webnovel

รังอสูร (8)

"แม้แต่ข้ายังสู้ยากเย็นแบบนี้ ถ้าได้เจอกับไอ้หมอนั่น พวกแกไม่รอดแน่"

"พวกเราไม่อยากทำแบบนี้หรอก ถ้ามีทางเลือก"

"พวกเราต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้มากที่สุดก่อนที่เจอกับเจ้านั่น"

ผมถ่ายทอดประโยคที่คอลเลคเตอร์สามคนพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้กับมาร์ติน เขาฟังจบก็ย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

"เออ ฟังดูเหมือนพูดถึงคุณโมแรน จริง ๆ แหละ แถวนี้คอลเลคเตอร์ที่ใคร ๆ ก็กลัวก็คงมีแต่เขาล่ะมั้ง"

"โมแรน…"

"อืมม แค่พูดชื่อคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ยังไงในหมู่คอลเลคเตอร์คุณโมแรนก็ค่อนข้างชื่อดังเลยแหละ ไม่แปลกหรอกเพราะมิชชันหลาย ๆ มิชชันก็พุ่งเป้ามาที่เขานี่นะ"

"ท่าทางจะเป็นตัวอันตรายสุด ๆ เลยสินะ"

มาร์ตินแสยะยิ้ม "เห็นจากมัมมี่แล้วน่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ ใครก็ตามที่ควบคุมคาแรคเตอร์แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาหรอก"

"ทั้งที่แกร่งขนาดนั้น…"

"จะพูดว่าแล้วทำไมต้องเล่นงานคอลเลคเตอร์คนอื่นใช่ไหม นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ นายของฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย พวกเราก็แค่กวาดล้างบางพื้นที่เพื่อสะสมคะแนนเพิ่ม ไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าที่นั่นมีคอลเลคเตอร์เจ้าถิ่นอยู่หรือไม่ พวกนั้นก็แค่ดวงไม่ดีไปอยู่ผิดที่ผิดทาง"

"งั้นที่จับคนมาก็เข้าใจผิดด้วยงั้นเหรอ"

"นี่… รู้เรื่องนั้นด้วยเรอะ"

"ตอบมา!"

"อันนั้นยอมรับผิดก็ได้ แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าจับมาทำไม"

"เอาเถอะ ยังไงก็ชัดเจนแล้วว่าเจ้าโมแรนนี่ปล่อยเอาไว้ไม่ได้"

"บังเอิญจังเลย ทางนี้ก็ไม่คิดจะปล่อยให้นายกลับไปได้หรอก"

มาร์ตินไม่ใช่คาแรคเตอร์สายต่อสู้ เขาก็น่าจะรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของผม ที่เขายอมคุยและเผยข้อมูลออกมามีเจตนาชัดเจนว่าแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น เขากำลังรอคอยกำลังเสริม

ผมไม่ปล่อยให้มาร์ตินถ่วงเวลาได้มากกว่านี้ ก่อนที่จะมีใครมาเพิ่มหรือเกิดอะไรขึ้นกับแอนและแคท ผมต้องชิงลงมือก่อน ผมพุ่งเข้าใส่มาร์ตินด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าสัตว์ร้ายพุ่งเข้าตะครุบเหยื่อ อีกฝ่ายตอบโต้ด้วยปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุม

ผมเห็นกระสุนพุ่งเข้ามาอย่างชัดเจน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะนึกว่าเขาจะมีไพ่ตายอะไรซ่อนมากกว่านี้ แต่นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ระดับของเราสองคนแตกต่างกันเกินไป

"นึกว่าจะถ่วงได้นานกว่านี้ซะอีก"

มาร์ตินแสยะยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ศีรษะของเขาจะเลื่อนหลุดออกจากลำคอ ผมไม่อยากคิดเลย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากผมและโมแรนที่เลเวลสูงกว่าได้เผชิญหน้ากัน บางทีตอนนั้นฝ่ายที่หัวต้องหลุดกระเด็นอาจจะกลายเป็นผมเอง

