webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · perkotaan
Peringkat tidak cukup
710 Chs

005

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 5 ตัวประกอบ

คำพูดของชายหนุ่มคนนั้นมีความหมายแฝง เจียงเซ่อไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี

ตอนที่เธอเป็นเฝิงหนานเธอก็ไม่ค่อยจะได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องวงกาบันเทิงเสียเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอได้ยินข่าวลือพวกนี้มาบ้าง

วงการแบบนี้มันซับซ้อนนัก ท่าทีของชายหนุ่มคนนั้นตอนนี้ทำให้เธอยิ้มออกมา

ยังไงนามบัตรคงต้องรับไว้ก่อน ถ้าปฏิเสธตอนนี้ละก็ งานตัวประกอบที่เพิ่งได้มาคงต้องชวดไปแน่

เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอรับนามบัตรไว้ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน

“วงการนี้ผมคุ้นเคยมันดี ถ้าเธออยากจะแสดงหนังหรืออยากจะแสดงบทบาทไหน โทรหาฉันก็พอถ้าเธอต้องการ กองถ่ายยังอยู่ที่เซิ่นจวงอีกหลายวัน”

พอชายหนุ่มพูดจบก็มีเสียงเรียกชื่อเขาดังมาจากด้านหลัง เขาตอบไปคำก่อนจะหันมาพูดกับเจียงเซ่ออีกครั้ง

“อย่าลืมโทรหาผมล่ะ”

พูดเสร็จก็หมุนตัวเดินไปทันที

พอเห็นว่าชายคนนั้นไปแล้วหลูเป๋าเป่าก็รีบเดินมาหาเธอทันที

“เซ่อเซ่อ หรือว่าเขาเห็นเธอสวยก็เลยอยากจะช่วยให้เธอดัง?”

เจียงเซ่อส่ายหน้า เธอทิ้งนามบัตรนั่นลงในถังขยะใกล้ๆ

“เธออย่าโดนหลอกนะรู้ไหม”

ชายหนุ่มคนนั้นเป็นแค่คนวิ่งเต้นให้คนในกองเท่านั้นแหละ โดนคนเรียกให้ทำนู้นทำนี่ ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในกองนักหรอก

บทสนทนานั่น อย่างมากก็แค่เอาไว้หลอกเอาเปรียบพวกเด็กสาวใสซื่ออยากจะเป็นดาราแต่ไร้ประสบการณ์ก็เท่านั้น อำนาจจริงๆ ที่คนคนนี้ทำได้กลัวว่าน่าจะเป็นแค่การเลือกพวกตัวประกอบในกองเท่านั้นล่ะ บทบาทดีๆ คนๆ นั้นจะเป็นคนเลือกได้ยังไงกัน

“ไปเถอะ”

พวกผู้หญิงคนอื่นเข้าไปในห้องแต่งตัวกันหมดแล้ว ส่วนสองสาวเป็นคนสุดท้ายที่ไปถึง พอเข้าไปในห้องแต่งตัวก็พบว่าหลายคนได้เปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยแล้ว

ดูจากลักษณะชุด ละครเรื่องนี้น่าจะถ่ายทำในช่วงสมัยสาธารณะรัฐ ดูจากชื่อเรื่อง ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ เรื่องนี้ก็น่าจะมีฉากสู้รบกัน

พอได้ไปเห็นเสื้อผ้าที่จัดเรียงไว้ให้ก็รู้ได้ทันทีว่ามันได้ถูกใส่มาหลายครั้งแล้ว สีมันไม่เท่ากันสักตัวแถมมีกลิ่นเหม็นตุๆด้วย

หลูเป๋าเป่าที่ตอนแรกตื่นเต้นดีใจเหลือเกินจนตอนนี้กลับหน้าบูดเสียแล้ว เจียงเซ่อไม่ได้แคร์เท่าไหร่ เธอหยิบชุดมาแล้วเดินไปเปลี่ยนทันที

หลังม่านกั้นมีคนอยู่ไม่น้อย แต่ทุกคนต่างเงียบไม่พูดอะไรกัน ตอนที่เปลี่ยนชุดเสร็จออกมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทันสมัยอายุราวสามสิบถือแบบฟอร์มเดินเข้ามาในห้อง

