ความทรงจำแรกที่มีในร่างของหนุ่มน้อยย้อนกลับไปเกือบหนึ่งเดือนที่แล้ว
ก่อนการลืมตาขึ้นนั้นมีแต่ความฝัน ความฝันอันทุกข์ทรมานไร้จุดสิ้นสุด—เหมือนพยายามแค่ไหน ก็ไม่อาจดึงอากาศเข้าปอด มีแต่ความอึดอัดหายใจไม่ออก ตามมาด้วยมวลของเหลวไหลทะลักเข้าปาก สุดท้ายก็เข้าไปถึงปอด จากนั้นคือความรู้สึกที่ราวกับทุกอย่างในตัวแตกสลายระเบิดออก น้ำที่กลายเป็นสารมรณะฉีกกระชากทุกอย่างจากข้างใน ไม่มีคำใดบอกได้เว้นแต่เจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด บรรยากาศรอบตัวก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดสนิท มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า
ตอนแรกเขานึกว่าจะต้องล่องลอยอยู่ในฝันร้ายนี้ไปเรื่อย ๆ นานตราบนิรันดร แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ปลุกสัมปชัญญะให้คลายจากสภาวะเคลิ้มลอย
ที่ได้ยินคือเสียงปี๊บ ๆ
เสียงปี๊บที่ว่าน่าจะเป็นเสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรสักอย่าง ตอนแรกได้ยินเพียงแผ่ว ๆ ก่อนค่อย ๆ ดังขึ้นทุกที
และนั่นทำให้เขากะพริบตา
ภาพสีดำที่หมุนวนในห้วงความคิดมาเนิ่นนานพลันสลายไปทันทีที่ลืมตา กระนั้นทัศนวิสัยที่ปรากฏตรงหน้าก็พร่ามัวอย่างยิ่ง เขารู้สึกถึงสัมผัสที่ต้นแขน
หรือนี่คือภาพของโลกหลังความตาย เขาตายไปแล้ว
ชายหนุ่มกะพริบตาซ้ำ ๆ จึงเห็นภาพโครงร่างลักษณะคล้ายคน เป็นสีเขียวบนพื้นขาว เขาหยีตา ที่แท้คือพยาบาลคนหนึ่งในชุดสครับสีเขียวนั่นเอง ส่วนโลกที่เขามองเห็นตอนนี้ส่วนใหญ่มีสีขาว
ในชีวิตหลังความตายพยาบาลยังแต่งชุดสีเขียวน่าเกลียดแบบนี้อีกหรือ
"คุณคะ ๆ" หญิงสาวจับแขนคนป่วยไว้ "ฟื้นแล้วเหรอคะ" เธอวนไฟฉายปากกาไปมาที่ดวงตาของหนุ่มน้อยตรงหน้า เมื่อพบว่ารูม่านตาของเขาหดตัวทันทีที่ได้รับแสงเธอจึงแน่ใจ
หญิงสาวที่เอามือจับแขนของคนป่วยไว้ คือพยาบาลชุดสครับสีเขียวที่ถูกจ้างพิเศษต่างหาก นอกจากพยาบาลชายอีกคนที่เป็นพนักงานของบริษัทที่คอยประจำอยู่ที่แท่นขุดเจาะนี้ เหตุผลที่พยาบาลสาวถูกจ้างมา ก็เพื่อดูแลผู้ป่วยโคม่าคนนี้โดยเฉพาะ และเมื่อได้ยินเสียงเตือนจากเครื่องวัดสัญญาณชีพที่ว่า เธอจึงรีบถลันเข้ามาในห้องคนป่วย
พยาบาลสาวคนนั้นรีบร้องบอกพยาบาลชายประจำแท่นขุดเจาะว่า
"บอกคุณเดวิสด้วยว่า ผู้ป่วยโคม่าฟื้นแล้ว"
