webnovel

ตอนที่ 2 จางอวิ๋นซีคนใหม่

"ท่านย่าเข้าข้างนางหรือเจ้าคะ!" เป็นจางเซียวหรูที่โวยวายออกมาเสียงดัง สายตาของนางที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก

ไท่ฮูหยินมิได้ตอบคำถามของผู้เป็นหลานสาวอีกคน แต่ทว่าสายตาของนางกลับจดจ้องที่หลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูแทน

จางเซียวหรูหยิบผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยขึ้นมาชูต่อหน้าทุกคน "ผ้าไหมนี้เป็นของพระราชทานที่พระสนมเอกทรงประทานให้กับลูก ท่านย่าก็ทราบดีความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับองค์ชายใหญ่..."

"เจ้าเลิกฝันลมๆ แล้งๆ เรื่ององค์ชายใหญ่ได้เลย พวกเจ้าแม่ลูกคิดการอันใดอยู่คิดว่าข้าไม่รู้รึ?" คิ้วของไท่ฮูหยินขมวดเข้าหากันขณะที่จ้องสองแม่ลูกคู่นั้น

"ซีเอ๋อร์! เจ้าขโมยของของพี่สาวเจ้า ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หยางเต๋อเฟยพระราชทานให้กับนาง หากเจ้าไม่โขกศีรษะขออภัยต่อนาง ข้าจะสั่งโบยเจ้า!" จางเยี่ยนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของภรรยาเอกกับฮองเฮา หรือความสัมพันธ์ในฐานะบิดากับบุตรแต่อย่างใด เขารักและชื่นชมหลี่ฮูหยิน ภรรยาผู้เป็นรักเดียวและเป็นสตรีที่เขารักมาตลอด หาใช่ภรรยาเอกที่ถูกบังคับให้ตบแต่งด้วยไม่

จางฮูหยินขอร้องวิงวอนต่อสามีทั้งน้ำตา "นายท่าน นางก็เป็นบุตรีของ

ท่านคนนึงเช่นกัน ขอท่านอย่าให้นางทำเช่นนี้เลย ขอให้พิสูจน์หาความจริงกันก่อน"

จางเยี่ยนผลักจางฮูหยิน ภรรยาเอกของตนออกอย่างแรง ไท่ฮูหยินและบ่าวรับใช้คนสนิทต้องมาประคองร่างของฮูหยินเอกที่ถูกผลักจนล้ม

"ท่านแม่!" จางฮูหยินถูกผลักอย่างแรงจนกระอักโลหิตออกมา แม้จะเป็นโลหิตเพียงไม่กี่หยด แต่กลับสร้างความเจ็บปวดและความเสียใจให้กับนางผู้เป็นภรรยาเอกยิ่งนักที่ไม่สามารถปกป้องบุตรสาวจากความอัปยศครั้งนี้ได้

แม้ว่าไท่ฮูหยินจะพยายามเปลี่ยนใจหรือใช้อำนาจเท่าใด ก็ไม่อาจข่มจางเยี่ยนที่หลงใหลหลี่ฮูหยินจนแทบไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้ได้

จางอวิ๋นซีอยู่ในสถานะที่แม้แต่มารดานางก็ไม่อาจปกป้องได้ หลายครั้งนักที่นางถูกย่ำยีศักดิ์ศรี หลายครั้งนักที่นางกับมารดาถูกกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งนักที่นางอยากกราบทูลต่อองค์ฮองเฮาแต่นางก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยมารดาเคยร้องขอเอาไว้ว่าไม่ต้องการให้บิดาเดือดร้อน คงเป็นเพราะความใจดีของมารดากระมังที่ทำให้อีกฝ่ายข่มเหงรังแกพวกนางเช่นนี้

จางอวิ๋นซีไม่มีทางเลือกนอกจากยอมคุกเข่าต่อหน้าจางเซียวหรูและคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นเพื่อขออภัยต่ออีกฝ่าย นางยอมทำเพื่อมิให้มารดาต้องเจ็บตัวอีกต่อไป หากวันใดที่นางลุกขึ้นมาสู้ได้นางจะสู้อย่างไม่คิดสิ่งใด!

