webnovel

0191 ยกระดับ

ตอนที่ 191 ยกระดับ

ผ่านไปสักพัก ภายในห้องของเหลียวฮังก็มีเสียงร้องไห้ของเด็กๆ หลายคนดังลอดออกมา

“ฟังสิ ดูเหมือนว่าลูกๆ ของเขาจะเริ่มงอแงอีกแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงต้องเปิดวิดีโอปลุกอารมณ์ ก่อนจะมีอะไรๆ กับภรรยา” เย่เฟย์หยูกล่าว

“นายคิดว่าเขามีลูกกี่คนแล้วล่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่า ในหลายปีที่ผ่านมา ภรรยาของเขา นอกจากช่วงเวลาทำเสียงกระเส่าแล้ว เกือบตลอดเวลาที่เหลือก็วุ่นอยู่กับการร้องเพลงกล่อมเด็กที่มักจะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดให้นอนหลับลง” กู่ฉิงซานกล่าวเห็นด้วย

“หยุดพูดเรื่องเขากันดีกว่า เปลี่ยนเรื่องกัน ในช่วงสองวันมานี้นายรู้สึกอย่างไรบ้าง?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

เย่เฟย์หยูเอียงคอ คิดไตร่ตรองแล้วกล่าว “ก็อิ่มเอมไปกับอาหารและสุรา สู้กับตัวตนที่แข็งแกร่งแต่สุดท้ายก็ฆ่าได้ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ฉันจะรู้สึกดียิ่งกว่าถ้าเทียบกับช่วงแรกเริ่มวันสิ้นโลกล่ะมั้ง”

“เทพธิดากงเจิ้งกำลังทำการค้นหาเป้าหมายใหม่สำหรับนาย” กู่ฉิงซานกล่าว “เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ยังไม่เริ่มต้น จนกว่าจะถึงช่วงเย็นวันถัดไป ในระหว่างนั้นนายก็ใช้เวลาที่เหลือพักผ่อนก่อนเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้น ช่วงที่ยังว่างๆ ฉันขอเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวไปปั่นแรงค์ก่อนก็แล้วกัน” เย่เฟย์หยูพยักหน้า

เขาเหยียดแขนขา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา ปากเอ่ยงึมงำ “ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองก็กลายเป็นคนปกติไปแล้ว”

ไม่นานนัก จอม่านแสงก็ฉายออกไปบนผนังตรงข้ามโซฟา

เกมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

กู่ฉิงซานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาค่อยๆ ยกสุราที่เหลืออยู่อีกครึ่งขวดขึ้นมาดื่ม สักพักจึงลุกออกไป

เขาออกจากห้อง ออกจากวิลล่า สองเท้าก้าวเดินมุ่งตรงไปยังยอดเขา

หลังจากที่พบสถานที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่าน กู่ฉิงซานก็ตบลงไปในถุงสัมภาระ และหยิบดิสก์ค่ายกลออกมา

เขาถ่ายเทพลังวิญญาณลงไป สองมือตบลงบนดิสก์ค่ายกลเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง

สองชุด ‘พรายกระซิบ’ ถูกวางซ้อนทับกัน และยอดเขาทั้งลูกก็อยู่ในอาณาเขตแจ้งเตือนของกู่ฉิงซาน

นี่คือค่ายกลเดียวที่เขามี และมันมีประโยชน์มากสำหรับการเฝ้าระวังและเตือนภัยล่วงหน้า

หลังจากค่ายกลถูกจัดวางเสร็จสมบูรณ์ กู่ฉิงซานก็เก็บดิสก์ค่ายกลกลับคืนและกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง”

“ฉันอยู่นี่” สมองควอนตัมสาดแสงสว่าง

“ช่วยเฝ้าระวังรอบๆ บริเวณนี้ที อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้ที่นี่”

“รับทราบแล้ว”

กู่ฉิงซานหยิบเบาะรองนั่งออกมา และทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิ

แผ่นหยกที่ได้รับมาจากนางเซียนไป่ฮั่วถูกหยิบออกมา พร้อมกับเส้นแสงหิ่งห้อยที่เด้งขึ้นมาบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ค้นพบเทคนิคฝึกยุทธขั้นก่อตั้ง เทคนิคลับรังสรรค์แก่นแท้แห่งปราชญ์ร้อยบุปผา”

“ขอบเขตฝึกยุทธของคุณในปัจจุบัน ระดับก่อตั้งขั้นปลาย”

“ต้องการจ่ายห้าสิบแต้มพลังวิญญาณ เพื่อทำการเรียนรู้ เทคนิคลับรังสรรค์แก่นแท้แห่งปราชญ์ร้อยบุปผา (ระดับก่อตั้งขั้นสูงสุด) หรือไม่”

“ท่านต้องการเลือกที่จะเรียนรู้ตอนนี้เลยหรือไม่?”

