ทางด้านหลงอี้หลิง ก็ได้เร่งฝีเท้าม้าไล่หลังจนตามมาทัน และมองเห็นเหล่าฮูหยิน ย่าของเขาและคนสนิทของนางยืนอยู่ตรงป่าหญ้าข้างทางตรงด้านหน้า
ย่าห์!
เขาจึงเร่งควบม้า และทันทีที่ถึงตัวพวกนางเขากระโดดลงจากหลังม้าได้ ก็รีบวิ่งเข้าไปสำรวจร่างกายของทั้งสองและสอบถามอย่างห่วงใย
สตรีทั้งสองนางดูร่างกายปกติไร้ซึ่งบาดแผลใด ๆ มีเพียงผู้ติดตามซึ่งยังคงอาการตื่นตระหนกตกใจตัวสั่นเทาและสีหน้าซีดเผือดอยู่ไม่หาย
"ท่านย่า! ยายเมิ่ง! ขออภัยที่หลานมาช่วยช้า ท่านทั้งสองปลอดภัยดีหรือไม่และได้รับบาดเจ็บตรงไหนกันไหม แล้วเหตุใดถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ได้กัน"
น้ำเสียงและแววตาของเขา แสดงออกถึงความห่วงใยและความเคารพในตัวสตรีสูงวัยนี้คู่นี้เป็นอย่างมาก
สตรีสูงวัยผู้ทรงสง่ากุมมือแม่ทัพหนุ่มไว้แน่นและกล่าวกับอย่างอ่อนโยน "พวกย่าไม่เป็นไร แต่อี้หลิง.." แม้สีหน้าจะดูนิ่งสุขุมแต่แววตาของนางยังคงรู้สึกเป็นห่วงสตรีน้อยเป็นอย่างมาก
หญิงชราผู้ติดตามมองตามหลังรถม้าด้วยสายตาละห้อย และกล่าวถึงคนที่ยังอยู่บนรถม้าคันนั้นอย่างกังวลและรู้สึกผิดในใจ
"ป่านนี้แม่นางน้อยผู้นั้นจะกระโดดลงจากรถม้าได้หรือยังนะเจ้าคะ ปากก็บอกพวกเราเองแท้ ๆ ว่าทางด้านหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน แต่ตัวนางกลับช่วยเหลือพวกเราก่อน ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน ถึงได้อาจหาญไม่กลัวตายถึงเพียงนี้"
พอได้ฟังคนของตนกล่าวขึ้นมาเยี่ยงนั้น ฮูหยินเฒ่ายิ่งเกิดความกังวลใจในความปลอดภัยของผู้มีพระคุณ จึงหันไปทางหลายชายสุดที่รัก จ้องตาเขาเขม็งและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"อี้หลิง! ย่าคิดว่าสตรีน้อยผู้นั้นคงต้องการที่จะหยุดรถม้านั่นไว้ให้ได้เพื่อช่วยเหลือพวกม้าเหล่านั้น ก่อนที่จะตกลงไปยังหน้าผาสูงชันด้านหน้า ดังนั้นเจ้าจงรีบไปช่วยคนเร็วเข้า!"
"หน้าผางั้นหรือขอรับ ?"
แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดตามคำบอกกล่าวจากย่าของตนกล่าวอยู่ครู่หนึ่ง
"ถ้าเช่นนั้นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่รอตรงนี้สักครู่ มินานเข่อลั่วก็คงจะตามมาทัน เดี๋ยวเขาจะพาพวกท่านกลับไปยังที่พักอย่างได้ปลอดภัยแน่นอน"
ฮูหยินเฒ่าพยักหน้าตอบรับอย่างสุขุม "ไม่ต้องเป็นห่วงเราสองคน เจ้ารีบไปช่วยคนเถิด เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์"
"ขอรับท่านย่า" เมื่อรับปากอย่างมั่นเหมาะ แม่ทัพหนุ่มก็รีบกระโดดขึ้นบนหลังม้าและใช้เข่าทั้งสองข้างกระแทกเข้าไปที่สีข้างของเจ้าม้าศึกคู่ใจ ออกคำสั่งมันให้เร่งฝีเท้า เพื่อเร่งติดตามไปช่วยคนให้ทันการณ์
ย่าซ์!
