เช้าวันใหม่มาเยือนด้วยเสียงฮือฮาของนักเรียนเผ่ามนุษย์ที่กำลังรอเข้าห้องเรียน ในมือทุกคนมีหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษที่ตีพิมพ์เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวด้วยอักษรตัวใหญ่โตว่า 'ใครฆ่าแอชลีย์ วอลเกอร์' ข่าวใครฆ่าแอคเคอร์ลีย์ยังไม่ทันจางหาย ข่าวใหม่กลับเกิดขึ้นมา และแพร่สะพัดรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม เพราะสมาชิกครอบครัววอลเกอร์ต่างเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาโดยที่จับตัวฆาตกรไม่ได้ ในตอนนี้จึงเหลือเพียงคุณนายวอลเกอร์เท่านั้นที่เป็นสมาชิกครอบครัวและผู้ต้องสงสัยในเวลาเดียวกัน
"เฮ้..พวกนายได้ข่าวกันแล้วใช่ไหม แอชลีย์ตายแล้ว ศพของเขาถูกพัดไปที่ชายทะเลเฮซเซล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโฮซูเร่ ตรงอกข้างซ้ายมีมีดปักตรงขั้วหัวใจพอดิบพอดี" เวอร์นีย์สรุปข่าวให้ฟังขณะเดินหลบหลีกนักเรียนคนอื่นที่เอาแต่สนใจข่าวไม่แม้แต่จะมองทางเดิน
"พวกเราคิดว่านี่คือการฆาตกรรมแน่นอน" เวอร์นอนเอ่ยข้อสันนิษฐานที่คิดมาตั้งแต่เช้ากับแฝดผู้พี่ "ตอนนี้ผลการเก็บหลักฐานจากที่เกิดเหตุบ่งบอกว่าฆาตกรน่าจะฆ่าเขาก่อนจะนำศพมาโยนลงทะเล และจากสภาพศพน่าจะเสียชีวิตมาแล้ว 3 - 4 ชั่วโมงก่อนหน้าจะพัดเข้ามาที่ริมชายหาด" เวอร์นอนเอ่ยต่อจากแฝดผู้พี่
"แล้วอะไรคือสาเหตุในการฆ่า" เอลีนเอ่ย เขามองไม่ออกเลยว่าอะไรคือสาเหตุ ผลประโยชน์ ? ชู้สาว ? แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือไม่ใช่ฝีมือโคโกะ เพราะเมื่อคืนก่อนเขาออกไปฝึกที่ฟอนตานา เขาเห็นว่าโคโกะหลับสนิทอยู่บนเตียง อีกอย่างสถานที่พบศพคือทะเลบริเวณโฮซูเร่ ไม่มีทางที่จะไปกลับเมืองโฮซูเร่โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ต่อให้จะใช้สัตว์พาหนะที่เร็วอย่างไทเกอร่าหรือวูแฟง เพราะตอนเขากลับมาร่างบางก็ยังคงนอนอยู่ หากเป็นฆาตกร คงเป็นฆาตกรที่มีเวลาในการลงมือสั้นมาก
"เวอร์นีย์จำที่โคโกะเดาบันทึกโดยคุณนายวอลเกอร์ โคโกะคิดว่าบางทีคุณนายวอลเกอร์อาจจะรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างจากการตายของแอคเคอร์ลีย์ ลองคิดตามดูนะ..ที่นี่เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบสังคมแห่งสันติสุขตามพันธะสัญญา แต่กลับมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น และเกิดขึ้นกับลูกชายตัวเองโดยที่อาวุธมีส่วนประกอบของอัญมณีอัคคี คุณนายต้องคิดแล้วว่าตระกูลที่สามารถหาอัญมณีอัคคีระดับเผาลูกชายตัวเองจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านได้คงมีแต่ตระกูลที่รู้จักอัญมณีเป็นอย่างดี" โคโกะเอ่ยข้อสันนิษฐานที่เขาเสกสรรปั้นแต่งทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาได้อัญมณีอัคคีเป็นของขวัญจากคุณลุงทีมสังเกตการณ์เดียวกับคุณพ่อ ได้ธนูที่ทำจากเงินจากเพื่อนมือปราบมนุษย์หมาป่าของคุณแม่ที่อยู่ประเทศฟรองซัวร์ แต่ใครจะพูดออกไปกันล่ะว่าตัวเองเป็นคนทำ ถ้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว เพราะจะโดนหมายหัวจากฝั่งมนุษย์และฝั่งแวมไพร์
