webnovel

0005

บทที่ 4 : ‘บทเพลงแห่งนกนางแอ่นผู้กล้าหาญ’ ที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง!

----------------------------------------------------------------

Pleosuriya >> แปล

CM >> ตรวจ

TurKish_TEA >> เช็ก + เกลา

********************************

ภายในห้อง

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน

อันที่จริงพวกเขาไม่ได้เตรียมคำถามที่สองเอาไว้ เพราะคิดจะเขี่ยจางเย่ตกตั้งแต่คำถามแรกแล้ว ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ กรรมการสัมภาษณ์ทั้งแปดคนได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าจะให้คะแนนอย่างไรดี ถ้าให้คะแนนตามความสามารถที่ปรากฏในการสัมภาษณ์ก็ควรให้ชายหนุ่มคนนี้หนึ่งร้อยคะแนน ไม่สิ ให้สองร้อยคะแนนยังไม่ถือว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ!

อ่านแค่สิบวินาที? ท่องได้หมดเก้าร้อยกว่าคำ?

นี่มันเทพจากที่ไหนถึงทำได้ขนาดนี้!?

ตอนที่คณะกรรมการเห็นจางเย่ไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรเมื่อรู้คำถามสัมภาษณ์ พวกเขายังคิดว่าไอ้หนุ่มนี่มันโง่ ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าใครบางคนได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ใครบางคนไม่รู้สึกกดดันกับการท่องบทหนึ่งพันคำโดยไร้สคริปต์ต่างหาก! ตรงกันข้าม กรรมการอย่างพวกเขาเสียอีกที่ดูโง่เง่าไปเสียสนิท!

แต่ทว่า ถ้าให้คะแนนจางเย่เต็ม ก็เท่ากับรับเขาเข้าทำงานแน่นอนน่ะสิ คะแนนสอบข้อเขียนของหมอนี่ผ่านก็จริง แต่เมื่อเทียบกับอีกยี่สิบกว่าคนที่เหลือไม่ถือว่าโดดเด่นกว่าตรงไหน ช่องว่างของแต่ละคนไม่ได้ห่างกันมากมาย การสัมภาษณ์จึงมีไว้เพื่อตัดคะแนนโดยเฉพาะ แปดสิบคะแนนถือว่าเป็นคะแนนที่สูงแล้ว ถ้าหากได้คะแนนเต็ม ชายหนุ่มจะต้องติดสองอันดับแรกในหมู่ผู้สมัครยี่สิบกว่าคนนี้แน่ น่าเสียดายที่คุณสมบัติของจางเย่ไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับพวกเขา รูปลักษณ์ของชายหนุ่มดูธรรมดาเกินไป ถึงแม้ว่างานดีเจวิทยุจะไม่ต้องเห็นหน้า แต่ที่จริงแล้วก็ต้องมีการเห็นหน้าอยู่ดี อย่างเช่นพวกงานกิจกรรม งานสาธารณะต่างๆ หากหน้าตาไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อผู้ฟังรายการได้เจอตัวจริง อาจจะพาลหมดอารมณ์เลิกฟังไปเลย ดังนั้นหน้าตาและส่วนสูงจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่หงเหลียนเริ่มลังเล “เหล่าจ้าว?”

จ้าวกั๋วโจวถอนใจ กล่าวกับจางเย่อย่างจริงจังว่า “จางน้อย ดูจากผลสอบข้อเขียน คุณเป็นคนที่มีความสามารถมากหาตัวจับยากคนหนึ่ง ทั้งยังจบมาตรงสาขาด้วย ตามปกติแล้วพวกเราควรจะยินดีต้อนรับคุณ แต่เอาเข้าจริง คุณ...เลือกงานผิด เรื่องรูปลักษณ์เราคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เชื่อว่าอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของคุณต้องเคยวิจารณ์มาแล้ว วงการสื่อวิทยุโทรทัศน์ก็เป็นแบบนี้แหละ เอาอย่างนี้ไหม? เดี๋ยวฉันจะเปิดประตูหลังให้แล้วเราไม่ต้องมีคำถามที่สองอีก สถานีของเรามีตำแหน่งอีกมากมาย ตราบใดที่เป็นงานเบื้องหลังอย่างอื่น คุณเลือกได้ตามใจชอบ ฉันให้ผ่านทันที พรุ่งนี้หยิบข้าวของที่จำเป็นแล้วมารายงานตัวเริ่มงานได้เลย แต่ถ้าอยากจะเข้ามาในสายดีเจล่ะก็ มันไม่ง่ายหรอกนะ ลองคิดดูให้ดี”

