webnovel

0490 เสื้อคลุมดวงดารา

ตอนที่ 490 เสื้อคลุมดวงดารา

“ต้องการเสื้อคลุมดวงดาราอย่างนั้นเหรอ...”

ซูเซี่ยเอ่ยพึมพำ

ทันใดนั้นเธอก็กวาดมือออกไป พร้อมกับเสื้อคลุมสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาราปรากฏขึ้นมาในฉับพลัน

เมื่อได้เห็นถึงเสื้อคลุมนี้ สีหน้าของทั้งแปดจ้าวมณฑลก็แปรเปลี่ยนไป

ซูเซี่ยเอ๋อไม่ทราบเกี่ยวกับมันก็จริง แต่สำหรับแปดจ้าวมณฑลที่เหลือแล้วพวกเขารู้!

ว่ายามใดที่สวมใส่เสื้อคลุม ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลก็จะสามารถเฝ้ามองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

เสื้อคลุมนี้จึงเปรียบดั่งเกราะคุ้มภัยอันยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับจ้าวมณฑลทั้งเก้า

ดังนั้น พวกเขาจึงกล้าที่จะจัดการกับพ่อแม่ของซูเซี่ยเอ๋อ ทว่าไม่กล้าที่จะลงมือกับซูเซี่ยเอ๋อโดยตรงตั้งแต่แรก

แม้แต่กับซูเซี่ยเอ๋อพวกเขายังจะต้องลงมือผ่านพ่อแม่ นับประสาอะไรกับยามที่เสื้อคลุมปรากฏขึ้นมา คงไม่ต้องกล่าวถึง พวกเขาจึงยินดีละทิ้งโอกาสนี้ แล้วค่อยไปลงมือเอาคราวหน้าก็ได้

“หยุดมือ!” แปดจ้าวมณฑลเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน

ซูเซี่ยเอ๋อเป็นคนแรกที่ผ่านการสืบทอดความแข็งแกร่งในรอบหลายพันปี เป็นคนที่ได้รับการโปรดปราน จากท่านผู้พิทักษ์

และพวกเขาไม่กล้าที่จะให้ท่านผูิพิทักษ์ค้นพบว่า พวกตนกำลังจะจัดการกับซูเซี่ยเอ๋ออยู่

ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดหยุดการโจมตี ปากอ้าหอบหายใจหนักหน่วง

ทุกชนิดของเทคนิคมนตราได้ระเบิดการโจมตีไปเป็นเวลานาน แต่กลับไม่สามารถทำร้ายตระกูลซูทั้งสามคนได้เลย ยิ่งนาน ในหัวใจของผู้ฝึกยุทธอดไม่ได้ที่จะยิ่งท้อมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาฝึกฝนมาได้ถึงระดับหนึ่ง แถมยังสามารถปลุกการรับรู้ทางพลังวิญญาณให้ตื่นขึ้นมาแล้วอีกด้วย

ทั้งหมดจึงมีลางสังหรณ์อันบางเบา มันเป็นสังหรณ์ร้ายผุดเข้ามาในการรับรู้ทางพลังวิญญาณ ของเหล่าผู้ฝึกยุทธชั้นยอดเหล่านี้

ดังนั้น เมื่อได้รับฟังทั้งหมดจึงฉวยโอกาสนี้หยุดมือทันที

ตลอดทั้งลานเงียบสงัด

ท่ามกลางความเงียบ สายตาทั้งหมดต่างจ้องมองมายังซูเซี่ยเอ๋อ

“นี่มันเรื่องจริงเช่นนั้นหรือนี่?”

“นั่นน่ะเหรอเสื้อคลุมดวงดาราที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะของจ้าวมณฑล?”

“ดูเหมือนว่าจะใช่นะ”

“เสื้อคลุมนั้นสวยจัง!”