ความเจ็บปวดจากบาดแผลกำเริบขึ้นชั่วขณะที่ฝืนร่างกาย ผมหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าหลังจากกำจัดมาร์ติน สกิลของศัตรูที่ผนึกสกิลฝ่ายเราไว้จะคลายออก แต่ผมมองโลกในแง่ดีเกินไป สกิลที่ถูกผนึกก็ยังคงถูกผนึกเหมือนเช่นเดิม มันไม่ใช่พลังของมาร์ติน

รักษาตัวไม่ได้ สกิลเทเลพอร์ตก็ยังใช้ไม่ได้ แต่อะไรที่ทำไม่ได้ คิดมากไปก็ป่วยการ

ผมมั่นใจว่าเสียงระเบิดเมื่อไม่นานมานี้มาจากข้างล่าง มีความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นฝีมือของพวกเราคนใดคนหนึ่ง แล้วถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฝีมือของแอนหรือแคท ทั้งสองคนนั้นก็อาจจะหาทางลงไปชั้นล่างเพื่อตรวจสอบเช่นกัน

ใช่แล้ว แค่ลงไปข้างล่างได้ก็น่าจะได้เจอกับคนอื่น

ศัตรูคงคิดแบบเดียวกัน ผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากเส้นทางใกล้ ๆ ผมสังเกตจนมั่นใจว่าไม่ใช่พวกเดียวกันจึงเปิดฉากจู่โจม

ซอมบีไซบอร์ก หมาซอมบี นกซอมบี จระเข้ซอมบี ซอมบีสี่แขน ซอมบีหลากหลายชนิดที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนกลายเป็นสิ่งที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปในเหมืองรังอสูร

ยิ่งรุกคืบเข้าไป ผมก็ยิ่งแน่ใจว่าที่นี่ไม่ปกติ

"คุณคามิล"

เมย์วิ่งโบกไม้โบกมือเข้ามาหา เธอมาจากอีกเส้นทางที่น่าจะเป็นคนละทางกับเสียงระเบิดก่อนหน้านี้

"เห็นแอนกับแคทไหม" ผมรีบถามด้วยความหวัง

"ไม่เห็นคุณแอนค่ะ แต่คุณแคทอยู่ทางนี้ ศัตรูก็อยู่ด้วย"

"นำทางไป"

ร่างกายของเมย์ชุ่มโชกไปด้วยเลือดและรอยบาดแผล ไม่ต้องถามเพิ่มผมก็เดาสถานการณ์ออก เมย์แหวกวงล้อมศัตรูออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจนกระทั่งมาเจอกับผมที่วิ่งสวนมาพอดี

แล้วเราสองคนก็ไปหยุดอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่ง ห้องนี้มีลักษณะผิดที่ผิดทางเหมือนไม่ได้เป็นห้องที่อยู่ในเหมือง มันมีขนาดใหญ่โต พื้นและผนังทั้งสี่ด้านเรียบจนเหมือนกับถูกตัดหรือกลึงจนกลายเป็นระนาบเดียวกัน มีโต๊ะขนาดเล็กและใหญ่อยู่มากมายและบนนั้นมีอุปกรณ์สำหรับการทดลองอยู่หลายชิ้น

"ห้องทดลองของหมอนั่นค่ะ"

เมย์อธิบายอย่างรวบรัดพร้อมกับชี้ไปที่ชายผู้ยืนจังก้าอยู่กลางห้อง ด้านหลังของเขามีร่างหมอบอยู่กับพื้นหลายร่าง คนเดียวที่ยังยืนอยู่ไหวคือแคทเธอรีน

ผมไม่ได้มองแคทหรือแสดงท่าทางวิตกออกมาให้อีกฝ่ายเห็น ในสถานการณ์แบบนี้การไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าจุดอ่อนของเราคืออะไรเป็นสิ่งสำคัญ