webnovel

0689 นักดาบท่ามกลางพายุทราย

ตอนที่ 689 นักดาบท่ามกลางพายุทราย

กู่ฉิงซานอยู่ในจุดเดิม นิ่งงันไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะจีบมือออกด้วยวิชาลับ รวบรวมทรายสีเหลืองนวลรอบๆ นำมาปกคลุมผลึกน้ำแข็งอีกครั้ง

จากนั้นก็ตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบดิสก์ค่ายกลออกมา

สองมือของกู่ฉิงซานพรมลงบนดิสก์อย่างรวดเร็ว

ไม่นาน แสงสวรรค์ก็สาดส่องออกมาจากดิสก์ค่ายกล

โดยมีผลึกน้ำแข็งถูกตั้งไว้อยู่ในใจกลางค่ายกลปกปิดขนาดใหญ่ ซ้อนทับๆ กันหลายชั้น

กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่ง และตัดสินใจวางค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็กเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อที่เขาจะสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ แม้จะอยู่ในอีกซีกหนึ่งของโลกใบนี้ก็ตามที

หลังจากทำทั้งหมดนี้ เขาก็เก็บดิสก์ค่ายกลกลับคืน

ก็รู้อยู่หรอก ว่าค่ายกลพวกนี้มันอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก แต่จะดีจะร้าย ด้วยค่ายกลปกปิดกว่าสิบเจ็ดค่ายซ้อนทับๆ กัน มันก็น่าจะสามารถกลบกลิ่นอายอำนาจเทวะที่ผุดออกมาจากผลึกน้ำแข็งได้สักเล็กน้อย

จากนี้ไป ที่ต้องทำก็คือหาวิธีในการรักษาหยุนจี

ตามความทรงจำของวังเฉิง ที่นี่คือโลกของเกรย์แฮนด์ แถมยังเป็นตลาดมืดลำดับที่สิบเอ็ดในดินแดนชิงอำนาจอีกด้วย

ถึงแม้ว่าวังเฉิงจะอยู่ในยานอวกาศมาเกือบครึ่งชีวิต และไม่มีความรู้ความสามารถในการหาเงินได้เยอะๆ ก็ตามที แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าตลาดมืดน่ะ มันเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน และมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายเพียงใดอยู่ในนั้น

ตลอดทั้งสองร้อยล้านชั้นในดินแดนชิงอำนาจ ได้ถือกำเนิดอารยธรรมที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนขึ้น นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางทรัพยากร และสมบัติแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาอีกมากมาย

และสถานที่อย่างเช่นตลาดมืด มันไม่ได้มีการจัดเก็บภาษี ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะอารยธรรม หรือธุรกรรมใดๆ ที่อยู่ที่นี่ ทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าของตลาดมืด

เจ้าของตลาดมืดล้วนใหญ่ล้วนเฉลียวฉลาด พวกเขามักจะคิดค่าบริการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกชีวิตที่เข้ามาเยือนจึงประทับใจกับผลกำไรที่ตนเองได้รับ เกิดการบอกปากต่อปาก จนกระแสผู้คนหลั่งไหลเข้ามา

ในตลาดมืดอาจจะมีความรู้หรือข้อมูลบางอย่างที่สามารถช่วยให้กู่ฉิงซาน สามารถเรียนรู้วิธีการรักษาตัวตนระดับจ้าววงการอยู่ก็ได้

ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาก็คือ การตรงไปยังตลาดมืด

นึกถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ลังเลอีกต่อไป

เขาหยิบเอาเม็ดยาวิญญาณออกมา โยนเข้าใส่ปาก

โลกใบนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ แม้ตนจะมีฐานวรยุทธ์ในขอบเขตพันวิบัติขั้นกลางแล้วก็ตามที แต่การเดินทางไปยังตลาดมืดคงจะยาวนานและยากลำบากไม่น้อย

เอาล่ะ เท่านี้ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว

กู่ฉิงซานทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นกระแสแสง พุ่งหายไปยังทิศทางหนึ่งไกลออกไป