"นายหมายถึงตระกูลคอลลินและตระกูลอันโดะงั้นเหรอ" เวอร์นีย์เอ่ยหลังจากคิดตามคำพูดของโคโกะ
"จริงสิ..พวกรุ่นพี่เล่ากันมาว่าก่อนตายแอคเคอร์ลีย์ตกหลุมรักผู้หญิงคนนึงอยู่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นมนุษย์ เขาที่อยากปกปิดสถานะแวมไพร์ของตัวเองจึงอดเลือดมา 3 เดือน" เวอร์นอนเอ่ยพร้อมกับกางหนังสือพิมพ์ออกให้ทุกคนดู นิ้วเรียวชี้ไปยังภาพของเด็กสาวในชุดราตรีลากยาวกับพื้น ผมดัดลอนสวยงาม
"ผู้หญิงที่แอคเคอร์ลีย์ตกหลุมรักเป็นหลานสาวของขุนนางคนสนิทกษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 ฉันว่านะเขาต้องกลัวว่าทางบ้านของผู้หญิงจะรับไม่ได้ที่เขาเป็นแวมไพร์ที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน ถึงแม้ว่าเราจะมีพันธะสัญญา แต่ไม่ได้แปลว่ากระแสความเกลียดชังจะน้อยลง ช่วงเวลาที่กษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 ขึ้นครองราชย์เป็นช่วงที่พันธะสัญญาไม่เรียบร้อยดี ไหนจะตัวเขาและคนรอบตัวที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ต้องคอยหวาดระแวงอีก 3 เผ่าพันธุ์ ความคิดเรื่องสันติสุขน่ะเป็นเรื่องที่ถูกบีบบังคับให้ยอมรับ เพราะฉะนั้นคุณตาของเธอคนนี้คงจะเป็นกรณีคล้ายคลึงกับกษัตริย์อาเดลลี่ที่ 9 หัวโบราณและหวาดระแวง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาเคยไปเดทกันรึเปล่า แต่ดูจากทรงแล้ว คงเป็นรักข้างเดียวมากกว่า" เวอร์นีย์เอ่ยอธิบายร่ายยาวถึงพื้นเพที่สอดคล้องกับเหตุผลที่ทำให้แอคเคอร์ลีย์ตัดสินใจอดเลือด
"แล้วกรณีของนายแอชลีย์ละ" เอลีนเอ่ยถามต่อด้วยความสนใจ เขาเริ่มรู้สึกสนุกกับการคิดตามข้อมูลที่ได้มาจากเพื่อน ๆ ราวกับว่าตัวเองอยู่ในภาพยนตร์สืบสวนสอบสวน
"โคโกะคิดว่านายแอชลีย์น่าจะเป็นเรื่องของพินัยกรรม" โคโกะเอ่ยตอบ "เมื่อแอคเคอร์ลีย์และแอชลีย์ตายไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะตกไปที่คุณนาย 100% จากตอนแรกอาจจะนำเงินไปใช้ชีวิตกับลูกชาย ในตอนนี้คุณนายถูกบีบให้เอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป ในตอนนี้เธอต้องของพวกนั้นวิ่งหนีไปด้วย และอาจจะหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง บางทีตอนนี้เธออาจจะกำลังถูกตระกูลคอลลินไล่ล่าหาตัวอยู่ก็เป็นได้ โคโกะคิดว่าคุณนายคงจะพยายามทำทุกอย่างที่จะเปลี่ยนทรัพย์สมบัติให้กลายเป็นเงินในจำนวนเยอะที่สุดเพื่อง่ายต่อการหลบหนี"
"แต่ฉันว่าคุณนายไม่หนีหรอกนะ และไม่ขายทรัพย์สมบัติด้วย" เอลีนเอ่ยขึ้น "ถ้าหนีไป มีโอกาสถูกพบร่องรอยใช่ไหมล่ะ อีกอย่างถ้าปล่อยทรัพย์สินขาย ยิ่งมีความเสี่ยงเรื่องเส้นทางการเงิน ยิ่งตอนนี้กำลังงัดกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลคอลลิน ฉันคิดว่าเธอน่าจะ.."
