บทที่ 9 สามี
“นายหญิง น้ำเย็นมาแล้วเจ้าค่ะ” เซียงจวี๋ที่สวมชุดแขนสั้นสีม่วง ก้าวเท้าเข้าไปในห้องอาบน้ำที่เต็มไปด้วยไอร้อน ใบหน้าพลันแดงระเรื่อ ยิ่งขับให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น นางค่อยๆ เข้ามาอย่างเบามือเบาเท้า พลันวางชุดนอนผ้าไหมลงบนหินด้านข้าง
“บ่าวให้คนเติมน้ำร้อนเข้าไปอีก หากนายหญิงรู้สึกร้อนก็เรียกบ่าวนะเจ้าคะ”
ชิงเซี่ยพิงอยู่ที่ขอบอ่าง นางปิดตาลง ดวงหน้าขาวมีสีแดงระเรื่อ เช่นเดียวกับสีแดงบนผิวขาวราวหิมะที่ค่อยๆ ชัดขึ้น ใต้แสงนวลของโคมยิ่งขับให้ดูงดงามราวกระเบื้องเคลือบ ผมสีดำขลับลอยอยู่บนผิวน้ำ บ้างก็ระไปกับแผ่นหลังขาวเนียนของนาง คดเคี้ยวราวกับงูตัวน้อยๆ น่าดึงดูดใจ
แล้วเสียงฝีเท้าของเซียงจวี๋ก็ค่อยๆ ห่างออกไป ในห้องอาบน้ำมีการจุดธูปหอมเอาไว้ กลิ่นหอมนั้นชวนให้คนรู้สึกเคลิ้ม ชิงเซี่ยนอนหลับตานิ่งไม่ขยับราวกับนอนหลับก็ไม่ปาน มีเพียงขนตาแพน้อยที่ขยับไปมาบางครั้งเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่านางยังตื่นอยู่
นางซึมเซามาจะครึ่งเดือนแล้ว ชิงเซี่ยมึนตึงอยู่ทุกวี่วัน ไม่รับรู้เรื่องภายนอก ทว่าโชคดีที่ในวังมีคนคอยดูแลไม่ให้อดตาย หากพูดถึงช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา คงต้องพูดถึงร่างกายที่เดิมทีอ่อนแอของนางนั้นดูสมบูรณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว
หากบอกว่าเวลาเป็นยา หลังได้รับการดูแลอย่างดี จิตใจของชิงเซี่ยก็ค่อยๆ สงบขึ้น ในขณะที่นางกำลังพิงอยู่กับขอบสระหยกขาว นางก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเหตุการณ์ในอดีตปรากฏอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยผ่านเข้ามาในสมอง นางรู้ดีว่าตอนนี้นางไม่ใช่สายลับ 003 จากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอีกแล้ว และนางก็ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้า นางในตอนนี้มีทั้งฐานะ ชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งสามี
ชีวิตช่างเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ
‘ตึก’ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน เสียงนั้นเบามาก ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แต่หูของชิงเซี่ยนั้นดีมาก ในตอนที่หนีเอาชีวิตรอดในป่าที่แอฟริกา ขนาดหนูที่วิ่งอยู่ในระยะร้อยเมตรก็หนีไม่พ้นหูของนาง ตอนนี้อยู่ในสระน้ำที่เงียบสงบจึงเป็นธรรมดาที่ไม่อาจหนีพ้น คนที่เข้ามานี้ไม่เพียงแต่ไม่ส่งเสียงใด ทหารยามที่อยู่นอกประตูเองนางก็ไม่ได้ยินเสียง เช่นนั้นก็อธิบายได้สองประการคือ หนึ่งคนที่มานั้นเป็นยอดฝีมือ จนทหารยามด้านนอกแจ้งเตือนไม่ทัน สองคือคนที่มานั้นมีตำแหน่งสูง ทหารยามจำเป็นต้องเชื่อฟัง ไม่อาจหยุดยั้งคนผู้นั้นได้
