บทที่ 3
สำนักญาณศึกษา
สำนักญาณศึกษาแห่งนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขาในป่าอาถรรพ์ที่เรียกว่าป่าอาถรรพ์ เพราะในป่าแห่งนี้มีทุกอย่างทั้งสัตว์เทพ สัตว์อสูร ทั้งสมุนไพรล้ำค่า แก่นปราณ หรืออีกมายมาก แต่ที่พิศวงกว่านั้นคือป่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางทุกแว่นแคว้นนั้นคือมีทางเข้าจากทุกแคว้นและมีแค่เส้นเดียวเท่านั้น หากเป็นผู้ที่มีพลังธาตุในกายหลงเข้ามาที่ป่าอาถรรพ์นี้ยังไงคุณก็รอดครับ เพราะป่าอาถรรพ์จะปรากฏเส้นทางนำพาคุณมาที่สำนักญาณศึกษาแห่งนี้เท่านั้น แต่ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาดั้นด้นจะมาที่นี่บอกได้คำเดียวเลยว่าตายครับ ถ้ามีจิตคิดชั่วป่านี้ก็จะนำพาคุณไปเจอสิ่งเลวร้ายตามจิตใจส่วนลึกของคุณเอง เรียกง่ายๆป่าแห่งนี้มีความคิดและจิตวิญญาณจะเปิดรับเฉพาะคนที่สมควรเท่านั้น แต่หากคุณเป็นคนดีมีจิตใจสะอาด ป่านี้จะไม่ทำร้ายคุณครับแถมยังอาจจะมีของขวัญจากป่ามอบให้อีกต่างหาก และยังไม่มีใครสามารถสำรวจได้ว่าป่าแห่งนี้มีกี่ลูก มีกี่ถ้ำ หรือมีพื้นที่แน่นอนเท่าไหร่ เพราะต่อให้เป็นคนที่ถูกเลือกเมื่อลองสำรวจไปแล้ว ก็พบว่าเมื่อสำรวจภูเขาไปแล้ว 10 ลูกก็จะพบว่ายังเหลืออีก 10 ลูก พอสำรวจ 20 ลูกไปแล้วก็พบว่ามีเพิ่มอีก 20 ลูก จนคนสำรวจถอดใจไม่สำรวจแล้ว เพราะยิ่งสำรวจยิ่งมากกว่าเดิม เอาเป็นว่าป่านี้มีความลับจนได้ชื่อป่าอาถรรพ์ละครับ ละทำไมสำนักญาณศึกษาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ นั้นก็สุดที่จะรู้ครับ เพราะหนังสือความเป็นมาของสำนักญาณศึกษาเล่มนี้ไม่ได้บอกผมไว้ ก็เนื่องจากมีศิษย์พี่ที่เป็นศิษย์ของอาจารย์เซียงก่อนผมรุ่นไหนไม่รู้ละ เอาหนังสือเล่มนี้มาให้ผมพร้อมบอกผมว่าอาจารย์เซียงฝากมาพร้อมทั้งให้ผมอ่านให้จบทั้งความเป็นมาและกฏระเบียบของที่นี่ และศิษย์พี่ก็ยังบอกท่านไปโรงครัวกลางที่ไปกินข้าวที่นั้นได้ แต่จะวุ่นวายหน่อยเนื่องจากมีศิษย์มากมายหลายเขตสำนักมาทานที่นั้นกัน เนื่องจากเขตศึกษาที่นี่แบ่งออกตามความถนัดของเหล่าผู้อาวุธโสแต่ละคนทำให้มีหลายเขตศึกษานั้นเองครับ หรือจะทำกินเองที่โรงครัวในเขตสำนักบุหลันก็ได้จะมีคนส่งของสดเข้ามาที่โรงครัวประจำ และห้องครัวก็จะลงเวทย์ทำอาหารเอง คือในห้องครัวแห่งทุกอย่างจะขยับเองทำหน้าที่ของมันเองเพื่อรังสรรค์อาหารตามที่เขียยลงในกระดานอาหารหน้าห้องครัว ของภายในครัวก็จะปรุงเองทำเอง