webnovel

ตอนที่ 25

ตอนที่ 25 อะไรคือการพยากรณ์

สายตาของเขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “เด็กน้อย พี่ชายมีธุระนิดหน่อย ตอนนี้คงไปกินข้าวกับเธอไม่ได้แล้ว เปลี่ยนเป็นตอนเย็นได้ไหม”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง

ผ่านมาแล้วเจ็ดวันนับตั้งแต่ที่เธอเจอพวกเขาครั้งแรก

เนี่ยเฉากำลังจะเกิดเรื่อง

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจริงจังกับคำพูดของเธอ

แต่นี่ก็ปกติ

เธอจำได้ว่า ก่อนเธอไปตอนปีพันเจ็ดร้อยแปดสิบ พวกแม่มดในยุโรปถูกมองเป็นตัวประหลาดแล้วถูกจับฆ่าหมด

ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนี้ คนที่มีความสามารถในการพยากรณ์อย่างแท้จริงมีอยู่ไม่กี่คน ประเทศจีนเองก็เช่นกัน

ไม่มีใครเชื่อเรื่องพวกนี้

“ไม่นานหรอก” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ยินคำตอบจึงหันหน้าไปหา ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ฉันจะสั่งอาหารมาส่งที่บ้านให้เธอกับพวกคุณอา แล้วเธอก็นอนสักงีบเป็นไง”

มีอันตรายไหมไม่รู้ เขาพาเด็กสาวไปด้วยไม่ได้

อิ๋งจื่อจินก็เข้าใจความหมายของเขาว่าเขาไม่คิดจะพาเธอไปด้วย

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “ระวังที่สูง”

พอฟู่อวิ๋นเซินได้ยินก็ยิ้มกว้างขึ้น ยกมือขยี้หัวเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้ เชื่อฟังเด็กน้อยของฉัน”

เขาเปิดประตูรถ ส่งเธอที่หน้าคอนโด

รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง หลังจากแล่นออกไปไกลแล้วรอยยิ้มของฟู่อวิ๋นเซินก็ค่อยๆ หายไป

เขาบังคับพวงมาลัยรถพลางกดเปิดโทรศัพท์อีกครั้ง

ข้อความนั้นยังคงกะพริบอย่างบ้าคลั่งอยู่บนหน้าจอ สั่นมาก

ชาร์พชูทเทอะ อันดับเก้าสิบสี่

ชื่อเหมือนกับแฟ้มเอกสารแรกในวันนั้นทุกอย่าง ยกเว้นตัวเลขที่ต่างกัน

ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาลง

เขานึกไม่ถึงว่าเนี่ยเฉาก็ถูกนักล่าติดอันดับเพ่งเล็งเหมือนกัน

ฟู่อวิ๋นเซินลบข้อความทิ้ง กดโทรออก “สืบความเคลื่อนไหวของเนี่ยเฉาช่วงนี้”

...

ณ ร้านเหล้าอีฮ่าวในถนนหวงผู่

วันนี้เปิดกิจการวันแรก ช่วงเที่ยงมีคนมาอยู่ไม่น้อย

เนี่ยเฉายึดที่นั่งที่ดีที่สุดข้างบาร์ เตรียมดื่มให้สุดเหวี่ยง

ผ่านไปไม่นานรอบตัวก็มีคนนั่งเต็ม เวทีเต้นก็จัดเตรียมเรียบร้อย

เนี่ยเฉาใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ ปรากฏว่าเพิ่งเริ่มฟังดนตรีต้นเพลงทันใดนั้นเพลงก็หยุดลง

“เอ๊ะ” เขางง “ไม่มั้ง พังแล้วเหรอ” เขาเพิ่งซื้อมาไม่นานเองนะ

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถอดออกมาดูก็มีเสียงที่แยกไม่ออกว่าหญิงหรือชายดังออกมาจากหูฟัง

“คุณอยู่ที่ร้านเหล้าอีฮ่าวถนนหวงผู่”

เนี่ยเฉาตกใจ “คุณรู้ได้ยังไง”