และคำอธิบายทั้งสองได้ให้คำตอบออกมาอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของผู้ที่เข้ามานั้นหนักแน่น ต้องเป็นบุรุษเป็นแน่ ลมหายใจยาวเพราะเคยผ่านการฝึกต่อสู้ป้องกันตัว ขณะที่เดินมีเสียงของแขนเสื้อเสียดสีอยู่ข้างเดียว เป็นไปได้ว่ามืออีกข้างอาจจะจับอยู่ที่ฝักดาบ เสียงเสียดสีของแขนเสื้อค่อนข้างลื่น ดังนั้นเนื้อผ้าจะต้องมีราคา และคุณภาพดี ฐานะของคนที่มานี้จึงไม่ธรรมดาแน่ ชิงเซี่ยย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นหอมที่ลอยมานั้นไม่ใช่กลิ่นของธูปหอมในห้องอาบน้ำ กลิ่นหอมนั้นเข้มและดูโบราณ น่าจะเป็นส่วนผสมของอำพันทะเลและไม้กฤษณา ทั้งยังมีกลิ่นของน้ำหมึก คนที่มานี้ต้องอ่านหรือเขียนหนังสือมาก่อน ส่วนพื้นรองเท้านุ่มที่กดลงบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียงนั้นจะต้องเป็นรองเท้าหนังนิ่ม
ชิงเซี่ยคิดคำนวณในใจครู่หนึ่ง จนเกือบจะได้คำตอบ ใครมิตรใครศัตรูนั้นยากจะแยกแยะ แต่ตรงหน้านี้ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ชิงเซี่ยจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วริมฝีกปากก็ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะพิงไปที่ขอบสระแล้วหลับตาลงเช่นเดิม
ความรู้สึกที่ถูกคนจ้องมองผุดขึ้นมาในใจ ชิงเซี่ยรู้ดีว่าชายคนนั้นกำลังยืนมองนางจากด้านบน แต่นางกลับพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด ทำราวกับไม่รู้ ใบหน้าของนางผ่อนคลาย ริมฝีปากยกยิ้ม ร่างกายเองก็ผ่อนคลายคล้ายกำลังเพลิดเพลิน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป บรรยากาศยังคงเงียบสงบ มีเพียงการกระเพื่อมของน้ำเท่านั้นที่ยังดังไม่หยุด ทันใดนั้นเสียงน้ำก็หยุดลง ชิงเซี่ยรู้ว่าเซียงจวี๋เติมน้ำร้อนให้ น้ำนั้นร้อนแต่อยู่ในขั้นที่ร่างกายของคนรับได้ ชิงเซี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็อ้าปากพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ หน้าอกที่อยู่ใต้กลีบดอกไม้ซึ่งลอยอยู่เต็มผืนน้ำนั้น ดูแล้วยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เรือนร่างยิ่งขึ้น
ช่วงต้นของลมหายใจปรากฏร่องรอยไม่ชัดเจนบางอย่าง ทว่าชิงเซี่ยกลับค่อยๆ ก้มหน้าลงไป มุมปากยังคงยกยิ้ม ลำคอขาวราวหิมะดูงดงามยิ่ง ภายใต้แสงสลัวยังคงมีแสงสุกใส กระดูกช่วงไหล่ที่ขาวสะอาดขยับช้าๆ ราวกับผีเสื้อบิน หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามลำคอ ค่อยๆ กลิ้งลงไปจนถึงหน้าอกคู่งาม
“เจ้าดูเพลิดเพลินดีนี่!” จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มดังมาจากเหนือศีรษะ ราวกับหินที่ถูกโยนลงบ่อน้ำ มีเสียงดังมาครั้งหนึ่งก็ทำให้เกิดระรอกคลื่นตามมา
เพียงแต่เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำให้หญิงสาวตกใจเลยแม้แต่น้อย ฉู่หลีค่อนข้างแปลกใจที่ได้เห็นชิงเซี่ยหันมาพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยจดจ้องมาที่เขา พร้อมเอ่ยว่า “เพคะ เพลิดเพลินมาก เป็นพระมหากรุณาธิคุณ!”
