[ เมือง โซลิส - วันที่ 13 เดือน 6 ปี 1990 ]
"สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกท่านเข้าสู่มหาวิทยาลัยโซลิสนะครับ" ชายซึ่งยืนอยู่กลางเวทีกล่าวต้อนรับเหล่านักศึกษาซึ่งมารวมตัวกันอยู่ภายในหอประชุมแห่งนี้
การ์ดและเพื่อนๆ มาถึงก่อนการปฐมนิเทศจะเริ่มได้อย่างฉิวเฉียด ทั้งสี่คนพยายามเดินอย่างเบาฝีเท้าที่สุดไปยังที่นั่งว่างด้านหลัง
"ไม่ว่าคุณจะใช้เวทมนตร์ธาตุใดก็ตาม การตามหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองให้ได้นั้นจะเป็นการช่วยให้อนาคตของพวกคุณมั่นคงขึ้น และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่หลายๆ คนเลือกที่จะมาศึกษาที่นี่ มหาวิทยาลัยโซลิสแห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับการตามหาเส้นทางเดินในชีวิตของพวกคุณ เพราะเรามีทั้งอาชีพที่หลากหลายให้ได้ทดลองและเรียนรู้ซึ่งพวกคุณน่าจะได้เห็นผ่านตากันมาบ้างระหว่างเดินทางมารวมตัวกันที่หอประชุมนี้ อีกทั้งเรายังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้เวทมนตร์ลักษณะต่างๆ มากมายที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้พวกคุณได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง" ชายคนดังกล่าวอธิบายอย่างคล่องแคล่ว "ทั้งนี้ การจะทดลองทำงานต่างๆ ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายเลยก็ดูจะไม่ใช่เป้าหมายที่ดีนักสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้น เหล่านักศึกษาทุกท่านที่มารวมตัวกัน ณ ที่นี้ พวกคุณทุกคนมีเวลาจำกัดที่จะใช้ในการเรียนที่นี่เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้นครับ หากครบกำหนดการ 4 ปีนี้แล้วพวกคุณยังไม่สามารถจบการศึกษาจากที่นี่ได้ ก็จะถือว่าพวกคุณขาดคุณสมบัติที่คู่ควรจะได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยโซลิสแห่งนี้ เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจไปนะครับ ถึงแม้ว่า 4 ปีจะดูเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากที่เวลา 4 ปีนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จจากที่นี่ไปได้"
บรรยากาศในหอประชุมตึงเครียดขึ้นหลังจากคำพูดนั้น ผู้คนที่ได้โอกาสเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยโซลิสแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใช้เวทที่มีความสามารถสูงในเมืองของตนเอง เกณฑ์ขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยโซลิสตั้งไว้สำหรับการรับนักศึกษาเข้ามานั้นคือบุคคลดังกล่าวต้องเป็นผู้ใช้เวทระดับ 4 เสียก่อน นอกจากนั้นยังมีการทดสอบความสามารถก่อนการรับเข้าอีกด้วย
"ต่อไปผมจะขออธิบายหลักการใช้ชีวิตภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้รวมถึงวิธีสำเร็จการศึกษาจากที่นี่นะครับ มหาวิทยาลัยโซลิสให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตจริงและการพึ่งพาตนเองครับ จากที่ทุกคนได้เห็นว่ามหาวิทยาลัยนี้มีสภาพเหมือนกับเมืองเมืองหนึ่งที่ประกอบไปด้วยกิจการต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาสี่ปีนี้พวกคุณจำเป็นจะต้องประกอบอาชีพนั้นๆ เพื่อดำรงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ ผมพูดมาถึงตรงนี้พวกคุณอาจจะยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ ขอให้ทุกท่านหยิบถุงผ้าซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจกไว้ตอนเข้าหอประชุมขึ้นมาครับ" ผู้พูดชูถุงผ้าสีเนื้อถุงเล็กๆ ขึ้นมา "ภายในถุงนี้จะมีหินแร่อยู่จำนวนหนึ่ง หินเหล่านี้คือหน่วยเงินที่พวกคุณจะใช้ในการดำรงชีวิตภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ"