หลังจากปรุงสุกอาหารก็จะมาปรากฏที่โต๊ะในห้องคนเขียนรายการอาหารทันที นี่สินะโลกแห่งเทพเซียน ชีวิตสบายโคตร แต่ถ้าผมไปทานที่โรงอาหารกลางแสดงว่าผมอาจจะได้เจอพี่ชายทั้งสองคนที่นั้นนะสิ เพราะพี่ผมคนนึงศึกษาสายยุทธ์ควบคู่ไปกับสายเวทย์ แต่เป็นเวทย์เกี่ยวกับสัตว์เวทย์นะครับ จึงมีผู้อาวุโสซ่งที่เก่งเรื่องสัตว์เวทย์ทุกชนิดเป็นอาจารย์ แม้แต่ระดับตำนานท่านยังเคยพบเจอมาแล้ว ไม่ธรรมดาด้านสัตว์เวทย์ครับจากชื่อเสียงเรียงนามที่หนังสือนี้บอกมานะ ส่วนอีกคนสนใจสายเวทย์อย่างเดียวครับเพราะมันน่าตื่นเต้นที่สุด มีอะไรแปลกๆให้เล่นตลอดเวลา ตอนที่พี่รองยังอยู่ที่จวนมักจะเขียนเวทย์เป็นยันต์ขึ้นมาแกล้งอี้เหลียนหลงเสมอ พี่รองผมมีพรสวรรค์ด้านสายเวทย์มากครับ จนตอนนี้เท่าที่จำได้พี่รองเข้าขั้นปรมาจาร์ยเวทย์ตอนต้นละครับเหลืออีกสองขั้นก็จะบำเพ็ญตนเป็นเซียนเวทย์ละครับเป็นรองแค่อาจารย์เวินที่บรรลุเป็นเซียนเวทย์ไปแล้ว ตอนนี้พี่รองเลยเป็นผู้ช่วยและเป็นอาจารย์สอนศิษย์ช่วยอาจารย์เวินครับ
พรึ่บ คิดได้ดังนั้นผมเลยปิดหนังสือและจะไปกินข้าวที่โรงอาหารดีกว่า แต่พอเปิดประตูออกมาก็เจอกับศิษย์คนนึงที่เป็นคนละคนกับที่เอาหนังสือมาให้ผม คนนั้นหน้าตาไม่รับแขกและไม่บอกชื่อแซ่ด้วยผมไลยไม่รู้จัก รีบมารีบไปเว่อร์ พอเจออีกคนที่หน้าตารับแขกที่แลดูเป็นมิตรกว่าผมเลยยิ้มกว้างและคารวะศิษย์พี่ทันที
"ศิษย์น้องหกใช่มั้ย ข้าเป็นศิษย์พี่สามของเจ้านะ มีนามว่าเหลียงหลิวหง" ศิษย์พี่สามยิ้มละมุนส่งมาให้พร้อมทั้งแนะนำตัว
"ศิษย์น้องมีนามว่าอี้เหลียนหลงขอรับ คารวะศิษย์พี่ เรียกหลงเอ๋อร์ก็ได้ขอรับ"ผมแนะนำตัวกลับ
"งั้นก็เรียกข้าว่าพี่หงก็ได้ ที่นี่เนื่องจากมีจำนวนศิษย์น้อยที่สุด เราจึงอยู่กันอย่างครอบครัวนะ ศิษย์พี่รองที่เอาหนังสือมาให้เจ้า เขาเป็นคนคุยไม่เก่งและไม่รู้จะคุยอะไรกับเจ้า เขาเลยวานให้พี่มาช่วยแนะนำและอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ"ที่แท้คนผู้นั้นก็เป็นศิษย์พี่รอง นึกว่าหยิ่งไม่รับแขกที่แท้ก็แค่คุยไม่เก่งสินะ อืม ผมไม่ควรตัดสินพี่แกเร็วไปเลยแฮะ จากที่ส่งพี่หงมาก็แสดงว่าเป็นห่วงผมอยู่ละนะ
"ที่พี่หงบอกว่าที่นี่รับศิษย์น้อยมากคือยังไงเหรอขอรับ"ผมงงตรงข้อนี้ละ อาจารย์เซียงที่กำลังบรรลุปรมาจารย์โอสถขั้นปลายไปไม่ค่อยเปิดรับศิษย์งั้นเหรอ หรือยังไง
"ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก แต่ที่อาจารย์รับศิษย์น้อยเพราะท่านมักจะพูดเสมอว่าท่านไม่เก่งกาจพอที่จะสั่งสอนใครได้ ท่านเลยไม่ค่อยรับศิษย์ ถ้าจะเป็นศิษย์ท่านจะต้องมีดวงชะตาเกี่ยวพันกับท่านจริงๆท่านจึงจะรับ อย่างหลงเอ๋อร์ก็เป็นหลานของปรมาจารย์อี้ที่เป็นหมอเทวดาที่เป็นท่านอาจารย์ของอาจารย์เซียงอีกทียังไงละ ท่านจึงรับเป็นศิษย์เพื่อสั่งสอนทุกสิ่งอย่างที่ปรมาจารย์อี้สั่งสอนท่านมาให้กับหลานของท่านปรมาจารย์อี้เอง เพื่อวันนึงปรมาจารย์อี้กลับมาท่านจะได้ภูมิในสายเลือดของท่านที่มีความรู้ของท่านที่แสวงหามาและมีหลานสืบทอดเจตนาลมตนเองอย่างไรเล่า"
"อย่างนี้นี่เอง"ผมพรึมพรำออกมาเบาๆ ที่แท้ปู่ผมคืออาจารย์ของอาจารย์ผมอีกที มิน่าถึงรับผมเป็นศิษย์แถมเป็นศิษย์คนที่หกเอง แสดงว่าอาจารย์เซียงมีศิษย์แค่ห้าคน ซึ่งน้อยมากนะเนี่ย
"หลงเอ๋อร์เข้าใจก็ดีละล่ะ แล้วนี่กำลังจะไปไหนเหรอ"พี่หงนึกขึ้นได้จึงถามผมที่เปฺิดประตูออกมาก่อนที่จะเคาะประตูเรียก
"ข้ากำลังจะไปที่กินข้าวที่โรงอาหารกลางนะขอรับ พี่หงไปด้วยกันมั้ยขอรับ"
"ไปโรงอาหารกลาง ไปทำไมละ"พี่หงถามผมอย่างงงๆ
"ก็ไปทานอาหารไงขอรับ"
"แต่เขตสำนักเรามีครัวเป็นของตัวเองนะ ไม่เหมือนสำนักอื่นที่ครัวเล็กไปไม่เพียงพอกับจำนวนศิษย์ในเขตตัวเอง ศิษย์ในเขตเลยไปทานกันที่โรงอาหารกันบ้างส่วนนะ"พี่หงอธิบายใหเผมฟัง
"เอ่อ จริงๆข้าอยากไปเจอพี่ชายของข้าที่มาเรียนที่นี่นะขอรับ ตั้งแต่มาถึงข้ายังไม่ได้เจอเลย"ผมเลยบอกความจริงไป
"จริงสินะ เขตสำนักบุหลันใช่ว่าจะมีศิษย์จากเขตอื่นเข้ามาได้ แถมที่นี่ยังปลีกวิเวกออกมาอย่างสันโดดอีก ไม่เหมือนเขตอื่นที่ศิษย์สามารถเข้าไปเขตอื่นเพื่อขอประลองกับคนที่ตนอยากปะมือด้วยได้"
"มีเรื่องอย่างนี้ด้วยรึขอรับพี่หง"ผมเพิ่งรู้เหมือนกันเหมือนกันนะเนี่ย
"ใช่แล้ว และศิษย์ของเขตสำนักบุหลันก็ไม่ค่อยไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางกันหรอก คือ..มัน..ค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่นิดหน่อยนะ"พี่หงลังเลว่าจะบอกผมดีมั้ย
"ทำไมเหรอขอรับ มีปัญหาอะไรเหรอ"
"ก็…ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ ถ้าหลงเอ๋อร์จะไป เดี่ยวพี่ไปเป็นเพื่อน"พี่หงจะบอกก็ไม่บอก อ้ำๆอึ้งๆ มาทำให้อยากละจากไป แต่ก็ยังไปเป็นเพื่อนผมซึ่งก็ดีละครับ เพราะผมไม่รู้ทางไป555
"ขอบคุณพี่หงขอรับ "ผมยิ้มหวานประจบพี่หงทันที
"จะเดิมชมวิวไปหรือจะใช้เวทย์เคลื่ยนย้าย"
