แด๊ดรู้ตัวว่าใกล้หมดสติ เขาสัมผัสถึงพื้นแข็งใต้แผ่นหลัง หางตาเห็นรถจอดเรียงเป็นแนวไปถึงถนนใหญ่นอกช่องตึก รับรู้ความอบอุ่นจากมือนุ่มที่กุมไว้แนบอก ได้ยินเสียงเรียกอันร้อนรนของคนรัก แต่สามารถเข้าใจความกังวลได้ไม่ถึงเสี้ยว
ต้องหนีไม่ใช่เหรอ? แต่จะหนีไปทำไม ต่อให้รู้ว่ามีเรื่องต้องทำเขาก็อยากอยู่ในความง่วงงุนแสนสบายนี้ต่อ แค่สบสายตาห่วงใย เหม่อมองริมฝีปากที่ขยับเป็นคำอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่คิดอยากไปที่ไหนแล้ว
'ครั้งหน้า…'
ป๊าพูดอะไรต่อนะ ป๊าอยากให้เขาทำอะไร
เสียงกระซิบคล้ายถูกพัดผ่านลมพายุ พร่าเบาไม่อาจจับใจความ ทั้งผู้ฟังยังถูกนิทราเข้าครอบงำในเวลาต่อมา
แต่พอพลิกตัวกลางดึกแล้วพบว่าข้าง ๆ ว่างเปล่า ผู้หลับใหลผุดลุกขึ้นทันที—เอาป๊ากลับมา
ชายหนุ่มกำผ้าปูที่นอนแน่น มือของเขาชื้นเหงื่อ กล้ามเนื้อขาเกร็งเตรียมออกวิ่งแต่กล้ามเนื้อตาจ้องเขม็งไปด้านหน้า ต้องใช้เวลาหลายอึดใจถึงค่อย ๆ รับรู้สถานที่ เขาอยู่บ้านสวน ไม่ต้องหนีหรือสู้กับใคร เพราะโอกาสไล่ตามของเขามันหลุดลอยไปแล้ว
ดวงตาโศกมองพื้นที่ราบเรียบใกล้ตัว คิดถึงเงาร่างที่พึ่งพบในความฝัน ความเป็นจริงเหลือเพียงผืนผ้าปูเยือกเย็น เขาจำครั้งสุดท้ายที่นอนลงโดยไร้ไออุ่นข้าง ๆ ไม่ได้เลย กลิ่นอายของสามียังเหลืออยู่ตามผ้าห่ม เส้นผมยังร่วงอยู่ตามหมอน มีแต่เตียงเปล่า มีแต่หมอนคู่ไร้ผู้นอน คนที่หลับตาลงไปพร้อมกันทุกคืนไม่อยู่ที่เดิมแล้ว
เพราะเขาสู้ไม่ได้ไง มัวแต่ปล่อยให้ไอ้พลังประหลาดลวงจิตเล่นตามใจชอบ
พอมันได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ไป สิ่งไร้ประโยชน์ถูกทิ้ง
คนนอนไม่หลับลูบหน้าไล่ความง่วง เขารู้ตัวว่าควรพักผ่อนต่อ แต่หลังนอนพลิกไปพลิกมาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดแด๊ดก็เลิกเสียเวลากับความพยายามอันไม่เป็นผล พาใบหน้าอมทุกข์เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้วทำสมาธิให้จิตใจสงบด้วยการวิดพื้นมาราธอน ต่อด้วยซิทอัพอีกสักร้อยยี่สิบรอบ ด้วยหวังว่าจะเหนื่อยจนหลับไปเอง
"ดาดา ๆ บุวว" หม่อนเกาะขอบเตียง ตาใสแป๋วจ้องมาหาผู้เป็นพ่อ
"นอนไม่หลับเหมือนกันเรอะหม่อน"
พอหม่อนชี้ขวดนมไปที่หลอดไฟแด๊ดถึงรู้ว่าทำผิดไปแล้ว การเปิดไฟสว่างโร่ขนาดนี้ย่อมต้องปลุกทารกตื่น บางทีเขาก็คิดเรื่องอื่นจนหลงลืมไปว่าลูกอยู่ด้วย ถ้าป๊าอยู่คงบ่นได้สักหมื่นประโยค
โดนป๊าบ่น? แต่ป๊าไม่อยู่ให้บ่นแล้ว เพราะเขาไม่มีปัญญาไล่ตามไง…
แด๊ดนึกอยากโดดลงไปสวนหลังบ้าน ขุดหลุมลึกเพื่อฝังตัวเองไว้ใต้ดินไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ให้หนอนไส้เดือนย่อยสลายร่างกายอ่อนแอนี้ทิ้งเป็นผุยผง ต่อด้วยอีกหลายจินตนาการมืดหม่นที่เหมือนพาลงนรกหกขุม จนเสียงอ้อแอ้ของลูกคนเล็กบังคับให้กลับมา
"ดาดาทำหม่อนตื่นเหรอ โทษที ๆ เดี๋ยวปิดไฟให้ นอนต่อนะลูกนะ"
"นาาา" เด็กเล็กส่ายหน้า อ้าปากแล้วทำเสียงนัม ๆ เหมือนคนเคี้ยวเหงือก ถึงไม่เชี่ยวชาญภาษาทารกผู้เป็นพ่อก็พอเดาได้
"หิว?"
