ตอนที่ 274 ทัณฑ์สายลม
เศษชิ้นส่วนสายฟ้าที่ดับสูญได้กระทั่งจิตเทวะปกคลุมหนาแน่น
เจ้าสิ่งนี้ ตราบใดที่มันสัมผัสลงบนร่างกาย ร่างของผู้ฝึกยุทธจะพลันแตกสลาย กลายเป็นขี้เถ้าปลิวไปตามสายลมในพริบตา
แส้สายฟ้าค่อยๆ ถูกชักกลับมาลอยอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ ส่วนร่างของนางเซียนไป่ฮั่วก็ยังคงวูบไหว หลบเลี่ยงเศษสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง
เธอเพียงแค่เลือกที่จะหลีกเลี่ยง มิเผยเจตนาว่าจะลงมือโจมตีหรืออื่นใดทั้งสิ้น
ยามนี้โทษทัณฑ์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และแม้ว่าเธอจะสามารถใช้พลังของหวนคืนไร้ลักษณ์สวนกลับไปได้โดยง่าย แต่มันคงจะดีกว่า หากเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงเอาไว้ใช้ในยามที่คับขัน
แล้วแส้ที่สามก็ฟาดตวัดลงมา
แส้นี้บดบังไปทั่วผืนฟ้า ปกคลุมไปทั่วผืนดิน มันเฆี่ยนลงใส่นางเซียนไป่ฮั่วอย่างดุดัน
ควบคู่ไปกับเศษสายฟ้าก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เก็บกวาด ส่งผลให้การโจมตีนี้ นางเซียนไป่มิอาจหลบเลี่ยงได้
มองไปยังสองมือของเธอที่ประกบเข้าหากัน แปรผันสัญลักษณ์มนตราอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นมังกรทองจู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้น มันใช้ร่างอันใหญ่ของตนโตบดบังและดูดซับทุกสิ่งอย่างที่สัมผัสโดนเข้าสู่ภายใน
มังกรทองโผล่มาออกได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และพริบตาเดียวมันก็มิอาจฝืนทนต่อไปได้ไหว ถูกทำลายลงโดยเศษสายฟ้าที่กระจัดกระจายอย่างไร้ปรานี
อย่างไรก็ตาม มังกรทองก็ได้ช่วยป้องกันการโจมตีจากทั่วบริเวณ เปิดเส้นทางหลบเร้นที่แม้จะเล็กจ้อย ทว่ามันก็ช่วยให้นางเซียนไป่ ใช้ช่องว่างนั้นวูบกายหลบหนีออกมาได้
เธอวูบหลบฉากออกมา ร่างกะพริบไหวไปๆ มาๆ อย่างใจเย็น สองตาเฝ้าจับจ้องมือที่จับกุมแส้สายฟ้า สองขาคอยหลบเลี่ยงการฟาดเฆี่ยนของมันอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่โจมตีพลาดติดต่อกันหลายครั้ง แส้สายฟ้าก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันคงมิอาจแตะต้องตัวเธอได้ จึงเลือกที่จะหยุดนิ่งกลางอากาศ
ขณะเดียวกันก็บังเกิดโทษทัณฑ์สีแดงเรืองรองกะพริบไหวภายในชั้นเมฆขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
พวกมันคอยเติมเต็มและควบรวมเข้ากับแขนที่ถือจับแส้สายฟ้าที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
แสงสีแดงควบแน่นหลอมรวมกลายเป็นอ้อมแขนของมนุษย์ที่ถือแส้สายฟ้าอันใหม่ ค่อยๆ ก่อร่างแขนแล้วแขนเล่าขึ้นในอากาศ จนครบจบที่เก้าจึงหยุดนิ่ง
เก้าแส้สายฟ้าและเก้าแขนที่คอยจับกุม ร่วมมือกันรุมฟาดเฆี่ยนโดยเล็งเป้าไปยังนางเซียนไป่ฮั่วอีกครั้ง
กู่ฉิงซานที่กำลังเฝ้ามองฉากนี้ ในหัวใจของเขาเริ่มหนักอึ้ง
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในโลกเทวะ
เหนือขึ้นไปบนยอดเขา
ปรากฏร่างของผู้ฝึกยุทธในขอบเขตประทับเทพที่กำลังนั่งอยู่ในท่วงท่าสมาธิ ล้อมกันเป็นวงกลม
ทันใดนั้น จู่ๆ พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
“ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏขึ้นมากระนั้นหรือ?” หนึ่งในนั้นเอ่ยปากกล่าว
“อา ความรู้สึกนี้มิผิดแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นสายฟ้าดับจิตเทวะน่ะ” มนุษย์อีกคนเอ่ย