"ร่ายเวทย์ไปขอรับ เพราะข้าหิวแล้ว ขากลับเราค่อยเดินย่อยชมวิวมาดีหรือไม่พี่หง"ผมเสนอแผนการไป
"ตามใจหลงเอ๋อร์เลย เดี่ยวก็รู้ว่าจะทำตามแผนได้หรือไม่"พี่หงพูดจาแปลกๆ แถมยังยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก ทำแบบนี้น่าหยิกแก้มแดงๆนี่มากเลย ก็พี่หงหน้าตาราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนี้ครับ แต่จากที่เห็นศิษย์พี่รองนั้นก็สวยประหารเหมือนกัน สวยแบบดุๆ ส่วนความสูงก็สูงไล่เรี่ยผมทุกคนเลยครับ ดูเหมือนตั้งแต่อาจารย์ลามมาลูกศิษย์จะสวยๆกันทั้งนั้นเลย แต่ก็คงจะเป็นปกติของเบ้าหน้าฟ้าประทานละครับ หุหุหุหุ
ทันทีที่พี่หงร่ายเวทย์พาผมมาที่โรงอาหารกลางทุกสายตาก็จ้องมองมาทางพวกผมสองคนแบบไม่วางตาเลยครับ และที่ผมคิดว่าหน้าตาสวยๆแบบเขตสำนักบุหลันคือปกติที่สำนักญาณศึกษาแห่งนี้ที่น่าเต็มไปด้วยคนรูปงามแบบสวยๆหล่อๆประปนกัน แต่ผมคิดผิดครับ กะจากสายตาผมเกือบคิดว่าพี่หงพาผมมาผิดที่ละครับ เพราะจากสายตานี่คงเป็นเผ่ายักษ์มากกว่า คือตัวสูงหนาแทบทุกคน ย้ำว่าแทบทุกคน หน้าตาก็หล่อเหลอคมคลายเป็นชายสมชายอะ พูดได้แค่นี้ ละยังมีออร่าบางอย่างที่รู้สึกดุดันแปลกๆ ส่วนพวกผมสองคนแตกต่างมากครับ แตกต่างจากศิษย์เขตอื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตัวบางร่างเล็ก หน้าสวยอีก ออร่ารอบตัวก็ดูน่าขย้ำ บอบบางน่ารักน่าเอ็นดู น่าปกป้องนะครับ ผมว่าผมเริ่มเข้าใจละว่าทำไมพี่หงทำท่าทางแปลกๆ ไม่แปลกได้ไง ขนาดผมยังรู้สึกราวกับสาวน้อยที่โดนคุมคามเลยพี่หงคงโดนบ่อยกว่าผมมากอะก็คงจะกลัวพวกศิษย์เขตอื่นจะทำแปลกๆกับผมละมั้ง
"ไปเลือกอาหารเถอะ ละพี่ชายเราละจะมาหาเราถูกเหรอหลงเอ๋อร์"ทันทีที่พี่หงพูดเสียงหวานใสขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบรอบข้างที่ยังมองพวกผมไม่เลิกนั้น ก็ทำให้โรงอาหารกลางเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
"ไม่ทราบขอรับพี่หง ข้าลองมาดูเผื่อเจอท่านพี่นะขอรับ"ผมตอบตามความจริงก่อนจะเดินตามพี่หงไปรับถาดอาหารน่ากินชุดนึงจากครัวอาหารปกติ เพราะที่นี่จะแยกครัวอาหารปกติและครัวอาหารเจ ตามแต่คนที่ชื่นชอบครับ หลังจากนั้นก็เดินหาโต๊ะนั่งทานกัน ระหว่างทางที่เดินไปผมได้ยินเสียงแว่วๆจากศิษย์เขตสำนักอื่น พูดถึงพวกผมสองคน
"วันนี้วันดีอะไรนะ ทำไมข้าเห็นเทพธิดาตัวเป็นๆถึงสองคน"ศิษย์ 1