ชายวัยกลางคนหยิบหินที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งข้อนิ้วขึ้นมาชูให้ทุกคนในหอประชุมดูทีละแบบเป็นตัวอย่าง
"หินระดับต่ำที่สุดคือหินทองแดง 1 ทองแดงนั้น สามารถใช้ซื้ออาหารทั่วไปรับประทานได้ 1 มื้อ ถัดมาเป็นหินเงิน ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 10 ทองแดง และสุดท้ายคือหินทองคำ ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 10 เงิน หรือ 100 ทองแดง ภายในถุงที่ทางมหาวิทยาลัยมอบให้กับทุกคนไปนั้นจะมีหินทองคำอยู่ทั้งหมด 40 ก้อนด้วยกันครับ"
เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อคำอธิบายมาถึงตรงนี้
"เอาล่ะครับ หลายๆ ท่านอาจจะสับสนที่ผมพูดเมื่อสักครู่ ว่ามหาวิทยาลัยอยากให้ทุกคนได้ประกอบอาชีพต่างๆ และหาเงินดำรงชีวิตด้วยตัวเอง แต่ทำไมถึงให้ทองคำไปเยอะขนาดนั้นถูกต้องไหมครับ?" เสียงพูดคุยเบาลงเป็นเชิงให้สัญญาณกับผู้พูดว่าเห็นด้วย "หินทองคำเหล่านี้เป็นส่วนที่ทางมหาวิทยาลัยให้ไว้เพื่อไม่ให้การสำเร็จการศึกษาจากที่นี่ยากเกินไปครับ เพราะนอกจากการดำรงชีวิตแล้วพวกคุณทุกคนก็น่าจะอยากสำเร็จการศึกษาจากที่นี่ด้วย และวิธีการที่จะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโซลิสนั้นก็คือสิ่งนี้ครับ"
ชายคนดังกล่าวชูตราสัญลักษณ์ขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา ตราสัญลักษณ์นี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่แต่ละด้านมีรูปของธาตุทั้งสี่อยู่ และตรงกลางของตราสัญลักษณ์นั้นมีตัวอักษร SL ตัวใหญ่สลักเอาไว้
"ที่ทุกคนเห็นอยู่นี้คือเหรียญโซลิสครับ เหรียญโซลิสนี้คือสิ่งที่ใช้แทนความสำเร็จของคุณในการประกอบวิชาชีพต่างๆ หรือการเรียนทักษะต่างๆ แต่วิธีการที่จะได้มันมานั้นขึ้นอยู่กับเจ้าของกิจการหรือครูผู้สอนในวิชานั้นๆ เท่านั้นครับ หรือพูดง่ายๆ ก็คือคุณจะได้รับมันเมื่อได้รับการยอมรับจากบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้นั่นเองครับ หรืออีกวิธีหนึ่งที่คุณจะสามารถรับเหรียญโซลิสนี้ได้ก็คือแลกมันด้วยหินทองคำจำนวน 10 ก้อนด้วยกันครับ"
"โห ใช้ตั้ง 10 ทอง เลยหรอ" เสียงอุทานดังขึ้นจากนักศึกษาใหม่คนหนึ่ง ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาทันที เด็กหนุ่มเขินอายจนแทบจะมุดเก้าอี้หนี
ผู้พูดบนเวทีหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อ "ใช่ครับ ต้องใช้ถึง 10 ทองทีเดียวในการแลกเหรียญโซลิส 1 เหรียญ และพวกคุณจะจบการศึกษาได้ก็ต่อเมื่อพวกคุณมีเหรียญโซลิสทั้งหมด 10 เหรียญครับ"
สิ้นคำพูดนั้นผู้คนภายในหอประชุมก็อุทานกันออกมาด้วยความตกใจทันทีและพูดคุยกันเจื้อยแจ้วเป็นการใหญ่ จนชายบนเวทีต้องยิงเวทไฟขึ้นเหนือหัวเพื่อดึงความสนใจกลับมาอีกครั้งก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้าสู่ความสงบ