"น่าจะอะไรอย่างนั้นเหรอ.." น้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำของใครบางคนเอ่ยถามมาจากด้านหลัง
เอลีนสบตากับบุคคลด้านหลังผู้มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเขา ดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายกดดันเขาให้ตอบคำถาม แต่มีหรือว่าเอลีนคนนี้จะยอมพูดอะไรง่าย ๆ ให้เพื่อนกลายเป็นเป้านิ่งโดนโจมตี
"ไม่มีอะไรหรอกครับ พวกเราไม่ได้คุยเรื่องตระกูลของรุ่นพี่สักหน่อย" โคโกะเอ่ยตอบแทนเอลีนที่หน้าซีดเผือด
"แต่ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าเธอพูดถึงคุณนายวอลเกอร์และตระกูลคอลลิน" คาซึฮะเอ่ยพร้อมกับส่งสายตากดดันไปยังโคโกะ
"พวกเราแค่พูดถึงคดีฆาตกรรมของตระกูลวออลเกอร์เท่านั้นเอง และต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับที่ผู้ติดตามของรุ่นพี่เสียชีวิต" โคโกะเอ่ยกลับอย่างไม่หวาดกลัวในสายตาคู่นั้น
"พวกเรากำลังหาตัวฆาตกรอยู่ คิดว่าเร็ววันนี้คงจะจับหางได้" คาซึฮะเอ่ยพลางเพ่งพิจมองร่างบางอีกครั้ง ไม่มีทางหรอก..ต่อให้เป็นลูกของผู้สังเกตการณ์ คงไม่กล้าบ้าบิ่นฆ่าแวมไพร์ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็กระทบกับงานของครอบครัว
"ขอให้งานราบรื่นนะครับ ถ้ามีอะไรให้ทางเบลินดาช่วย พวกเรายินดีเสมอ" โคโกะเอ่ยก่อนจะยิ้มหวานปานน้ำผึ้งแต่ปราศจากความจริงใจให้กับคาซึฮะ "จะว่าไปที่นี่เป็นปราสาทเขตตะวันออกของเผ่ามนุษย์ ไม่ทราบว่าเวลานี้แวมไพร์มีธุระอะไรถึงต้องกับดั้นด้นมา"
"พวกเราแค่จะมาพบอาจารย์ใหญ่ เขาอยู่ที่เขตตะวันออกไม่ใช่รึไง" คาซึฮะเอ่ยถามย้ำหวังจะกวนประสาทอีกฝ่ายให้โมโห ทว่าโคโกะกลับใจเย็นผิดคาด
"ที่แท้มีธุระนี่เอง หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยนะครับ" โคโกะเอ่ยอย่างใจเย็น เขาเดินควงแขนกับเอลีนเดินไปตามระเบียงเพื่อเข้าเรียนวิชาเวทมนตร์ป้องกันตัวจากแวมไพร์เบื้องต้น
.
.
- ห้องเล่นแร่แปรธาตุ -
ห้องเล่นแร่แปรธาตุเป็นห้องที่ก่อสร้างเป็นพิเศษเพื่อรองรับการฝึกการเล่นแร่แปรธาตุภายในคาบ ผนังห้องทำจากอิฐเคลือบด้วยเวทมนตร์ชนิทพิเศษป้องกันไม่ให้พลังเวทออกไปรบกวนภายนอกได้ นอกจากระบบป้องกันเวทมนตร์รั่วไหลแล้วนั้น ห้องนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยดีที่สุดอีกที่นึงก็ว่าได้ เพราะเป็นสถานที่เก็บอัญมณีเวทมนตร์ทั้ง 7 ธาตุและแร่ธาตุอีก 3 แร่ รวมไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์อีกหลากหลายชนิท ห้องนี้จึงมีระบบป้องกันที่ซับซ้อนและต้องผ่านด่านหลายขั้น ต้องได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการ จะอย่างกรายเข้ามาเล่น ๆ นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย
