้างเตะอย่างบ้าระห่ำ แต่กลับปรับหมัดเป็นกรงเล็บชิงปลดปล่อยออกหมายขยุ้มเข้าที่อกของอีกฝ่าย

ด้านร่างชุดดำปริศนาเมื่อทราบเจตนาของธีรพล ก็รีบปัดป่ายโยกย้ายท่าจู่โจมด้วยความโมโหเป็นพัลวัน จนขาดสติยั้งคิดถูกธีรพลล่อลวงให้ลืมเลือนการรักษาสภาวะตั้งรับ ปล่อยฝ่ามืออันเย็นเยือกคู่หนึ่งพุ่งเข้าประทับทรวงอกเพื่อต้องการสร้างระยะห่างช่องว่างให้มีเวลาได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

หมับ!

แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ทันทีที่รู้สึกตัว มืออันทรงพลังคู่หนึ่งของธีรพลก็คว้าจับเข้าที่ข้อมือของคนชุดดำ แต่เป็นเพราะพลังที่แฝงมาพร้อมไอเย็นนั้นรุนแรงไม่น้อย แม้ไม่ทันได้กระทบถึงแต่พลังอ่อนยุ่นสายหนึ่งก็พลักให้ธีรพลล้มหงายลงไปทั้งในลักษณะนี้

"ปล่อย!"

คนชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธแค้น พร้อมๆกับพยายามขัดขืนดิ้นรนขยับมือและเท้าที่ธีรพลพันธนาการกอดไว้แน่น

"ไม่ เหตุใดจึงต้องปลดปล่อยโจรขโมยของ" ธีรพลทำเสียงเข้ม พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งพยายามควานหาวัตถุโบราณภายในกายของคนชุดดำ ซึ่งนั้นก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงเรือนร่างของหญิงสาวที่สมส่วนนางหนึ่งตามที่เขาได้คาดการณ์ไว้

"หยุดล่วงเกินเราเดี๋ยวนี้!"

สาวชุดดำในตอนนี้ที่ดูจะโกรธจัดในพฤติกรรมอันอุกอาจของธีรพล จึงได้ร้องตวาดขึ้นโดยไม่กังวลว่าจะเปิดเผยตำแหน่งให้ผู้ติดตามที่เหลือล่วงรู้

"เหตุใดจึงต้องให้เกียรติเจ้าด้วย เจ้าขโมยสิ่งของใดไป เอาออกมาเดี๋ยวนี้" ธีรพลเอ่ยพูดเร็วรี่ ก่อนจะควานหารุกหนักในบริเวณที่เป็นจุดล่อแหลมของอีกฝ่ายอีกคราหนึ่ง

"เราไม่ใช่โจร พวกมันต่างหากที่เป็นโจรขโมยพระพุทธรูปทองคำมา" สาวชุดดำเอ่ยตอบ ก่อนจะใช้ช่องว่างจุดโหว่ระหว่างที่ธีรพลขบคิด กัดจมเขี้ยวเข้าที่บ่าไหล่ของธีรพลอย่างถนัดถนี่

"โอ๊ย!"

ธีรพลร้องลั่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดพลางรีบพลักตัวอีกฝ่ายออกให้พ้นกาย ก่อนรีบยันร่างลุกขึ้นตรวจดูบาดแผลรอยรูปเขี้ยวที่มีเลือดไหลซึมออกมา

"เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว" แม้จะไม่เห็นใบหน้าที่ถูกปกปิดอยู่ภายใน แต่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือนี้ ธีรพลก็พอจะคาดเดาได้ว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้านี้กำลังร่ำไห้น้ำตาหนองหน้าอย่างไม่อาจสะกดข่ม

"ครั้งนี้เราจะขอขัดคำสั่งอาจารย์ วันนี้เราจะฆ่าเจ้า เหตุที่เหยียดหยามศักดิ์ศรีเรา" สาวชุดดำสูดอัดลมหายใจสั้นๆเฮือกหนึ่ง สะกดข่มอารมณ์ความรู้สึกอันพลุ่งพล่าน ตั้งท่าย่อกายเล็กน้อย ฝ่ามือพลันกรีดผ่านอากาศธาตุอย่างเอื่อยเฉื่อยราวร่ายรำเพลงบทหนึ่ง