แม้ว่าไท่ฮูหยินพยายามร้องขอให้บุตรชายหยุดการกระทำเช่นนี้ แต่จางเยี่ยนกลับนิ่งเฉยนัก

"เจ้าจะนิ่งเฉยต่อนางไม่ได้นะอาเยี่ยน! องค์ไทเฮาทรงมีพระเสาวนีย์ให้เชิญนางเข้าวัง!" ไท่ฮูหยินกล่าวเสียงดังพร้อมกับพระราชสาสน์ในมือ ซึ่งประทับตราพระราชลัญจกรขององค์ไทเฮาเอาไว้อย่างชัดเจน

"ไทเฮาทรงเชิญซีเอ๋อร์ไปร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของพระนาง ซึ่งจัดงานล่องเรือชมบงกช หากเจ้าทำร้ายซีเอ๋อร์ รู้หรือไม่ว่าไทเฮากับฮองเฮาจะจัดการพวกเจ้าสถานใด และอาจลามไปทั้งสกุล เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นรึ?" ไท่ฮูหยินถามเสียงแข็ง

"ข้าได้ยินข่าวลือหนาหูนัก ว่าไทเฮาทรงหมายพระทัยจะจัดหาพระชายา

ให้กับท่านอ๋องแต่ละองค์ ข้าไปร่วมได้หรือไม่เจ้าคะท่านย่า" จางเซียวหรูถามขณะที่นัยน์ตาของนางลุกโตราวกับไข่ห่านด้วยความดีใจ งานวันพระราชสมภพของไทเฮานี้ เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงมากมายจะถูกเชิญเข้ามาร่วมงาน หนึ่งในนั้นต้องมีหานไท่หยาง ซึ่งเป็นพระราชโอรสในฮองเฮาและว่าที่องค์รัชทายาทด้วยเป็นแน่

จางเซียวหรูนางคิดอย่างดีใจ นางอยากเข้าวังอย่างจางอวิ๋นซีบ้าง แค่เพราะจางอวิ๋นซีมีศักดิ์เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางก็สามารถเข้าออกตำหนักฝ่ายในได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังเป็นนางรับใช้ที่ใกล้ชิดกับไทเฮา ทำให้ได้รับความโปรดปรานไม่น้อยเลย

หากนางสามารถใช้ความงามที่มี ทำให้องค์ชายรองอย่างหานไท่หยางหลงรักนางได้ ตำแหน่งพระชายารัชทายาทคงอยู่ไม่ไกลจากเอื้อมมือของนางแน่

"เจ้าคิดการอันใดกันลูกหญิง เห็นชัดๆ ว่าไทเฮาทรงต้องการให้น้องสาวของเจ้าไปเพียงเท่านั้น บุตรีฮูหยินรองอย่างเราจะได้เข้างานนี้ง่ายๆ หรือ?" เสียงของหลี่ฮูหยินแสร้งกล่าวด้วยความน้อยใจ จนจางเยี่ยนต้องกล่าวปลอบ

"อย่างไรเสียเจ้าเองก็เป็นฮูหยินของข้า ข้าต้องพาเจ้าไปด้วยอยู่แล้ว" จางเยี่ยนกล่าวกับหลี่ฮูหยินอย่างอ่อนโยน

หลี่ฮูหยินกับบุตรสาวยิ้มอย่างลำพองใจ

จางเซียวหรูกลับเรือนพร้อมกับมารดาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ นางคิดกังวลมากมายเกี่ยวกับงานวันพระราชสมภพของไทเฮาที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสามวัน อีกทั้งในช่วงนี้เมืองหลวงมีข่าวลือหนาหูยิ่งนักเกี่ยวกับการคัดเลือกพระชายาให้กับอ๋องแต่ละองค์ ซึ่งเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้หานทรงอวยพระยศขึ้นทั้งหมด รวมถึงองค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นโอรสพระสนมหยางเต๋อเฟยอีกด้วย

"ข้าไม่สบายใจเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ไทเฮากับฮองเฮาทรงโปรดปรานจาง อวิ๋นซีมาก หากนางถูกมอบสมรสพระราชทานให้กับอ๋องไท่หยางแล้วนั้น หากอนาคตอ๋องไท่หยางถูกสถาปนาเป็นรัชทายาท นางก็จะเป็นฮองเฮาน่ะสิเจ้าคะ! ข้าไม่ยอมๆ นะท่านแม่!" จางเซียวหรูโวยวาย นางอิจฉาริษยาจางอวิ๋นซียิ่งนัก อีกฝ่ายมีมารดาเป็นฮูหยินเอก แม้จะไม่ได้รับความโปรดปรานจากบิดา แต่ไท่ฮูหยินผู้เป็นย่าก็ยังเข้าข้างนางเสมอ อีกทั้งมารดายังมีศักดิ์เป็นน้องสาวของฮองเฮาอีก จะไม่ให้นางอิจฉาริษยาอีกฝ่ายได้อย่างไร แม้นางจะเพียรพยายามมากเท่าใดก็ไม่อาจมีได้เท่าอีกฝ่าย