ภายในโลกเกรย์แฮนด์

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า

เม็ดทรายและฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว

โลกทั้งใบราวกับถูกดูดเข้าไปท่ามกลางพายุทราย

ทว่าบางครั้ง ก็ยังปรากฏสถานที่อันหาได้ยากยิ่ง สถานที่ซึ่งมีพลังปริศนาคอยคุ้มครอง ป้องกันมิให้เศษฝุ่นทรายปลิวเข้าไปได้อยู่

กู่ฉิงซานบินมาทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

ช่วงเวลานี้ แดดบนท้องฟ้านับว่าร้อนแรงที่สุดของวัน

มันคือช่วงเวลาเที่ยง

เหนือพายุทรายอันไร้ขอบเขต เจ็ดดวงอาทิตย์ร้อยเรียงกันเป็นทิวแถว สาดแสงอันร้อนแรงออกมา

ทุกอย่างแทบจะไหม้เกรียม

หากกู่ฉิงซานไม่ได้ใช้พลังวิญญาณปกป้องร่างกายตนเองเอาไว้ล่ะก็ เขารู้สึกว่าตัวเองคงจะถูกย่างจนสุกไปแล้ว

จากความทรงจำของวังเฉิง โลกใบนี้ใกล้จะล่มสลายลงแล้ว

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของวังเฉิงอยู่ในระดับต่ำ ประจวบกับสถานะของเขา จึงยังมีอีกหลายสิ่งในโลกใบนี้ที่เจ้าตัวไม่อาจล่วงรู้

กู่ฉิงซานรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ข้อมูลมันน้อยเกินไป ไม่เอื้อต่อการตระเตรียมกลยุทธ์ล่วงหน้าของเขาเอาเสียเลย

เขารู้สึกว่าตนเองได้สูญเสียพลังวิญญาณไปมากพอสมควรแล้ว จึงก้มลงมองหาจุดพักบนพื้นทราย

พายุทรายปกคลุมไปทั่วฟ้า บดบังวิสัยทัศน์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อย่างชัดเจน

เขาจึงตัดสินใจปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ ทำการตรวจสอบ ค้นหาสถานที่ซึ่งอยู่ภายใต้พายุทรายโดยละเอียดอีกครั้ง

เบื้องล่างของพายุทรายก็ยังคงเป็นผืนทราย

ภายใต้ผืนทราย ปรากฏถึงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน  แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงจะเป็น

ต้นไม้สีเขียวชอุ่มขนาดใหญ่

มันคือต้นไม้ที่ผุดงอกออกมาจากเนินทราย กำลังเปล่งประกายสีเขียวอ่อน กระจายไปตามพายุทรายที่อยู่รอบตัวมัน

บริเวณใกล้เคียงกับต้นไม้ใหญ่ไร้ซึ่งพายุทราย แสงระยิบระยับสีเขียวช่วยให้แลดูสงบ มันเต็มไปด้วยพลัง ส่งผลให้เกิดโลกอันแสนจะเงียบสงบใบเล็กขึ้นที่นั่น

กู่ฉิงซานไม่ลังเลเลยที่จะบินลงไป

หลังจากฟันฝ่าพายุทรายมาเป็นเวลานาน พละกำลังกายของเขาก็เริ่มจะไม่เพียงพอ และต้องการที่จะพักผ่อน หยุดเพื่อหาอะไรกินสักเล็กน้อย

เขาร่อนลงเบื้องหน้าต้นไม้ใหญ่ กวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ

และพบว่าแถวนี้มันไม่มีอะไรเลย

กู่ฉิงซานเดินไปหยุดหน้าต้นไม้ใหญ่ โค้งกายคารวะ กล่าวทักทายอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ แค่รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทาง เลยอยากจะขอมาพักผ่อนที่นี่สักครู่”

เขาตบลงในถุงสัมภาระ หยิบขวดน้ำเต้าที่บรรจุน้ำแร่วิญญาณออกมา แล้วเทลงบนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่

นี่คือหลักปฏิบัติที่กู่ฉิงซานคิดว่าสมควรจะกระทำ

เพราะการที่ท่ามกลางทะเลทราย การจะปรากฏถึงพืชพรรณเขียวชอุ่มขึ้น มันเป็นไปได้ยากมาก

