webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · 歴史
レビュー数が足りません
91 Chs

ตอนที่ ๔๕ ความทรงจำหวนคืนสู่เจ้าของ

  เช้าวันใหม่ บรรยากาศภายในห้องพักของหลงอี้หลิงดูปลอดโปร่งโล่งสบาย อากาศสดชื่นแจ่มใส เสียงนกน้อยร้องดังจิ๊บ ๆ อยู่ทางด้านนอกส่งเสียงเข้ามาจนถึงด้านในห้องให้ได้ยิน

  ส่วนไอเย็นที่เคยปกคลุมโดยรอบห้องจนให้ความรู้สึกอึมครึมในช่วง  ค่ำคืนที่ผ่านมา ตอนนี้ได้จางหายไปไม่มีหลงเหลืออยู่

  ชายของผ้าม่านสีขาวบางซึ่งแขวนอยู่รอบเตียงนอนทั้งสี่มุม ยังคงปกคลุมเตียงมองไม่เห็นคนด้านในบนเตียงนั้น

  ปัง! ปัง!

  เสียงเคาะประตูดังขึ้นตรงด้านนอกหน้าห้องพักของแม่ทัพหนุ่ม 

  "เข่อลั่ว! เปิดประตูออกเดี๋ยวนี้ ข้าจะเข้าไปด้านใน"

  น้ำเสียงแหบแห้งแต่ทรงพลังของผู้เป็นเจ้าบ้านพูดเสียงดังออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพหนุ่มอยู่ตรงหน้าห้องของเขา

  "โธ่! นายหญิง...ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลยนะขอรับ เพราะข้าไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้ จนกว่านายน้อยจะเปิดมันออกมาจากด้านในเอง"

  น้ำเสียงของเข่อลั่วที่โต้ตอบนายหญิงใหญ่ของเรือนสกุลหลงกลับไป ฟังดูกังวลและอึดอัดใจมาก

  "นายน้อยของเจ้าสั่งไว้เช่นนั้นรึ!" ฮูหยินเฒ่าย้อนถามเสียงดัง

  "ขอรับ" เข่อลั่วตอบกลับสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงหดหู่

  "แม้แต่ข้าผู้เป็นย่าของเขา และเป็นเจ้าของเรือนแห่งนี้ก็เข้าไปไม่ได้อย่างนั้นรึ" ฮูหยินเฒ่าถามย้ำอีกครั้งอย่างเดือดดาลด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้งหนักขึ้น

  "ขอรับ" เข่อลั่วยังคงตอบกลับด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงเช่นเดิม 

  ทั้ง ๆ ที่ตรงประตูห้องด้านนอก เกิดเสียงดังโวยวายของผู้คนที่กำลังมีปากเสียงกัน แต่อีกด้านภายในห้องนั้น บรรยากาศยังคงเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ 

  "หลิงเอ๋อร์รีบเปิดประตูให้ย่าเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ยายแก่คนนี้จะโมโหไปมากกว่านี้" น้ำเสียงของฮูหยินเฒ่าฟังดูโกรธขึ้งและดูร้อนรนใจยิ่งนัก ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าปกตินางจะเป็นคนนิ่งสุขุม และใจเย็นเสมอมา

  ขนาดเมื่อวาน เยี่ยชิงเซียวทำเรื่องเสียมารยาทและลบหลู่ดูหมิ่นไม่ให้เกียรติเจ้าบ้านด้วยการเข้ามาเหยียบเรือนสกุลหลง ทั้ง ๆ ที่นาง ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรือนยังไม่ได้อนุญาตด้วยซ้ำ กระนั้นฮูหยินเฒ่ายังคงควบคุมสติและอารมณ์ได้ดี และไม่ถือสาหาความต่อเด็กเมื่อวานซืนจอมเอาแต่ใจนางนั้น 

  แต่แล้วเหตุใดกัน วันนี้ฮูหยินเฒ่าถึงได้เปลี่ยนไปมากเพียงนี้

  สักพักประตูหน้าห้องนอนของหลงอี้หลิงก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ฝาประตูทั้งสองข้างไปกระแทกเข้ากับฝาผนังห้องด้านข้างจนเกิดเสียงดังขึ้นมา

  ปัง!

  หญิงชราสูงศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของเรือนเดินดุ่ม ๆ ตรงปรี่เข้าไปในห้องนอนของหลานชายสุดรัก และพุ่งไปยังเตียงนอนที่อยู่ด้านในสุดของห้อง โดยมี ยายเมิ่ง หญิงชราสาวใช้ส่วนตัวเดินตามหลังเข้าไปติด ๆ ด้วยท่าทีกังวลใจ

  ส่วนเข่อลั่วนั้นวิ่งตามหลังเข้ามาด้วยท่าทีลนลาน ดูกังวลใจยิ่งกว่าใคร เพราะเขาไม่สามารถทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่กำชับย้ำไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา

  ครืด! เสียงราวรูดของผ้าม่านตรงเตียงนอนถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว

  "หลิงเอ่อร์!..." ผู้เป็นย่าเรียกชื่อหลานชายสุดที่รักด้วยน้ำเสียงดุดัน  ขึงขัง แต่พูดไม่ทันจบประโชคก็ต้องชะงักงันไป เพราะภาพที่ปรากฏต่อสายตาตรงเบื้องหน้าทำให้นางอึ้ง และตกตะลึงงงงันจนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตน

  หลงอี้หลิงยังคงนอนหลับสนิท สีหน้าดูแม้จะดูซีดเซียวแต่กลับเห็นรอยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากของเขา ท่อนแขนอันแข็งแกร่งสวมกอดร่างฟ่งหลันหลั่นไว้ในอ้อมแขน 

  โดยที่สตรีน้อยเองก็สวมกอดตอบรับเขาอย่างแนบแน่น ใบหน้าซุกแอบอิงอยู่บนแผ่นหน้าอกหนาของเจ้าของเตียง และดูจากสีหน้าที่เผยออกมา นางคงจะหลับสบายมาก 

  ทั้งคู่มีเพียงเสื้อผ้าตัวรองซับในสวมใส่อยู่ และมีผ้าแพรไหมสีน้ำเงินคลุมถึงช่วงเอวอยู่บนตัวของเขาทั้งสองคน

  เวลาผ่านไปเพียงชั่วสามลมหายใจเข้าออก หลงอี้หลิงก็เริ่มขยับตัวและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความอ่อนล้า และทันใดนั้นเขาก็จับสัมผัสได้ถึงมวลบรรยากาศขมุกขมัวอึมครึมลอยอยู่ใกล้ตัว เขาจึงได้กวาดสายตามองไป  รอบ ๆ 

  ทันใดนั้นดวงตาสีนิลก็สบตากับดวงตาสีขุ่น ซึ่งปรากฏอยู่บนดวงหน้าของหญิงสูงวัยซึ่งผิวหนังก็เหี่ยวย่นตามวัย และนางกำลังยืนทำหน้าบึ้งตึง ขมึงตาจ้องมองเขาอยู่ตรงข้างเตียง 

  "ท่านย่า..." 

  หลงอี้หลิงเรียกย่าของเขาออกมาเบา ๆ สีหน้าดูตกใจเล็กน้อย แววตาเผยความกังวลใจ พอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันใด เขาก็เหลือบสายตามองต่ำ ก็ได้เห็นสตรีน้อยนอนซบหน้าอกของเขาและยังคงหลับสนิท และนางสวมกอดเขาไว้แน่น ส่วนมือของเขาเองก็ยังคงโอบกอดนางอยู่เช่นกัน

  หลงฮูหยินเพียงแค่ส่งสายตาโกรธขึ้งกลับไปให้หลานชายสุดที่รักของตน แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบ จากนั้นนางจึงได้รีบดึงผ้าม่านนั้นปิดเข้าให้อยู่ในสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สาวใช้ของตนและทหารนายกองหนุ่มจะเดินมาถึงตรงจุดที่นางยืนอยู่ 

  ยายเมิ่งและเข่อลั่วยืนมองอยู่ทางด้านหลัง ทั้งสองคนเผยสีหน้างงและประหลาดใจ พานคิดสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นภายใต้หลังผ้าม่านบางผืนนั้นกันแน่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามคำใดออกมา

  ฮูหยินเฒ่าหันขวับกลับมาหาคนทั้งสอง สีหน้าเผยถึงความตกตะลึงและแฝงด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ ตรงมุมปากเล็กน้อย 