เดวิส ชื่อนี้ก้องในหัวไปมา ชายหนุ่มคนที่เพิ่งฟื้นจำได้ว่า ชื่อนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเขา ถ้าโลกที่เขาตื่นขึ้นมามีเดวิส นั่นแปลว่านี่คือโลกใบเดิมใช่หรือไม่
เขาเลยพยายามเปล่งเสียงถามไป มันยากลำบากมากในตอนแรก ราวกับร่างกายนี้ลืมวิธีการออกเสียงไปแล้ว เขากระแอมสองสามที จนสุดท้ายก็ไอแคก ๆ ออกมาเพื่อเรียกเสียง แต่เสียงที่ออกมาก็แหบพร่าอย่างยิ่ง
"เดวิส-คือ-ใคร"
พยาบาลสาวเป็นคนตอบ "คุณชนรพ เดวิส หงษทัศน์พิพัฒน์ เจ้าของลาโฮมกรุปไงคะ แล้วก็เป็นเจ้าของแท่นขุดเจาะนี่ด้วย"
"แล้ว-ที่นี่-ที่ไหน"
"แท่นขุดเจาะน้ำมัน ชื่อว่าแท่นอัญชัน อยู่กลางอ่าวไทย เป็นของลาโฮมกรุปอย่างที่บอกไปเมื่อตะกี้ค่ะ"
โอ้โห ไม่อยากเชื่อเลย ข้อมูลของเดวิสกับลาโฮมกรุปถูกต้องตรงกับที่เขารู้ นั่นแปลว่าเขายังไม่ตายใช่ไหม แค่หลับยาวหลังจากจมน้ำไปก็แค่นั้น เฮ้อ คุณพระช่วย เขาดีใจที่สุดเลย
แต่ความดีใจก็คงอยู่ไม่นานหลังจากคนที่เพิ่งตื่นสังเกตหลังมือที่มีสายน้ำเกลือและสายยาเสียบห้อย ต่อมาก็พลิกดูที่ท้องแขน จากนั้นก็ลองเอามือข้างหนึ่งลูบหัวไหล่ด้านหน้าและด้านหลัง ก่อนเลื่อนลงไปที่หน้าท้อง
แขนเรียวยาวผอมบาง ท้องแขนขาวซีดมาก ตรงข้อมือด้านในเห็นเส้นเลือดดำเป็นสีน้ำเงินอยู่ใต้ผิวบาง ๆ ด้วย นี่ตัวเขาขาวแล้วก็ผอมขนาดนี้เลยเหรอ
ชายหนุ่มเอะใจ เลยลูบคลำไปตามขา ลำตัว จากนั้นใจก็หายวาบเลยทีเดียว
เฮ้ นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยนี่หว่า แล้วคนนี้คือใคร เขามาอยู่ในร่างคนอื่นงั้นเหรอ
ชายหนุ่มร้อนใจอยากเห็นหน้า ติดตรงที่ว่ารอบตัวเขาไม่มีกระจกเลย บังเอิญว่ามีถ้วยสเตนเลสเล็ก ๆ สำหรับใส่ยาหรืออะไรบางอย่างวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงพอดี เขาเลยพยายามเอื้อมมือที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงขยับถ้วยใบนั้นให้เข้าใกล้องศาที่ตาจะเห็น แล้วเหลือบดูเงาที่สะท้อนบนถ้วยนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เฮ้ยยยยย อะไรกันวะเนี่ย
วินาทีที่เห็นเงาสะท้อน ชายหนุ่มแทบหมดสติไปอีกรอบ นี่มันมหัศจรรย์คาดไม่ถึงเกินไปแล้วล่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับเขา
เขาผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องวิญญาณ ชาติภพ แต่ดันต้องมาเจอกับตัวเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ในอีกร่างเนี่ยนะ เป็นอะไรที่เกินจะรับจริง ๆ!