"ที่เขาเล่าลือกันว่าศิษย์เขตสำนักบุหลันงดงามราวกับเทพธิดาที่อยู่บนตำหนักสวรรค์ เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง"ศิษย์ 2
"แปลก ทำไมสองคนนั้นถึงออกมาโลกภายนอกได้ ปกติเขตสำนักบุหลันเก็บตัวเงียบทั้งศิษย์และอาจารย์ ทำราวกับไม่อยากยุ่งโลกมนุษย์สวรรค์ แต่ยังไงก็ตามได้เห็นกับตาว่าศิษย์เขตสำนักบุหลันงดงามราวกับเทพเซียนนั้นไม่เกินจริงเลย สวยมากจริงๆ"ศิษย์ 3 บลาๆ
เสียงที่ได้ยินก็จะประมาณนี้ละครับ พูดราวกับพวกผมไม่ใช่มนุษย์และไม่เคยเห็นอะไรอย่างนั้นแหนะ พวกผมเลยทำราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เพราะพวกนี้ทำราวกับพวกผมหลงทางมาดงชายฉกรรจ์ทั้งที่พวกผมก็ผู้ชายแมนๆเตะบอลป่ะครับ
"หลงเอ๋อร์ หลงเอ๋อร์เจ้ารึเปล่า"มีเสียงตะโกนดังลั่นเรียนหาผมจากหน้าทางเข้าโรงอาหารกลาง เสียงเหมือนพี่ใหญ่เลยแฮะ ผมเลยลุกขึ้นยืนหันไปมองนอกโรงอาหาร โอ้โห้ชัดเลย พี่ใหญ่อี้เหลียนฟง คือพี่ชายผมในปัจจุบันจริงๆครับ หน้าตาท่าทาง สุขุมเยือกเย็นเหมือนกันเลย แต่ดูจากท่าทางนั้นทำไมแลดูรีบๆยังไงชอบกล
"พี่ใหญ่ข้าอยู่นี่ขอรับ"ผมยกมือโบกไปมาเรียกพี่ชายเสียงหวาน พร้อมยิ้นกว้างดีใจที่ได้เจอพี่ชาย ถึงจะแค่คนเดียวก็เถอะ
"ทำไมน้องมากินข้าวที่นี่ ที่เขตสำนักบุหลันมีครัวเวทย์ที่เพียงพอต่อพวกเจ้าทั้งสำนักบุหลันนี่ เจ้าออกนอกเขตทำไมมันอันตรายมากนะ เกิดเจ้าเป็นอะไรไปพี่จะบอกท่านพ่อท่านแม่ยังไง"อืมมม พี่ใหญ่ใส่มาเป็นชุดเลยครับ หลังจากเดินมาถึงโต๊ะที่ผมอยู่ ลืมความสุขุมของตัวเองจนหมดสิ้นแล้ว
"น้องแค่คิดว่าจะได้เจอพี่ใหญ่กับพี่รองที่นี่"ผมตอบพี่ใหญ่เสียงอ่อยๆ
"แค่น้องส่งสารน์เวทย์ว่าอยากพบพี่ เดี่ยวพี่จะไปพบน้องถึงสำนักบุหลันเลย ไม่ต้องให้เจ้าเสี่ยงอันตรายมาที่นี่หรอก"พอเห็นผมเสียงอ่อยพี่ใหญ่จึงพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ๋อนโยนลง และยกมือขึ้นลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู
"มีข้าอยู่ด้วย ใครจะกล้าทำอะไรน้องเจ้าเหลียนฟง"เสียงพี่หงที่นั่งกินข้าวอยู่ก็พูดขึ้นมาราวกับหงุดหงิดใครสักคน
"นี่เจ้าเองเหรอที่พาหลงเอ๋อร์มาที่นี่นะ เจ้านี่ไม่เข็ดไม่หลาบ ไม่จดไม่จำอะไรบ้างเลยนะหลิวหง"
"หมายความว่ายังไง นี่เจ้าว่าข้าโง่เขลางั้นหรอ"
