ตอนที่ 13 เลี้ยงเด็กไม่ง่ายเลย
มีชุดปิกาจูที่เคยได้จากโรงงานตอนทำงานพิเศษอยู่ชุดหนึ่ง เธอยัดไว้ในลิ้นชัก เสียวเป่าสวมได้พอดี
ส่วนลู่ถิงเซียวก็โชคดี มีชุดที่น้องชายของเธอทิ้งไว้ที่นี่สองสามชุด
หลังได้พบพ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว หนิงซีก็รู้สึกผิดต่อพ่อแม่บุญธรรมมาก ไม่กล้าสู้หน้าพวกท่าน จึงได้ติดต่อกันน้อยมาก จะมีก็แค่กับถังนั่วผู้เป็นน้องชายเท่านั้น ที่ยังพอติดต่อกันอยู่
เมื่อหาชุดให้ได้แล้ว หนิงซีก็นำหมอนและผ้าห่มชุดใหม่มาให้ลู่ถิงเซียว
โซฟาในห้องรับแขกไม่ใหญ่ ขายาวๆ ของลู่ถิงเซียวไม่พอวางด้วยซ้ำ เธอจึงนำตั่งตัวหนึ่งมาต่อให้เพื่อเพิ่มความยาวอีกนิดหนึ่ง
เสียวเป่าก็รู้ความเหลือเกิน อาบน้ำเองเสร็จแล้วก็สวมชุดนอนน่ารัก โดดขึ้นนอนบนเตียงเองเรียบร้อย
หนิงซีอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนชุดนอนเป็นแบบเสื้อและกางเกงสองชิ้นที่ดูรัดกุม เมื่อมั่นใจว่าไม่มีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสมแล้วจึงเดินออกมา
“งั้น... คุณลู่ ฉันไปนอนก่อนนะคะ ต้องการอะไรก็เรียกฉันได้”
“อืม” เมื่อเห็นหนิงซีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทันใดแววตาของลู่ถิงเซียวก็สูญเสียการควบคุม ใต้ดวงตาคมเข้มนั้นกวาดมองไปทั่ว
หญิงสาวเกล้าผมเป็นทรงลูกชิ้น สวมชุดนอนธรรมดาๆ แบบเสื้อกับกางเกง ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอาง ผิวขาวงามดั่งหยก กลิ่มหอมละมุนสดชื่นที่เกิดจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จฟุ้งไปทั่ว
เห็นได้ชัดว่าหนิงซีตั้งใจปกปิด รูปลักษณ์ของเธอตอนนี้ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
ทว่าสำหรับลู่ถิงเซียวความรู้สึกตอนนี้ยากจะอธิบาย เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างภายใต้ร่างกายเขา กำลังแอบผงกหัวขึ้น
พอหนิงซีเดินเข้ามาในห้องนอน มองเห็นบนเตียงมีตัวอะไรน่ารักเพิ่มขึ้นมาตัวหนึ่ง ในใจก็เกิดความแปลกใจ เริ่มตั้งแต่คืนวานนี้เป็นต้นมา ก็เกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นหลายอย่าง
“รีบนอนเถอะ” เธอล้มตัวลงนอนข้างๆ ซาลาเปาน้อย ปิดไฟดวงใหญ่ เหลือไว้เพียงไฟที่หัวเตียง
ซาลาเปาน้อยลืมตาแป๋ว ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเลยสักนิด
หนิงซีเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว
ดูท่าเด็กน้อยต้องการให้เล่นนิทานให้ฟังก่อนนอน
หนิงซียกโบกมือปฏิเสธ “น้าเล่านิทานไม่เป็น เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวจะร้องเพลงให้ฟังนะ”
ซาลาเปาน้อยผงกหัว ใบหน้าบ่งบอกถึงการรอคอย
หนิงซีใช้มือลูบหลังซาลาเปาน้อยอย่างแผ่วเบา เริ่มร้องเพลงขึ้นมาเบาๆ
ยามใบไม้ผลิ ครึ่งเหน็บหนาว ครึ่งอบอุ่น
ฉันอิงแอบ เคียงอยู่ คู่ข้างกายเธอ
จ้องมองแสง ที่ร่ายรำ อย่างเงียบงัน
ใบเมเปิ้ล แต่ละใบ ในสายลม
ก่อเกิดขึ้น ในใจ ไม่ขาดสาย
ยามครึ่งมัวเมา ครึ่งรู้สึก
ปรากฏเสียง หัวเราะ พันพันครั้ง
ฉันเหมือนหิมะ ล่องลอยอยู่ กลางหมู่เมฆ
ถูกจุมพิต เย็นฉ่ำ อย่างแผ่วเบา ที่ใบหน้า
คอยผูกเกาะ พันเกี่ยว ไม่ขาดหาย
แม้ความรัก ถูกฝา กไว้ในโลก มากเพียงใด
จักพร้อมรับ ความเปลี่ยนแปลง อย่างยินดี
……
ร้องถึงตรงนี้หนิงซีก็หยุด เพราะท่อนต่อไปคือ ‘ทำเรื่องมีความสุขกับคนรัก’....
บ้าจริง เนื้อเพลงนี้คงไม่เหมาะกับเด็กเท่าไหร่?
เปลี่ยนเพลงอื่นดีกว่า...
“เอ่อ ท่อนต่อไปน้าร้องไม่ได้แล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ดีกว่า!”
ซาลาเปาน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย
หนิงซีพยายามนึกถึงเพลงที่ค่อนข้างปลอดภัย
บ่อน้ำแสนสุข มีกบตัวหนึ่ง
ยามกระโดดขึ้นปุ๊บ กลับเหมือนเจ้าชาย
ดวงตาแสนงาม ยากหาใครเปรียบ
ในสักวันหนึ่ง เจ้าหญิงปลุกเขาตื่น
ฉันมั่นใจว่า ปาฏิหาริย์ยังมีอยู่
เติบโตอย่างมั่นใจ พร้อมเธอเคียงข้าง
ลา ลา ลา ลา ลา...
ร้องเพลงกบน้อยกระโดดอยู่ถึงสามรอบ สุดท้ายจึงได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบา
เลี้ยงเด็กไม่ง่ายเลยจริงๆ!
เธอรู้สึกนับถือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างลู่ถิงเซียวขึ้นมาทันใด
ทั้งยังไม่รู้ว่าแม่ของซาลาเปาน้อยคือใคร? เพราะเหตุใดคลอดซาลาเปาน้อยแล้วกลับไม่อยู่ด้วยกันกับลู่ถิงเซียว?
เพราะฐานะต่ำต้อยครอบครัวสกุลลู่จึงไม่ยอมรับ?
หรือจะเพราะมีเรื่องขัดแย้งกับลู่ถิงเซียวที่ปกปิดไม่ให้ใครรู้
คิดฟุ้งซ่านต่างๆ นานา จนกระทั่งหนิงซีค่อยๆ หลับไปในที่สุด...
หลับได้ครึ่งค่อนคืน จู่ๆ หนิงซีก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงรบกวนบางอย่างที่ดังมาจากห้องรับแขก