ตอนที่ 17 ถูกเร่งรัดให้แต่งงาน
ซิงฮุย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ภายในออฟฟิศ
ฉางลี่หน้าตาไม่สบอารมณ์ “หนิงซีออดิชั่นผ่านได้บทรองนางเอก!”
“บทรองนางเอก?” หนิงเสวี่ยลั่วได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น “ไม่ใช่ว่าหล่อนได้งานเป็นตัวประกอบละครอะไรสักอย่างอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมีเวลาไปออดิชั่นบทรองนางเอกอีก!”
“ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกัน พอสอบถามดูแล้วถึงรู้ว่าเมื่อวานหลังจากการออดิชั่นเสร็จสิ้นไปแล้ว พวกคณะกรรมการกำลังเตรียมตัวกลับ ก็บังเอิญเจอกับหนิงซี รู้สึกว่าหล่อนเหมาะกับบทรองนางเอกมาก เห็นครั้งเดียวก็มอบบทนี้ให้ มิน่าล่ะ เธอถึงกีดกันหล่อนนัก หนิงซีคนนี้แผนการร้ายกาจจริงๆ ออดิชั่นเสร็จไปแล้วก็ยังไปดักรออีก ไม่รู้ตั้งใจไปยั่วยวนใครรึเปล่า!”
ยังมีคำพูดบางประโยคที่ฉางลี่ไม่กล้าพูด ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยบาดจิตของหนิงซี ถ้าบรรดาคณะกรรมการจะถูกใจตั้งแต่แรกเห็น เธอก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย เมื่อนึกถึงตอนแรกที่พาหนิงซีมาเซ็นสัญญาเข้าสังกัด เธอก็หมายมั่นว่าจะปั้นให้โด่งดัง แต่ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ หนิงเสวี่ยลั่วก็โผล่เข้ามา
คนหนึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่ตัวเล็กๆ ที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร อีกคนหนึ่งเป็นดาราดังที่มีครอบครัวคอยหนุนหลัง ใครๆ ก็รู้ว่าควรเลือกคนไหน ในวงการบันเทิงนี้ใช่ว่าสวยอย่างเดียวก็พอเสียเมื่อไหร่
หนิงเสวี่ยลั่วสีหน้าอำมหิต “ถึงจะไม่ใช่บทนางเอก แต่ละครเรื่องนี้ก็เป็นละครฟอร์มใหญ่!”
คำพูดนี้เช่นนี้ บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้หนิงเสวี่ยลั่วได้บทนี้ไปครอง
ฉางลี่รู้สึกลำบากใจ “คราวนี้ดูท่าจะยาก แม้ครั้งนี้บริษัทจะลงทุนกับละครเรื่องนี้ไปมาก พอท่านประธานรู้ว่าบริษัทเราได้ทั้งบทนางเอกกับรองนางเอกก็ดีใจมาก ถ้าบริษัทเรามีคนที่เหมาะกับบทนี้มากกว่าหนิงซีก็ดีไป เสียดายออดิชั่นไม่ผ่านสักคน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนตัวหนิงซีได้...”