  ภาพนั้นยิ่งทำให้คนทั้งสองคนรู้สึกขนลุกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัวแวบขึ้นมาในชั่วครู่ขณะ

  "เข่อลั่ว! รีบไปเตรียมอ่างน้ำล้างหน้าและอาภรณ์ชุดใหม่ให้นายน้อยของเจ้าซะ เขาจะได้จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็บอกให้เขาตามไปพบข้าที่หอบรรพชนของสกุลหลงทันที" น้ำเสียงแหบแห้งแต่แฝงด้วยพลังและทรงอำนาจของหลงฮูหยิน ได้ออกคำสั่งกับนายกองหนุ่มอย่างขึงขัง

  "ขอรับ" เข่อลั่วยืนตัวเกร็งแข็งทื่อและขานรับอย่างหวั่นวิตก เพราะสีหน้าและอารมณ์ของฮูหยินใหญ่ที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าใครก็ควรจะหลีกหนีห่างไปให้ไกล ๆ จะดีต่อตัวคนผู้นั้น

  "ยายเมิ่ง...กลับกันเถอะ เดี๋ยวค่อยไปรอเจ้าหลานตัวดีของข้าที่หอเซ่นไหว้บรรพชน" 

  ฮูหยินเฒ่ากล่าวกับหญิงชราคนรับใช้ของตนจากนั้นก็เดินนำหน้าออกไปจากห้องนอนของหลงอี้หลิงทันที 

  "เจ้าค่ะนายหญิง" 

  ยายเมิ่งขานรับและเดินตามหลังออกไปอย่างเงียบ ๆ เพราะนางรับรู้ได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวโกรธขึ้งที่กำลังคุกรุ่นในใจของนายหญิงของตน และรู้ดีว่าตอนนี้เจ้านายกำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างหนักเพื่อไม่ให้มันระเบิดออกมาในห้องนอนนั้น

  เข่อลั่วเดินตามไปส่งฮูหยินใหญ่จนถึงหน้าประตูห้อง เมื่อหญิงชราทั้งสองนางเดินพ้นออกจากธรณีประตูไปเรียบร้อย เขาก็รีบปิดบานประตูทั้งสองข้างทันที ต่อจากนั้นก็หันขวับกลับเข้ามาด้านในห้องอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้ากังวลใจ

  ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ได้สบตากับนายน้อยของตน ซึ่งกำลังนั่งยืนอยู่ข้างเตียงนอน โดยที่ผ้าม่านทางด้านหลังยังคงปกคลุมเตียงอย่างมิดชิด

  "นะ นายน้อย ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ" เข่อลั่วรวบรวมความกล้าเอ่ยทักทายออกไปอย่างหวาดหวั่น

  "มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบไปเตรียมอ่างน้ำล้างหน้าและอาภรณ์ชุดใหม่ให้ข้าเปลี่ยนได้แล้ว"

  "ว่าแต่..." เข่อลั่วเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก สายตาก็เหลือบมองผ่านไปทางด้านหลังของหลงอี้หลิง

  "...อาการของแม่นางฟ่งเป็นยังไงบ้าง นายน้อยช่วยนางสำเร็จไหมขอรับ"

  หลงอี้หลิงไม่ตอบคำถาม แต่พูดขู่นายกองหนุ่มกลับไปด้วยแววตาขึงขัง

  "รึเจ้าจะรอให้ท่านย่าเดินกลับมาสั่งเจ้าอีกรอบกัน!" 

  น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ซึ่งรังสีอำมหิตเล็ก ๆ ของแม่ทัพหนุ่มในขณะที่กล่าวออกมา ทำให้นายกองหนุ่มถึงกับหน้าซีดสลดลงทันตาและขานรับกลับไปอย่างทันทีทันใด

  "มะ ไม่ขอรับ! ข้าจะรีบไปจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในไม่กี่นาทีนี้เลยขอรับ" 

  นายกองหนุ่มขานรับอย่างลนลาน จนเผลอพูดเกินจริงไปบ้างเพราะด้วยความวิตกกังวลนั่นเอง

 

  หลังจากที่เข่อลั่วปิดประตูห้อง เขาก็รีบไปทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็ว

