webnovel

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

เฉิงเจียวเหนียงก็เป็นแค่เด็กสติไม่สมประกอบคนหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เฉิงเจียวเหนียง?' ภาพความทรงจำประหลาดมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวของเด็กสาวคนหนึ่ง... ภาพของเฉิงเจียวเหนียง คุณหนูที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในวัดเต๋า แต่จู่ๆ กลับมีเหตุการณ์ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ใจกลางวัดจนทำให้นางสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าแม้ร่างกายจะหายดีเป็นปกติ แต่ความทรงจำของนางกลับหายไปหมดสิ้น นางจึงตัดสินใจกลับมายังบ้านตระกูลเฉิงเพื่อตามหาความทรงจำที่แท้จริงของตัวเอง และระหว่างทางกลับบ้าน นางก็ค้นพบความสามารถพิเศษในการรักษาคน กระทั่งใช้ทักษะนี้ รักษาคนไข้จนเลี้ยงตัวเองได้และกลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะ 'หมอเทวดา' ทว่าทันทีที่คนในตระกูลทราบข่าวการกลับมาของนาง พวกเขากลับมิได้ยินดีแม้แต่น้อย ...แต่ถึงอย่างไร ก็อย่าหวังว่านางจะเป็นเหยื่อให้ใครกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อก่อน! และหากจะมีศึกใดที่น่าตื่นใจ... สำหรับนางแล้วก็เห็นจะเป็นศึกในบ้านตระกูลเฉิงหลังนี้นี่แหละ!

ซีสิง · Sejarah
Peringkat tidak cukup
766 Chs

030 ช่องว่าง

บทที่ 30 ช่องว่าง

มีพี่ชายแบบนี้นั้นดีจริงๆ

ปั้นฉินมองดูอาหารแสนอร่อยตรงหน้า ก่อนจะหันหลังกลับไปยิ้มอย่างมีความสุข

"นายหญิง ทานอาหารกันเจ้าค่ะ " นางพูดแล้วนั่งคุกเข่าลง

แม่นมและสาวใช้คนใหม่ช่วยกันออกแรงย้ายโต๊ะอาหาร

หลังม่านไม้ไผ่นั้น มีร่างของนายหญิงนอนตะแคงอยู่บนฟูก

"พวกเจ้าออกไปเถอะ" ปั้นฉินกล่าว

คนงานหญิงและสาวรับใช้ตอบรับ

"ไม่รู้ว่านายหญิงถูกปากรสชาติแบบไหน ขอนายหญิงชี้แนะด้วย" แม่นมเอ่ยอย่างนอบน้อม

"ได้สิ" ปั้นฉินกล่าวพยักหน้าเป็นการตอบ

แม่นมและสาวใช้ถอยออกไป เมื่อม่านประตูถูกเปิดออก ปั้นฉินก็พยุงร่างของหญิงผู้หนึ่งมานั่งที่กลางโถง

สาวใช้สงสัยอยากจะเห็นหน้าของนางชัด แต่กลับถูกแม่นมจ้องตาเขม็ง จึงทำได้เพียงรีบก้มหน้าเดินออกไป

“นายหญิงหน้าตาเช่นไร” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย

"คนบ้าจะเป็นอย่างไรได้เล่า! อย่าก่อเรื่องเลย ถ้าเราทั้งสองถูกคุณชายตระกูลโจวจับได้อีก เจ้าและข้าจะซวยแน่ " สาวใช้เตือน

เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสองตระกูลทำให้คนถึงเจ็ดคนต้องถูกไล่ออกจากบ้านไป ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกบ่าวรับใช้ที่ถูกเจ้านายไล่ออกไปบัดนี้จะมีชะตากรรมอย่างไร สาวใช้ทั้งกลัวทั้งกังวล จนไม่กล้าแม้แต่จะแลตามองเรือนหลังนั้น เกรงว่าหากได้เห็นหน้าคนบ้านั่นเข้าจะทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาอีก

เมื่อทานอาหารเสร็จ ฮูหยินใหญ่เฉิงก็รอนายใหญ่ตระกูลเฉิงมา

"เขาว่าอย่างไรบ้าง " นางถามอย่างรีบร้อน

"ไม่ได้พูดอะไร รินเหล้าไปหนึ่งไหแล้วหลับไป" นายใหญ่ตระกูลเฉิงพูดด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก ก่อนจะนั่งลงอย่างหงุดหงิด

เรื่องที่เกิดขึ้นวันที่ทำให้เขาหงุดหงิดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขากลับไม่สามารถตอบโต้ได้เลย

ฮูหยินใหญ่เฉิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงนั่งลงตรงข้าม นางกำลังจะเอ่ยปากพูด นายรองเฉิงและภรรยาของเขาก็มา

ฮูหยินรองเฉิงเดินเข้ามาแล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้จนฮูหยินใหญ่เฉิงอารมณ์เสียมากขึ้น