นั่นแสดงว่าต้นไม้ต้นนี้ต้องมีพลัง มีชีวิตและสติปัญญา

และด้วยการเทน้ำพุวิญญาณให้แก่มัน มันก็ย่อมจะต้องตอบสนองกลับมาด้วยท่าทีน่าพอใจ

กู่ฉิงซานได้รับความทรงจำของวังเฉิง

แม้ว่าวังเฉิงจะเป็นแค่คนเก็บซากยาน ไม่ได้มีระดับสูงอะไร แต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่ามีประเภทของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน อยู่ในดินแดนชิงอำนาจ

กู่ฉิงซานพยายามคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้

ต่อจากนี้ไปในอนาคต ตนเองคงจะต้องเดินทางอีกยาวไกลในดินแดนชิงอำนาจ

ดังนั้น หมายความว่าหากเหยียบย่ำลงบนสถานที่ไม่คุ้นเคย มันก็ย่อมต้องเป็นการดึงดูดความสนใจจากสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในกรณีนี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการแสดงออกถึงเจตนาและทัศนคติที่ดีให้แก่มัน

แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด ก็จำต้องแสดงออกถึงเจตนาดี นี่คือหนึ่งในขั้นพื้นฐานที่สุดในการเอาชีวิตรอด

แน่นอน ว่าวิธีการที่รุนแรงยิ่งกว่า ย่อมไม่พ้นการต่อสู้

แต่หลังจากที่ได้ประสบพบเจอกับร่างมนุษย์แสง กู่ฉิงซานก็รู้สึกว่าเขาจะต้องไม่ประมาทต่อภูมิปัญญาของเหล่าสิ่งมีชีวิตใดๆ

เนื่องจากร่างของมนุษย์แสงได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตนับพันล้าน กระทั่งมอนสเตอร์มิติมันก็ยังเลือกที่จะปรากฏตัวขึ้น

ซึ่งนั่นสามารถพิสูจน์ได้ถึงสิ่งหนึ่ง

นั่นก็คือ เจ็ดเทพต่างเชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนชิงอำนาจล้วนมีสติปัญญา และสามารถก้าวขึ้นมาเดินบนเส้นทางแห่งทวยเทพได้

คล้ายกับกำลังจะสื่อกลายๆ ว่าทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน

ดังนั้น หากสิ่งมีชีวิตทุกคนได้รับการปฏิบัติราวกับมีสติปัญญาเท่าเทียมกัน ดังนั้น เมื่อกู่ฉิงซานเข้าสู่อาณาเขตของคนอื่น เขาจึงจำเป็นต้องแสดงทัศนคติดีๆ ออกไป

ไม่มีใครหรอก ที่จะยินดีต้อนรับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ให้เดินเข้ามาในบ้านของตัวเอง

แต่ถ้าหากคนแปลกหน้ามาด้วยอัธยาศัยที่ดีมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

นี่คือมุมมอง และข้อสรุปแรกที่กู่ฉิงซานมีต่อดินแดนชิงอำนาจ

ด้วยเหตุนี้เอง กู่ฉิงซานจึงเลือกแสดงออกถึงเจตนาดี และมอบของขวัญให้แก่ต้นไม้ใหญ่ทันทีที่เข้าก้าวเข้ามาในอาณาเขตของมัน

เห็นแค่เพียงน้ำแร่วิญญาณที่ถูกเทลงบนกิ่งก้านต้นไม้ ไม่นานก็ถูกดูดซึมลงไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง เสียงกระหึ่มก็ดังตามออกมาจากต้นไม้

“ข้าไม่ได้ดื่มน้ำแร่ที่มีรสชาติเช่นนี้มานานมากแล้ว หากมอบมันให้ข้าอีกสักหน่อย จะรู้สึกขอบคุณมาก”

กู่ฉิงซานแหงนหน้ามองต้นไม้ใหญ่ด้วยความประหลาดใจ

เขาหยิบน้ำเต้าอีกอันออกมา และราดลงบนต้นไม้

น้ำแร่ใสสะอาดทั้งหมดถูกดูดซึมจนเกลี้ยงทันที

“อา...”