“นักแสดงตัวประกอบวันนี้ ทุกคนจะได้ค่าแรงสี่สิบหยวน ทำงานแปดชั่วโมง มีข้าวกล่องให้” เธอทักทายทุกคนก่อนจะอธิบายการทำงานและค่าบริการต่างๆ

“ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คุณก็ต้องทำตามสิ่งที่คนในกองได้จัดเตรียมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน ถ้าพวกคุณไม่มีปัญหาก็มาลงชื่อได้เลย หลังเสร็จงานแล้วจะมีการประกาศชื่อรับเงินก็โอเคแล้ว”

ทุกคนรีบต่อแถวลงชื่อกัน พอถึงคิวเจียงเซ่อ หญิงสาวคนนั้นก็ดูอึ้งไป ลอบมองหน้าเธอหลายครั้งจนถือสมุดรายชื่อออกไป

ตอนนี้ทุกคนกำลังต่อแถวเพื่อรอแต่งหน้า พอเห็นคนที่แต่งเสร็จเดินออกมาก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่บทบาทที่สวยงามอะไรนัก ตอนที่หลูเป๋าเป่าแต่งหน้าเสร็จ จากคนที่อารมณ์ดีก็กลายเป็นคนหงอยๆ ไปเสียอย่างนั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อท่อนบนสีฟ้าขาดปุปะทั้งตัว ดูแล้วแก่ไปหลายปี

คนที่แต่งหน้าให้เซ่อเจียงเป็นชายอายุสามสิบได้ เขามองเจียงเซ่ออยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาเบาๆ

“สวยจริงๆ”

เจียงเซ่อเป็นคนที่สวยมากจริงๆ ถึงแม้เสื้อที่เธอใส่จะเป็นชุดเข้าฉากที่ดูล้าสมัยที่ทั้งหนาและหนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอลดลงแม้แต่น้อย

“ขอบคุณค่ะ” เจียงเซ่อยิ้มน้อยๆ ช่างแต่งหน้าคนนั้นมองเธออีกครั้งหนึ่ง

ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อนในเดือนพฤษภาคม แต่ในหนังเรื่องนี้จะต้องเป็นฤดูหนาว ดังนั้นเสื้อผ้าที่เจียงเซ่อและทุกคนสวมจึงเป็นเสื้อหนาหนัก เธอและหลูเป๋าเป่ามาช้าเกินไป ตัวที่เบาหน่อยก็โดนเลือกไปหมดแล้ว ก็เหลือแค่เสื้อสองตัวสุดท้ายนี่แหละ พอสวมชุดพวกนี้มาได้สักพัก ขนาดห้องแต่งหน้าเปิดแอร์ แต่เหงื่อเธอก็ยังไหลออกมาไม่หยุดทำให้ตัวเสื้อแนบติดไปกับหลังของเจียงเซ่อ กลิ่นเหม็นบนเสื้อทำให้เธอหายใจไม่ค่อยออก

เธอสวยมากจริงๆ ถ้าความสวยขนาดนี้ถ้าไปอยู่ในกลุ่มดาราก็คงแยกไมได้หรอก แต่ตอนนี้เธออยู่ในกลุ่มตัวประกอบนี่สิ มันคงจะดูสะดุดตาไปเสียหน่อย

ช่างแต่งหน้ายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบแป้งสีที่ค่อนข้างเข้มขึ้นมาแตะลงบนใบหน้าให้สีคล้ำขึ้นหน่อย คนในเงากระจกถูกปกปิดความสดใสของหน้าไปมาก ดูไม่เหมือนคนที่ดูโดดเด่นเมื่อครู่แล้ว

“พวกเธอต้องแสดงเป็นชาวบ้านที่โดนพวกทรยศฆ่าตาย”

ช่างแต่งหน้ามองเธอแล้วยิ้ม ในมือก็ยังทำหน้าที่ไปด้วย “ดังนั้นฉันเลยต้องเติมแผลบนหน้าให้เธอหลายรอยหน่อยนะ”

ถ้าเป็นตัวประกอบทั่วไป ช่างแต่งหน้าคงไม่อธิบายละเอียดขนาดนี้ และก็คงไม่มานั่งเสียเวลาอธิบายการถ่ายทำในวันนี้ด้วย