มาสเตอร์ที่รับผิดชอบวิชานี้คือมาสเตอร์ไมเคิล มิฟุเนะ เป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมของเขาถักเป็นเปียยาวถึงกลางหลัง ทำไฮไลท์สีฟ้าน้ำทะเล แต่งหน้าด้วยโทนสีฟ้าเข้ากับสีผม แต่ถึงแม้จะรูปงามแค่ไหน เขาก็มีคนรักอยู่แล้ว นั่นคือมาสเตอร์หนุ่มรูปงามไม่แพ้กัน ผู้รับผิดชอบวิชาที่ห้อง 4 จะได้เรียนในวันพรุ่งนี้..ศาสตร์การควบคุมสัตว์วิเศษ โดยมาสเตอร์อิพาเซร่า โทโคเมะ
"สวัสดีเด็ก ๆ ห้อง 4 ยินดีต้อนรับสู่วิชาเล่นแร่แปรธาตุ วิชานี้พวกเธอจะได้รู้จักการเล่นแร่แปรธาตุเบื้องต้นเพื่อป้องกันตัวเองจากแวมไพร์ ก่อนที่จะเรียนวิชานี้ ต้องขอบอกว่าครูไม่ชอบนักเรียนที่เนื้อตัวไม่สะอาดและแต่งตัวไม่เรียบร้อย เพราะฉะนั้นก่อนมาเรียนพวกคุณต้องแต่งตัวให้ดี เข้าใจไหม" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยพร้อมกับเคาะไม้เรียวสีเงินลงบนกระดานดำ
เมื่อฟังคำพูดของมาสเตอร์ไมเคิลแล้วนั้น โคโกะจึงหันไปติดกระดุมคอเสื้อพร้อมกับรูดเนคไทของเอลีนให้เรียบร้อยก่อนที่จะโดนมาสเตอร์ปรายตาดุ ๆ มาให้ เอลีนทำสีหน้าอึดอัดขึ้นมาเมื่อเนคไทถูกรูดจนเขาหายใจแทบไม่ออก สุดท้ายเจ้าตัวจึงคลายปมออกให้หย่อนลงมาเล็กน้อย
"ในเมื่อคาบนี้เป็นคาบเริ่มต้น ครูจะกล่าวถึงพลังธาตุและแร่ธาตุก่อน พลังธาตุที่พวกเราใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุนั้นได้มาจากอัญมณีทั้ง 7 แบ่งตามลักษณะธาตุ และประสิทธิภาพ เราจะแบ่งได้ 4 กลุ่ม ธาตุทำลาย ประกอบด้วยอัญมณีอัคคีและอัญมณีอัสนี ธาตุควบคุม ประกอบด้วย อัญมณีวารี อัญมณีเหมันต์และอัญมณีวาโย ธาตุรักษา ประกอบด้วย ธาตุปฐพีและธาตุพฤกษา ธาตุประสาน ประกอบด้วย ธาตุทิวาและธาตุราตรี ส่วนแร่นั้นมีอยู่ 3 แร่ ได้แก่ แร่เงิน แร่ทองและแร่โลหะ" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยเกริ่นเรื่องพลังธาตุและแร่ ทุกครั้งที่วาดชอล์กลงบนกระดานอธิบายเกี่ยวกับแร่นั้น แท่นที่มีกล่องแก้วใสบรรจุด้วยอัญมณีจะถูกยกขึ้นมาด้วยกลไกจากห้องเก็บอัญมณีที่อยู่ข้างใต้ห้องเล่นแร่แปรธาตุ
เอลีนนั้นพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เพราะโคโกะเคยเล่าให้เขาฟังหลังจากที่กำจัดแอคเคอร์ลีย์ในคืนนั้น แต่ไม่นึกว่าจะมีการแบ่งรายละเอียดยิบย่อยลงไปอีกขั้น เมื่อบทเรียนเริ่มขึ้น ความง่วงเริ่มเข้ามา เปลือกตาคล้ายจะปิดเต็มที ทว่าเอลีนพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมากลางหน้าผาก เพราะมาสเตอร์ไมเคิลปาชอล์กแหวกกลางอากาศเข้าเป้ากลางหน้าผากเขาอย่างสวยงาม ชอล์กสีขาวอันเล็กแตกเป็นผงกระจายเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อน ๆ ทั้งห้องโดยเฉพาะโคโกะที่แอบแลบลิ้นล้อเลียนเขา
"เธอคนนั้นยืนขึ้น แล้วพูดชื่อตัวเอง" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ ๆ
"เอลีน บาร์เบอร์ครับ" เอลีนเอ่ยด้วยท่าทีจ๋อย ๆ หน้าผากมีคราบสีขาวติดอยู่ตรงกลาง
"คุณบาร์เบอร์ ไหนลองตอบครูซิว่าธาตุทั้ง 7 แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ทั้ง 4 ส่วนมีอะไรบ้าง และประกอบด้วยธาตุอะไรบ้าง" มาสเตอร์ไมเคิลถามสิ่งที่เพิ่งจะพูดไป