ต้นไม้ระบายลมหายใจด้วยความพอใจ

มันกล่าวต่อ “ผู้เดินทางไกลเอ๋ย น้ำแร่ของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจยิ่ง ดังนั้นเจ้าสามารถพักผ่อนที่นี่ได้ตามต้องการ”

‘หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้พักอยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ’

กู่ฉิงซานเข้าใจในทันที

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันจะถูกต้องแล้ว

เขาประสานสองกำปั้นและกล่าว “ขอบคุณท่านมาก”

“ด้วยความยินดี แต่หากเป็นไปได้ ข้าขอแร่ที่ยังอยู่ในขวดน้ำเต้าจะได้หรือไม่” ต้นไม้ใหญ่กล่าว น้ำเสียงของมันฟังดูเก้อเขินกับสิ่งที่ตนขออยู่เหมือนกัน “แต่คราวนี้ไม่ต้องเทนะ เพราะลูกของข้ากำลังจะกลับมา ข้าจะเก็บเอาไว้ให้มัน บางทีมันอาจจะชื่นชอบน้ำแร่นี้ก็ได้”

กู่ฉิงซานยิ้ม

ทั่วบริเวณแห่งนี้คือทะเลทราย ดังนั้นจึงยากนักที่จะได้พบเจอกับน้ำดีๆ

อีกอย่าง ว่ากันว่าโลกใบนี้เกือบจะล่มสลายลงแล้ว

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมน้ำแร่วิญญาณถึงได้รับความสนใจในที่แห่งนี้

สำหรับกู่ฉิงซาน มันก็แค่น้ำแร่ ดังนั้นจะให้เพิ่มมากกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร

กู่ฉิงซานหยิบขวดน้ำเต้าเพิ่มอีกหนึ่ง แล้ววางมันลงบนพื้นข้างๆ ต้นไม่ใหญ่

“สำหรับท่าน” เขากล่าว

เม็ดทรายเริ่มแยกตัวออกจากกันเป็นหลุมลึก และขวดน้ำเต้าก็จมลงไปภายใน

“อา ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ” ต้นไม้ใหญ่ตอบด้วยความสุข

“ด้วยความยินดี มันก็แค่ของเล็กๆ น้อยๆ ถือซะว่าเป็นการมอบมันให้แก่ท่านแลกกับสถานที่พักผ่อน” กู่ฉิงซานโบกมือ

ต้นไม้ใหญ่ “ข้ามิใช่โจร เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจจนเกินไป เอาเป็นว่าข้าจะตอบแทนเจ้ากลับคืนก็แล้วกัน หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจมันนะ”

เห็นแค่เพียงกิ่งก้านสีดำของต้นไม้ใหญ่ที่หักออก และตกลงข้างๆ กับกู่ฉิงซาน

“โปรดรับมันไว้ นี่คือความปรารถนาดีเล็กๆ น้อยๆ ของข้า” ต้นไม้ใหญ่กล่าว

กู่ฉิงซานก้มลงมองกิ่งไม้

‘ก็แล้วไอ้ของแบบนี้…มันจะเอาไปใช้ทำอะไรได้กัน?’

อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่รับมันหรือแสดงท่าทีรังเกียจ มันจะไม่เป็นการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายหรอกหรือ?

“ขอบพระคุณท่านมาก” เขากล่าว

“อืม” ต้นไม้ใหญ่รับคำ

หลังจากนั้น ไม่ว่าฝ่ายไหนก็มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก

หนึ่งมือจีบเข้าด้วยวิชาลับ ยกกิ่งไม้ลอยขึ้นมาในอากาศ และเก็บเข้าไปในถุงสัมภาระ

จากนั้น เขาก็หยิบฟูกออกมา นั่งลง และเริ่มพักผ่อนดื่มกิน

เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

สองชั่วยามต่อมา

กู่ฉิงซานก็ลืมตาขึ้น ทั้งคนทั้งร่างสาดประกายสดใส

ทันใดนั้นเอง เขาก็ค้นพบว่า มีแมงป่องสีดำตัวเล็กกำลังยืนอยู่บนผืนทรายตรงหน้าเขา

แมงป่องดำเฝ้ามองดูเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อกู่ฉิงซานลืมตาขึ้น เขาก็ตกใจ

ส่วนแมงป่องมุดเข้าไปในทราย ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมที่จะจากไป