จางเย่กลับไม่ยอมคิดแม้แต่น้อย “อาจารย์ ขอบคุณครับสำหรับความหวังดีของคุณ ผมรู้ว่าด้วยคุณสมบัติของผม จะเดินบนเส้นทางนี้คงต้องยากลำบาก แต่ผมก็ยังต้องการสมัครตำแหน่งดีเจนี้เท่านั้น” จางเย่ยังคงยืนกรานอยู่กับความฝันของตัวเอง ถ้าอยากเปลี่ยนใจไปทำงานด้านอื่น จางเย่ก็คงทำไปนานแล้ว คงไม่ว่างงานอยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก

จ้าวกั๋วโจวโบกมืออย่างจนใจ เด็กคนนี้นี่ เตือนแล้วยังไม่ฟัง

หลี่หงเหลียนถามย้ำ “คุณแน่ใจนะ? รอบแรกฉันเพียงแค่ลองเชิง แต่คำถามที่สองไม่ได้ง่ายเหมือนข้อแรกหรอกนะ และจากพื้นฐานของคุณแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะผ่าน พ่อหนุ่ม มันไม่ใช่ว่าเราจงใจทำให้มันยากสำหรับคุณหรอกนะ แต่การสัมภาษณ์ก็เป็นแบบนี้แหละ เราเลือกคำถามที่สอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคน คุณสมบัติของคุณไม่ผ่านเกณฑ์ของตำแหน่งดีเจเลยจริงๆ ดังนั้นคำถามจึงต้องยากเป็นพิเศษ คุณจะต้องมีความสามารถที่โดดเด่นสุดยอดจนสามารถกลบข้อด้อยเรื่องรูปลักษณ์ได้เท่านั้น ถึงจะผ่านได้ ฉันว่าลองพิจารณาคำแนะนำของผู้จัดการจ้าวอย่างรอบคอบก่อนจะดีกว่า”

ไม่ได้จงใจทำให้ยาก?

พวกคุณยิ่งกว่าจงใจทำให้ยากเสียอีก!

จางเย่เป็นคนหัวรั้นมากๆ คนหนึ่ง เขายังคงยืนกรานหนักแน่น “ไม่มีอะไรต้องพิจารณา เชิญบอกคำถามที่สองมาได้เลย”

หลี่หงเหลียนเกลียดนักที่เหล็กไม่ยอมเป็นเหล็กกล้า เธอส่ายหน้าอย่างเริ่มโกรธ “ก็ได้! ฉันเป็นหัวหน้ารับผิดชอบช่องภาษาต่างประเทศ ในสถานีมีผู้ประกาศที่เก่งภาษาอังกฤษมากมาย แต่เรายังขาดคนที่มีความสามารถด้านภาษารัสเซีย การคัดเลือกครั้งนี้ ความตั้งใจเดิมของฉันคือจะหาคนที่มีพื้นฐานภาษารัสเซียอยู่บ้าง ถ้าคุณสามารถแต่งกลอนสมัยใหม่เป็นภาษารัสเซียที่ทำให้เราพอใจได้ ฉันจะให้คะแนนคุณเต็มทันที!”

ภาษารัสเซีย?

แต่งกลอนสมัยใหม่เป็นภาษารัสเซีย?