ทางด้านฟ่งหลันหลั่น ในช่วงสถานการณ์ความเป็นความตายเยี่ยงนี้ แม้นางไม่ใช่ผู้มีฝีมือเก่งกาจและเป็นยอดยุทธ์มาจากที่ไหน อีกทั้งก่อนหน้านี้นางก็ได้ใช้พลังเพื่อช่วยเหลือสตรีสูงวัยสองนางไปเกือบหมดแล้ว
ตอนนี้สตรีน้อยจึงแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ แต่นางก็ยังมุ่งมั่นในการดึงเชือกเส้นหนาในมือเพื่อหวังให้เจ้าม้าทั้งสองตัวหยุดควบฝีเท้า ก่อนที่พวกมันจะพากันวิ่งตกหน้าผาสูงชันซึ่งห่างไปไม่กี่สิบก้าว
แต่ทว่าตอนนี้เรี่ยวแรงที่เหลืออันน้อยนิด ทำให้ฟ่งหลันหลั่นไม่สามารถสู้แรงของม้าหนุ่มพยศร่างกายกำยำทั้งสองตัวได้อีกต่อไป
ฝ่ามือบางเกิดคาดรอยแดงและเริ่มมีบาดแผลฉกรรจ์เหวอะหวะมากขึ้นเนื่องจากการเสียดสีของเชือก แต่นางก็ยังคงกำมันไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยมือจากเชือกเส้นหนาคู่นี้จวบจนวินาทีสุดท้าย
และในขณะที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต จังหวะที่รถม้ากำลังจะร่วงตกลงไปในเหวลึกตรงด้านหน้า
ทันใดนั้นเอง หลงอี้หลิงก็ได้กระโดดขึ้นมานั่งบนรถม้าข้างกายฟ่งหลันหลั่น และรีบคว้าหมับไปที่เชือกเส้นหนาคู่นั้น และออกแรงดึงเพื่อเร่งมือช่วยหยุดเจ้าพวกม้าอีกแรง
สตรีน้อยหันขวับมองหน้าบุรุษแปลกหน้าข้างกายที่กระโจนเข้ามาช่วยเหลืออย่างตะลึงงัน รถม้าคันนี้กำลังจะพุ่งดิ่งตกลงไปยังหน้าผาทางเบื้องหน้านี้อยู่รำมะร่อ ผู้ใดกันที่อาจหาญไม่กลัวตายเยี่ยงนี้
และทันทีที่ได้สบตาเขา นางก็จำดวงตาคมกริบคู่นี้และใบหน้าอันหล่อเหลาได้อย่างแม่นยำ
"นี่ท่าน!..."
ความสุนทรีจากรูปลักษณ์และดวงหน้าอันหล่อเหลา ผนวกกับท่าทางองอาจและสง่างามของบุรุษข้าง ๆ ทำให้นางเผลอลืมอันตรายในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าไปชั่วครู่เลยทีเดียว
เมื่อเห็นแววตาอันดุดัน แข็งกร้าวและจริงจังของบุรุษรูปงามตรงหน้าจ้องถมึงทึงมายังสตรีน้อย นางจึงได้สติ
ทั้งสองจึงเบนความสนใจมาพุ่งเป้ายังรถม้าคันที่นั่งอยู่ พวกเขาได้สามัคคีร่วมแรงร่วมใจช่วยกันดึงเชือกเส้นหนาในมือเข้าหาตัวอย่างพร้อมเพรียง เพื่อบังคับและควบคุมเจ้าม้าหนุ่มบ้าคลั่งทั้งสองตัว รวมทั้งพยายามประคองรถม้าข้างหลังไม่ให้ตกลงไปยังหน้าผาด้านล่าง
แต่ทว่า...ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ครืด!...
กึก กึก...
กึง กึง...
สุดท้ายแล้วทั้งรถม้าและคน ก็ได้ร่วงตกลงไปใต้ก้นเหวลึกตรงเบื้องหน้านั้นอย่างรวดเร็ว
ตึง!....
โครม!