“ปรากฏว่าตำนานเป็นความจริงสินะ”

ผู้คนต่างลดเสียง และเริ่มกระซิบกระซาบ

ซูเซี่ยเอ๋อมองซูเซิงเหวินกับมาดามซูด้วยสายตาที่ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า

เธอถือเสื้อคลุมดวงดาราเดินตรงไปหาพ่อแม่ของตัวเอง

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เสื้อคลุมอยู่นี่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่หนูอยากจะบอกกับท่านให้มันชัดเจน”

“เซี่ยเอ๋อ เจ้าพูดมาได้เลย”

“เมื่อท่านเอาเสื้อคลุมนี่ไปแล้ว ตัวหนูจะถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซูอีกต่อไป ถ้าตกลงให้หนูออก จากตระกูลซู พ่อกับแม่ก็เอาเสื้อคลุมนี้ไปได้เลย”

ซูเซี่ยเอ๋อพูดอย่างใจเย็น

ขณะที่ภายในดวงตาของเธอ ประกายสุดท้ายจากหยาดน้ำใสๆ ได้ผุดออกมา

“พูดอะไรไร้สาระ!” ซูเซิงเหวินตะโกน “ต่อให้เสื้อคลุมอยู่ในมือพ่อ เจ้าก็ยังเป็นลูกสาวของพ่ออยู่ดี”

เขาคว้าเสื้อคลุมและสวมมันทับใส่ตนเอง

บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นในฝูงชน

แบบนี้ ก็แสดงว่าเสื้อคลุมดวงดาราของตระกูลซู ได้ถูกเปลี่ยนมือไปแล้วใช่ไหม?

ผู้คนอดไม่ได้ที่จะระงับเสียงของตนเอง

กระทั่งใบหน้าของทั้งแปดจ้าวมณฑล ก็ยังเผยถึงความซับซ้อน

ซูเซี่ยเอ๋อมองดูเสื้อคลุมที่พ่อของเธอสวมใส่ ปากเอ่ยเสียงกระซิบ “ในเมื่อเป็นแบบนี้...”

เธอลดหัวลง พร้อมกับประกายระยับในแววตาที่หายไป

ไม่มีใครสามารถมองเห็นสีหน้าของเธอในเวลานี้ได้

มาดามซูเดินมาจะดึงลูกสาวเข้าไปกอด

“ลูกสาวที่ดี”

แต่ซูเซี่ยเอ๋อกลับก้าวถอยหลัง หลบฉากออกมา

เธอเลี่ยงมือของมาดามซู และหันไปมองอีกแปดจ้าวมณฑล

“อีกเรื่องหนึ่ง”

“พวกคุณต้องล้มเลิกการก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรผู้ฝึกยุทธซะ” เธอกล่าว

คราวนี้ฝูงชนโดยรอบล้วนตกตะลึง

แต่ละคนต่างหันไปสบตากับคนข้างๆ

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสถานการณ์มันจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบนี้

เพื่อก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรขึ้น ทางเก้าตระกูลใหญ่จำต้องทุ่มออกด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก

มันคือองค์กรที่จะใช้เพื่อยึดครองและนำพาผู้คนทั้งโลก แต่ตอนนี้ ซูเซี่ยเอ๋อกลับประกาศออกมาว่าให้ทุกคน ล้มเลิกมันไปซะ

ผู้คนจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

“เจ้าไม่ใช่จ้าวมณฑลอีกต่อไปแล้ว!” จ้าวมณฑลคนหนึ่งกล่าว

ขณะที่จ้าวมณฑลคนอื่นๆ ส่งสัญญาณทางสายตาให้กันและกัน

บัดนี้ซูเซี่ยเอ๋อมิได้ครอบครองชุดคลุมดวงดาราอีกต่อไป

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าท่านผู้พิทักษ์จะเห็นถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ พวกเขาสามารถลงมือจัดการ กับซูเซี่ยเอ๋อได้เลยโดยตรง

ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ก็น่าจะมีจุดอ่อนอยู่บ้างแหละน่า

จับเธอได้เมื่อไหร่ ก็จะค่อยๆ ทรมานเธอจนคายความลับออกมา จากนั้นเก้าตระกูลใหญ่ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ

หนึ่งในจ้าวมณฑลอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความปีติในหัวใจ เขาหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “เรื่องใหญ่แบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวตัวน้อยๆ จะตัดสินใจได้หรอก”

ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว “ไม่ หนูมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้”

ว่าแล้ว เธอก็เคาะคทาลงกับพื้นเบาๆ

ปัง!