“พลังอำนาจเช่นนี้ เกรงว่าน่าจะเป็นโทษทัณฑ์แห่งขอบเขตร่างเทวะ” อีกคนเอ่ย
ทั้งหมดหันมามองหน้ากันและกัน ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย
“ดูเหมือนอีกสองปราชญ์จะไม่โผล่ออกมาด้วยนะ นี่นางคิดจะก้าวข้ามโทษทัณฑ์เพียงลำพังจริงๆ หรือนี่” หนึ่งในนั้นเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ ตั้งแต่ที่เหยื่อกินเบ็ดของพวกเรา ทางเราก็สมควรเร่งแจ้งเรื่องนี้แก่สองผู้ทรงเกียรติที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ทันที” คนที่เป็นหัวหน้ากล่าว
เขายืนขึ้นและหยิบดิสก์ค่ายกลขนาดเล็กออกมา จากนั้นวางยันต์ลงบนมันและเริ่มทำการกระตุ้นพลังวิญญาณ
โดยปกติแล้วดิสก์ค่ายกลมักจะถูกเปิดใช้งานโดยศิลาวิญญาณ ทว่าหากเป็นการเชื่อมต่อระหว่างสองโลก ย่อมต้องจ่ายออกด้วยยันต์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน แม้ราคาของมันจะมหาศาล แต่หากเป็นเรื่องสำคัญ มันก็ยังพอที่จะยอมรับได้
ขณะที่กำลังถือดิสก์ค่ายกล ในสมองของเขาก็ขบคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะเอ่ยสั่ง “เจ้าจงนำผู้คนไปยังทิศทางที่เกิดทัณฑ์สวรรค์ แล้วร่วมมือกันฆ่านังผู้หญิงคนนั้นซะ”
หลายคนหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยว่า “แต่ท่านผู้ทรงเกียรติกล่าวว่า ท่านต้องการที่จะลงมือสังหารนางผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง หากไม่มีคำสั่งของท่านลงมาเป็นการส่วนตัวว่าจะปล่อยให้พวกเราลงมือเกรงว่า…”
“สมองพิการไปแล้วหรือไร! หากเจ้าสามารถสังหารนางได้ เจ้าก็จะได้รับความสำเร็จทางกองทัพ แถมในขณะเดียวกัน เจ้าก็ยังจะสามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องมาตรากตรำลำบากกับเรื่องส่วนตัวของท่านผู้ทรงเกียรติอีก ขว้างหินก้อนเดียว ทว่ากลับไปนกถึงสองตัว เหตุใดเจ้าจึงยังปฏิเสธมันอีกเล่า?”
“ขอรับ!”
“เป็นจริงดังที่ท่านว่า”
“พวกเราไปกันเถอะ!”
แล้วผู้ฝึกยุทธขอบเขตประทับเทพทั้งห้าก็ถูกโน้มน้าวโดยสมบูรณ์ ทั้งหมดประสานหนึ่งฝ่ามือหนึ่งกำปั้น กล่าวน้อมรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
…
นางเซียนไป่ฮั่วมองไปยังแขนที่ถือแส้สายฟ้าทั้งเก้ากลางเวหา มุมปากยกสูงขึ้น เอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชักจะเริ่มน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยซะแล้วซี”
“ระหว่างแส้สายฟ้านั่น กับแส้ยาวของข้า ใครจะด้อยกว่ากัน คงต้องลองทดสอบดูเสียหน่อยแล้ว”
ว่าจบ เธอก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น และทันใดนั้นแส้ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ
แม้จะเรียกมันว่าแส้ยาว แต่แท้จริงแล้วมันแลคล้ายเถาวัลย์สีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยหนามแหลมเสียมากกว่า
นางเซียนไป่ฮั่วสะบัดเถาวัลย์หนามในมือ บังเกิดเสียงหวีดแหลมกรีดอากาศที่คมชัด ฟาดทำลายไปยังแส้สายฟ้าทั้งเก้า
ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ในยามที่ต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เลือกที่จะปัดป้องอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ก็หลบเลี่ยงมันอย่างระมัดระวัง
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าบังเกิดความคิดริเริ่มที่จะโจมตีทัณฑ์สวรรค์สวนกลับไป
เผี๊ยะ เผี๊ยะ เผี๊ยะ!