  ด้านหลงอี้หลิงก็ได้หันขวับกลับมายังทางด้านเตียงนอนของเขา 

  ผู้ที่หยิ่งผยองและเย็นชาในสายตาคนใต้หล้า ตอนนี้สายตาของเขาที่จับจ้องมองผ่านผ้าม่านกั้นบาง ๆ ไปถึงเงาร่างน่ารักที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนตรงหน้า ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายมากมายเหนือคณานับได้

  "หลั่นเอ๋อร์..ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากที่เจ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เจ้าจะกลับมาเป็นปกติ ร่างกายแข็งแรงและพูดต่อปากต่อคำกับข้าได้เหมือนเดิม"

 

  ด้านฟ่งหลันหลั่น หลังจากที่ผ่านค่ำคืนท่ามกลางความเป็นความตายมาได้ โดยการช่วยเหลือของหลงอี้หลิง แต่ทว่าวิธีการที่เขาใช้เพื่อช่วยถอนพิษให้นางในครั้งแรก มันได้ส่งผลบางอย่างให้กับพวกเขาสองคน

  ย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ในตอนที่หลงอี้หลิงกำลังพยายามใช้พลังลมปราณของเขาถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของฟ่งหลันหลั่น เพื่อช่วยถอนพิษร้ายให้นาง ซึ่งพลังของทั้งสองคนนั้นมีความแตกต่างกันมาก

  อีกอย่างตำแหน่งหยินหยาง รวมทั้งพลังธาตุทั้งห้าของสตรีน้อยก็ปั่นป่วนและสับสนมากอยู่เป็นทุนเดิม พลังของคนทั้งคู่จึงมีการต่อต้านกันโดยที่แม่ทัพหนุ่มไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ 

  และชั่วเสี้ยววินาทีที่เขาเร่งขับพลังปราณเข้าไปถึงสามในสี่ส่วนของพลังที่เขามี เพื่อถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของสตรีน้อยนั้นเอง พลังปราณในร่างกายของฟ่งหลันหลั่นเกิดกระแสตีกลับ จนทำให้กระแสปราณสับสนและปั่นป่วน  หนักยิ่งขึ้น และผลกระทบนั้นคือ มันได้ไปเปิดจุดตำแหน่งปราณและชีพจรทั้งหมดในร่างอรชรให้คลายปมออก

  ณ วินาทีนั้นเอง ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้หลงอี้หลิงจำเป็นต้องหยุดชะงักมือและดึงพลังของตนทั้งหมดกลับมา และเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ท่านหมอแนะนำไว้ก่อนที่เขาจะกลับไป

  แม้ร่างของฟ่งหลันหลั่นจะถูกพิษร้าย แต่สติของนางก็ไม่ได้ขาดไปทั้งหมดเสียทีเดียว สายตาที่เลือนรางพร่ามัวยังคงสามารถมองเห็นและรู้สึกได้ 

  รวมทั้งสตรีน้อยยังรับรู้ได้ถึงทุกการสัมผัสและทุกการกระทำของหลงอี้หลิงที่มีต่อนาง แต่มิอาจจะขัดขืนหรือฝืนแรงห้ามปรามเขาได้ เพราะแค่จะหายใจเข้าออก นางก็ยังเหนื่อยหอบจนแทบหมดแรง

  ทว่าในค่ำคืนนั้น หลังจากที่ฟ่งหลันหลั่นได้รับการช่วยเหลือจากแม่ทัพหนุ่มในการถอนพิษร้ายในร่างกายของนาง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับนางเช่นกัน

 

เวลาปัจจุบัน

  สตรีน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้ นางก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา 

  ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะดึงร่างกายของตัวเองลุกขึ้นนั่ง และพอได้เห็นสภาพของตัวเองที่สวมใส่เพียงแค่เสื้อผ้าตัวรองชั้นในอยู่นั้น นางก็รีบหันมองออกไปด้านข้างเตียงและเห็นเงาร่างของ  หลงอี้หลิงกำลังยืนแต่งตัวอยู่อีกฝั่งของผ้าม่านบาง โดยมีเข่อลั่วเป็นผู้ช่วย

  นางจึงหันกลับมาก้มมองและสำรวจดูตัวเองอีกครั้ง และรู้สึกได้ทันทีว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของตัวเองได้ถูกขับออกมาแล้วบางส่วน ความเจ็บปวดของอวัยวะภายในร่างกายเริ่มทุเลาลงมาก 

  ตอนนี้เหลือเพียงความปวดเมื่อยและอ่อนล้าตามร่างกายเท่านั้น

  ในหัวของฟ่งหลันหลั่นได้หวนคิดรำลึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นและอ่อนโยนของหลงอี้หลิงที่ปฏิบัติต่อนางในค่ำคืนที่ผ่านมา นางจะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปทั้งหมดนั้น ก็เพื่อต้องการที่จะช่วยชีวิตของนางไว้ 

    'เป็นเช่นนี้แล้ว ต่อจากนี้ไป เราจะมองหน้าเขาด้วยสีหน้ายังไงดี...'