“ท่าน ผมคงต้องบอกลาแล้ว” เขาหันไปพูดกับต้นไม้ใหญ่

“เจ้าจะไปที่ใด?” ต้นไม้ใหญ่เอ่ยถาม

“ไปยังตลาดมืด ผมไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน เลยว่าจะลองดู” กู่ฉิงซานกล่าว

“โอ้ แล้วเจ้าจะไปที่นั่นทำไมกันล่ะ?” ต้นไม้ยังคงถามต่อ

“พอดีว่าผมต้องการที่จะเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการรักษา เนื่องจากเพื่อนของผมได้รับบาดเจ็บสาหัส และตัวผมในตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย” กู่ฉิงซานพยายามสงบใจ

“รักษาสินะ...” ต้นไม้ใหญ่ถอนหายใจ “เกรงว่าหากเป็นเรื่องนั้นข้าคงไม่สามารถช่วยได้ แต่เจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีจิตใจดีทีเดียว ดังนั้นจงก้าวต่อไปข้างหน้า อย่าได้ท้อถอย”

“ถ้าเช่นนั้นผมขอลาก่อน” กู่ฉิงซานประสานกำปั้น

ต้นไม้ใหญ่ “ลาก่อน”

กู่ฉิงซานทะยานตัวสูงขึ้น พุ่งไปบนท้องฟ้า

เขาออกจากพื้นที่ซึ่งไร้พายุทราย ที่ถูกปกคลุมอยู่รอบต้นไม้

ทันใดนั้นเอง พายุทรายอันไร้ที่สิ้นสุดก็โหมกระหน่ำเข้าใส่เขาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานก็สังเกตเห็นว่ามีคนนับสิบปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เขา

เมื่อกู่ฉิงซานเห็น อีกฝ่ายก็ย่อมที่จะมองเห็นเขาเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายกำลังมุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน

‘ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นก็กำลังจะตรงไปยังตลาดมืดเหมือนกัน’

กู่ฉิงซานคิดอย่างเงียบๆ และตัดสินใจลดความเร็วลง เพื่อให้อีกฝ่ายจากไปก่อน

หนึ่งเพราะอีกฝ่ายมีหลายคน สองเพราะเขาไม่ต้องการที่จะปะทะกันแล้วเกิดปัญหา สามคือหยุนจียังคงบาดเจ็บสาหัส กู่ฉิงซานจำเป็นต้องใช้สมาธิเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหาวิธีช่วยเหลือเธอให้เร็วที่สุด

อีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อเห็นท่าทีของกู่ฉิงซาน พวกเขาก็แสดงท่าทีพอใจออกมา

และเริ่มหันไปมองหน้ากันและกัน

ชายคนหนึ่งยกมือขึ้น และเลื่อนเล็กน้อยไปยังทิศทางของกู่ฉิงซาน

โดยมือข้างนั้นของเขา มีนาฬิกาข้อมือสวมใส่อยู่

ก้มลงมองไปยังบางสิ่งบางอย่างที่ปรากฏขึ้นบน ‘นาฬิกาข้อมือ’ ชายคนนั้นก็เริ่มรายงานอะไรบางอย่างแก่เพื่อนๆในกลุ่มของเขาทันที

พอได้ฟัง ท่าทีของคนในกลุ่มก็ผ่อนคลายลง

ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำขบคิดเล็กน้อย และกล่าวอะไรบางอย่างกลับฝูงชน

ในเวลาเดียวกัน สัญญาณเตือนก็เริ่มร้องดังขึ้นในหัวใจของกู่ฉิงซาน

จู่ๆก็ฉิงซานก็เข้าใจได้ในทันที

นี่คือโทษทัณฑ์!

หายนะอีกครั้งที่สองได้มาเยือนเขาแล้ว!

หายนะนี้คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งในวินาทีสุดท้าย มันจึงปะทุออกมา เป็นการจู่โจมอย่างกะทันหัน

ยังไม่ทันได้มีเวลาป้องกัน...

ตูม!