"เอ่อ..ธาตุทำลาย ประกอบด้วยอัญมณีอัคคีและอัญมณีอัสนี ธาตุควบคุม ประกอบด้วย อัญมณีวารี อัญมณีเหมันต์และอัญมณีวาโย ธาตุรักษา ประกอบด้วย ธาตุปฐพีและธาตุพฤกษา ธาตุประสาน ประกอบด้วย ธาตุทิวาและธาตุราตรี ส่วนแร่นั้นมีอยู่ 3 แร่ ได้แก่ แร่เงิน แร่ทองและแร่โลหะครับ" เอลีนเอ่ยตามที่โคโกะแอบชี้ให้ดูบนสมุดโน้ตของตัวเอง ส่วนของเขาน่ะเหรอ..ว่างเปล่าตั้งแต่อัญมณีวารีเป็นต้นไป เด็กหนุ่มลอบอมยิ้มให้กับเพื่อนร่วมห้องที่ถึงแม้จะดุเขาเวลาไม่ตั้งใจเรียนไปบ้าง แต่ก็เป็นห่วงเขาอยู่เรื่อยไป
"ดีมาก..นั่งลงได้ ครั้งต่อไปอย่าได้คิดจะหลับในคาบนี้อีก" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยคาดโทษพร้อมกับมองด้วยสายตาดุ ๆ ก่อนจะหันกลับไปสอนต่อ "พวกเธอจะได้เรียนการใช้อาวุธในปีหน้า แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นพวกเธอต้องแม่นเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุเสียก่อน ต่อไปเราจะมาเรียนการดึงพลังออกจากอัญมณี การดึงพลังจากอัญมณีนั้นเราต้องเชื่อมจิตใจของเราเข้ากับมัน จินตนาการถึงรูปลักษณ์ของธาตุที่เราอยากให้เป็น ยิ่งพลังของจิตนาการมากเท่าใด รูปลักษณ์จะยิ่งแจ่มชัดมากขึ้นเท่านั้น" ในขณะที่มาสเตอร์พูด มือข้างขวานั้นมีลูกไฟขนาดย่อม ส่วนข้างซ้ายมีประกายสายฟ้า มาสเตอร์ปล่อยให้กระแสพลังไหลออกมาอย่างนั้นก่อนจะหุบมือ เมื่อคลายมือออกอัญมณีเม็ดงามกลับเหลือเพียงเศษเล็กเศษน้อย
"มาสเตอร์ครับ ทำไมอัญมณีถึงเหลือเพียงแค่เศษล่ะครับ" คาร์ล แคนทาร่า เด็กหนุ่มเจ้าของผมทรงแอฟโฟร่ยกมือเอ่ยถาม
"เพราะทุกครั้งที่พวกเราใช้พลังธาตุ มันจะเผาผลาญตัวมันเองไปด้วยเหมือนที่พวกเราใช้เชื้อเพลิงกันในปัจจุบัน" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยตอบก่อนจะปล่อยเศษอัญมณีลงบนพื้น "เศษอัญมณีที่เหลือจากการเล่นแร่แปรธาตุนั้นจะหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยการหลอมเข้ากับอัญมณีที่มีธาตุเดียวกัน แต่ต้องมีระดับพลังที่สูงกว่า หากมีพลังต่ำกว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างการระเบิดได้ ในอนาคตครูจะสอนการหลอมอัญมณีธาตุเดียวกันให้ แต่คาบนี้ขอให้พวกเธอลองดึงพลังจากอัญมณีออกมาก่อน ถือเป็นคาบเริ่มต้นให้พวกเธอได้รู้จักกับอัญมณี จับคู่กัน แล้วทดลองด้วยความระมัดระวังด้วยล่ะ"
เอลีนจับคู่กับโคโกะแน่นอน เพราะเขาไม่เห็นว่าจะมีใครสอนเขาได้นอกจากเพื่อนหน้าสวยคนนี้อีกแล้ว ถึงตรงนี้ต้องเท้าความกันสักเล็กน้อยว่าเขานั้นไม่ได้เรียนโรงเรียนเฉพาะทางที่มีวิชาเฉพาะอย่างเล่นแร่แปรธาตุ เดิมทีเขาเรียนโรงเรียนธรรมดา เนื้อหาการเรียนเป็นเนื้อหาที่พบได้ในโรงเรียนทั่วไป พูดง่าย ๆ คือเป็นโรงเรียนสามัญที่คนทั่วไปเข้าเรียนหาใช่โรงเรียนพิเศษแบบที่โคโกะหรือเพื่อนคนอื่น ๆ เคยเรียนมา เขาเชื่อว่าเพื่อนในห้องนี้หลายคนเป็นเหมือนเขา เพราะจากที่มองไปรอบ ๆ หลายคนมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ขณะจับอัญมณีไม่ต่างจากเขาที่มือสั่นระริกขณะจับอัญมณีธาตุปฐพี