"เจ้ามีความสามารถมากถึงเพียงนี้ สมรสพระราชทานถูกตัดสินโดยฝ่าบาท ทรงต้องมองการณ์ไกลอย่างลูกแม่เป็นแน่" หลี่ฮูหยินลูบหัวบุตรสาวอย่างปลอบประโลม แต่ทว่าลึกๆ แล้วในใจของนางก็หวั่นไหวอยู่เช่นกัน

"เหนือกว่าฝ่าบาทก็คือไทเฮา ไทเฮาทรงคุมได้ทั้งราชสำนัก เราต้องหาทางไม่ให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงนะเจ้าคะท่านแม่ ไม่เช่นนั้นฝันของข้าจะพังทลายหมด" จางเซียวหรูกล่าว

"หึ! แม่รับรองว่าแม่ต้องหาทางจัดการนางแน่!"

ตกดึกกลางคืน

หลี่ฮูหยินลอบติดต่อกับคนจากสกุลหลี่ของตนเองอย่างลับๆ นางวางแผนการเอาไว้ ว่าอย่างไรจะต้องกำจัดจางอวิ๋นซีก่อนถึงวันงานฉลองพระราชสมภพของไทเฮาก่อนแน่ นางต้องทำเพื่อให้อนาคตของบุตรสาวนางมั่นคง อย่างน้อยหากจางเซียวหรูมิได้อภิเษกกับอ๋องไท่หยาง แต่หากนางได้อภิเษกกับองค์ชายใหญ่ ซึ่งเป็นโอรสของหยางเต๋อเฟย ตำแหน่งพระชายารัชทายาทคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนัก

และศัตรูในอนาคตที่จะเป็นภัยต่อบุตรสาวของนางก็จะหมดไปด้วย

จางอวิ๋นซี...เจ้าไม่สมควรมาแย่งความสุขของลูกข้าไป!

"จัดการตามนี้ คืนนี้จัดการนางเสร็จเอาร่างนางมาที่..."

หลี่ฮูหยินกระซิบเสียงเบากับกลุ่มชายลึกลับ

เซียวเหม่ยฉีในร่างของจางอวิ๋นซีซึ่งนอนแน่นิ่งในเกี้ยว ถูกพามายังจวนสกุลจางในสภาพที่เปียกปอน เนื่องจากงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮาถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว และจางอวิ๋นซีคือผู้ที่ไทเฮาทรงมีพระเสาวนีย์เชิญร่วมงานสำคัญในครั้งนี้ หากนางหายไปย่อมเป็นผลไม่ดีต่อสกุลจางอย่างแน่นอน แต่ทว่าจางเยี่ยนก็หาได้สนใจการหายไปของบุตรสาวนัก ร้อนถึงไท่ฮูหยินและจางฮูหยินที่แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงสั่งให้พ่อบ้านมู่และหรูหรงออกตามหานางพร้อมกับคนในจวนอีกสามสี่คน

แต่ทว่าไท่ฮูหยินก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอสภาพของหลานสาวสุดที่รักในสภาพที่เปียกปอนเช่นนี้

พ่อบ้านมู่และคนในจวนช่วยกันพาร่างของจางอวิ๋นซีเข้าไปด้านใน สาวใช้คนสนิทของหลี่ฮูหยินจึงรีบมารายงาน สร้างความตกใจให้กับหลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูยิ่งนักที่รู้ว่าอีกฝ่ายถูกตามหาร่างจนพบ

"ท่านแม่ เราจะทำยังไงดีเจ้าคะ หากนางจำได้ว่าพวกเราวางแผนฆ่านาง เราต้องแย่แน่ๆ ท่านแม่" จางเซียวหรูเขย่าแขนมารดาอย่างเป็นกังวล

หลี่ฮูหยินปลดมือบุตรสาวออกจากแขน

"เอาล่ะๆ ตอนนี้เราต้องทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปก่อน แต่เจ้าวางใจเถิดคนพวกนั้นเป็นคนของเรา หากพวกมันถูกจับได้พวกมันยอมพลีชีพทันที"

จางเซียวหรูรู้สึกขัดใจยิ่ง นางมองมารดาเดินนำออกไปจากเรือนในเพลาค่ำคืนหลังจากฝนหยุดตกเช่นนี้

'จางอวิ๋นซี เจ้าจะเป็นมารขัดขวางข้าไปถึงเมื่อใด!?'

จางเซียวหรูกำหมัดแน่น นางคิดแค้นอีกฝ่ายในใจยิ่งนัก เหตุใดนางจึงตายยากตายเย็นเยี่ยงนี้!