จ้าวกั๋วโจวหันไปมองหลี่หงเหลียนแต่ไม่พูดอะไร ถือว่าเห็นด้วยไปโดยปริยาย

กรรมการสัมภาษณ์คนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าท่าทีแตกต่างกันออกไป ความสามารถของจางเย่ที่เพิ่งแสดงออกมาทำให้พวกเขาอึ้งจนพูดไม่ออก รู้ดีว่าจางเย่นั้นเก่งมาก แต่ในวงการพิธีกรวิทยุ โทรทัศน์ หน้าตาไม่ถึงเกณฑ์ถือเป็นข้อบกพร่องสำคัญ นอกเสียจากคนที่มีพรสวรรค์พิเศษสุดยอดจริงๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เหลือแทบไม่มีใครสามารถฝ่าฟันจนแจ้งเกิดในวงการได้เลย เห็นได้ชัดจากคำถามที่สองของหลี่หงเหลียนว่าพวกเขาตั้งใจไม่ให้โอกาสจางเย่เลยแม้แต่นิดเดียว! ภาษารัสเซีย? ในเรซูเม่ของจางเย่ที่อยู่ตรงหน้า ภาษาต่างประเทศที่ระบุไว้มีเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น มหาวิทยาลัยที่ไหนก็สอน ไม่ใช่คณะภาษาต่างประเทศหรืออะไรเทือกนั้นเสียหน่อย หรือต่อให้เรียนมาด้านนี้จริง การหาครูสอนภาษารัสเซียก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี! เมื่อไม่รู้ภาษาอย่าว่าแต่แต่งกลอนเลย แค่ให้พูดทั่วไปก็ทำไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือไง?

จางเย่คาดไว้อยู่แล้วว่าคำถามที่สองจะต้องไม่ง่าย แต่ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้ นี่เรียกว่าไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย! แถมยังภาษารัสเซียอีก? ขนาดภาษาอังกฤษจางเย่ก็ยังไม่เก่งเลย เรียนได้แค่พอผ่านเท่านั้น แล้วจะให้เขาไปรู้ไอ้ภาษารัสเซียนี่ได้ยังไงล่ะ!?

บ้าเอ้ย! แค่เพราะหน้าตาไม่ดีเลยต้องลำบากกว่าคนอื่นงั้นเหรอ? ต้องโดนปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมโดนกลั่นแกล้งขนาดนี้เหรอ? อะไรกัน? ทำไมพวกนายถึงคิดว่าฉันทำไม่ได้? ทำไมถึงไม่มีใครให้โอกาสฉันลองเลยล่ะ? ฉันแค่ต้องการความยุติธรรม! มันยากนักหรือไง?

นิ้วของหลี่หงเหลียนเคาะไปที่ถ้วยชา “กลอนนี้คุณต้องแต่งขึ้นมาเอง อย่าใช้ผลงานของกวีชื่อดังอย่างเฉินเทียนหมอหรือว่าเวลส์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้วล่ะ ฉันต้องการดูความรู้พื้นฐานด้านภาษาและความสามารถด้านวรรณกรรมของคุณ ทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกัน เริ่มได้”

บทกวีที่แต่งเอง? กรรมการคนหนึ่งคิดอยู่ในใจว่าจะให้เริ่มอะไรกันล่ะ เรียกคนต่อไปเข้ามาเลยเถอะ ขนาดคนที่ใช้ภาษารัสเซียเป็นอาชีพยังแต่งกลอนเป็นภาษารัสเซียไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่เข้าใจภาษารัสเซียหรอก!

เฉินเทียนหมอ?

เวลส์?

คนพวกนี้เป็นใคร? ทำไมชื่อคุ้นหูจัง?

ทันใดนั้นจางเย่ก็นึกออก เฉินเทียนหมอ — ตอนที่ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเหมือนว่าจะเคยเห็นนะ เขาเป็นหนึ่งในกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศในตอนนี้ ตอนที่ภูมิหลังของโลกถูกปรับเปลี่ยนนั่น หนังสือรวมบทกวีที่จางเย่วางไว้อยู่ข้างหน้าต่างได้เปลี่ยนเป็นของเฉินเทียนหมอ! เกือบลืมไปแล้วว่าโลกนี้ไม่มีกวีอย่างสูจื้อหมอหรือพุชกิน แต่ถูกแทนที่ด้วยนักกวีและผลงานของโลกนี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จางเย่เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง แววตาเริ่มขยับไหว ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นบทกวีของโลกนี้ คนของโลกนี้ก็ต้องไม่เคยเห็นบทกวีเลื่องชื่อจากโลกของเขาเช่นกัน!