"ใช่ เคยโดนอะไรจำไม่ได้รึไง แล้วเจ้ายังกล้าพาน้องข้ามาที่นี่อีกนะ ช่างไม่จดจำ"พี่ใหญ่กับพี่หงเถียงกันไปมาราวกับโกรธเกลียดกันมาชาตินึงได้ นี่สองคนนี่รู้จักกันด้วยเหรอ ทำไมพี่หงไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย ถ้าพี่หงรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร จะไม่รู้จักพี่ชายผมเลยงั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้นะ และอีกอย่างผมไม่เคยเห็นใครทำพี่ใหญ่เสียงอาการหลุดความสุขุมได้เลยนะนอกจากครอบครัวและคนสำคัญเท่านั้น และทั้งคู่เหมือนไม่รู้ตัวว่าต่างคนต่างทำตัวแปลกๆใส่กัน
"ข้าจำได้ แต่แล้วยังไงเจ้าคนถ่อยนั้นก็ออกไปแล้ว ข้าไม่เห็นต้องกลัวกระไรเลย"
"เจ้ามันดูแลตัวเองได้ที่ไหนกัน พ้นสายตาข้าเป็นต้องมีปัญหาตามมาทุกทีสิน่า"
"มันก็เป็นเรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า"
"ไม่เกี่ยวกับข้างั้นเหรอ ทุกเรื่องของเจ้าคือเรื่องของข้าต่างหาก อย่าให้ข้าได้ยินที่เจ้าพูดแบบเมื่อกี้อีกนะ ไม่งั้นเจ้าเจอดีแน่"
"ทำไม เจ้าจะทำอะไรข้า ไอ้หมีดุ ไอ้ยักษ์ เห็นว่าตัวโตกว่าละข้าจะกลัวงั้นเหรอ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก"
ทั้งสองทุ้มเถียงกันไปราวกับโลกนี้มีเพียงแค่สองคน เหมือนคนเป็นแฟนกันเถียงกันอะ งองแงงใส่กัน พี่หงก็ท้าทายไปซะน่ารักเลยนะ พี่ใหญ่คงจะกลัวหรอกมั้ง เอาเป็นว่าคู่นี้คือคู่รักคู่กัดใช่มั้ย แต่ยังไม่รู้ตัวทั้งคู่ละสิ แต่ไม่ต้องห่วงผมมือชงอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
"พวกท่านทั้งสองคนทำราวกับสามีภรรยาที่อยู่กันมานานและกระทบกระทั่งกันบ้างเลยนะขอรับ"ผมชงไปหนึ่งดอกเน้นๆ
"ห๊าา"พี่หง
"ว่าไงนะ"พี่ใหญ่
"ก็พวกท่านทั้งสองทำราวกับคู่สามีภรรยาจริงๆนี่น่า"
"ใครจะไปเป็นสามีไอ้ยักษ์นี่กัน"พี่หงพูดพร้อมกับหน้าแดงกล่ำราวกับโกรธที่ได้ยินแบบนั้น
"เจ้าว่าไงนะ เจ้านะเหรอจะเป็นสามีข้าได้นะ"พี่ใหญ่ก็ไม่น้อยหน้าตอบกลับอย่างเจ็บแสบ
เอ่อ ผมว่าผิดโพนะ อะไรที่ทำให้พี่หงมั่นใจว่าจะได้เป็นผัวเนี่ย กล้าพูด ดูยังไงก็ความเมียอะ
"ข้าทำไม อย่างข้านี่ใครได้ไปเป็นสามีโชคดีทั้งชาติ เพราะข้าเก่งแถมยังร่ำรวย ต้องเป็นสามีที่ดีมากแน่ๆ"
"เจ้าเนี่ยนะจะเป็นสามีใครได้ ใครจะอยากได้คนที่สวยกว่าตัวเองเป็นสามี อย่างเจ้าต้องเก็บไว้ในห้องหอไม่ให้ชายอื่นได้ชายตามองต่างหาก"
"เจ้าพูดจาราวกับข้าเป็นสตรีในห้องหอที่งามจนสามีขังไว้ไม่ให้ใครได้เห็นอะไรอย่างนั้นแหละ"
"นี่เจ้าเพิ่งรู้ตัว ว่าเจ้าเป็นสามีใครไม่ได้หรอก "
"นี่เจ้า นี่เจ้าาา…"พี่หงยกมือขึ้นชี้หน้าพี่ใหญ่แต่ก็โมโหจนพูดไม่ออก มีแต่กัดฟันระงับความโกรธจนหน้าแดงไปหมด ยิ่งน่ารักไปใหญ่