+++++
สองสามชั่วโมงผ่านไป เขาเริ่มตั้งสติได้
แม้ตอนแรกที่ลืมตาตื่นเขาจำอะไรไม่ได้เลย แต่ผ่านไปสักพัก ความทรงจำก็ค่อย ๆ กลับมา
พอความคิดเริ่มเข้าที่เข้าทาง ชายหนุ่มก็หันไปมองด้านหลังเตียงนอน ตรงนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ หน้าจอที่มีตัวเลขดิจิทัลต่าง ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ ส่งเสียงครืดคราดแผ่วเบา
เขาเผลอกัดเล็บ แต่พอนึกได้ก็เลิกทำ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นมีเป้าหมายบางอย่าง
เอาละ ถึงเวลารวบรวมสติ ขั้นแรกต้องนึกให้ได้ว่า ก่อนมาติดอยู่ในร่างนี้ เขาจำเรื่องอะไรในชีวิตที่แล้วได้บ้าง
เขาชื่ออะไร—การิน นันทพจน์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยว
เขาทำงานอะไร ที่ไหน—เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของลาโฮมกรุป ดูแลห้องแล็บผลิตฟีโรโมน อยู่ที่แท่นอัญชันกลางทะเลอ่าวไทยอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แท่นขุดเจาะแห่งนี้คือที่ทำงานของเขา
ทำงานที่นี่มานานเท่าไร—เกือบสามสิบปีแล้ว
แล้วอยู่ที่แท่นขุดเจาะนี่มากี่ปี—ห้าปี
โอเค เขาเริ่มใจชื้น ดีใจที่จำข้อมูลส่วนตัวได้ละเอียดกระทั่งจำนวนปีที่ทำงานได้ ซึ่งพอได้ทบทวน เขาก็รู้สึกว่าทำไมถึงทำงานที่นี่มานานหลายปีดีดักเหลือเกิน อยู่มานานขนาดนี้ได้ยังไง
ชายหนุ่มใช้กำปั้นข้างหนึ่งฟาดลงบนฝ่ามือตัวเอง มั่นใจว่าความทรงจำนี้พวกนี้ถูกต้อง ไม่มีทางผิดแน่นอน
ยังไงตอนนี้เขาก็ดีใจที่อย่างน้อยยังจำชีวิตก่อนหน้าได้ ความจำเขาไม่ได้เสื่อม
แต่แล้วคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น ปัญหาคือ ตัวเขาคนก่อนตายยังไง ความทรงจำสุดท้ายของชีวิตที่แล้ว แทบไม่มีอะไรที่แตกต่างพิสดารจากชีวิตลูกจ้างคนหนึ่ง คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาตื่นนอนไปทำงานตามปกติ อ้อ ที่เหลือจากงานคือการดื่ม จำได้ว่าตัวเองคนก่อนดื่มหนักและทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว
และก็จำได้ด้วยว่าสาเหตุที่เขากลายเป็นขี้เมาคืออะไร
นั่นเพราะความทุกข์ทรมานใจของเรื่องเมื่อสามปีก่อน ซึ่งเกี่ยวกับ...
แต่เขาสลัดความคิดนี้ทิ้งไป ไม่อยากคิดถึงตอนนี้ เขามีเรื่องอื่นสำคัญกว่าให้กลุ้ม
นั่นเพราะร่างที่เขาฟื้นขึ้นมาช่างอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีแรงกระทั่งจะยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มรู้เรื่องนี้ทันทีตั้งแต่หลังตื่นขึ้นมา ในตอนนั้นเขารู้สึกกระหายน้ำอย่างยิ่ง แค่อยากยันตัวเองลุกจากที่นอน เพื่อเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำที่มีหลอดดูดมาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ต้องกดปุ่มเรียกพยาบาล เพราะลุกขึ้นมานั่งเองไม่ได้