จ้าวกั๋วโจวที่ใจแข็งไม่พอกล่าวเสริม “จางน้อย เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ฉันยังยืนยันคำเดิม คุณไม่จำเป็นต้องทดสอบคำถามที่สองนี้ ฉันจะหางานเบื้องหลังอย่างอื่นให้เอง”

ไม่ต้องทดสอบ?

ทำไมไม่ต้องทดสอบ!

จางเย่เริ่มรู้สึกหมดความอดทน คนพวกนี้จงใจกลั่นแกล้งเขามาตลอด นี่ยังไม่จบอีก? จะให้ฉันแต่งกลอนเป็นภาษารัสเซียใช่ไหม? ได้เลย! วันนี้ฉันจะมอบกลอนให้พวกนายหนึ่งบท! ไม่รู้ภาษารัสเซีย? แล้วยังไงล่ะ! จางเย่ไม่เคยเรียนภาษารัสเซียมาก่อนแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้จักกลอนภาษารัสเซียหรอกนะ! ฟังดูย้อนแย้งกันแปลกๆ เหรอ? เปล่าเลย มันไม่ได้ขัดแย้งกันแม้แต่นิดเดียว ตอนที่ชายหนุ่มเรียนอยู่มหาวิทยาลัย อาจารย์ในคณะต่างคิดค้นปัญหายากเย็นแสนเข็ญมากมายมาเพื่อทดสอบเหล่านักศึกษา

อย่างเช่นตอนนั้น จางเย่จำได้อย่างแม่นยำว่าตอนปีสามเทอมสอง อาจารย์ที่สอนวิธีการออกเสียงได้ขอให้อาจารย์ชาวรัสเซียอัดเสียงบทกวีชื่อดังของรัสเซียด้วยสำเนียงมาตรฐาน แล้วให้เขาและเพื่อนร่วมชั้นท่องจำให้ขึ้นใจ เขากับเพื่อนร่วมคลาสต่างรู้สึกถึงความโหดหินของมัน จำได้ว่าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนกว่าพวกเขาจะท่องได้หมด คิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วเหมือนเป็นฝันร้าย แต่หลังจากที่จำมันได้ทั้งหมด เขาก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ของอาจารย์

ทักษะการออกเสียงและการท่องจำของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล การท่องจำตามตัวอักษรโดยที่ไม่ได้เข้าใจความหมายช่วยฝึกสมองของเขาให้แกร่งอึดมากขึ้น เชื่อเลยว่าคนที่เรียนวิชาเฉพาะทางในสาขานี้ต่างผ่านการฝึกฝนอันโหดหินแบบนี้กันทุกคน

“ทำไม่ได้ใช่ไหม งั้นคนต่อไปเถอะ” หลี่หงเหลียนไล่แล้วพลิกดูประวัติคนต่อไป

จางเย่นึกถึงช่วงเวลาปีสามของเขา พลางถามว่า “เป็นบทร้อยแก้วแทนจะได้รึเปล่า?”

“บทร้อยแก้ว?” หลี่หงเหลียนอึ้งไป ถึงขั้นจะแต่งบทร้อยแก้วเลยเหรอ? มันยากยิ่งกว่ากลอนสมัยใหม่ทั่วไปอีกนะ ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นบทร้อยแก้วในภาษาต่างประเทศด้วย

สำหรับหลี่หงเหลียน นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ เธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่รู้ภาษารัสเซีย แม้จะเคยเห็นบทร้อยแก้วมาบ้าง แต่หลี่หงเหลียนยังไม่เคยแต่งเองเลยสักครั้ง แค่อ่านก็ยังรู้สึกเต็มกลืนแล้ว จางน้อยคนนี้จะทำได้จริงเหรอ? เธอจ้องเขม็งพร้อมพูดเสียงดัง “ถ้าอยากจะเลือกบทร้อยแก้วที่ยากกว่า ฉันก็จะไม่ห้าม ตราบใดที่เป็นกลอนภาษารัสเซียที่แต่งขึ้นมาเอง หัวข้ออะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“ครับ” พูดจบจางเย่ก็หลับตาและนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขากำลังปรับอารมณ์

“เสร็จหรือยัง?”