“พี่สะใภ้” นางคุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับ

การกระทำเช่นนี้ทำให้นายใหญ่ตระกูลเฉิงและภรรยาตกใจ และพวกเขาก็รีบยื่นมือเพื่อพยุงให้นางลุกขึ้น

"เจ้าทำอะไรของเจ้า" ฮูหยินใหญ่เฉิงกล่าว

“ต่อหน้าผู้คนวันนี้ ข้ามีความผิดแต่กลับผลักไปให้พี่สะใภ้ มันเป็นการดูหมิ่นจริงๆ” ฮูหยินเฉิงเอ่ยสะอื้น แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้น

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่าทางของฮูหยินให้ก็แปลกออกไป

ทางนายรองเฉิงก็โค้งคำนับ

"มันเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควร ... ข้าไม่ควรพูดถึงพี่สะใภ้" เขาก้มศีรษะลงและพูด

"อย่าทำแบบนี้เลย" ฮูหยินใหญ่เฉิงรีบใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวนาง ด้วยท่าทีตำหนิ "จะถือเป็นความผิดได้อย่างไร มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว เป็นเพราะข้าไม่จัดการครอบครัวให้ดี จึงทำให้เจ้ารู้สึกผิด "

ฮูหยินรองเฉิงจับมือฮูหยินใหญ่เฉิงแล้วร่ำไห้

"เอาล่ะ เราครอบครัวเดียวกันอย่าพูดเหมือนห่างเหิน แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของคนนอก" นายใหญ่ตระกูลเฉิงกล่าว

จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันนั่งลง

"ตระกูลทางนู้นยังไม่รู้เลยว่า... เด็ก... เด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ" นายใหญ่ตระกูลเฉิงถาม ที่นี่ก็ไม่มีคนนอก เขาจึงถามอย่างเรียบง่าย

พวกเขาทั้งสามคนในห้องตกตะลึงเล็กน้อย ทุกคนดูเหมือนจะสงสัยว่าคนบ้านั่นชื่อแซ่ว่าอะไร

"ชื่อเจียวเหนียงเจ้าค่ะ! " ฮูหยินรองนึกขึ้นได้ก่อนจึงพูดออกมา ก่อนจะพูดเสริมว่า "ดูเหมือนว่าท่านยายทางตระกูลโจวเป็นตั้งชื่อให้นาง"

สีหน้าของนายใหญ่ดูไม่ชอบใจนัก

“ตั้งชื่อแปลกๆ” เขาพึมพำ ไม่รู้ว่าพูดถึงชื่อหรือว่าคนตระกูลโจว

“ที่ท่านชายโจวหกบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องการกลับมาของเจียวเหนียงนั้น เชื่อถือได้หรือไม่?” นายใหญ่ตระกูลเฉิงกล่าวต่อ

“ไม่รู้ก็แปลกแล้ว" นายรองเฉิงพูดอย่างหงุดหงิด "ไม่รู้แล้วจะวิ่งโร่มาก่อเรื่องได้อย่างไร" ในห้องเงียบไปชั่วขณะ

“เรื่องวันนี้ก็เป็นความผิดของข้าเช่นกัน ที่ทำให้ทุกคนพลอยโดนหางเลขไปด้วย จนทุกคนต้องมาขายขี้หน้าเช่นนี้” นายใหญ่ตระกูลเฉิงกล่าว “พวกเรายอมรับผิดแล้ว ก็ต้องรอดูว่าตระกูลโจวจะทำอะไรอีก”

“พวกเขาจะทำอะไรอีกหรือ” นายรองเฉิงพูดอย่างโมโห “คิดว่าตระกูลเฉิงของเราจะกลัวพวกเขางั้นหรือ”

ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้า

“ใช่แล้ว เรื่องของวันนี้จริงที่พวกเรามีส่วนผิด แต่ถ้าพวกเขาได้คืบและจะเอาศอก แล้วจงใจสร้างความเดือดร้อน ตระกูลเฉิงของเราใช่ว่าจะยอมให้กลั่นแกล้งกันได้ง่ายๆ” เขากล่าว “สิ่งที่เสียไปไม่ใช่แค่หน้าตาของตระกูลเฉิง แต่เป็นหน้าตาของเหล่าบัณฑิตในตระกูลโจวด้วย”

แม้อีกฝ่ายจะมาจากตระกูลทหารสูงศักดิ์ แต่บัณฑิตไร้ชื่อเสียงก็ไม่กลัวขุนนางทหารหรอก

“เดิมทีก็ไม่ควรเกี่ยวดองกับตระกูลนี้แต่แรก ขายขี้หน้าชาวบ้านนัก” นายรองเฉิงบ่นพึมพำ

นายใหญ่ตระกูลเฉิงจ้องมอง

"เจ้ากำลังพูดถึงพ่อตาของเจ้ารึ" เขาเอ่ยถาม

เพราะเมื่อพูดถึงภรรยาคนแรก ฮูหยินรองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

ฮูหยินใหญ่เฉิงดึงสามีตน

"นายรองไม่ได้หมายความอย่างนั้น ท่านอย่าคิดไปเอง” นางพูดและมองไปที่นายรองเฉิง "เอาล่ะ