โวะ ใครเนี่ย ไม่ใช่แค่แฮกโทรศัพท์เขาได้ ยังรู้ร่องรอยของเขาด้วย คงไม่ใช่ผู้เฒ่าของบ้านเขาส่งคนมาจับเขาหรอกนะ

อีกฝ่ายไม่ตอบ พูดเพียงว่า “มีคนต้องการฆ่าคุณ”

“อย่าล้อเล่นน่า” เนี่ยเฉาหมดคำจะพูด “ใครจะกล้าฆ่าคนในประเทศจีน คุณเป็นใครกันแน่”

“อีกสิบวินาที” อิ๋งจื่อจินมองจุดสีแดงที่กะพริบอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาหงส์หรี่ลง “คุณจะลองดูก็ได้”

เนี่ยเฉาโมโห เขาไม่อยากสนใจ ปิดโทรศัพท์ทิ้งทันที

แต่ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้นไฟในร้านเหล้าก็ดับลงทั้งหมด

มืดสนิท มีคนส่งเสียงกรีดร้อง

เนี่ยเฉาเองก็อึ้ง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรก็มีเสียงดังมาจากในหูฟัง

“หมอบลง”

“ปัง!” เนี่ยเฉากระโจนลงพื้น เขารู้สึกได้ว่ามีไอร้อนลอยมาจากด้านบน กระสุนเฉี่ยวหัวเขาไป ฉิวเฉียดไปนิดเดียว

โวะ? มีคนจะฆ่าเขาจริงด้วย!

เกิดความโกลาหลภายในร้านขึ้นมาทันที เสียงกรีดร้องดังระงม

เนี่ยเฉาเริ่มขาสั่น ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว

เขากลืนน้ำลาย “ตะ...ตอนนี้ผมควรทำไง”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้ใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง เธออาศัยเส้นเสียงของตัวเองดัดเสียงเป็นอีกแบบ เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดินขวาสามก้าว”

เนี่ยเฉารีบทำตาม

“ปัง!” พอเขาหันตัวปุ๊บก็เกิดเสียงดังสนั่นด้านหลัง ยังคงเฉียดฉิวเหมือนเดิม

เนี่ยเฉาเหงื่อแตก แอบด่าถึงพ่อแม่ในใจ

แม่งมันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!

เสี่ยงในหูฟังยังคงเตือนเขาต่อ ใจเย็นมาก ถึงขนาดเรียกได้ว่าเรื่อยเปื่อย

“ก้มตัว”

“กระโดด”

“ตอนนี้วิ่ง”

เนี่ยเฉายังจะมัวสงสัยได้ที่ไหนกัน ก้าวขาโกยลูกเดียว

เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปสามสิบวินาที จากนั้นถึงได้ยินคำสุดท้ายจากในหูฟัง

“รอดแล้ว”

เนี่ยเฉาทรุดตัวลงบนพื้น รู้สึกเหมือนตายมาแล้วหนึ่งรอบ หายใจเหนื่อยหอบ “ให้ตายเถอะ...”

ภายในคอนโด อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ หาวออกมา

สิ้นเปลืองพลังงานไปไม่น้อย

เธอต้องกินช็อคโกแลตมูสเค้กสักหน่อยแล้ว

...

ตอนที่ฟู่อวิ๋นเซินไปถึง ร้านเหล้าอีฮ่าวถูกปิดล้อมเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้จะไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าวของต่างๆ ภายในร้านก็ได้รับความเสียหาย

โดยเฉพาะมีการพบรูกระสุนบนพื้นและกำแพง จำเป็นต้องให้ความสำคัญ

ฟู่อวิ๋นเซินหันไปก็เห็นเนี่ยเฉาที่เหมือนหมาฮัสกี้กำลังนั่งน่าสงสารอยู่ริมทาง บนหน้าผากยังถูกพันด้วยผ้าพันแผลอีกด้วย

ไม่เป็นอะไรมาก สีหน้าของเขาผ่อนคลายลง เดินเข้าไปหา “ไม่ลุกขึ้นเหรอ”