“ทำไมยังไม่เริ่มสักที?”

“พอเถอะ คุณไม่เคยเรียนภาษารัสเซียเลยด้วยซ้ำ เอาไว้มาใหม่ครั้งหน้าก็แล้วกัน”

“เลิกทำให้พวกเราเสียเวลาได้ไหม? ยังมีอีกหลายคนรอสัมภาษณ์อยู่นะ กลับไปเถอะ คุณสมบัติของคุณไม่เหมาะเป็นดีเจจริงๆ!”

หลังจากรออยู่นานก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้สัมภาษณ์จึงค่อยๆ หมดความอดทน พวกเขาทุกคนไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะพูดภาษารัสเซียได้ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ!

ท่ามกลางคำพูดเสียดสีปนสงสัยของเหล่ากรรมการ จางเย่ลืมตาขึ้นมาพร้อมเปล่งเสียงออกจากท้องน้อย ประโยคแรกที่พูดทำเอากรรมการทุกคนถึงกับปากอ้าตาค้าง!

“Песня-о-буревестнике,Над-седой-равниной-моря-ветер-тучи-собирает,Между-тучами-и-морем-гордо-реет-Буревестник,черной-молнии-подобный.”

“หา?”

“พูดได้จริงๆ อ่ะ?”

“นี่มันภาษาอะไร?”

จ้าวกั๋วโจวตาค้างไปชั่วขณะ ก่อนหันขวับไปมองหลี่หงเหลียน “เหล่าหลี่ นี่มัน?”

กรรมการคนอื่นๆ ต่างหันไปมองผู้อำนวยการหลี่เต็มสองตา ทุกคนรู้ว่ามีเพียงเธอที่เข้าใจภาษารัสเซีย

แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นดวงตาของหลี่หงเหลียนที่กำลังเบิกกว้างยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ไม่ต้องพูดอะไรทุกคนก็เข้าใจทันที!

ยายแกสิ!

ไอ้หนุ่มนี่พูดภาษารัสเซียได้จริงๆ เหรอเนี่ย!?

จางเย่เริ่มพูดรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงของเขาผสมปนเประหว่างความหยิ่งยโสและความเฉยชาไม่ยินดียินร้าย นี่เป็นเพราะว่ากวีบทนี้จำเป็นต้องพรรณนาด้วยอารมณ์เช่นนี้!

บทกวีของกอร์กี้ ‘บทเพลงแห่งนกนางแอ่นผู้กล้าหาญ’!

นี่เป็นบทกวีรัสเซียที่ทุกคนในโลกของเขารู้จักดี ถึงขนาดรวมอยู่ในหนังสือเรียนชั้นม.ต้น และบทกวีนี้ก็แสดงถึงความรู้สึกที่จางเย่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ได้อย่างประจวบเหมาะ เขาท่องเสียงดังและรัวเร็ว โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่แทบจะคำรามออกมา!

“Пусть-сильнее-грянет-буря!”

บทกวีจบลงแล้ว!

ทุกคนนิ่งอึ้งอย่างโง่งม!

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

TurKish_TEA : เป็นไงล้าาาาา โดนจางน้อยสวนด้วยกวีรัสเซีย อ่านกี่ครั้งก็ยังชวนอารมณ์ขึ้นจริงๆ นึกถึงชะตากรรมบทต่อๆ ไปแล้ว...ปาดเหงื่อรัวๆ

CM : จริงๆ บทนี้ตอนที่จางเย่ท่องกลอนนกนางแอ่นออกมาประโยคแรก บรรยายไว้ว่าจางเย่เปล่งลมจากจุดตันเถียนด้วยนะ อืมม์ จริงๆ แล้วนี่มันเป็นนิยายกำลังภายในใช่ไหม 5555

TurKish_TEA : นี่ถ้าคุมลมไม่ดีได้ออกทางก้นแน่ 555+