บังเกิดสามเสียงที่แค่ฟังดูก็แสบร้าว เถาวัลย์หนามฟาดทำลายสามแส้สายฟ้าจนระเบิดเป็นจุณ
ทว่าทางฝั่งเถาวัลย์ของเธอ มันก็แตกสลายลงเช่นกัน หลงเหลือทิ้งไว้เพียงแค่บริเวณด้ามจับในมือที่กำลังเกาะกุมเท่านั้น
เธอถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปในเถาวัลย์
เถาวัลย์พลันเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลับคืนสู่ความยาวดั้งเดิมของมันอีกครั้ง ทว่าครานี้ หนามแหลมที่ปกคลุมมันดูเหมือนว่าจะคมยิ่งขึ้นกว่าเก่า
หกแขนและหกแส้สายฟ้าที่เหลืออยู่ร่วมมือกันเฆี่ยนตีศัตรูตรงหน้า และเป็นขณะเดียวกันกับที่นางเซียนไป่ฮั่วหวดแส้กลับหลัง ฟาดสวนกลับไป...! ไม่นานนัก เหล่าแขนและแส้สายฟ้าทั้งหมดก็กระเจิงไปทั่วชั้นอากาศ สลายหายไปอย่างช้าๆ
ชั้นอากาศถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงกระจัดกระจาย ทว่าขณะเดียวกันแสงสีแดงก็ยังคงทยอยออกมาจากชั้นเมฆ ทวีจำนวนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มควบรวมก่อตัวกันขึ้นอีกระลอก
เมื่อนางเซียนไป่ฮั่วเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง เธอก็ต้องพบกับอาวุธสายฟ้า ที่ถูกเกาะกุมอยู่ในมือของแขนสายฟ้าทั้งสิบแปดแขน!
แรกเริ่ม จากหนึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเก้า ต่อมาจากเก้าเพิ่มขึ้นเป็นสิบแปด...นี่มันมากยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าทวี!
ไม่มัวเสียเวลารอให้นางเซียนไป่ฮั่วได้พักหายใจ พวกมันทั้งหมดดิ่งลงมา และโบกแส้ยาวลงเฆี่ยนตีเป้าหมายอย่างไร้ความปรานี!
เวลานี้ ในที่สุดนางเซียนไป่ฮั่วก็จำต้องมุ่งสมาธิทั้งหมดเข้าตอบโต้การโจมตีของอีกฝ่าย
มองเห็นแค่เพียงเงาวูบไหวของหนึ่งมนุษย์ สลับกับแสงสายฟ้าเปรี้ยงปร้างนัลไม่ถ้วน ตามด้วยเสียงสนั่นดั่งกระสุนปืนใหญ่ ไล่ล่าฟาดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง
บ่อยครั้งที่มีสายฟ้าดับจิตเทวะเล็ดรอดออกมาจากบริเวณต่อสู้ และลอยพุ่งตรงมาทางกู่ฉิงซานกับเกราะรบเพลิงคำรน
อย่างไรก็ตาม ทัณฑ์สวรรค์มิทันได้โฉบเข้ามาเบื้องหน้าพวกเขา มันก็พลันเหือดหายไปอย่างรวดเร็วเสียอย่างนั้น?
นั่นเพราะพวกมันจะไม่คิดลงมือกับมนุษย์ที่ยืนอยู่ไกลห่างจากอาณาเขตโทษทัณฑ์พอสมควร นี่คือวิถีสวรรค์ที่ไม่คิดจะส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
ทันใดนั้นเกราะรบเพลิงคำรนก็วูบไหว มันส่งเสียงไปทางกู่ฉิงซาน “ด้านนอก มีคนกำลังมา”
ในหัวใจของกู่ฉิงซานพลันหนักอึ้ง เขาถ่ายทอดความคิดออกไป “เป็นตัวตนในขอบเขตใดกัน เจี้ยนไห่สามารถรับมือกับมันได้หรือไม่?”
“ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก เขาคือผู้ฝึกยุทธในขอบเขตประทับเทพ ข้าสามารถควบคุมเจี้ยนไห่จากระยะไกล แล้วทำลายเขาลงได้”
กู่ฉิงซานพอได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอก
หนึ่งคนหนึ่งเกราะมิกล้าเปล่งเสียงดัง เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการยกระดับของนางเซียนไป่ฮั่วที่อยู่เบื้องล่าง
ชีวิตและความตายของทั้งสองโลกนั้นเชื่อมโยงขึ้นอยู่กับเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน
นางเซียนไป่ฮั่วที่สู้ไปหลบไป ในที่สุดก็วูบกายไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว และฟาด! เถาวัลย์หนามในมือตนทำลายอาวุธสายฟ้าชิ้นสุดท้ายลงจนสิ้น
ความว่างเปล่าโดยรอบกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
นางเซียนไป่ฮั่วหอบหายใจเล็กน้อย ค่อยๆ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หยดย้อยบนหน้าผากเธอ
เกราะรบเพลิงคำรนที่อยู่ไกลออกไปเปล่งเสียงออกมา “ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดกำลังมาถึงแล้ว จงระมัดระวังตัวให้ดี”
นางเซียนไป่ฮั่วพยักหน้าเล็กน้อย
แน่นอน หลังจากผ่านพ้นไปเพียงห้าลมหายใจ โทษทัณฑ์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้มันกลับมิใช่ทัณฑ์สายฟ้าอีกต่อไป
แต่ดันบังเกิดสายลมกรรโชกแรงขึ้นมาแทนที่
สายลมพัดกระชากขึ้นจากพื้นดิน และทะยานขึ้นไปในอากาศ ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วบริเวณ
นี่คือสายลมที่มิอาจหลบเลี่ยงได้ ผู้ฝึกยุทธจะสามารถทำได้แค่เพียงต้านทานมันด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น
‘ทัณฑ์สายลม’ ได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว!
กลิ่นอายอันทรงพลังนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในสายลม ไม่ว่าจะเป็น
มารสวรรค์ ผีที่หิวโหย อาชูร่า มารใต้พิภพ และแม้กระทั่งการดำรงอยู่ของตัวตนที่แปลกประหลาดทุกประเภท
พวกมันซ่อนตัวอยู่ในสายลม คอยเฝ้ามองนางเซียนไป่ฮั่วอย่างเงียบๆ
นางเซียนไป่ฮั่วหันไปมองรอบๆ และค้นพบว่าตนเองมิอาจมองเห็นใบหน้าของพวกมันได้อย่างชัดเจน แต่กลับสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันคุกรุ่นของพวกมัน
สายลมเริ่มวูบไหว
กองกำลังมารที่ซ่อนตัวอยู่ในสายลม เตรียมที่จะระเบิดการโจมตีอันร้ายแรงเข้าใส่นางเซียนไป่ฮั่ว
ทันใดนั้นเกราะรบเพลิงคำรนก็กล่าวขึ้น “ทัณฑ์สายลมบางครั้งก็ทำร้ายผู้คนที่อยู่ภายนอกอาณาเขต ข้าจะพาศิษย์ของเจ้าออกไปยังเจี้ยนไห่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงมันก็แล้วกัน”
นางเซียนไป่ฮั่วยังคงสอดส่ายสายตาไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง ปากเอ่ยกล่าว “คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
เกราะรบเพลิงคำรนนำพากู่ฉิงซานบินขึ้นไปในเจี้ยนไห่ และสักพักก็มิอาจเห็นร่างของเขาได้อีกเลย
นางเซียนไป่ฮั่วกลับมาโล่งใจ สมาธิทั้งหมดของเธอหันไปจดจ่ออยู่กับเหล่าโทษทัณฑ์โดยรอบอีกครั้ง
และในตอนนั้นเอง ใบมีดสายลมที่แม้จะบางเบาทว่าคมกริบก็วาดผ่านกระแสลม พุ่งตรงเข้าไปยังตำแหน่งหัวใจของเธอ
เผี๊ยะ!
นางเซียนไป่ฮั่วสะบัดเถาวัลย์ในมือ และมีดสายลมก็สลายกระเจิงออกไป
เมื่อใบมีดสายลมไม่ได้ผล ครานี้ รอบกายเธอก็เริ่มปรากฏหอกสายลมนับร้อย และพวกมันทั้งหมดลอยล่องในอากาศจัดสมดุลตัวเองและ...จ้วงแทงลงไป!
ร่างของนางเซียนไป่ฮั่วกะพริบไหวอีกครา ทั้งคนทั้งร่างหายวับไปจากในตำแหน่งเดิม
สกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
ร่างของนางเซียนไป่ปรากฏขึ้นอีกครั้งในมุมหนึ่ง แม้จะสามารถหลบเร้นคมหอกสายลมได้อย่างง่ายดาย ท่าวยามที่ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เธอกลับสัมผัสได้ถึงสายลมอันบางเบาเบื้องหน้า พร้อมด้วยหญิงงามล่มเมืองที่ผุดออกมาจากความว่างเปล่า
“สวัสดีน้องสาว มันจะดีกว่าไหมหากเจ้ามาร่วมเดินทางไปยังโลกแห่งมารสวรรค์กับข้า คอยเพลิดเพลินไปกับความสุขสมที่จะได้รับ ดีกว่าต้องมาทานทนก้าวข้ามผ่านทัณฑ์สายลมเช่นนี้?” หญิงงามยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้ม หมายจะคว้าจับลงบนร่างของนางเซียน…
........................................