กู่ฉิงซานหลบเลี่ยงเจ็ดแปดการโจมตี แต่ในการโจมตีสุดท้ายเขาก็ถูกมันซัดเข้าใส่เต็มรัก ทั้งคนทั้งร่างกระเด็นกระดอนกลับไป

กู่ฉิงซานร่วงตกจากฟ้าเป็นเส้นโค้ง กระเด็นลอยกลับไปทางเหนือต้นไม้ใหญ่

ตูม!

เขาตกลงกระแทกกับพื้น แรงปะทะมหาศาลก่อให้เกิดหลุมทรายขนาดใหญ่ กระทั่งพื้นดินสีดำที่ซ่อนอยู่เบื้องล่างก็ปรากฏต่อหน้าเขา

กู่ฉิงซานสะบัดหัวและบินขึ้นไปอีกครั้ง

มันเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝัน กระทั่งเจตนาฆ่าของอีกฝ่ายก็เพิ่งปะทุออกมา

นับว่าโชคยังดีบนร่างเขาสวมใส่เกราะรบนายพลชั้นเฉินเว่ยอยู่ มันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก

ทว่าก็ยังปรากฏรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นบนชุดเกราะ

กู่ฉิงซานทะยานตัวสูงขึ้น หยิบธนูเย่หยูออกมาทันที

คนร้ายนับสิบได้บินตรงเข้ามา

พวกเขาชะงักไปกลางอากาศ สายตาจับจ้องกู่ฉิงซาน ปากหัวเราะคิกคัก

“พี่ชายซี ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนั่นมันจะเป็นนักธนูนะ ดูก็รู้ว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป ฉันกลัวว่าเขาจะไม่มีสมบัติอะไร” คนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ยุงแม้จะตัวเล็ก แต่มันก็ยังมีเนื้อ ถ้าเจอมัน ก็สมควรที่จะฆ่าทิ้งซะ”

ชายที่ทุกคนเรียกกันว่าพี่ชายซีกล่าวอย่างไม่แยแส

ชายอ้วนที่ดูแข็งแกร่งกล่าว “มันเป็นนักธนู พวกเราไม่ต้องลงมือกันทีเดียวทั้งหมดก็ได้ แค่คนเดียวก็พอแล้ว”

กู่ฉิงซานแม้จะอยู่ไกล แต่ก็ยังพอจับใจความได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว

พวกคนแบบนี้จำเป็นต้องฆ่าเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน ชายอีกคนก็ชักมีดสั้นออกมาและกล่าว “ใครก็ตามที่ฆ่ามันได้คนแรก คนคนนั้นก็จะมีสิทธิ์เลือกขอ”

ปุ!

ยังไม่ทันจะได้เอ่ยจนจบประโยค ชายมีดสั้นก็ถูกศรของกู่ฉิงซานยิงทะเลเข้าหัว

หมอกเลือดสายกระจายไปทั่ว

สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“ระยำเถอะ! ไอ้บ้านั่นมันฝีมือธนูไม่เลวเลย พวกเราคงต้องร่วมมือกันแล้ว!” พี่ชายซีตะโกน

หลายสิบคนชักอาวุธประจำกายของพวกเขาออกมา และวิ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานบินถอยหลังกลับ ขณะเดียวกันมือก็เอื้อมไปคว้าลูกศรเบื้องหลัง

ฟิ้ว!

ระบำผันผวน!

ศรห้าดอกกลายเป็นภาพติดตา เลี้ยวลดโค้งงอ ระเบิดเข้าไปกลางฝูงชน ม้วนเข้าแทงไปสองคน ตกตายทันที!

พี่ชายซีเห็นแบบนั้นก็โกรธเกรี้ยว

ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อมั่นในการคำนวณจากเครื่องมือมากเกินไป ดังนั้นจึงถูกโจมตีสวนกลับโดยอีกฝ่าย

“บ้าจริง! ทักษะธนูของมันทรงพลังเกินกว่าที่เครื่องคำนวณระบุเอาไว้ พวกเราต้องเข้าไปประชิดตัวมันทันที!”