ทุกคนก็เหนื่อยแล้ว ไปพักทานอาหารกลางวันและเติมพลังงานให้เพียงพอ จะทำตัวให้พวกเขาหัวเราะเยาะเอาไม่ได้"

นายรองเฉิงและภรรยาขอตัวออกแล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนของตน

"ช่วงนี้เจ้าก็ไปปรนนิบัติพี่สะใภ้ให้มากหน่อย" นายรองเฉินกล่าว "ให้พี่สะใภ้คลายความกังวลขึ้นมาบ้าง"

ฮูหยินรองเฉิงยิ้มเล็กน้อย

“ข้าเอ่ยปากขอโทษไปแล้วนี่ แถมยังก้มหัวคำนับขนาดนั้น ยังให้เกียรตินางไม่พออีกหรือ และอีกอย่างนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเราแต่แรก” นางกล่าว

นายรองเฉิงหยุดเดินและหันกลับมามองนาง

"เจ้าพูดอะไรน่ะ" เขากระซิบ

“ข้าพูดอะไรน่ะหรือ แล้วข้าพูดผิดหรือย่างไร คุณงามความดีทำไมนางถึงได้ไป แล้วเรื่องที่ต้องถูกด่าก็เป็นข้าที่ต้องแบกรับไว้ เป็นเพราะนางต้องการจะรับเอานางคนบ้านั้นไปดูแลเอง ทำไมเมื่อเกิดเรื่องแล้วต้องมาด่าว่าข้า ถ้าท่านไม่ออกหน้าแทนข้าในตอนนั้น นางเองก็คงจะไม่คิดจะเอ่ยปากเองหรอก หรือนางอยากจะเห็นข้าไปสำนึกตนที่หอบรรพบุรุษ " รองฮูหยินเฉิงกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“เบาเสียงหน่อย เรายังอยู่ข้างนอกนะ" นายรองเฉิงสะดุ้งและพูดอย่างรีบร้อน

สาวใช้ที่ตามมาหลีกทางให้อย่างตกใจ

ฮูหยินรองสะบัดแขนเสื้อและเดินไปอย่างรวดเร็ว

นายรองเฉิงเพียงรู้สึกปวดแปลบที่ขมับ

เรื่องปวดหัวไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที่

ยังดีๆ อยู่เลยเหตุใดเป็นเช่นนี้ไปได้ !

ตระกูลก็มีคนเพียงเท่านี้ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นย่อมปิดบังกันไม่ได้นาน เมื่อฮูหยินใหญ่เฉิงรู้เรื่องที่นายรองและภรรยาผิดใจกัน นางได้แต่ถอนใจและถอดปิ่นปักผมออก

"ออกไปเถอะ และห้ามเอาไปพูดต่อที่ไหนอีกเด็ดขาด" นางกล่าว

แม่นมตอบรับพร้อมก้มศีรษะแล้วเดินออกไป

"เหตุใดจู่ๆ ฮูหยินรองถึงได้พูดไม่รู้ความเช่นนี้" นายใหญ่ตระกูลเฉิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้วนอนอยู่บนฟูก

“ท่านเองก็เหมือนกัน เหตุใดถึงลืมไปว่าข้าเป็นคนเลี้ยงดูเจียวเหนียง" ฮูหยินใหญ่เฉิงพูด นางทั้งเหนื่อยหน่ายและอ่อนแรง

"ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนเลี้ยงดู แล้วมันยังไงเล่า นางถือว่าเป็นแม่เลี้ยงของเจียวเหนียง ถ้าเจ้าไม่ลงโทษและตำนินาง ตระกูลโจวนั้นจะยอมหรือ นอกจากนี้จะลงโทษนางได้อย่างไร" นายใหญ่ตระกูลเฉิงกล่าวพลางถอนหายใจ “เรื่องไม่เป็นเรื่องเลยจริงๆ ”

ฮูหยินใหญ่เฉิงนอนลงบนฟูกอีกฝั่งพลางขมวดคิ้ว“

"อาจเป็นเพราะการกลับมาของเจียวเหนียง ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน นางจึงรับไม่ไหว" นางกล่าว

นายใหญ่ตระกูลเฉิงตะคอก

“นางไม่ได้เพิ่งรู้ว่ามีเด็กคนนี้อยู่ในตระกูล ทำไมถึงรับไม่ได้เอาตอนนี้” เขากล่าว

ฮูหยินใหญ่เฉิงเม้มริมฝีปากและยิ้ม

"รับรู้ก็เรื่องหนึ่ง เจอกับตัวก็อีกเรื่องหนึ่ง" นางกล่าว

“ข้าคิดว่านางคงชินกับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมานานเกินไป” นายใหญ่ตระกูลเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ

คราวนี้ฮูหยินใหญ่เฉิงไม่โต้เถียงแต่กลับถอนหายใจ นางยกมือขึ้นลูกหน้าผากก่อนจะหลับตาลง