เนี่ยเฉาอยากร้องไห้ “คุณชายเจ็ด นายรู้ไหมว่าฉันเกือบตายแล้ว”

“มองออก” ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองรอบๆ พอจะเข้าใจอยู่

เนี่ยเฉาตบต้นขาด้วยความโมโห “ไม่รู้ว่าใครแค้นฉันขนาดนี้ ถึงกับจะฆ่าแกง”

กระสุนนั่นก็แม่นเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะคนลึกลับที่แฮกโทรศัพท์ของเขาช่วยไว้ เขาคงตายก่อนวัยอันควรไปแล้ว

เก่งนักก็ไปฆ่าตาแก่ที่บ้านเขาสิ มาฆ่าเขาเพื่อ

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร ดึงเนี่ยเฉาลุกขึ้น “ไปโรงพยาบาลก่อน”

เนี่ยเฉาแสร้งทำเป็นเช็ดน้ำตา เข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ

ฟู่อวิ๋นเซินออกรถ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “นายคิดยังไงถึงมาที่นี่”

เนี่ยเฉาเกาหัว “ก็ระหว่างทางฉันได้ใบปลิวมาใบนึง ดูท่าทางใช้ได้ก็เลยมา”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืมเฉยๆ

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆ สินะ

“คุณชายเจ็ด ฉันขอนอนหน่อยนะ” เนี่ยเฉาเพิ่งหนีจากความตายในใจยังรู้สึกกลัวอยู่ ความง่วงเข้ามาครอบงำ “ถึงแล้วเรียกด้วย”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา หลังจากที่แน่ใจว่าเขาหลับสนิทแล้วถึงกดรับโทรศัพท์ที่สั่นมาสักพัก

“อวิ๋นเซิน?”

เสียงทุ้มต่ำน่าฟังของชายหนุ่มมีแรงดึงดูด

“น้องชายนายถูกตั้งค่าหัวแล้ว นักล่าที่ลงมือคือมือปืนอันดับที่เก้าสิบสี่” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม พูดเสียงเนือยๆ “แต่เขาชะตาดี ไม่ถูกยิง แค่หัวแตกตอนวิ่งหนี”

แต่มือปืนติดอันดับไม่ว่าคนไหนก็ตาม ต่อให้เป็นอันดับที่ร้อย ยิงคนทั่วไปก็เข้าร้อยเปอร์เซ็นต์

วันนี้เขากลับแปลกใจ เขาเห็นรูกระสุนทั้งหมดห้ารู กลับยิงไม่ถูกแม้แต่นัดเดียว

แอบดูถูกมือปืนคนนี้

พอได้ยินแบบนี้ปลายสายก็เงียบไป

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะกลับไปทันที”

...

หลังจากที่แยกกับผู้จัดการส่วนตัว อิ๋งลู่เวยก็โทรไปที่บ้านใหญ่ก่อน

ตอนเย็นเธอถึงจะขับรถกลับไป

“คุณลู่เวย” พ่อบ้านที่รอมานานเดินเข้าไปหา พูดด้วยความนอบน้อม

“คุณนายอยู่ข้างในครับ คุณเข้าไปได้เลยครับ”

อิ๋งลู่เวยยิ้ม เปิดประตู

ภายในห้องรับแขก จงมั่นหวากำลังตัดแต่งดอกไม้ในแจกัน พอได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น เธอยิ้ม “ลู่เวย รีบร้อนขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอ”

“มีธุระนิดหน่อยค่ะ ฉันอยากมาถามพี่สะใภ้หน่อยว่า เสี่ยวจินอยากเข้าวงการบันเทิงเหรอคะ”

อิ๋งลู่เวยพยักหน้า “ถ้าเธออยากเข้าวงการบันเทิงฉันช่วยได้นะคะ”

ลังเลเล็กน้อย “แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ทางคลาสเด็กอัจฉริยะของชิงจื้อ...เธอก็คงไปไม่ได้แล้วหรือเปล่า”