แต่เป็นเพราะอยู่ในวงการนี้มานาน ช่างแต่งหน้าคนนี้ก็เป็นคนฉลาด เขาดูออกว่าเจียงเซ่อที่สวยขนาดนี้คงไม่ได้โง่นักหรอก เธออาจจะได้เกิดในวงการบันเทิงเร็วๆ นี้ก็ได้ เขาค่อยๆ ใช้แปรงปัดลงบนหน้าของเจียงเซ่ออย่างนุ่มนวล ก่อนจะแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม

“ฉันชื่อโทนี่”

เจียงเซ่อพยักหน้าแล้วมองดูใบหน้าตัวเองที่มีรอยแผลตกแต่งเต็มไปหมด และพอเธอทำผมเสร็จ เธอก็ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

โทนี่มองเจียงเซ่ออีกรอบหนึ่ง แต่งหน้าเสร็จแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างแปลกๆ อยู่อีก

เอวเธอตั้งตรง เป็นลักษณะที่ติดตัวมา ถึงจะแต่งหน้าให้ดูโทรมไปแล้วแต่ก็ยังดูแตกต่างจากตัวประกอบคนอื่นมากอยู่ดี

“แบบนี้ไม่ได้นะ” เขาชี้นิ้วโบกไปมา “เธอต้องงอเอวหน่อย หลังก็ต้องงออีก” แล้วเข้าก็ชี้ไปที่ตัวประกอบคนอื่นๆ “เหมือนพวกหล่อนนั่นไง แบบนั้นเลย”

เจียงเซ่อมองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วหันมามองตัวเองในกระจก ผิวของเธอถูกทาจนดำแล้ว แต่ก็ยังปกปิดลำคอระหงและใบหน้าได้รูปของเธอไว้ไม่มิดอยู่ดี ถึงแก้มจะมี ‘รอยแผลฉกรรจ์’ แต่แววตาของเธอกลับนิ่งเรียบ มองไม่เห็นแววตาเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

เธอขอบคุณโทนี่ที่เตือน ถึงอยากจะเป็นตัวแสดง แต่ก็ไม่ควรที่จะทำตัวเด่นเกินไป

เธองอเอวลง ห่อไหล่เข้ามา พยายามทำสายตาเหนื่อยๆและรู้สึกทรมานในกระจก ข้างนอกเหมือนจะมีคนมาเรียกตัวประกอบให้ออกไปได้แล้ว จึงไม่มีเวลาให้เธอได้ฝึกอีก

หลูเป๋าเป่าตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง และหล่อนก็กังวลด้วย หล่อนกอดแขนเจียงเซ่อไว้ เห็นแบบนั้นก็อดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้

บทที่เจียงเซ่อจะต้องแสดงเธอก็ได้รู้จากช่างแต่หน้าที่ชื่อโทนี่แล้ว ตอนที่รถขับเข้ามาในกองถ่ายเจียงเซ่อก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก

ฉากที่จะถ่ายนี้จัดที่ริมแม่น้ำต้าซิ่ง สถานที่ถูกเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ทางกองถ่ายคงได้จัดการเช่าที่เอาไว้ ดังนั้นจึงมีกล้องติดอยู่ทั่วบริเวณ

ใต้แสงพระอาทิตย์ คนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดนักแสดงกำลังยืนคุยกัน

มองไกลๆ ก็มีร่มขนาดใหญ่กางไว้และมีเก้าอี้ชายหาด คนอีกกลุ่มที่อยู่ใต้ร่มนั่นก็กำลังพูดคุยเรื่องบทกันอยู่

พอเห็นว่ารถกองถ่ายมาถึงแล้ว ผู้ชายร่างอวบคนหนึ่งก็ยืนขึ้นมาแล้วพูดใส่โทรโข่ง

“นักแสดงมาแล้ว เตรียมตัวตามหน้าที่ตัวเองได้!”

เจียงเซ่อและคนอื่นๆรีบเดินลงจากรถทันที คนในกองถ่ายจำนวนหนึ่งวิ่งไปหาพวกเธอพร้อมเชือกป่านในมือ

“นั่นจะเอามาทำอะไรน่ะ?”

พอหลูเป๋าเป่าเห็นแบบนั้นก็ตกใจถามเจียงเซ่อเสียงแผ่ว ร่างกายสั่นเบาๆ