webnovel

ตอนที่ 23

ตอนที่ 23 เด็กน้อยเก่งจริงๆ

บนหน้าจอคอมที่มืดสนิทได้ปรากฏตัวอักษรสีแดงอันน่าสะพรึงหนึ่งบรรทัด อีกทั้งยังมีเสียงโหยหวนดังออกมาจากคอมพิวเตอร์

[เด็กน้อย เธอเป็นอะไรกับเขา]

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย

อ่านนิยายยังจะมีคนมากวน เธออาจเจอคนที่มีนิสัยชอบก่อกวนติดตัวเข้าแล้วจริงๆ

เธอละสายตา พิมพ์ลงในกล่องข้อความ

[แล้วคุณเป็นใครกัน]

พอเห็นประโยคนี้ ภายในห้องใต้ดินแห่งหนึ่งริมฝั่งมหาสมุทร คนที่กำลังถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินอยู่ก็เหลือบมอง

แม่สาวคนนี้โง่หรือเปล่า

เรื่องแบบนี้จะบอกเธอได้ยังไงกัน

[ฉันเป็นแฮกเกอร์]

“แฮกเกอร์เหรอ” ดูเหมือนอิ๋งจื่อจินจะนึกอะไรออก “งั้นคุณรอเดี๋ยว สักหนึ่งชั่วโมง”

[?]

เครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏบนหน้าจอ

อิ๋งจื่อจินหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอซื้อไว้ก่อนหน้านี้ออกมาจากกระเป๋าหนังสือ นั่งอ่านอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังมืดอยู่

เธออ่านเร็วมาก นาทีเดียวไปแล้วสิบกว่าหน้า ราวกับว่าแค่เปิดผ่านๆ

[อ่านอะไรอยู่น่ะ]

ไม่ได้รับคำตอบ ทางนั้นสงสัยจะตายอยู่แล้ว

หลังจากแฮกคอมพิวเตอร์เข้ามา เขาก็ย่อมควบคุมอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ด้วย เช่น กล้อง เป็นต้น

ครั้นแล้วทางนั้นจึงซูมกล้องเข้าไปดูใกล้ขึ้น ก็เห็นหนังสือ ‘พื้นฐานคอมพิวเตอร์ฉบับนักศึกษา’

“...”

[เธอเป็นนักศึกษาเหรอ เธอคงไม่ได้คิดว่าอ่านหนังสือเล่มนี้จบก็จะสามารถทำลายการแฮกของฉันได้หรอกนะ]

ล้อเล่นอะไรน่ะ คิดว่าเขาไม่รู้เหรอว่า ‘พื้นฐานคอมพิวเตอร์ฉบับนักศึกษา’ มีเนื้อหาอะไรบ้าง

ก็แค่โปรแกรมพื้นฐานอย่างเวิร์ด พาวเวอร์พอยต์ บวกกับมีคำอธิบายเรื่องชิปของคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดแค่นั้น

เด็กสาวยังคงอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

กล้องสะท้อนภาพขนตางอนยาวที่หลุบลงเล็กน้อยของเธอ ประหนึ่งปีกบางๆ ของผีเสื้อ ขยับอย่างแผ่วเบา ผิวพรรณของเธอขาวมาก เนียนละเอียด ขาวผ่องเป็นยองใย ให้ความรู้สึกเหมือนโปรงใส ผมยาวดำขลับสยายออก เงางามท่ามกลางแสงแดด งดงามเสียจนพาให้เคลิบเคลิ้ม ทำให้ยากที่จะละสายตาออกไป

ทันใดนั้นทางนั้นก็เกิดความคิดที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง

คงไม่ใช่ว่า ตาคุณชายนั่นถูกใจแม่สาวคนนี้หรอกนะ

แต่ความคิดนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นก็ถูกปฏิเสธทันที

เป็นไปไม่ได้

จึ๊ เขาก็อยากจะลองดูว่า อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังจะเกิดอะไรขึ้น

ภายในห้องใต้ดินเต็มไปด้วยถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในขณะที่ทางนั้นหยิบบะหมี่ถ้วยที่สามขึ้นมาเริ่มกิน อิ๋งจื่อจินก็มีการเคลื่อนไหว

เธอวางหนังสือในมือลง เงยหน้าขึ้น

นิ้วเรียวยาววางลงบนคีย์บอร์ดแบบเก่า กดพิมพ์อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาที

ภายในห้องใต้ดินริมฝั่งมหาสมุทรทันใดนั้นได้เข้าสู่ห้วงความมืด

“ตื๊ดๆๆ!”