หนิงเสวี่ยลั่วที่ไม่รู้คิดอะไรได้ขึ้นมา อยู่ๆ ก็นิ่งไป ตะไบเล็บไปพลาง หัวเราะเย้ยหยัน “ช่างเถอะ ในเมื่อหล่อนต้องการแสดงบทปีศาจจิ้งจอก งั้นก็ให้แสดงไป! หึ นางปีศาจล่มเมือง บทนี้เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”
หนิงซีได้รับโทรศัพท์จากฉางลี่อย่างรวดเร็ว บอกเธอว่าบทรองนางเอกเรื่องเทียนเซี่ยเป็นของเธอแน่นอนแล้ว ให้เธอเตรียมตัวให้พร้อม
ในเนื้อเรื่องเทียนเซี่ย นางเอกเป็นผู้หญิงเก่งกล้าฉลาดเฉลียว เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพระเอกได้ครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ นางรองเป็นคนชั่วร้ายทำลายบ้านเมืองถูกประชาชนขับไล่ สุดท้ายถูกนางเอกบีบบังคับจนกระโดดลงหน้าผา สาแก่ใจยิ่งนัก เมื่อบทเป็นแบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่หนิงเสวี่ยลั่วไม่ขัดขวางให้เสียเรื่อง
แม้จะได้รับบทรองนางเอกเรื่องเทียนเซี่ย หนิงซีก็ยังมีงานอื่นต้องทำให้เสร็จวันนี้ เธอได้บทเป็นมือที่สามแย่งสามีชาวบ้าน วันนี้เหลือถ่ายห้านาทีสุดท้าย ถูกคนฝูงหนึ่งรุมตบตีภายใต้แสงเจิดจ้าของพระอาทิตย์ และเพื่อจะถ่ายห้านาทีสุดท้ายของเรื่อง ต้องใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมง เพราะว่าคนแสดงเป็นคนดูไม่มีประสบการณ์ แสดงออกมาไม่พร้อมเพรียงกัน เธอเลยโดยรุมซ้อมอยู่หลายครั้ง
เมื่อกลับถึงบ้าน หนิงซีก็เปิดทีวีดูตามความเคยชิน นอนหมดแรงอยู่บนโซฟา นอนไปสักพักก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปอย่าง ตอนนั้นเองในจอโทรทัศน์ก็มีข่าวๆ หนึ่ง ภาพคนข้างในดูคุ้นตา ดูสง่าผ่าเผยแบบนี้ ไหล่กว้าง เอวสอบ ขาเรียวยาวแบบนี้ เหมือนจะอยู่สูงส่งไกลเกินเอื้อม ถ้าไม่ใช่พ่อของซาลาเปาน้อยลู่ถิงเซียว แล้วยังจะเป็นใครได้อีก! ลู่ถิงเซียวเหมือนอยู่ในงานเซ็นสัญญาอะไรสักอย่าง กำลังจับมือกับชาวต่างชาติอยู่ พิธีกรแนะนำอย่างตื่นเต้นว่าลู่ซื่อกรุ๊ปร่วมมือกับแบรนด์ DR จากอิตาลี่ เข้าสู่ตลาดยุโรป มูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ดูไปดูมาหนิงซีก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอลืมโทรศัพท์หาเสียวเป่า!
ปัวจินตี้กง
สองผู้เฒ่าแห่งสกุลลู่กลับจากต่างประเทศแล้ว สมาชิกครอบครัวทั้งห้ากำลังทานอาหารด้วยกัน สามปีมานี้ลู่ซื่อกรุ๊ปซบเซามาตลอด แต่ท้ายที่สุดสถานการณ์ก็บรรเทาลง ท่านผู้เฒ่ามีความสุขมาก รู้สึกชื่นชมและพูดให้กำลังใจลู่ถิงเซียว แม้แต่ลู่จิงหลี่ก็พลอยได้รับคำชมไปด้วย แต่ว่าพูดไปจนถึงตอนท้าย ประเด็นสำคัญก็ถูกยกขึ้นมาพูดอีกแล้ว ใจความสำคัญคือ งานสำคัญมาก แต่หลานชายหัวแก้วหัวแหวนสำคัญยิ่งกว่า
“ถิงเซียว งานสำคัญมาก แต่ก็อย่าละเลยเสียวเป่า ช่วงนี้งานแกก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว ให้เวลากับเสียวเป่าเยอะๆ อยู่เป็นเพื่อนลูกให้มากด้วย” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น
“ถ้าหากลูกไม่มีเวลาจริงๆ ก็หาคนมาช่วยดูแลสิ! เสียวเป่าโตป่านนี้แล้ว ลูกควรจะคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะ” ผู้เป็นแม่กล่าวต่อ
“แม่ของแกพูดมีเหตุผล!”
ลู่จิงหลี่ส่งสายตาให้พี่ชาย ดูสิ พ่อแม่เราเริ่มเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกแล้ว
ลู่ถิงเซียวก้มหน้ากินข้าว ไม่พูดอะไรสักคำ
ลู่เสียวเป่ามือประคองมือถือ ไม่ขยับเขยื้อน