"ทำไม ข้าทำไมรึ"พี่ใหญ่ยื่นหน้าไปหามือที่ชี้หน้าตนก่อนจะอ้าปากงับนิ้วมือลงไปเบาๆ ทำให้พี่หงรีบชักมือกลับละหน้าแดงกว่าเดิมไม่รู้ว่าโกรธหรือเขิน จากนั้นก็หายตัวแวบไป ส่วนพี่ใหญ่ก็ยิ้มกริ่มเลยที่แกล้งเขาได้ ชัดละว่าตำแหน่งซ้อใหญ่ตระกลูอี้คือพี่หงนั้นเอง
"เบาได้เบาพี่ใหญ่ ชอบเขาละแกล้งแหย่เขาทำไมละพี่ชาย"ผมถามไปแบบนั้นจริงๆไม่ต้องการคำตอบหรอก
"ก็น่ารักดี และอีกอย่างพี่ไม่ได้ชอบเขา"
"ปฏิเสธหน้ายิ้มแบบนี้ น้องเชื่อได้เหรอพี่ใหญ่"
"อย่ารู้มากน่าหลงเอ๋อร์ แล้วเจ้าได้เข้ามาศึกษาที่นี่แล้ว จงทำตัวให้ดีละ หมั่นศึกษาร่ำเรียน อย่าเกียจค้าน อย่างอแงมากไปเพราะไม่มีคนโอ้เจ้าแล้ว เจ้าต้องเติบโตขึ้นได้แล้ว และที่สำคัญห้ามเจ้าออกมานอกเขตสำนักบุหลันด้วยเข้าใจมั้ย พี่สามหงเจ้าก็ด้วย เป็นหูเป็นตาแทนพี่ด้วย ห้ามให้เขาฃุกซน"แห่ม นี่ขนาดปากบอกไม่ชอบนะเนี่ย แต่การกระทำชัดเว่อร์ พวกปากแข็ง
"น้องรู้แล้วน่า กลับดีกว่าได้เจอพี่ใหญ่ละ"
"แค่นี้เหรอที่อยากพบพี่ "
"ไม่หรอก ยังมีที่ท่านแม่ฝากมาบอกว่ากลับไปเยี่ยมท่านบ้าง ท่านคิดถึง"
"อืม เดี่ยวพี่จะส่งสารน์เวทย์กลับไปหาท่านเองละกัน หลงเอ๋อร์กลับเถอะ กลับถูกใช่มั้ย ให้พากลับรึเปล่า"หลังจากที่ผมบอกจุดประสงค์ที่อยากพบพี่ใหญ่เสร็จ ก็ไล่ผมกลับทันทีครับ
"น้องกลับเองได้น่า"
"งั้นก็โชคดีน้องรัก"
"ขอรับพี่ใหญ่"จากนั้นพี่ใหญ่ก็ยืนมองผมร่ายเวทย์กลับห้องตัวเอง ก็สบายใจขึ้นจึงกวาดสายตาดุร้ายมองไปรอบๆที่มีศิษย์ชายหลายคนมองจ้องน้องเขาและคู่กัด?เขานานเพื่อข่มขู่ว่าห้ามยุ่งกับทั้งสองคนเด็ดขาด
กลางตำหนักเวหาที่ตั้งอยู่บนเขาที่สูงที่สุดในป่าอาถรรพ์ผู้อาวุโสเหมินกำลังก้มหัวคารวะเทพเซียนด้านยุทธ์ที่แข็งแก่งที่สุดในโลกเทพเซียนด้วยกัน ที่กำลังนั่งมองกระจกส่องชีวิตที่ในกระจกปรากฏภาพของอี้เหลียนหลงที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองก่อนเตรียมจะนอน เห็นดังนั้นริมฝีปากบางสีเข้มก็กระตุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จรึยัง"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ได้ยินชัดเจนทุกคำ
"เตรียมทุกอย่างแล้วขอรับ "ผู้อาวุโสเหมินตอบกลับท่านเทพทันทีทันใด
"ดี งั้นรอ รอแค่เวลาที่ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว"ท่านเทพจ้องสบตากับผู้อาวุโสเหมินถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า