อัญมณีธาตุปฐพีเป็นอัญมณีสีน้ำตาลตรงตามธาตุ เอลีนลองกำมือแน่น ตั้งสมาธิเชื่อมจิตใจกับอัญมณี หลอมรวมทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียว ผ่านไปสักพักเขาเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างของผิวสัมผัส เมื่อคลายมือออกมาบนฝ่ามือเขามีกองดินขนาดย่อมอยู่ เขามองว่าถ้าหากใช้อัญมณีปฐพีทดแทนดินได้ ทำไมถึงยังซื้อขายดินและปุ๋ยกันอยู่ ด้วยความสงสัยเขาจึงยกมือถามมาสเตอร์ไมเคิลโดยไม่รีรอ
"มาสเตอร์ครับ อัญมณีปฐพีทำให้เกิดดิน แล้วทำไมดินกับปุ๋ยถึงยังจำเป็นในด้านเกษตรกรรมครับ"
"เป็นคำถามที่ดี" มาสเตอร์ไมเคิลเอ่ยชมก่อนจะเริ่มอธิบายว่า "เหตุผลแรกคือเรื่องราคา อัญมณีมีราคที่สูงมาก และอย่างที่เธอเห็นอัญมณีปฐพี 1 อันให้ปริมาณดินได้น้อย ซึ่งไม่คุ้มหากนำไปใช้ในงานด้านเกษตรกรรม เหตุผลที่สองคืออัญมณีจะสำแดงอานุภาพเมื่อมีการเชื่อมต่อจิตใจเข้ากับมัน แน่นอนว่ามันสิ้นเปลืองทั้งเงิน คนและเวลาที่จะต้องมานั่งเชื่อมต่อเพื่อให้ได้ดิน เหตุผลสุดท้ายคือถึงแม้ว่าอัญมณีปฐพีเป็นอัญมณีด้านการรักษา กล่าวคือธาตุที่อยู่ในอัญมณีปฐพีจะมีความแตกต่างจากดินทั่วไป ธาตุกลุ่มนี้จะถูกนำไปใช้ควบคู่กับอัญมณีพฤกษาในการรักษา เรื่องนี้พวกเธอจะได้เรียนในชั้นที่สูงขึ้นว่าด้วยเรื่องการประสานพลังทั้งสองเข้ากัน"
"นี่..โคโกะ แล้วธนูที่นายใช้วันนั้นเป็นอัญมณีอัคคีระดับไหนเหรอ" เอลีนแอบกระซิบถามเสียงแผ่วกับโคโกะ เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับไปตลอดกาล
"ระดับสูง" โคโกะตอบสั้น ๆ แต่เมื่อมองหน้าเอลีนแล้ว เขาจึงอธิบายต่อว่า "โคโกะได้มันมาจากเพื่อนทีมสังเกตการณ์ของคุณพ่อ ทีมผู้สังเกตการณ์ไม่ต่างจากหน่วยข่าวกรองของสภากลาง มีหลายครั้งที่ต้องออกไปสืบงานด้วยการแฝงตัวไปในสังคมของแวมไพร์ ต้องพกอาวุธที่มีส่วนประกอบของอัญมณีเผื่อกรณีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น อย่างที่รู้กันแม้ว่าเราจะมีพันธะสัญญา และผู้สังเกตการณ์ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ใช่ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นมิตรต่อกัน"
เอลีนพยักหน้าเข้าใจ เขาหุบมือลงอีกครั้ง ดินบนฝ่ามือกลายเป็นเศษอัญมณีสีน้ำตาล เขาเทมันลงในถุงดำที่มาสเตอร์ไมเคิลแจกให้เพื่อสะสมเศษอัญมณีกลับไปหลอมรวมใหม่อีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลมองใบไม้สีเขียวหลายใบที่วนไปมาบนมือของโคโกะพลางคิดว่าเขาต้องเคี่ยวกร่ำตัวเองให้หนักเพื่อตามร่างบางให้ทัน ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยเรื่องการทำงานในฐานะเลทเทอร์เรียของเขาก็เป็นได้
.
.