“เรียนรู้”

“การเรียนรู้เสร็จสมบูรณ์ แต้มพลังวิญญาณคงเหลือสองร้อยยี่สิบแต้ม”

กระแสไอร้อนอันอบอุ่นไหลบ่าออกมาจากแผ่นหยก ถ่ายเทผ่านเข้าไปยังฝ่ามือของกู่ฉิงซาน

กระแสไอร้อนวิ่งผ่านฝ่ามือของเขา ไหลไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจนกระทั่งไปถึงทะเลแห่งห้วงสติ และจู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพและสัมผัสต่างๆ มากมาย

ทันใดนั้น กู่ฉิงซานก็ล่วงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับระดับก่อตั้งขั้นสูงสุด

จากช่วงก่อตั้งขั้นปลายมายังก่อตั้งขั้นสูงสุด ในความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มพูนขึ้นของการตระหนักและเข้าใจในขอบเขต ขณะเดียวกันก็เป็นการตระหนักและเข้าใจในกฎของฟ้าดิน

ในทางกลับกัน ขั้นตอนนี้นับว่าเป็นเหมือนดั่งการทดสอบกลายๆ ของพรสวรรค์และความรอบรู้ของผู้ฝึกยุทธ

บางคนฝึกยุทธมาโดยตลอด แต่พวกเขามักจะติดอยู่ในขั้นนี้เป็นเวลาหลายเดือน หรือบางคนอาจถึงขั้นหนึ่งถึงสองปี

แต่สำหรับ ‘วิชายุทธเทพสงคราม’ เรื่องติดขัดอะไรนั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นอันขาด

กู่ฉิงซานตบลงบนถุงสัมภาระ หยิบเอาเม็ดยาฟื้นฟูพลังวิญญาณที่มีรูปทรงเหมือนเมล็ดข้าวออกมา แล้วโยนเข้าไปในปาก

หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆ หลับตาลงและเริ่มการทะลวงด่านอย่างเป็นทางการ

ค่ำคืนผ่านพ้นไป

ท้องฟ้าสีสันสดใสทอประกาย ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า บัดนี้เริ่มถูกแสงแห่งรุ่งอรุณเข้ามาแทนที่ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่านตัวของเขาไปอย่างอ่อนโยน

กู่ฉิงซานไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลยจนกระทั่งแสงแรกสาดกระทบลงบนใบหน้าของเขา แผ่ความอบอุ่นลงมา

ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและหันไปมองรอบๆ

ในวิสัยทัศน์ของเขา มันเปล่งประกายเป็นเส้นแสงสีจางๆ ราวกับแสงจากสรวงสวรรค์ สาดออกไปตามทิศทางสายตาของเขาที่จ้องมองออกไป

นี่คือสัญญาณของการบรรลุระดับก่อตั้งขั้นสูงสุด

กู่ฉิงซานคว้าดาบพิภพออกมาอย่างดุดัน กระโจนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่ายรำด้วยหนึ่งในชุดเทคนิคดาบ เมฆาหลาก

ร่างของเขาแลคล้ายวิหคที่ที่โผบินได้อย่างอิสระ ดั่งปลาที่แหวกว่ายในธารน้ำอย่างเสรี ทุกท่วงท่าเป็นไปด้วยจังหวะและจิตวิญญาณธรรมชาติ

‘เมฆาหลาก’ เป็นหนึ่งในชุดเทคนิคดาบที่ดีที่สุดในการใช้ต่อสู้บนท้องฟ้า แต่ตัวเขาในตอนนี้ยังคงใช้มันได้แค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

รัศมีดาบปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดในกลางอากาศ มันหมุนวนไปมา และระเบิดออกบ้างเป็นครั้งคราว

หากมองจากระยะไกล จะเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งถือดาบยาวในมือ กวัดแกว่งร่ายรำคล้ายดั่งทวยเทพ

ขอบเขตก่อตั้งขั้นสูงสุดจะสามารถเหินอากาศได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทว่าการที่กู่ฉิงซานสามารถเหินอากาศได้นานขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชุดเทคนิคดาบ เมฆาหลาก

อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการที่จะเหินอากาศ โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เหยียบย่ำลงบนผืนเมฆได้อย่างแท้จริง เขาจะต้องทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นทองคำให้ได้เสียก่อน

หลังจากที่กู่ฉิงซานร่ายรำชุดเทคนิคดาบนี้จนครบกระบวนท่า ตัวเขาก็ค่อยๆ ร่อนลงบนพื้นดิน

หลังจากที่ใช้แต้มพลังวิญญาณอัพเลเวลขึ้น ภายในร่างกายของเขาก็เอ่อล้นเติมเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดถูกชะล้างออก กู่ฉิงซานในเวลานี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

เขามองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม แต่กลับไม่พบถึงการแจ้งเตือนของ ‘วิชายุทธเทพสงคราม’ แล้ว

นี่แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถใช้ วิชายุทธเทพสงคราม เพื่อทำการเรียนรู้เทคนิคฝึกยุทธเท่านั้น

“เอาล่ะ ขั้นต่อไปก็คือแก่นทองคำ…” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ

มีคำกล่าวที่ว่า “มังกรกลืนกินแก่นทองคำเข้าไปในท้องของตน และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มันรู้ตัวว่า ตนนั้นเหินบินบนท้องฟ้าได้” ผู้ฝึกยุทธขั้นแก่นทองคำจึงนับว่าเป็นกำลังหลักในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ กำลังรบของมัน เปรียบดั่งเส้นแบ่งที่มิอาจนำขอบเขตปราณปรับแต่งและขอบเขตก่อตั้งมาเทียบเปรียบได้เลย

นี่คือเหตุผลที่ในช่วงเวลาที่เขากำลังสืบหาเบาะแสการก่อกบฏของอสูรวิญญาณ เขาจึงได้เชื้อเชิญเหลิงเทียนสิงให้ไปกับตนเองด้วย

ทันใดนั้นเอง หน้าต่างระบบเทพสงคราม ในส่วนของ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์เทพสงคราม’ ก็ค่อยๆ หมุนวนอย่างช้าๆ

กู่ฉิงซานเฝ้ามองมันอย่างตั้งใจ แล้วก็เห็นเส้นแสงหิ่งห้อยสามบรรทัดเด้งออกมาจาก ‘พลังศักดิ์สิทธิ์เทพสงคราม’

“ตรวจพบว่าผู้เล่นได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อตั้งขั้นสูงสุด”

“พลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง พร้อมทำการสกัดแล้ว”

กระทั่งกู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านเส้นแสงหิ่งห้อยจนเสร็จสิ้น พวกมันก็สลายหายไปทันที

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม วงแหวนขนาดใหญ่และเล็กค่อยๆ ปรากฏขึ้น วงแหวนขนาดใหญ่อยู่ด้านบน วงเล็กอยู่ด้านล่าง ทั้งสองวงแหวนค่อยๆ หมุนวนอย่างช้าๆ

ในใจกลางของวงแหวนขนาดเล็ก ปรากฏตัวอักษรที่ลอยล่องแลดูคล้ายหงส์ร่อนมังกรรำ เขียนเอาไว้ว่า ‘ทัณฑ์ปีศาจ’

ทว่าตัวอักษรที่อยู่ใจกลางวงแหวนขนาดใหญ่ กลับถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทา ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะทำเช่นไร ก็ไม่อาจอ่านมันได้

ติ๊ง!

จู่ๆ ก็ปรากฏเส้นแสงที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่เด้งขึ้นมาใจกลางหน้าต่างระบบ

“ร้องขอให้ผู้เล่นบรรลุภารกิจ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง’ เพื่อปลดล็อกภารกิจในการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์”

มองไปยังเส้นแสงที่สลักไว้ด้วยตัวอักษรแจ้งเตือนนี้ กู่ฉิงซานก็กระจ่างขึ้นมาในทันใด

ทุกครั้งที่ผู้ฝึกยุทธก้าวข้ามขอบเขตใหญ่ มันจะมีโอกาสที่พวกเขาจะได้ตระหนักถึงกฎแห่งฟ้าดิน และกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นขึ้นมา

และพลังศักดิ์สิทธิ์ถูกกระตุ้น ก็ยังเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง

ขั้นสูงที่ว่านี้ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ โดยทั่วไปแล้วเชื่อกันว่า ยิ่งใช้งานและตระหนักถึงแก่นแท้ พลังศักดิ์สิทธิ์ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงได้ง่ายดายขึ้นเท่านั้น

หลังจากที่ทะลวงขอบเขตก่อตั้งขั้นต้น กลาง ปลาย และสูงสุด ‘ทัณฑ์ปีศาจ’ ของกู่ฉิงซานก็จะได้พัฒนาไปเป็นขั้นสูงเสียที

เมื่อเขาสามารถพัฒนา ‘ทัณฑ์ปีศาจ’ จนเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการในขั้นต่อไป ทะลวงด่านขอบเขตเข้าสู่แก่นทองคำ เพื่อทำการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์สกิลใหม่

การสกัดสกิลใหม่ของพลังศักดิ์สิทธิ์ มิอาจเอาแน่เอานอนได้ เพราะประเภทของพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากมายเหลือคณา ยากเกินกว่าที่จะคาดคำนวณได้

ยกตัวอย่างเช่นเพียงแค่เทคนิคเทียนซวนอย่างเดียว ที่มนุษย์ได้ค้นพบและทำการบันทึกทางสถิติเอาไว้ มันก็ปาเข้าไปกว่าเจ็ดหมื่นชนิดแล้ว มันมีทั้งสกิลที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย มีทั้งสกิลที่คล้ายคลึงจนอาจเรียกได้เลยว่าเป็นสกิลเดียวกันเลยด้วยซ้ำ ส่วนสกิลของพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นคงไม่ต้องกล่าวถึง เนื่องจากผู้ที่ครอบครองมันจำนวนมากมิยินยอมที่จะเปิดเผยถึงรายละเอียดความสามารถของตน จึงทำให้มันยากต่อการเก็บข้อมูล และไม่ค่อยได้ถูกบันทึกเอาไว้

นอกจากนี้ยังมีพลังของหวนคืนไร้ลักษณ์ ที่ควบรวมไปด้วยเทคนิคประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หมัด ฝ่ามือ เท้า ท่าร่าง รวมไปถึงสกิลกำลังภายนอกและภายในอีกหลากหลายประเภท

แค่พลังฝ่ามือเพียงอย่างเดียว ก็มีทั้ง ฝ่ามือกระเรียน พยัคฆ์ มังกร ช้าง เสือดาว งู เมฆา บุปผา ขุนเขา เจ็ดดาว แปดทำนาย เก้าวิถี และสิบแปดฝ่ามืออรหันต์ ยี่สิบสี่ทลายชีวิต สามสิบหก เจ็ดสิบสอง…มากมายนับไม่ถ้วน

เพลงหมัด เพลงเตะ ท่าร่าง กำลังภายในและภายนอกบางทีอาจจะมียิ่งกว่านี้ ไม่น้อยไปกว่าเพลงฝ่ามือเลย

ในทางตรงกันข้าม ธาตุทั้งห้ากลับเป็นสิ่งที่ง่ายดายที่สุด มันมีเพียง ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า แสง ความมืด และเสียงเท่านั้น

ดังนั้น อะไรอย่างการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่อาจคาดคำนวณได้ จำต้องอาศัยเพียงแค่การเสี่ยงโชคเท่านั้น

อย่างมากที่สุดหน้าต่างระบบเทพสงครามคงทำได้เพียงเพิ่มทางเลือกให้เขา ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่เขาจะได้รับสกิลที่แข็งแกร่ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์ประเภทใดที่จะโผล่มาให้เขาเลือก คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ไม่มีทางคาดเดาใจระบบได้เลย

กู่ฉิงซานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปคลิก ‘ทัณฑ์ปีศาจ’

บนวงแหวนปรากฏร่องโลหะสามช่องโผล่ออกมาจากแหวน

พร้อมกับเส้นแสงหิ่งห้อยที่บันทึกคำอธิบายของมันผุดตามขึ้นมาทันที

“กรุณาใส่ยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋า ยากระตุ้นกระบวนการธาตุทั้งห้า และยาปลุกเทคนิคเทียนซวน ทั้งสามยาที่มีความบริสุทธิ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ลงในช่องโลหะตามลำดับ เพื่อทำการพัฒนา ‘ทัณฑ์ปีศาจ’ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เมื่อมองไปยังเส้นแสงตัวอักษรเล็กๆ เหล่านี้ สองคิ้วของกู่ฉิงซานก็ค่อยๆ ย่นจนแนบชิดติดกัน

............................................................