  กระนั้นนางก็ยังคงรู้สึกขวยเขินเอินอายทุกครั้ง เมื่อที่หวนคิดถึงสัมผัสอันอบอุ่นนั้นจากเขา 

  พวงแก้มนวลของดวงหน้างามร้อนวูบวาบขึ้นมาในบัดดล และแดงก่ำของราวกับผลอิงเถาสุกงอมได้ที่

  จู่ ๆ ทันใดนั้นเอง สตรีน้อยก็มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงขึ้นมาฉับพลัน จนนางต้องทิ้งตัวล้มนอนลงไปบนเตียงอีกครั้ง มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากุมขมับไว้ทันที สองขาขดตัวเข้าหาตัวอยู่ในท่านอนคุดคู้อย่างเจ็บปวด

  สตรีน้อยไม่อยากให้บุรุษทั้งสองคนที่อยู่อีกฟากของผ้าม่านรับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน นางจึงพยายามระงับอารมณ์ข่มความเจ็บปวดไว้ข้างใน และห้ามใจไม่ให้ริมฝีปากบางส่งเสียงเผยความเจ็บปวดทรมานที่กำลังก่อตัวขึ้นมา ให้เล็ดลอดออกมาจากปากอย่างเด็ดขาด

  ท่ามกลางความเจ็บปวดทรมานนั้น ภาพรางเลือนมากมายค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวของฟ่งหลันหลั่นทีละนิด ๆ ยิ่งภาพเหล่านั้นชัดเจนมากขึ้นเท่าใด นางก็จะรับรู้และรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทรมานแปลบขึ้นที่ดวงใจน้อย ๆ ของตัวเอง ราวกับว่ากำลังถูกกริชเล็ก ๆ ทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

  เวลาล่วงเลยผ่านไปเช่นนั้นนานอยู่ครู่ใหญ่ ทันทีที่เสียงประตูตรงหน้าห้องถูกเปิดออก 

  แอ๊ด...

  และถูกปิดลง 

  ปัง!

  ฟ่งหลันหลั่นก็คว้าหมอนหนุนที่วางอยู่บนหัวเตียง มาอุดใบหน้าของตนอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นนางก็ได้แหกปากร้องดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดทรมานระบายอารมณ์ใส่หมอนหนุนใบนั้นอย่างไม่ยั้ง

  สิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้ คือ...

...ความทรงจำในช่วงก่อนวัยอายุแปดขวบที่เคยหายไป ในเพลานี้ มันได้หวนกลับคืนสู่เจ้าของดังเดิมแล้วนั่นเอง 

  แต่ทว่ามันได้ย้อนคืนกลับมาพร้อมความเศร้า ความผิดหวัง เจ็บปวดเสียใจ ราวกับถูกกริชและเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทงเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นเล่ม 

  ความทรมานอย่างสุดแสนสาหัสนี้ มันเหลือจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ 

  ความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก มันมีมากจนถึงขั้นที่ทำให้ฟ่งหลันหลั่นกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

  นัยน์ตากลมโตที่เคยสุกใสคู่นั้น ตอนนี้ฉายแววดุจดั่งเปลวลุกวาวของเพลิงจากไฟโลกันตร์ กำลังลุกโชติช่วง ยากที่จะดับลงได้อีกต่อไป

 

    "เยี่ยชิงฟง! ข้าไม่มีวันอภัยให้ท่านเด็ดขาด ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของข้ากับท่านพ่อ ข้า...อวี้หลัน! ผู้นี้ จะตอบแทนคืนทุกคน ที่ได้ฝากรอยแผลในใจนี้ อย่างสาสมแน่นอน"

.....

เซียงไค 盛開