- สวนเอเธน -
สวนเอเธน คือ สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ของโรงเรียนไบรอันนา กินพื้นที่มากกว่า 400 เอเคอร์ สวนนี้รวบรวมพืชพรรณไม้ทั่วโลกเอาไว้มากกว่า 5000 ชนิท นี่เป็นชั้นเรียนแรกศาสตร์ด้วยเรื่องสมุนไพรของนักเรียนชั้นแลนเฌียนห้อง 4 มาสเตอร์ที่รับผิดชอบวิชานี้ คือ มาสเตอร์มาการิต้า มาเจลโต หญิงสาววัยค่อนชรา ผมชี้ฟูไม่เป็นทรง สวมชุดครุยสีน้ำตาล ใบหน้าบ่งบอกถึงความใจดีและอ่อนโยน ชั้นเรียนนี้มีความพิเศษมากกว่าชั้นเรียนอื่นคือโต๊ะเรียนทำจากเถาวัลย์ถักไปมา ปูทับด้วยผ้าคลุมโต๊ะสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับบรรยากาศชั้นเรียนเป็นอย่างดี
"สวัสดีนักเรียนห้อง 4 ทุกคน คาบนี้เป็นคาบแรกของพวกเธอที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพร ครูชื่อมาการิต้า มาเจลโต รับผิดชอบวิชาสมุนไพร พวกเธอคงสงสัยว่าทำไมเราต้องเรียนเรื่องสมุนไพรทั้งที่พวกเราไม่ใช่พ่อมดแม่มด คำตอบคือหากเรารู้สมุนไพร เราสามารถยับยั้งอาการบาดเจ็บจากการถูกโจมตีจากทั้ง 3 เผ่าพันธุ์ได้ วิชานี้สามารถต่อยอดไปถึงวิชาสายสุขภาพได้ หากใครสนใจเป็นหมอนะ นอกจากสายสุขภาพแล้ว สมุนไพรบางชนิทสามารถเป็นพิษต่อเผ่าพันธุ์อื่นได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นอัญมณีเท่านั้นที่ใช้ในการปราบ ยังไงก็ตามพวกเธอจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธะสัญญา อย่าใช้วิชาความรู้ไปทำร้ายเผ่าพันธุ์ตัวเองและเผ่าพันธุ์อื่นอย่างผิด ๆ เสียล่ะ" มาสเตอร์มาการิต้าเอ่ยเตือนในตอนท้าย
"นี่ โคโกะ แวมไพร์แพ้สมุนไพรด้วยเหรอ" เอลีนเอ่ยถามโคโกะ
"แพ้บางชนิท แต่ไม่ทำให้ถึงกับตายหรอกนะ" โคโกะเอ่ยตอบ เขาเป็นแวมไพร์อาหาร แน่นอนว่าเขาแพ้สมุนไพรบางชนิทเช่นเดียวกับแวมไพร์ อาการมีตั้งแต่ปวดแสบปวดร้อนตามผิวไปจนถึงอาเจียนเป็นเลือดหรือตาบอด
"เพราะงั้นวันนั้นนายถึงใช้พลังของอัญมณีงั้นเหรอ" เอลีนเอ่ยถาม
"ตอนนั้นถ้าไม่ใช้พลังอัญมณี เอลีนอาจจะตายได้ แอคเคอร์ลีย์ในตอนนั้นอดเลือดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว การใช้สมุนไพรไม่มีผลแล้วละ" โคโกะเอ่ยอธิบายถึงเหตุผลที่เขาเลือกใช้พลังของอัญมณีอัคคีในวันนั้น
"ฉันถามหน่อยสิ ครอบครัวของนายถนัดใช้พลังของอัญมณีมากกว่าสมุนไพรรึเปล่า" เอลีนเอ่ยถาม จากเหตุการณ์ในวันนั้นเขาคิดว่าครอบครัวเบลินดาคงจะถนัดการใช้อัญมณีมากกว่าสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพอ่อนกว่า อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานในฐานะผู้สังเกตการณ์มีความเสี่ยงเรื่องการปะทะกับแวมไพร์
"ที่บ้านใช้ได้ทั้งสองอย่างนะ คุณแม่เคยเล่าว่าเคยใช้สมุนไพรกับแวมไพร์อยู่" โคโกะเอ่ยตอบอย่างนึกขึ้นได้ว่าคุณแม่เคยเล่าว่ามีประสบการณ์ใช้สมุนไพรพิษกับแวมไพร์อยู่เหมือนกัน "แต่เรื่องนั้นโคโกะไม่รู้รายละเอียดหรอกนะ" เขาเอ่ยตัดบทเมื่อเห็นดวงตาพราวของเอลีนที่คาดหวังให้เขาเล่าเรื่องของคุณแม่
เอลีนมีสีหน้าจ๋อยสนิทเมื่อรู้ว่าไม่มีเรื่องเล่าสุดน่าตื่นตาตื่นใจจากปากของเพื่อนสนิท เขาเชื่อว่าโคโกะไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ เพราะถ้ารู้ คงเล่าด้วยความภูมิใจไปแล้ว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือคุณเมลิน เบลินดา เขารับรู้มาตลอดว่าเธอคนนั้นเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงาน ไม่อยากจะเชื่อว่าเคยมีประสบการณ์ใช้สมุนไพรกับแวมไพร์มาก่อน จุดนี้ทำให้เขาคิดว่าครอบครัวนี้มีความลับอีกมากมายที่ไม่ได้ออกสื่อ ความลับของผู้สังเกตการณ์..ไม่แน่ว่าอาจจะลึกลับยิ่งกว่าความลับของราชวงศ์ อย่างไรก็ตามความลับของพวกเขานั้นคือเสน่ห์ที่น่าหลงใหลต่อคนภายนอก..