ยังดีที่เขาดื่มน้ำได้เหมือนคนปกติ แต่พยาบาลบอกว่าอย่าเพิ่งดื่มเยอะ ให้จิบทีละนิดเท่านั้น
ชายหนุ่มล้มตัวลงไปนอนต่ออีกประเดี๋ยว ก็เกิดความต้องการอยากลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เขากัดฟัน พยายามขยับตัวท่อนล่าง แต่ราวกับร่างกายส่วนนั้นเป็นอัมพาต ราวกับกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในการขยับแข้งขยับขาลืมการทำงานไปแล้ว
การินขวัญเสีย แต่ไม่ยอมแพ้ เขาลองค่อย ๆ ขยับ ในที่สุดด้วยความพยายามจนเหงื่อซึมที่ขมับเขาก็ขยับขาได้ แต่ยังยกมันออกไปวางนอกเตียงไม่ไหวอยู่ดี
คนป่วยเลยยอมแพ้ เขากดออดเรียกพยาบาลอีกรอบ
คราวนี้คนที่เข้ามาคือพยาบาลหนุ่มที่ประจำอยู่ที่แท่น ยังดีที่เป็นคนนี้ เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่มีกำลังวังชาดี พยาบาลหนุ่มแทบต้องอุ้มการินขึ้นจากเตียงเพื่อมานั่งบนเก้าอี้มีที่เท้าแขนที่พยาบาลสาวไปหามาให้
การินวางมือบนที่วางแขนของเก้าอี้ แล้วจับตรงนั้นให้มั่น
แล้วคนป่วยที่เพิ่งฟื้นก็พยายามยันตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้า ๆ
"เฮ้ย อะไร-วะเนี่ย" การินหลุดครางเสียงแหบออกมาเลย
เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้ ความตระหนกแผ่ขยายจนเหงื่อแตกซิกที่ขมับ ที่แผ่นหลังและหน้าอก
"คุณพยาบาลครับ-ช่วยพยุงผม-ให้ลุกขึ้นได้ไหม"
พยาบาลหนุ่มทำหน้าไม่เห็นด้วย เขาร้องเตือนว่า "คุณเพิ่งฟื้นจากอาการโคม่า ผมว่าคุณไม่ควรลุกเดินไปไหนมาไหนนะครับ"
"ผม-อยากลองดูครับ ผมไม่แน่ใจว่า-ขาผมเป็นยังไงบ้าง"
อีกฝ่ายยอมทำตาม โดยพยาบาลหนุ่มส่งแขนให้อีกฝ่ายจับอย่างมั่นคง
การินกัดฟันทีเดียวตอนที่มือข้างหนึ่งของเขาจับที่ต้นแขนของพยาบาลหนุ่ม เขายันตัวเองขึ้นมาได้นิดหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายเห็นท่าจะไม่ไหว เลยลองใช้สองแขนโอบรอบตัวคนป่วยด้านหลังแล้วยกเขาขึ้นจากตรงนั้น
แต่นั่นกลายเป็นการลากคนป่วยมากกว่า ขาทั้งสองของคนเพิ่งตื่นอ่อนเปลี้ยลากเรี่ยไปตามพื้น
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ภายใต้การประคับประคองจากพยาบาลหนุ่ม สองเท้าคนป่วยพยายามเต็มที่จะก้าวไปข้างหน้าทีละข้าง การออกแรงอย่างหนักหน่วงทำให้คนป่วยเหงื่อแตก เม็ดเหงื่อซึมจนเปียกแผ่นหลังเป็นจุด ๆ
ไม่อยากเชื่อ เหมือนเขาลืมวิธีการเดินไปแล้วยังไงยังงั้น เหมือนกลับไปเป็นเด็กเพิ่งหัดเดิน
"โอ๊ะ ระวัง" เป็นเสียงของพยาบาลนั่นเอง เพราะขาข้างหนึ่งของคนป่วยเกิดอ่อนแรงจนล้มฮวบลงไป ตอนนี้ขาทั้งสองคงแข็งแรงประมาณหนังยางเท่านั้น
ถ้าไม่ได้พยาบาลหนุ่มประจำที่แท่นช่วยพยุงตัวเขาไว้ เขาอาจล้มคว่ำหน้าฟาดพื้นเจ็บหนักไปอีกก็ได้
การินใจหายวาบ ทำไมกล้ามเนื้อขาของร่างนี้อ่อนแรงเหลือเกิน กระทั่งจะยืนอย่างมั่นคงแค่แป๊บเดียวยังไม่ได้ อย่าว่าแต่เดินเลย!