"แอ้"
ไหน ๆ แด๊ดก็ข่มตานอนไม่หลับอยู่แล้ว เขาเลยตามใจเด็กหิวด้วยการพาลงบันไดไปห้องครัว พอถึงตู้เย็นก็ให้ชี้เลือกเลยว่าอยากทานอะไรบ้าง ลงท้ายด้วยการสับมะละกอสุกป้อนลูกคนเล็กตอนตีสาม
เสียงคนเดินจากด้านนอกทำให้ผู้ใหญ่เครียดเกร็ง แค่เขาจำเสียงฝีเท้าได้เลยสงบลงรวดเร็ว ก่อนร่างสูงของโรมจะชะงักกึกอยู่ตรงประตู มองมีดในมือแด๊ด มองทารกที่เคี้ยวหนึบหนับอยู่บนเก้าอี้สูง
"มาเอาไรหนุ่ม" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามพลางเอามีดล้างน้ำในซิงค์ หม่อนไปลุยนมตราหมีต่อโดยไม่สนผลไม้แล้ว
"ตวันอยากกินป๊อปคอร์น เอ่อแต่…แด๊ดโอเคแล้วเหรอครับ"
"นอนต่อไปก็เท่านั้น ข่มตาไม่ลงว่ะ"
โรมยังดูสงสัยอยู่แม้ไม่เอ่ยเถียง คือตั้งแต่เด็ก ๆ ไปเจอสภาพผู้เป็นพ่อก็พากันหลอนฝังใจ ตอนนั้นเขาหลับไม่ได้สติอยู่หลังตึกร้านอาหาร นอนพิงผนังเหมือนเป็นถุงดำใส่ขยะ ถึงตื่นแล้วก็ยังสะโหลสะเหลเลอะเลือนต่ออีกหลายชั่วโมง ไม่ว่าลูกจะโยนร้อยแปดคำถามใส่ก็เบลอใส่กลับทั้งหมด
พอกลับถึงบ้าน เหยื่อพลังจิตจึงโดนบังคับให้นอนพักผ่อนยาว ๆ แม้เจ้าตัวอยากบุกเข้าห้องเก็บของไปกระชากคอ ชกระบายอารมณ์ โดยไม่สนพลังอันตรายที่เคยถูกตักเตือนมาแล้วครั้งหนึ่ง
"ป๊อปคอร์นสินะ" ผู้พูดขุดหาถุงเมล็ดข้าวโพกจากตู้ชั้นบนพลางปัดมือไล่ "เอ็งไปเฝ้าจอต่อไป เดี๋ยวทำไปให้"
เขาอุ้มหม่อนไปห้องนั่งเล่นหลังทำของขบเคี้ยวเสร็จ ด้านในไม่ได้มีแค่โรมตรงโต๊ะคอมตามคาด แต่เห็นทั้งหลินที่ยึดโซฟาเป็นเตียงนอนชั่วคราว แล้วก็ตวันที่นั่งไขว้ขาอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ มองดูภาพโทนอึมครึมคล้ายฉากในหนังสยองขวัญด้วยความสนอกสนใจ
จนกระทั่งได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อเข้ามา ใบหน้าไร้เดียงสาถึงหันมาดุตั้งแต่ก้าวแรกที่พ้นธรณีประตู "แด๊ด ลงมาทำไมฮับ" น้ำเสียงซื่อส่อแววตำหนิ ชวนให้นึกถึงป๊าตอนมองกดดันให้เขาอธิบายตัวเอง
"นอนไม่หลับน่ะสิ"
"พึ่งจะตีสามเอง มีเวลาพยายามอีกตั้งหลายชั่วโมง"
ทารกในอ้อมแขนช่วยส่งเสียงอ้อแอ้เถียงพี่ชายให้ แต่สุดท้ายเป็นเหตุผลจริงใจของแด๊ดเองที่ทำให้ตวันมีทีท่าอ่อนลง