เสียงระฆังดังบ่งบอกว่าหมดคาบเรียนวิชาสมุนไพร นักเรียนห้อง 4 ทยอยกันเดินออกจากสวนเอเธน ฝาแฝดไวส์แมนเดินมารวมกลุ่มกับเอลีนและโคโกะทันที เวอร์นอนยังคงบ่นกระปอดกระแปดว่าคาบเรียนนี้น่าเบื่อ ในขณะที่เวอร์นีย์มาอัพเดทข่าวเกี่ยวกับคุณนายวอลเกอร์
"พ่อพวกเราเล่าว่าเมื่อวานตำรวจเข้ามาขอบันทึกที่มีลายเซ็นของคุณนายวอลเกอร์ทั้งหมดไป"
"เพราะมันเป็นเหมือนพินัยกรรมอย่างที่โคโกะเคยบอกสินะ" เอลีนเอ่ยด้วยท่าทีสนใจ
"แม่พวกเราบอกว่าเมื่อวานคุณนายวอลเกอร์เพิ่งจะมา เธอเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุด แต่เมื่อตำรวจไปเปิดดู กลับไม่พบบันทึกเพิ่มเติมเลย แต่แม่ให้การว่าเมื่อวานคุณนายมาจริง และเขียนสมุดจริง มีหลักฐานการเข้าออกหอแห่งความทรงจำ" เวอร์นอนเล่า
"คุณนายอาจจะแกล้งเขียนเพื่อสร้างหลักฐานที่อยู่ให้กับตัวเองก็ได้นี่" เอลีนเอ่ย เขามองว่าคุณนายต้องการพยานที่อยู่ จึงมาที่หอแห่งความทรงจำเพื่อสร้างหลักฐานให้ตำรวจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เธอจะได้รับการคุ้มครองในฐานะพยาน
"แต่โคโกะว่าคุณนายเขียนสมุดจริง แต่ไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก" โคโกะเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวจะลองทำอะไรสนุก ๆ ให้ดู" ใบหน้างดงามฉายรอยยิ้มออกมา
ก่อนกลับมายังหอพักเพเลสโคโกะแวะซื้อน้ำผลไม้มา 1 กล่องกับพู่กันหัวเล็กอีก 1 ด้าม ทั้ง 4 คนรวมตัวกันที่ห้องพักของโคโกะและเอลีน ร่างบางเทน้ำผลไม้ลงในแก้ว จุ่มพู่กันลงไป จากนั้นนำพู่กันชุ่มด้วยน้ำผลไม้เขียนลงบนกระดาษ เอลีน เวอร์นีย์และเวอร์นอนมองด้วยความสงสัยว่าหนุ่มน้อยหน้าสวยจากบ้านเบลินดากำลังทำอะไร หลังจากรอให้น้ำผลไม้แห้งซึมไปกับเนื้อกระดาษแล้วนั้น มือบางหยิบอัญมณีอัคคีขึ้นมา เปลวเพลิงขนาดย่อมก่อตัวบนฝ่ามือ เมื่อนำกระดาษไปอังใกล้ ๆ แล้วนั้นข้อความปรากฎขึ้นบนกระดาษ เป็นประโยคที่โคโกะเขียนเอาไว้ สามคนที่เหลือพากันตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็น หมายความว่าคุณนายวอลเกอร์ซ่อนข้อความลับเอาไว้ในสมุดความทรงจำโดยที่ไม่มีใครคาดคิด!!
หายไปหลายวัน ขอโทษนะคะ พอดีมีช่วงดิ่ง แต่ตอนนี้กลับมาฮึดแล้วค่ะ จะพยายามปั่นให้เร็วที่สุดค่ะ >< ขอบคุณสำหรับ 2 คอลเลคชันนะคะ ^^ ตอนนี้สู้ชีวิตอีกแล้ว จำนวนคำเยอะกว่าชาวบ้าน 5555+ ส่วนทริคตอนท้ายนั้นเอามาจากการ์ตูนความรู้สมัยเด็ก ๆ ค่ะ