แต่น่าเสียดาย

เพราะถ้าพวกมันยังเข้าใจ กู่ฉิงซานแน่นอนว่าย่อมเข้าใจเช่นกัน เขาหลบหนีอย่างรวดเร็วด้วยย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว จนคนเหล่านั้นไม่สามารถไล่ตามทันได้

อีกหนึ่งลมหายใจผ่านพ้นไป

ชายอีกคนหนึ่งก็ถูกยิงเข้าที่แขนโดยกู่ฉิงซาน

และเขาคือชายอ้วนที่ดูแข็งแกร่งนั่นเอง

หนึ่งมือกระชากลูกศรออกอย่างแรง ปากอ้าตะโกนเรียกคนรอบกายด้วยความโกรธ “พวกแกทั้งหมดมาที่นี่!”

ผู้คนพอได้ยินเสียงคำรามของเขา ก็วูบกายกลับมารายล้อมรอบตัวชายอ้วนทันที

ชายอ้วนกัดฟัน จ้องมองกู่ฉิงซาน และกล่าวกับฝูงชน “ฉันจะลงทุนใช้ไพ่ตาย เพราะฉะนั้นชีวิตและสมบัติทุกอย่างของไอ้บ้านั่นต้องตกเป็นของฉัน!”

“เข้าใจแล้ว!” ฝูงชนพยักหน้า

ชายอ้วนลูบไล้แหวนบนนิ้วของเขา และเปิดใช้งานเทคนิคมนตราบนแหวน ‘เคลื่อนย้ายมิติโกลาหล’ ทันที!

เคลื่อนย้ายมิติโกลาหล เป็นสกิลมิติ เป็นเทคนิคมนตรา ที่จะสามารถนำพาพวกเดียวกันที่อยู่ในรัศมี 10 เมตรรอบตัวตัดผ่านอุปสรรค แล้วไปปรากฏตัวในตำแหน่งรัศมีหนึ่งกิโลเมตร ล้อมรอบศัตรูได้เลยโดยตรง

ในช่วงเวลานั้นเอง แสงสีขาวก็ปะทุขึ้นมาจากแหวน

คนทั้งหมดหายวับไป

พวกเขาปรากฏตัวขึ้นรอบกายกู่ฉิงซาน ปิดล้อมทิศทางเขาโดยสมบูรณ์

สำหรับนักธนู การที่พวกเขาวางกลยุทธ์ปิดล้อมแบบนี้นับว่าถูกต้องแล้ว

เพราะอาชีพโจมตีระยะไกล ย่อมไม่สามารถหลบหนีจากการโอบล้อมระยะใกล้เช่นนี้ได้

“ไอ้หนู” ชายอ้วนบึกบึนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิชาธนูน่ะมันเป็นทักษะเอาไว้ให้พวกผู้หญิงเขาเล่นกัน ตอนนี้แกหนีไม่พ้นแล้ว”

จู่ๆ คนทั้งหมดก็เข้ามาในระยะประชิด ทำเอากู่ฉิงซานต้องเผยท่าทีแปลกๆ ออกมา

แต่เขามิได้เอ่ยสิ่งใด

ธนูยาวและลูกศรหายวับไปทันที

แต่กลับปรากฏกระแสแสงเย็นเยียบตัดผ่านท้องฟ้า พร้อมกับคมกล้าจากแสงจันทร์สีนวลสว่างไสว ร่ายรำขึ้นในอากาศขึ้นแทนที่

เทคนิคลับแห่งดาบ ล่าชีพ!

พลังศักดิ์สิทธิ์ ตัดขาดการเชื่อมต่อ!

เทคนิคลับแห่งดาบ ตัดจันทรา รูปแบบฟันต่อเนื่อง!

ทุกคนที่เสนอหน้าเข้ามาใกล้ยืนแข็งค้างในสถานที่เดียวกัน ทั้งหมดถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถูกแรงอัดอากาศจากสกิลดาบระเบิดปลิวกระจัดกระจาย ว่อนไปทั่วต้นไม้ใหญ่

กู่ฉิงซานค่อยๆเก็บดาบกลับคืนอย่างช้าๆ

เขาก้มลงมองหยดเลือดบนทรายสีเหลืองนวล ปากอ้าถอนหายใจ

“โทษทีฉันลืมบอกไป ธนูน่ะมันแค่การอุ่นเครื่อง อันที่จริงแล้วฉันใช้ดาบในการฆ่าคนเป็นหลักต่างหาก”

........................................