พื้นโลกบังเกิดการสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น

เงาสีเทาสูงตระหง่านผุดออกมาจากเมฆบนฟ้า ตกลงมาตรงประตูลานกว้าง

มันคือมอนสเตอร์ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน

โดยไม่ต้องรีรอให้ฝูงชนตื่นตระหนก เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยในสถานที่ดังกล่าวก็เข้าตอบโต้ทันที

ทุกชนิดของอาวุธที่ทันสมัย ผสานไปด้วยเทคนิคมนตราระเบิดเข้าใส่มอนสเตอร์ตัวนั้น

ประกายไฟที่งดงามกระจัดกระจายไปทั่ว

ทว่ามอนสเตอร์กลับดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

บรรดาจ้าวมณฑลมองหน้ากัน และเห็นถึงความประหลาดใจในแววตาของอีกฝ่าย

ซูเซี่ยเอ๋อสามารถควบคุมมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ได้หรือนี่?

แถมยังเป็นมอนสเตอร์ที่ต่อให้พวกเขารุมโจมตีด้วยอาวุธและมนตราที่รุนแรงที่สุด ก็ยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ แม้เพียงน้อย

ซูเซี่ยเอ๋อทำได้อย่างไรกัน?

“นี่ใช่เป็นการทักทายหรือไม่? พวกเขาดูกระตือรือร้นที่จะต้อนรับข้ามากทีเดียว” มอนสเตอร์เอ่ยถามด้วยความภาคภูมิในตนเอง

มีเพียงคำพูดของซูเซี่ยเอ๋อคนเดียวเท่านั้น ที่มันสามารถเข้าใจได้

“เปล่าหรอก พวกเขากำลังใช้พลังของตนเองโจมตีเจ้าอยู่น่ะ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

“อ่าว เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?” มอนสเตอร์แลดูจะผิดหวังเล็กน้อย

ในเวลานั้นเอง ผู้ฝึกยุทธขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดก็ทะยานตัวขึ้น หมายจะโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์

และเขาคือผู้ที่มีพื้นฐานวรยุทธสูงส่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธในฉากนี้

“ถุย!”

มอนสเตอร์ถ่มน้ำลายใส่ผู้ฝึกยุทธ

แล้วผู้ฝึกยุทธขั้นแก่นทองคำก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนาออกมา บังเกิดกระแสลมอันแข็งกร้าวฉีกกระชากร่างกายของเขา ผสานไปกับน้ำลายที่กัดกร่อนเลือดเนื้ออย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว ทั้งคนทั้งร่างก็หลงเหลือเพียงไม่กี่ส่วน และถูกพัดพาไปกับสายลม

ผู้ฝึกยุทธตลอดทั้งฉากสั่นสะท้าน

ซูเซี่ยเอ๋อลูบไล้คทาของเธอ ย่ำลงบนพื้นดินอย่างแผ่วเบา

เธอลอยตัวขึ้นไปเหนือหัวของมอนสเตอร์ยักษ์ กดสายตาลงมองทุกชีวิตที่อยู่เบื้องล่าง

มอนสเตอร์สัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของเธอ มันจึงเอ่ยเตือนออกมา “ดูเหมือนว่าเกือบทุกคนจะเป็นคนที่ท่านรู้จัก ท่านต้องการที่จะทำแบบนี้จริงๆ น่ะหรือ?”

“ไม่จำเป็นต้องพูด ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว”

ซูเซี่ยเอ่อกล่าวสิ่งที่ตนคิด

เธอยื่นคทาออกมา และโบกมันไปทางเบื้องล่าง

บังเกิดแสงสีขาวพิสุทธิ์พวยพุ่งจากคทา

แสงสีขาวนี้กวาดลงไปตลอดทั้งลานกว้าง โดยที่ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ

จ้าวมณฑลทั้งแปดและหลายร้อยผู้ฝึกยุทธ หรือแม้กระทั่งผู้คนทั้งหมดในงานล้วนมิอาจต้านทานได้

เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงพิสุทธิ์นี้ พวกเขาไม่มีเวลาแม้จะกรีดร้องด้วยความอนาถ แขนขาถูกแยกออก อวัยวะกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ

ลานกว้างที่เมื่อครู่พลุกพล่านและคึกคักไปด้วยเจ้าของงานและแขกเหรื่อ ได้กลายเป็นทะเลเลือดในพริบตา

หลงเหลือเพียงซูเซิงเหวินกับมาดามซูเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

ทั้งสองสั่นสะท้านท่ามกลางซากศพ

ซูเซี่ยเอ๋อหลับตาลงแล้วสูดหายใจลึก

ดูเหมือนว่าเธอกำลังรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง

“นายหญิง ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับการรับรู้ถึงความตื่นเต้นในการสังหาร” มอนสเตอร์คำราม

“นี่น่ะหรือคือความตื่นเต้นในการสังหาร?”