แต่นับว่าสวรรค์ยังมีตา และไม่แล้งน้ำใจเสียทีเดียว
โชคดีที่บุรุษและสตรีได้กระเด็นออกจากรถม้า และร่วงตกลงไปค้างอยู่ตรงชะแง่งผาซึ่งมีลักษณะเป็นลานหินยื่นออกมาจากหน้าผาสูงชันเล็กน้อย แต่พวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจึงทำให้สลบไป
อนิจจา! ที่เจ้าม้าหนุ่มสองตัวนั้นช่างโชคร้ายนัก เพราะพวกมันไม่อาจจะรอดพ้นชะตากรรมอันเลวร้ายไปได้
เพลาผ่านไปราวสองเค่อ[1] เข่อลั่วกับเหล่าผู้คุ้มกันที่เหลืออีกสองสามคนซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ได้ควบม้าไล่ตามหลังแม่ทัพหนุ่มมาจนถึงปากหน้าผาตามคำบอกกล่าวของเหล่าฮูหยิน
[1] 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที
เข่อลั่วรีบกระโดดลงจากหลังม้า และวิ่งสำรวจไปรอบบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว แต่ไม่พบเห็นผู้ใดสักคน มีเพียงร่องรอยของรถม้าที่ครูดยาวกับพื้นดินไถลไปสิ้นสุดตรงหน้าผาสูงชันข้างหน้า
ทหารนายกองคนสนิทของแม่ทัพหนุ่มยืนก้มหน้ามองลงไปยังเบื้องล่างของหน้าผา และแหกปากตะโกนร้องเรียกผู้เป็นนายอย่างสุดเสียง
"นายน้อย! ท่านได้ยินเสียงของข้าไหม ได้โปรดส่งเสียงตอบรับด้วย นายน้อย!"
รวมทั้งทหารคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงร้องเรียกหาแม่ทัพหนุ่มดังไปทั่วผืนป่าเช่นกัน
"ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!..."
แม้พวกเขาจะพยายามส่งเสียงเรียกจนนับครั้งไม่ได้ แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงของผู้ใดตอบกลับมา
เพลาผ่านจนถึงยามโหย่ว[1] อาทิตย์เริ่มอัสดง แต่พวกเหล่าทหารก็ยังหาตัวแม่ทัพหนุ่มไม่พบ
เข่อลั่วสังเกตเห็นพวกลูกน้องดูอ่อนล้ามาก แถมพวกเขาก็ยังได้บาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้กับพวกโจรป่า แม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจกังวลใจในความปลอดภัยของเจ้านายยิ่งนัก แต่เขาต้องมีสติมากกว่าผู้ใด
[1] ยามโหย่ว (酉:yǒu) คือ 17.00 - 18.59 น.
เพราะยังมีหน้าที่สำคัญ คือคำนึงถึงความปลอดภัยของส่วนรวม และปกป้องคุ้มครองเหล่าฮูหยิน รวมทั้งเหล่าทหารลูกน้องให้ปลอดภัยจากกลุ่มโจรป่าที่อาจจะพาพรรคพวกย้อนกลับมาโจมตีได้ทุกเมื่อ
หากว่าตัวเขาดื้อรั้นจะตามหาคนต่อไป คนของเขาก็คงจะแย่ตามไปด้วย เข่อลั่วจึงตัดสินใจออกคำสั่งถอนกำลัง และพาเหล่าฮูหยินเดินทางเข้าเมืองจิ่วเพื่อหาที่พักและเพื่อความปลอดภัยเสียก่อน
จากนั้นเขาค่อยคิดหาวิธีช่วยนายน้อยของตนอีกที
....
ย้อนกลับมาสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน (ตอนเปิดต้นเรื่อง)
เมื่อถึงยามเฉิน[1] ของรุ่งเช้าวันต่อมา เข่อลั่วก็ได้นำกำลังทหารจำนวนหนึ่งในสังกัด ย้อนกลับมาตามหาแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง
เมื่อมองต่ำลงไปตรงชะแง่งของหน้าผาด้านล่าง
หลงอี้หลิงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เพราะพิษที่กำเริบในค่ำคืนที่ผ่านมา มันยังมีผลต่อร่างกายและกำลังภายในของเขา ทำให้ยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย
ผนวกกับความรู้สึกหนักอึ้งบนแผ่นอกหนากว้างและตามลำตัวของตน ทำให้แม่ทัพหนุ่มต้องขยับใบหน้าเหลือบสายตามองต่ำอย่างสงสัย
[1] ยามเฉิน (辰:chén) คือ 07.00 - 08.59 น.
และเขาก็ต้องตกใจยิ่งนัก เมื่อดวงตาคมกริบพลันเห็นแผ่นหลังของเรือนร่างอรชร ผิวเนื้อนุ่มนวลเนียนขาวผ่อง แนบชิดสนิททาบทับอยู่บนร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าของตนเช่นกัน โดยท่อนร่างของพวกเขามีเสื้อคลุมตัวนอกของสตรีปกปิดอยู่
'นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน! ข้ากับสตรีผู้นี้...'
แม่ทัพหนุ่มตกใจและสับสนอลหม่านอยู่ในใจ แถมตอนนี้ดวงหน้างามกำลังซุกแนบซบอยู่บนหน้าอกหนาของตน
....
เซียงไค 盛開