"ทีนี้ทุกคนคงจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยครับว่าทอง 40 ก้อนที่ทางมหาวิทยาลัยให้ไปนั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเหรียญโซลิสที่พวกคุณต้องหามาเพื่อจบการศึกษา และอย่าลืมนะครับว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีนี้ พวกคุณจำเป็นต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการที่พวกคุณต้องหาเหรียญโซลิสทั้งหมด 10 เหรียญเต็มๆ ทองเหล่านั้นเป็นเพียงตัวช่วยให้พวกคุณไม่อดตายตลอด 4 ปีนี้เท่านั้นเองครับ ต่อไป ผมจะอธิบายถึงเมืองธาตุต่างๆ และกิจการหลักภายในเมืองแบบคร่าวๆ ให้ทุกท่านได้ฟังกันนะครับ…"
"โหดไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย…" การ์ดพูดลอยๆ หลังจากได้ฟังวิธีการจบการศึกษาของที่นี่
"นั่นสิ... เราจะรอดกันใช่มั้ยเนี่ย" ไกด์เห็นด้วย
"อะไรกัน ยังไม่ทันไรก็ใจเสาะกันซะแล้วหรอ" เกรสขัดเพื่อนทั้งสอง
"แหม ก็ถ้าให้แบบไปสู้ชิงเหรียญมาอะไรแบบนี้ มันก็ไม่น่ายากเท่าไหร่นะ แต่นี่แบบ ต้องได้รับการยอมรับจากคนนู้นคนนี้ อะไรก็ไม่รู้ ยุ่งยากชะมัด แค่ฟังก็งงแล้วอะ" ไกด์บ่นยาว
"เขาก็อธิบายให้ฟังดูน่ากลัวไปงั้นแหละ สุดท้ายที่พวกเราต้องทำก็แค่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานไปก็เท่านั้นเอง ลองนึกดูนะ สมมุติปีนึงแกเรียน 2 วิชา แล้วก็ทำงาน 1 อย่าง ถ้าคนที่ดูแลยอมรับและให้เหรียญมา แค่นี้ก็ได้ปีละ 3 เหรียญแล้ว เห็นปะ?" เด็กหญิงอธิบาย
"ทำไมพอแกอธิบายแล้วมันฟังดูง่ายจังแฮะ" การ์ดรู้สึกคลายกังวลลงเล็กน้อยหลังจากได้ฟังเกรส
"ก็ถูกของเกรสนะ สุดท้ายพวกเราก็มาที่นี่กันเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ขอแค่เราเต็มที่ในงานหรือวิชาที่เราเรียน เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ เรื่องเหรียญตรานั่นเดี๋ยวพอถึงเวลามันก็คงมีมาให้พวกเราเองแหละ" ไนท์เสริมคำพูดของเด็กหญิง
"พูดดีมากไนท์!" เกรสยกนิ้วให้เพื่อน
"โห่ แล้วใครจะรับประกันได้ล่ะว่าทำงานปีเดียวแล้วเขาจะให้เหรียญมา" ไกด์พูดขัดขึ้นอีก
"แกนี่มันกวนโอ๊ยชะมัด" เด็กหญิงหยิกขาไกด์
"โอ๊ย เจ็บนะ"
"ก็แล้วใครบอกว่าให้ทำงานหรือเรียนแค่สามอย่างละยะ เมื่อกี๊ฉันก็แค่เปรียบเปรยให้พวกแกเห็นภาพเฉยๆ มั้ยล่ะ เรามีเวลาตั้งเยอะ พอถึงตอนเลือกจะเรียนหรือทำงานกันจริงๆ แกก็บริหารเวลาไปสิ จะทำอะไรแค่ไหนกี่วันกี่ชั่วโมงก็ว่าไป"
"เข้าใจแล้วค้าบแม่" เด็กหนุ่มลากเสียงยาว
"ใครแม่แกยะ" เกรสหยิกขาเพื่อนสนิทของเธออีกครั้ง ทำเอาการ์ดกับไนท์หลุดขำออกมาเลยทีเดียว การหยอกล้อของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเมื่อสักครู่ผ่อนคลายลง
"…นั่นก็คือภาพรวมของเมืองธาตุต่างๆ นะครับ ถึงแม้ว่าทุกท่านจะได้รับฟังเกี่ยวกับเมืองต่างๆ ไปแล้ว แต่ผมก็แนะนำให้ทุกท่านได้เดินสำรวจเมืองที่ตรงกับธาตุของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเลือกวิชาหรือกิจการที่อยากทำอีกครั้งนะครับ และอย่าลืมว่าการเลือกกิจการที่เหมาะสมกับตัวเองนั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับเหรียญโซลิสมากขึ้นด้วย และหากใครพบปัญหาหรือมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมหลังจากนี้ สามารถติดต่อที่อาคารด้านหลังหอประชุมนี้ได้ครับ สุดท้ายนี้ผมขอเชิญเจ้าหน้าที่อาวุโสจากทางสมาพันธ์เวทมนตร์มาให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่นักศึกษาใหม่ทุกท่านสักเล็กน้อยครับ"