ฉู่หลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับหญิงสาวที่ยังคงนิ่งสงบอยู่ตรงหน้า จนชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบหรี่มองไปยังร่างของชิงเซี่ยที่อยู่ในน้ำ พลางเอ่ยอย่างเนิบๆ ว่า “เจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าข้าเข้ามา”
ชิงเซี่ยไม่ตอบคำ ได้เพียงแต่ส่งยิ้มให้ จากนั้นนางก็หันหลังกลับไป ก่อนจะพิงมาที่ขอบสระ เส้นผมดำที่กระจายอยู่บนแผ่นหลังขาว ดูแล้วน่าหลงใหลอยู่ไม่น้อย
น้ำกระเซ็นออกมาเบาๆ แล้วกระเด็นไปโดนรองเท้าสีขาวของฉู่หลี เขายืนอยู่ด้านข้างสระน้ำ หัวคิ้วเริ่มปรากฏร่องรอยความไม่พอใจ เสียงของเขานิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชา เขาเอ่ยออกมาเพียงว่า “เจ้าอาจรู้ว่า การหันหลังให้ผู้ครองแคว้นเช่นนี้ นับว่าเป็นโทษ”
“ดังเช่นที่ท่านทราบ” ชิงเซี่ยเอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มราวผ้าฝ้ายที่ห่อหุ้มกาย “ช่วงไม่กี่วันมานี้ ข้าทำความผิดเอาไว้ไม่น้อยเลย จะทำความผิดเพิ่มอีกสักหน่อย ก็คงไม่เป็นอะไร”
เสียงของน้ำดังขึ้น แล้วกลีบดอกไม้ที่อยู่รอบๆ ก็กระจายออก ผมหนาของชิงเซี่ยถูกดึงขึ้นมาจากน้ำอย่างรุนแรง พร้อมกับร่างกายส่วนบนที่ปะทะเข้ากับอากาศหนาวเย็น
ชิงเซี่ยแค่นเสียงออกมา นางเห็นเพียงร่างกายท่อนบนของชายหนุ่มที่อยู่ริมสระน้ำ ส่วนปลายเสื้อจมอยู่ในสระน้ำ มังกรที่อยู่ภายใต้อาภรณ์นั้นก็ดูราวกับสัตว์ร้าย แสดงออกถึงอารมณ์ขุ่นเคืองเช่นเดียวกับเจ้าของมัน ใบหน้าเย็นชาของฉู่หลี ปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นที่มุมปาก เขาปล่อยมือออกจากผมของชิงเซี่ย แล้วค่อยๆ ไล้ลงมาตามคอขาวอันงดงาม จากนั้นคำพูดเย็นชาก็หลุดออกมาจากปาก “ข้าไม่ได้ไปที่ตำหนักหลันถิงนานเกินไปใช่หรือไม่ จนทำให้เจ้าลืมกฎในการปรนนิบัติไปเสียสิ้น หรือเจ้าคิดว่าชนเผ่าหมานป่าเถื่อนพวกนั้นจะทำลายกำแพงเข้ามาได้อย่างนั้นรึ เจ้าถึงคิดว่าจะได้กลับไปเป็นชายารัชทายาทของมันอย่างนั้น”
ชิงเซี่ยขมวดคิ้วมุ่น แล้วขยับคออย่างเจ็บปวด ในใจอดโกรธเคืองไม่ได้
“สตรีปากแข็งเช่นนี้ เหตุใดครั้งแรกข้างจึงไม่รู้มาก่อน? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดชนเผ่าหมานจึงไม่อาจลืมได้ลง” ดวงตาของฉู่หลียิ่งดำขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีพายุฝนอยู่ในดวงตาเขา จากนั้นมือก็ค่อยๆ เพิ่มแรงขึ้น คว้าเข้าที่คอของชิงเซี่ยอย่างรุนแรง แล้วริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างร้ายกาจ จ้องมองไปที่ชิงเซี่ยอย่างเย็นชา “จวงชิงเซี่ย นับตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่หนานฉู่ เจ้าก็เป็นมดในมือของข้า ข้าให้อยู่ก็ต้องอยู่ ข้าให้ตายก็ต้องตาย หากคิดที่จะหนี ข้าก็ต้องบอกเจ้าว่าอย่าคิดทำให้เสียแรงเปล่าเลย!”