เซียวเหม่ยฉีตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของจางอวิ๋นซีดังเดิม นางปรือตาขึ้นมาขจัดความง่วงและอาการปวดหัวออกไป ในหัวพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่หญิงสาวผู้นั้นพาเธอมายังโลกแห่งนี้ โลกที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญเกือบพันปี!

หญิงสาวเอามือกุมศีรษะของตนเองเอาไว้ ผลจากการตากฝนนานๆ ทำให้เธอเริ่มเป็นไข้และตัวร้อนรุมๆ นัก

"คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงใสของหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเหม่ยฉีดังขึ้น เด็กสาวคนนั้นหันหน้ามาหาผู้ที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเอาผ้าที่ชุบน้ำค่อยๆ เช็ดตามลำตัวของอีกฝ่าย

"คุณหนู ท่านสลบไปหนึ่งวันเต็มๆ เลยนะเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงไปอยู่ในที่รกร้างเช่นนั้นกัน อันตรายมากนะเจ้าคะดีที่ไท่ฮูหยินสั่งให้ข้าพวกข้าออกตามหาท่านที่บริเวณนั้น จึงได้เจอกับท่าน..." หรูหรงเอ่ยยืดยาว

"เดี๋ยวๆ นะ เธอเรียกฉันว่าคุณหนู?" เซียวเหม่ยฉีขมวดคิ้วถามอีกฝ่าย ตอนนี้หญิงสาวพอจำได้รางๆ เกี่ยวกับเจ้าของร่างนี้ที่ต้องการให้เธอมาแก้แค้นใครบางคน ใครบางคนที่ฆ่าเจ้าของร่างนี้...

หรูหรงพยักหน้าตอบ "เจ้าค่ะ ท่านคือคุณหนูบุตรสาวฮูหยินใหญ่ของจวนนี้"

นึกไม่ถึงแฮะ ว่าเจ้าของร่างที่ฉันอยู่จะมีพ่อแม่เป็นเศรษฐีรวยขนาดนี้...

เซียวเหม่ยฉียิ้มในใจกับความคิดของตนเอง

"แล้วเธอคือ..."

หรูหรงวางผ้าในมือลงกับอ่างน้ำอุ่นด้วยท่าทีตกใจ นางนั่งลงข้างๆ กับจาง อวิ๋นซีผู้เป็นนาย "คุณหนู ท่านความจำเสื่อมจนจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ?"

เซียวเหม่ยฉีอยากจะเขกหัวสักร้อยทีนัก ทั้งๆ ที่เธอถูกพามาอยู่ในร่างนี้แล้วแท้ๆ แต่กลับจะก่อเรื่องวุ่นวายอีก

"เอ่อ คือว่า" เซียวเหม่ยฉีพยายามคิดหาข้อแก้ต่างในใจเพื่อไม่ให้สาวใช้ของจางอวิ๋นซีตกใจเอาได้

"ซีเอ๋อร์ของย่า เจ้าฟื้นแล้วหรือ?" ไท่ฮูหยินเดินเข้ามาหาผู้เป็นหลานสาวอย่างรวดเร็ว เซียวเหม่ยฉีทำตัวไม่ถูกนักเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

หญิงสาวอยู่ในสถานะน้ำท่วมปาก จะกล่าวอ้างสิ่งใดในเพลานี้ก็ไม่อาจทำได้ นางพยายามตั้งสติให้มั่นคงแล้วคิดถึงเหตุการณ์ทุกอย่างให้ถี่ถ้วน

"ซีเอ๋อร์" เสียงของจางฮูหยินดังมาจากหน้าห้อง นางเดินสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วตรงเข้าสวมกอดจางอวิ๋นซีด้วยความคิดถึง

นานมากแล้วที่เซียวเหม่ยฉีไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกอบอุ่นของมารดา เนื่องจากว่าเธอสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็ก จึงถูกญาติๆ ของเธอพาไปเลี้ยงดูจนกระทั่งได้ทำงานเป็นหมอในโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งป่านนี้คุณย่าของเธอคงคิดถึงเธอเป็นแน่

เซียวเหม่ยฉีมองใบหน้าแต้มยิ้มของไท่ฮูหยินอีกครั้ง ใบหน้าของผู้เป็นย่าของนางก็ลอยทับมา ป่านนี้ท่านจะรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวคนนี้

เอาล่ะ...อยู่ในร่างของเธอก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิดนะ ฉันจะเป็นจาง อวิ๋นซีเพื่อเธอก็แล้วกัน จางอวิ๋นซีคนใหม่...