พูดจบชายคนดังกล่าวก็หันไปด้านข้างและโค้งให้กับชายอีกคนหนึ่งซึ่งรออยู่ที่ข้างเวที ชายคนนี้มีรูปร่างสูงโปร่งผมสั้นสีเทาเข้มและดวงตาสีน้ำตาล จากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วเขาดูอายุไม่ต่างจากชายคนเมื่อครู่เท่าไรนัก เขาเดินมาที่กลางเวทีอย่างเคร่งขรึม
"สวัสดีครับ ผมแซค คิดว่าหลายๆ ท่านน่าจะไม่รู้จักผมหรอกครับ" ชายวัยกลางคนพูดอย่างมีอารมณ์ขัน "ผมจะเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสหรืออะไรก็ไม่สำคัญหรอกครับ เพราะวันนี้ผมจะมาให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ กับพวกคุณซึ่งจะเป็นอนาคตของโลกใบนี้ในภายภาคหน้าครับ พวกคุณนั่งฟังกันมานานคงจะเริ่มเบื่อเริ่มง่วงกันแล้วเพราะฉะนั้นผมจะพูดให้รวบรัดที่สุด อย่างแรกเลยอย่ากังวลเรื่องเหรียญโซลิสมากครับ พวกคุณมาที่นี่กันเพื่อศึกษาหาความรู้เพราะฉะนั้นให้ความสำคัญกับตรงนั้นครับ เดี๋ยวถ้าพวกคุณเก่งขึ้นแล้วการหาเหรียญโซลิสก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วยเอง อีกอย่างนึงก็คือ อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองกันด้วยนะครับ การพักผ่อนบางครั้งก็ถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเช่นกัน ถ้าเครียดตลอดเวลาอาจจะทำให้ศักยภาพในการทำงานหรือการเรียนของพวกคุณลดลงก็ได้ นี่ก็คงเป็นสองเรื่องหลักๆ ที่ผมอยากจะแนะนำทุกคนครับ เพราะฉะนั้นแบ่งเวลาให้ดีและอย่าลืมจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของแต่ละคนนะครับ หวังว่าทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครับ"
สิ้นสุดคำพูดของแซค เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นภายในหอประชุม ถึงจะเป็นเพียงคำแนะนำสั้นๆ แต่นั่นก็ช่วยให้เหล่านักศึกษาใหม่รู้สึกมีกำลังใจและสบายใจขึ้นมาก
ผู้คนทยอยเดินออกจากหอประชุมอย่างครื้นเครงหลังสิ้นสุดการปฐมนิเทศ
"แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อดี" การ์ดถามเพื่อนๆ ของเขา
"ฉันว่าเราไปเก็บของที่ห้องกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยลงมารวมกันหน้าหอ" เกรสเสนอ
"โห่ แต่ฉันหิวแล้วอะ ไปหาอะไรกินกันก่อนไม่ได้หรอ แถวหอก็ได้ ของกินออกจะเยอะแยะ" ไกด์โอดครวญ
"แหม ก็รีบขึ้นไปเก็บของแล้วก็รีบลงมาสิยะ"
"ก็ได้... งั้นฉันรีบไปเดี๋ยวนี้เลย!!" เด็กชายตัวแสบวิ่งหน้าตั้งนำทุกคนไปอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ยเดี๋ยว... ไม่ทันแล้ว..." การ์ดไม่ทันจะเรียก ไกด์ก็วิ่งไปไกลแล้ว "แล้วไกด์มันจำได้ใช้มั้ยน่ะว่าห้องเราคือห้องไหน"
"ฉันว่าจำไม่ได้หรอก วิ่งไปแบบนั้นสุดท้ายก็คงไปรอพวกแกหน้าตึกอยู่ดี" เกรสตอบอย่างมั่นใจ
การ์ดกับไนท์หัวเราะกันเล็กน้อยก่อนที่การ์ดจะพูดต่อ "เราก็รีบตามไปกันเถอะ จริงๆ ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน"