ชิงเซี่ยขมวดคิ้ว ใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่หายใจก็เริ่มลำบาก ดวงตาเป็นประกายจ้องมองไปยังชายชั่วร้ายตรงหน้า ในใจเกิดความโกรธแค้นขึ้น ทันใดนั้นชิงเซี่ยก็คว้าขาทั้งสองข้างของฉู่หลีเอาไว้ บนพื้นห้องอาบน้ำที่ลื่นๆ นางออกแรงดึงอย่างแรง
เสียงตูมดังขึ้นและเกิดคลื่นระลอกใหญ่ ฉู่หลีตะลึงงัน เขาคิดไม่ถึงว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาจะทำให้หญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่ในวังหลวง เปลี่ยนเป็นกล้าหาญเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ต่อต้านทั้งยังสู้กลับอีกด้วย เขายังไม่ทันได้เตรียมตัว รู้ตัวอีกทีก็หล่นลงไปในสระน้ำ พร้อมกับน้ำร้อนที่ทะลักทะลวงเข้ามาในชุดขอเขา ขณะเดียวกันก็ไหลเข้าไปทางจมูก ตา หู และปาก มือเท้าของเขากระวีกระวาดไปจับขอบสระ ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาได้ เขาเช็ดน้ำที่อยู่บนใบหน้า แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ในขณะที่คิดจะโกรธก็มองไปเห็นบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาพอดี เขาหลบไม่ทัน ได้แต่ร้องออกมา ก่อนจะจะตกลงไปในสระน้ำอีกครั้ง
ในขณะที่ฉู่หลีค่อยๆ ยืนขึ้นมาจากในสระน้ำ และกำลังสำลักน้ำอยู่นั้น ชิงเซี่ยก็สวมชุดนอนผ้าไหมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางมองไปยังองค์รัชทายาทผู้มีอำนาจของหนานฉู่ พลางหัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอเตือนท่าน คราวหลังสุภาพกับข้าสักนิด มิเช่นนั้นท่านก็จะได้เจอดี ข้าเป็นคนพูดจริงทำจริง ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด หากไม่เชื่อ ก็ลองดู!”
พูดจบ ชิงเซี่ยที่สวมชุดคลุมผ้าไหม ก็เดินออกไปจากห้องอาบน้ำอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยไอร้อนอย่างสง่างาม
ฉู่หลีค่อยๆ ปีนขึ้นมาจากสระน้ำ บัดนี้ไร้ซึ่งความสง่างามและความสงบนิ่งก่อนหน้าไปจนสิ้น เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธ ทหารยามที่อยู่นอกประตูเห็นชิงเซี่ยเดินออกมาคนเดียวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นเสียงแผดร้องอย่างโกรธเคืองของฉู่หลีก็ดังขึ้น พวกเขารีบเข้าไปข้างในทันที เมื่อเห็นฉู่หลีก็ต้องชะงักไป
“ไป ข้าต้องการข้อมูลของหลันเฟยในหนึ่งปีมานี้ ทั้งตอนที่อยู่แคว้นฉีและหลังจากเข้าวังมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ ข้าให้เวลาถึงพรุ่งนี้เช้า ต้องส่งรายงานให้ข้าโดยละเอียด!” เมื่อกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวเสร็จ ฉู่หลีรัชทายาทแห่งหนานฉู่ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับน้ำร้อนที่เต็มแขนเสื้อ
“องค์รัชทายาท! องค์รัชทายาท! กลางคืนลมเย็น เปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยกลับเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ท่ามกลางการร้องเรียกของขันทีที่ดังก้องทั้งตำหนักใหญ่ ใบหน้าของฉู่หลีก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เขาก้าวยาวๆ ไปยังห้องนอนของตำหนักหลันถิง