ทันทีที่ท่วงท่าถูกใช้ออก ไอเย็นอันหนาหนักหลายสายก็พลันพุ่งออกจากร่างสาวชุดดำ และหมุนวนรอบกายดั่งเกลียวคลื่นม้วนตลบไปมาอย่างแผ่วพลิ้วเป็นห้วงควงสลับกันไปมา แลดูไปคล้ายกับกระแสน้ำที่ไหลเวียนอยู่กลางฟ้า ซึ่งงดงามตระการตายิ่ง

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ธีรพลเริ่มฝึกฝนใช้พลังงานชีวิต ที่ได้เผชิญหน้ากับคนที่สามารถใช้พลังถึงขั้นปลดปล่อยพลังงานธาตุภายในกายออกมาได้ จากคำบอกเล่าที่ลุงทองใบได้เคยอธิบายไว้ ตัวเขาคาดว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้านี้น่าจะฝึกฝนได้ถึงขอบเขตขั้นควบคุมหรืออาจจะถึงขั้นรังสรรค์เลยก็เป็นได้ โดยไม่ต้องสงสัย ด้วยฝีมือระดับนี้สาวชุดดำคนดังกล่าวสามารถที่จะฆ่าธีรพลได้ดั่งที่กล่าวอ้างจริง ซึ่งนั้นก็ทำให้ธีรพลต้องพลันตื่นตัวตั้งท่าป้องกันขึ้นอย่างรัดกุมในทันใด

ในจังหวะนั้นเอง สาวชุดดำก็เริ่มหมุนแขนทั้งสอง กรีดมือประสานเชื่อมเป็นวงกลมจากเบื้องหน้า แล้วดึงมือเข้าประกบกันจนทำให้พลังงานธาตุโดยรอบสอดประสานสร้างขึ้นเป็นลำน้ำขนาดความหนาราวหนึ่งคืบ

และขณะที่ลำน้ำยังเคลื่อนไหวอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่นั้น สาวชุดดำก็พลันรั้งแขนทั้งสองจากเดิมที่อยู่หน้าหดรั้งไปยังเบื้องหลัง ก่อนจะหมุนกายไปหนึ่งรอบ ฝ่ามือเหวี่ยงสั่งให้ลำน้ำเคลื่อนที่จากล่างขึ้นบน จนพลังงานกลุ่มนั้นเร่งความเร็วได้ถึงขีดสุด จึงได้ถูกปลดปล่อยพลังออกด้วยความเร็วที่แทบมองตามไม่ทัน

กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากราวกับงูใหญ่ตัวหนึ่งหลุดพ้นจากพันธนาการพุ่งเข้าหาธีรพลอย่างบ้าคลั่ง หัวลำน้ำพลันแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นหัวศรยักษ์ขนาดร่วมศอก แหวกผ่าอากาศจนบังเกิดเสียงซู่ซ่าราวกับเสียงเกลียวคลื่นสาดซัดกระทบหาด ความรุนแรงไม่ต่างจากการทุ่มหินก้อนใหญ่กระแทกใส่

"สุบรรณ!"

เนื่องจากเหตุการณ์ขับคันจวนเจียน ธีรพลรู้ว่าด้วยกำลังตัวเขาเองนั้นคงไม่สามารถที่จะต้านรับพลังงานที่แฝงมากับลำน้ำนี้ได้แม้สักส่วนเดียว การขอความช่วยเหลือจากสุบรรณจึงเป็นเพียงทางออกเดียวที่จะแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้ให้ผ่านพ้นไปได้

ตูม!

หลังจากเพลิงสีส้มมอดดับไป ราวกับลำน้ำกระทบถูกของแข็งที่สามารถต้านทานพลังงานที่แฝงมาได้ทั้งหมด ละอองน้ำเล็กใหญ่ก็พลันแตกกระจายออกไปหลายวาโดยมีจุดปะทะเป็นศูนย์กลาง

ร่างของธีรพลก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยท่าร่างที่ยังคงอยู่ในท่ายกหมัดค้างป้องกันตัวไว้ พร้อมกับเงาร่างของครุฑสีแดงตนหนึ่งที่พลันจางหายไปกับไอน้ำสีขาวขุ่นซึ่งระเหยขึ้นเป็นเส้นสาย

"นั่น!"

หญิงสาวชุดดำแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ฝีมือคู่ต่อสู้ที่ก่อนหน้านี้เธอได้ประมือด้วย กับชายผู้ที่รับท่าโจมตีสุดกำลังของเธอเมื่อครู่นี้ได้ นั้นแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน

"เจ้ามีอัตลักษณ์พลังสถิต"

สาวชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอแทบจะไม่อยากเชื่อว่าเธอวิเคราะห์พลังฝีมือของอีกฝ่ายผิดพลาดไปได้ขนาดนี้ เพราะในตอนแรกจากการจับกระแสพลัง เธอค่อนข้างมั่นใจว่าคู่มือของเธอเป็นเพียงผู้เริ่มต้นฝึกฝนใช้พลังงานชีวิตเท่านั้น แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวกลับมีฝีมือก้าวล้ำเธอไปอีกหลายขั้น

"กระจายตัวออกไป ค้นหาให้ทั่วอย่าให้ผู้มาก่อกวนหลบรอดไปได้" เสียงตะโกนสั่งการจากเขตพื้นที่ริมฝั่งน้ำที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักของเหล่าแปะ ชายผู้ดูแลสถานที่ที่ธีรพลพบหน้าเมื่อตอนกลางวันดังรอดเข้ามา จนทำให้ทั้งสองที่อยู่ในเหตุการณ์นิ่งค้างจดจ่อจ้องมองคุมเชิงกันไปมาโดยไม่กระทำสิ่งใด

ด้านหญิงสาวชุดดำ แม้ใจอยากจัดการธีรพลเพื่อระบายความคับแค้นมากเพียงใดก็ตาม แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายถึงขั้นมีอัตลักษณ์พลังสถิต อย่างไรเสียหากตัดสินใจสู้ต่อไปท้ายที่สุดก็คงต้องกลายเป็นตัวเธอเองที่ต้องพ่ายแพ้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงกองหนุนของคู่กรณีที่ติดตามมาทันแล้ว เมื่อเป็นดังนั้นหญิงสาวชุดดำก็จึงตัดสินใจหลบหนีเข้าเงามืดไปในทันที

แม้เงาร่างของเธอจะจากหายไปจนลับตาแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงขบคิดไม่เข้าใจอยู่ว่า เหตุใดศัตรูที่ลวนลามด่าทอกล่าวหาว่าเธอเป็นโจรเมื่อตะกี้ จึงไม่ป้องปากตะโกนร้องเรียกให้ผู้ไล่ล่าติดตามเข้ามาช่วยเหลือจับกุม ซึ่งนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในใจของเธอต่อไปในลักษณะนี้

ฟู่ว!

ธีรพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากรอดพ้นวิกฤตมาได้อย่างหวุดหวิด ที่เขายอมปลดปล่อยหญิงสาวชุดดำให้จากไปโดยง่ายดายนั้น เป็นเพราะเขารู้สึกสงสัยใจในความโปร่งใสของสถานกิจการขายโบราณวัตถุว่าเป็นจริงดั่งคำกล่าวอ้างของหญิงชุดดำนั้นจริงหรือไม่ เมื่ออีกฝ่ายยังไม่สามารถนำสิ่งของใดไปได้และความจริงยังไม่อาจพิสูจน์ทราบ ธีรพลจึงตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องราวจนทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเสียเปรียบ

"เหล่าแปะ ทางนี้" ธีรพลร้องเรียกให้อีกฝ่ายเข้ามายังสถานที่ต่อสู้ และแสร้งทำเป็นบาดเจ็บบอบช้ำหนักนั่งทรุดลง แต่แท้จริงแล้วเพียงปวดแสบปวดร้อนเนื่องจากเส้นลมปราณไม่เคยรองรับพลังงานธาตุที่เข้มข้นเช่นนี้มาก่อนเท่านั้น

หลังจากเหิรร่างเข้ามาเหล่าแปะก็จดจำอีกฝ่ายที่เป็นผู้ติดตามเฮียจวงได้ในทันที บวกกับเห็นร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือด เหล่าแปะจึงเชื่อโดยสนิทใจว่าธีรพลต่อสู้กับโจรชุดดำจนบาดเจ็บบอบช้ำ ก่อนที่ฝ่ายหลังจะหลบหนีจากไป

เหล่าแปะหลังจากสั่งการให้ลูกน้องชุดหนึ่งติดตามหญิงชุดดำปริศนานั้นไปแล้ว เขาก็กลับมาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของธีรพลดู ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องบางส่วนช่วยพยุงธีรพลกลับไปยังร้านค้าวัตถุโบราณในทันที