เด็กทั้งสามเดินตามไกด์ไปจนถึงหน้าตึก และเพื่อนตัวแสบก็ยืนรออยู่ด้านหน้าจริงๆ อย่างที่เกรสบอก หอพักของมหาวิทยาลัยโซลิสนั้นแยกออกเป็นสองตึกสำหรับนักศึกษาชายหญิงเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการดูแล เกรสจึงแยกตัวออกไปยังหอหญิง ปล่อยให้เด็กชายทั้งสามขึ้นไปยังห้องของพวกเขาในหอชาย
"ถึงแล้ว!!" ไกด์ตะโกนลั่นทันทีที่เข้ามาภายในห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลายใบที่ถูกส่งมาหน้าห้องตั้งแต่ก่อนที่เด็กทั้งสามจะมาถึงแล้ว
"เบาๆ หน่อยสิไกด์ เดี๋ยวคนอื่นก็ว่าเอาหรอก" การ์ดเอ็ดพลางนำกระเป๋าของตัวเองเข้ามาเช่นกัน
ห้องพักในหอนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อเปิดประตูห้องมาจะพบกับห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาสองที่นั่งกับโต๊ะขนาดเดียวกัน ในขณะที่ทางด้านซ้ายเป็นห้องน้ำและทางขวาเป็นห้องนอนสำหรับผู้อยู่อาศัยทั้งสี่คน
ภายในห้องนอนชิดกำแพงซ้ายขวาคือเตียงสองชั้นที่ดูแข็งแรงแต่ก็นุ่มน่านอนเช่นกัน ที่หลังห้องมีพื้นที่เล็กๆ พอให้ผู้อยู่อาศัยสามารถวางสัมภาระของพวกเขาได้โดยไม่ระเกะระกะ
"โอ๊ย นิดๆ หน่อยๆ เองน่า หืม..." ไกด์หันไปเห็นกระเป๋าเดินทางกองหนึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องนอน บนกระเป๋ามีกระดาษแผ่นใหญ่แปะไว้พร้อมข้อความ
"สวัสดีเพื่อนร่วมห้อง พอดีเรามีธุระด่วนนิดหน่อยเลยไม่ได้รอเจอทุกคน ทุกคนเลือกเตียงที่ตัวเองอยากนอนกันได้เลยนะ เรานอนเตียงไหนก็ได้ แล้วไว้คืนนี้เราจะมาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกทีนะ" ไนท์โน้มตัวลงอ่านกระดาษใบนั้นให้อีกสองคนฟัง "เขาว่างั้นแหนะ"
"เพื่อนร่วมห้องอีกคนของเราดูเป็นมิตรดีแฮะ" การ์ดอมยิ้ม
'ตอนแรกก็กังวลอยู่นิดหน่อยเหมือนกันว่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนจะเป็นคนยังไง จะเข้ากับพวกเราได้มั้ย แต่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ' เด็กหนุ่มคิดในใจ
"ช่างเขาเถอะ ตอนนี้หิวแล้ว ถ้าไม่มีใครเลือกเตียงของตัวเองงั้นฉันเลือกก่อนล่ะนะ" ไกด์กล่าวพร้อมกับโยนกระเป๋าใบเล็กขึ้นไปบนเตียงชั้นสองฝั่งซ้ายและโยนกระเป๋าที่เหลือไปด้านหลังห้องทันที "ฉันลงไปข้างล่างก่อนนะ!"
พูดจบไกด์ก็วิ่งออกจากห้องไปเพียงลำพังปล่อยให้เพื่อนอีกสองคนยืนส่ายหัวอยู่ในห้อง
"เรื่องของกินนี่ไม่ได้จริงๆ นะไกด์เนี่ย" การ์ดพูดพลางหัวเราะเบาๆ
"เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน" ไนท์เสริม "ว่าแต่นายอยากนอนเตียงไหนเป็นพิเศษมั้ยการ์ด? จะอยู่เตียงฝั่งเดียวกับไกด์มั้ย เดี๋ยวเราไปอยู่อีกฝั่งนึงก็ได้"
"อืม... ฉันว่านายไปนอนฝั่งเดียวกับไกด์ดีกว่า นายน่าจะไม่ชินกับการเจอคนแปลกหน้ามากกว่าฉันรึเปล่า…"
"เฮ้ย ไม่เป็นไร เราโอเค เรายังไงก็ได้"
"เราก็ยังไงก็ได้..."
"…"
"งั้นเอางี้ดีมั้ย..."
ด้วยความที่ทั้งสองเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา สุดท้ายพวกเขาจึงใช้วิธีการเป่ายิงฉุบเป็นการตัดสินแทน และจากผลลัพธ์ไนท์ก็ได้นอนที่เตียงฝั่งซ้ายใต้เตียงของไกด์ในขณะที่การ์ดเลือกนอนที่เตียงชั้นล่างฝั่งขวา พวกเขาจัดข้าวของของตัวเองเข้าที่และช่วยกันจัดส่วนของไกด์เข้าที่ด้วยเพราะกลัวจะเกะกะเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่จะมาในภายหลัง ก่อนที่จะพากันลงไปด้านล่างเพื่อรวมตัวกับเกรสและไกด์