“ถูกต้องแล้ว” มอนสเตอร์โบกไม้โบกมือของมันด้วยความปีติ

“ไม่ใช่หรอก”

ซูเซี่ยเอ๋อลืมตาและกล่าว “นี่มันเป็นแค่วิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ และฉันเองก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย” เธอกล่าว

“ไม่รู้สึกหรือ?” มอนสเตอร์เผยถึงความประหลาดใจ

“แน่นอน เพราะพวกเขาเพิ่งจะตายเท่านั้น และมันยังไม่จบลงแค่นี้”

ซูเซี่ยเอ๋ออธิบายและยกคทาในมือขึ้น

พร้อมกับร่างลวงตานับไม่ถ้วนถูกยกสูงขึ้นด้วยพลังที่มองไม่เห็นลอยขึ้นมาเหนือลานกว้าง

วิญญาณเหล่านี้ได้ตระหนักถึงสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ

วิญญาณทั้งหมดพยายาที่จะหลบหนีออกไป แต่ก็ถูกกักขังอยู่ในบริเวณดังกล่าว และไม่สามารถออกไป ไหนได้เลย

ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองไปยังจิตวิญญาณเหล่านั้น

เธอยกคทาขึ้นและชี้ไปที่วิญญาณทั้งหลายที่เพิ่งจะสูญเสียร่างกายของตัวเองไป

“จงหลอมรวม” เธอเอ่ยสั่ง

คทาในมือวูบไหว

หลายร้อยวิญญาณต่างพากันเปล่งเสียงสลดขึ้นในเวลาเดียวกัน

วิญญาณเหล่านั้นแตกกระจายโดยสิ้นเชิง กลายเป็นจุดแสงสีดำ

จุดแสงเหล่านั้นหลอมรวมกันเป็นก้อนทรงสี่เหลี่ยมและถูกดูดซึมเข้าไปในคทา

ขณะที่สีของคทาแลดูจะเข้มขึ้น

ซูเซี่ยเอ๋อใช้นิ้วมืออีกข้างเคาะเบาๆ ลงบนหัวคทา

และใบหน้าของมนุษย์นับไม่ถ้วนก็ผุดออกมาจากคทา จ้องมองเธอด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาอ้าขยับปาก พยายามร้องตะโกนขอความเมตตาแต่ก็ไม่สามาถส่งเสียงใดๆ ได้เลย

ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองคนเหล่านั้นที่กำลังเจ็บปวดและหวาดกลัว

คิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอค่อยๆ คลายลง

ใช่แล้วล่ะ การแบ่งหรือหลอมรวมวิญญาณน่ะ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดยิ่ง

ความตายจะนับว่าเป็นสิ่งใดกัน เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดนี้?

“เจ้าลองมองดูสิ จับพวกเขาเอาไว้แบบนี้ แล้วทรมานจิตวิญญาณของพวกเขา...มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าซะอีก...”

ซูเซี่ยเอ๋อหันไปกล่าวกับมอนสเตอร์

มอนสเตอร์มองไปยังวิญญาณที่กำลังถูกหลอมรวมเข้าด้วยเจ็บปวด ขณะที่ได้ยินเสียงกระซิบเย็นชา ของซูเซี่ยเอ๋อ มันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

“มีอะไรเหรอ?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีสิ่งใด นายหญิงที่เคารพของข้า ข้าพร้อมและยินดีที่จะรับใช้ท่านเสมอ” มอนสเตอร์กล่าวด้วยความเคารพ

มันพยายามที่จะสงบสติอารมณ์

แต่ทันใดนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของซูเซี่ยเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันใด

เธอเก็บวิญญาณที่กำลังเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหล่านั้น และเคาะคทาลงบนหัวของมอนสเตอร์เบาๆ

มอนสเตอร์รู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังจะสื่อได้ทันที

มันพาซูเซี่ยเอ๋อทะยานสู่ฟากฟ้าและจากไป

มีเพียงซูเซิงเหวินกับมาดามซูเท่านั้นที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