"คิดถึงป๊าจนนอนไม่หลับ"
อาจเพราะสีหน้าหม่นหมองของเขา อาจเพราะขนมหอม ๆ ทำสดใหม่ถูกส่งถึงมือ หรือเพราะลูกคนกลางก็เข้าใจความรู้สึกนี้เช่นกัน ตวันถึงเอ่ยปากชวนอย่างใจดี "งั้นมานั่งดูหนังกับหนูไหม"
เด็กชายลงมาช่วยแด๊ดจัดแจงที่นั่งให้หม่อนแล้วก็ของเขาเอง ดวงตาของทารกเหมือนถูกแปะกาวติดหน้าจอทันที โดนดึงความสนใจชะงัด แต่ผู้ใหญ่ยังงงอยู่เลยว่าลูกดูอะไร
"หนังอะไรหว่า?"
"ข้างในนั้นไม่มีกุญแจแหละ"
"??"
นักแสดง—นักโทษในจอภาพรายละเอียดต่ำดูคุ้น ๆ ฉากห้องเก็บของยิ่งคุ้น ๆ
หน้าจอควรจะฉาย cctv ที่ติดไว้ทั่วบ้าน เพื่อเฝ้ายามไม่ให้นักโทษหนีรวมถึงระวังเรื่องอาจมีคนบุกมาช่วย หลินควรจะสลับกะกับโรม แต่ตอนนี้ลูกคนโตซุกตัวในถุงนอน ปิดตาหลับสนิทบนโซฟา แถมกลายเป็นเด็กอนุบาลผู้ตื่นตาแข็งเฝ้ายามแทน
ตวันจ้องจอมอนิเตอร์อย่างมีสมาธิ เขาไม่ได้มีสีหน้าเยาะเย้ย สะใจ หรืออยากดูหมิ่นเหยื่อที่วิ่งเข้ามาติดกับดัก เขาแค่มองดูด้วยความตั้งอกตั้งใจ ไม่ต่างจากนักเรียนดีที่กำลังฟังครูสอน
แด๊ดพึ่งเข้าใจหลังโรมเล่าวีรกรรมลูกให้ฟัง ผู้เป็นพ่อเงียบนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก ทั้งขนลุกขนชันกับผลงานลูกแล้วก็ภูมิใจแบบแปลก ๆ อยากจะเอาไปเล่าให้ป๊าฟัง รายนั้นคงบ่นเขาต่อเรื่องปล่อยให้ลูกแอบออกไปกลางดึก—ลืมอีกแล้ว ป๊าไม่อยู่ฟังสักหน่อย
สองพ่อลูกนั่งดูคนพยายามหยิบกุญแจอย่างตั้งใจ ซึมซับสีหน้าสิ้นหวังของนักโทษ มันมีอะไรให้ดูดีตอนที่ธามฟึดฟัด กระวนกระวาย สบถด่าฟ้าดิน เขวี้ยงถุงแผงยากันยุงใส่ผนังอย่างหงุดหงิด แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษแล้ว
แค่นักโทษที่พยายามจะหลับท่ามกลางฝูงยุง แด๊ดไม่รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นเลย เสียใจอย่างไรก็ยังเสียใจอย่างนั้น จะแก้แค้นเล็กน้อยหรือต่อให้แก้แค้นหนักกว่านี้ อาฆาตมากกว่านี้ ก็ยังทำให้สามีเขากลับมาไม่ได้อยู่ดี มีแต่จะนึกเห็นใจผู้โชคร้ายในอุ้งมือเด็กอนุบาลด้วยซ้ำ
คนถูกทิ้งได้แต่ถอนหายใจเฮ้อ ว่าจะหาอะไรทำให้ไม่ฟุ้งซ่านแต่ก็คิดถึงอยู่ดี เศร้าแฮะ ยังไงก็สงบไม่ลงจริง ๆ
_____