ซูเซี่ยเอ๋อไม่ได้เหลือบมองทั้งสองอีกเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่หลังจากที่ซูเซี่ยเอ๋อจากไปแล้ว ซูเซิงเหวินกับมาดามซูก็เผยสีหน้าปีติยินดีออกมาทันใด

“ฮ่าๆๆ! ลูกสาวของฉันแข็งแกร่งจริงๆ! คราวนี้ล่ะ ยังจะมีใครอีกที่กล้าขัดขืนฉัน!” ซูเซิงเหวินกล่าว

“แต่ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธพวกเรานิดหน่อยนะ” มาดามซูกังวล

“ไม่เป็นไรหรอก!” ซูเซิงเหวินลูบไล้เสื้อคลุมดวงดาราบนตัวเขา “อย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของพวกเรา เอาไว้ค่อยหาโอกาสกล่อมเธอทีหลังก็ได้”

ซูเซี่ยเอ๋อทรงพลังเช่นนี้ มันมากพอแล้วที่จะกำจัดปัญหาทั้งหมดในคราเดียว

ตัวเขายังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องพึ่งพาเธอในอนาคต!

มาดามซูตบหลังซูเซิงเหวิน “ตอนนี้พวกคนสำคัญๆ ของอีกทั้งแปดตระกูลก็ได้ตายลงไปแล้ว พวกเราจะต้องรีบกลับไปยังตระกูลซู เพื่อเตรียมการบางอย่างทันที แล้วเร่งลงมือให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด!”

“เธอพูดถูก! พูดถูกแล้ว!”

ซูเซิงเหวินตระหนักได้ทันที เขาพยักหน้าครั้งแล้ว ครั้งเล่า

ในขณะนั้นเอง พวกเขาก็ทำเป็นตามืดบอด ไม่สนใจซากแขนขาและเลือดบนพื้น รีบออกจากลานกว้างไปทันที

ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งลงมือทำ

ตระกูลซูจะต้องกลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในสหพันธรัฐรัฐบาลกลาง!

รอยเท้าเลือดสองคู่ย่ำเป็นทาง ไม่นานก็วิ่งหายไปไกล

มอนสเตอร์บินอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ที่สิ้นสุด

ซูเซี่ยเอ่อยืนอยู่เหนือหัวของมัน สีหน้าปรากฏถึงความสับสน

“นายหญิง ข้าคิดว่าท่านต้องการจะหลอมรวมจิตวิญญาณให้ดีเสียก่อน แล้วเหตุใดจึงเร่งข้าให้ออกมากัน?” มอนสเตอร์ถามด้วยความงงงวย

“เพราะมีเรื่องฉุกเฉินที่ฉันจะต้องจัดการน่ะสิ” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยตอบ

ในสายตาของเธอ ปรากฏหนึ่งบรรทัดเส้นแสงขึ้น

“อาจารย์ฝึกสอนของคุณกำลังจะกลับมายังเกาะหมอก กรุณากลับไปทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกค้นพบ”

ซูเซี่ยเอ๋อถอนหายใจ

เธอจะต้องเร่งกลับไปยังเกาะหมอกทันที

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองและตัวตนทรงพลังของเก้าตระกูลใหญ่เกือบทั้งหมดก็ได้ถูกสังหารลงแล้ว ดังนั้นส่วนที่เหลือของเรื่องนี้ก็มอบหมายให้ประธานาธิบดีกับสมเด็จพระจักรพรรดินีเป็นคนจัดการก็แล้วกัน

หากไม่ไหวจริงๆ ก็ฝากให้เย่เฟย์หยู

เพราะคนๆ นี้คือกำลังรบที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ฉิงซาน...

เมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา ทุกสิ่งอย่างจะต้องเป็นระบบระเบียบ

ในหัวใจของซูเซี่ยเอ๋อปรากฏภาพของกู่ฉิงซานขึ้นมา มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยกสูงขึ้น

ตราบใดที่นึกถึงเขา ความทุกข์ตรมทั้งหมดก็ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญอะไร

วินาทีต่อมา ม่านรังสีแสงก็ปรากฏขึ้น เข้าปกคลุมร่างของซูเซี่ยเอ๋อ

แล้วเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมๆ กับมอนสเตอร์ยักษ์

…………………………………..........