มีเสียงดังอย่างเร็วและบ้าคลั่ง

“ไอ้…!”

ทางนั้นคายบะหมี่ออกมา เบิกตาโพลงมองคอมพิวเตอร์สิบกว่าเครื่องที่สูญเสียการควบคุมพร้อมกัน เขาตะลึงมาก

แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว เริ่มโจมตีกลับทันที อยากทำให้คอมพิวเตอร์กลับมาเป็นปกติ

แต่ที่น่าตกใจก็คือ ไม่ว่าเขาจะพิมพ์โค้ดอะไรลงไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

“เป็นไปไม่ได้มั้ง...”

เขาเหงื่อแตก บะหมี่ก็ไม่อร่อยแล้ว

เขาจะกดปิดคอมพิวเตอร์พวกนี้โดยตรงก็ไม่ได้ ยังมีหลายเครื่องที่กำลังทำภารกิจอยู่ ขาดช่วงไม่ได้ ทำได้แค่...

[ลูกพี่ ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ]

[พี่สาวๆ ผมยังต้องหาเงินกินข้าวนะ]

[ผมยอมคุกเข่าแล้ว คุกเข่าแล้วจริงๆ พี่สาวต่างหากที่เป็นแฮกเกอร์ ต่อหน้าพี่สาวผมมันก็แค่ไอ้ขี้หมา]

พอเห็นข้อความแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็หาวออกมา เธอตอบกลับ

[คิดมากแล้ว ฉันไม่ใช่แฮกเกอร์]

เธอไม่เคยสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่อย่างคอมพิวเตอร์แบบนี้ แต่เนื่องจากความสามารถทางด้านพยากรณ์ หลังจากที่เธออ่านหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เสร็จก็สามารถวิเคราะห์โครงสร้างภายในได้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่เธอเรียนรู้อะไรได้เร็วมาตลอด

เธอโจมตีเข้าถึงแก่นโดยตรง ไม่ใช่ว่าการใส่โค้ดจะช่วยแก้ปัญหาได้ คนละลักษณะกับแฮกเกอร์อย่างสิ้นเชิง

เวลานี้บนหน้าจอปรากฏสองประโยค อีกทั้งยังมีสีสัน

[ลูกพี่ค้าบ ขอร้องล่ะค้าบ ผมก็แค่สงสัยในตัวลูกพี่ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยจริงๆ]

[พี่สาวค้าบ พี่สาวดูนะเดี๋ยวผมทำหน้าแบ๊วๆ ให้ดู พี่สาวจะปล่อยผมไปได้ไหมค้าบ]

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย

เธอรู้ว่าแฮกเกอร์ที่มาแฮกคอมพิวเตอร์ของเธอคนนี้เกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นเซิน และก็ถือเป็นคนที่เคยช่วยเธอไว้

แต่มารบกวนตอนเธออ่านนิยาย ทำเธออารมณ์เสีย และก็ไม่อยากให้เขามีความสุข

แต่เล่นกันสนุกๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

อิ๋งจื่อจินละสายตา กดแป้นพิมพ์อย่างไม่รีบร้อน

[เด็กน้อยไม่ใช่คำที่นายจะเรียกได้]

[ห้ามมีครั้งต่อไป]

หลังจากตอบเสร็จเธอก็ปลดการควบคุมคอมพิวเตอร์ของทางนั้น

จากนั้นก็นั่งพิงเก้าอี้อีกครั้ง ดื่มชานมพลางอ่านนิยาย เรื่อยๆ สบายใจ

หารู้ไม่ว่าทางนั้นถูกเธอเล่นงานจบแทบบ้า สติแตกแทบระเบิดออก โมโหจนไปแฮกเข้าคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง

[นายไปรู้จักคนวิปริตมาเหรอ]

[โหดมาก]

[รู้ไหมว่าเธอทำอะไร]

ตอนที่ได้สามข้อความนี้ฟู่อวิ๋นเซินกำลังต้มชา

ควันโชยกรุ่น บดบังดวงตาดำขลับของชายหนุ่ม ดุจเมฆขาวที่ลอยฟุ้งเป็นวงกว้าง บดบังแสงทุกอย่างบนท้องฟ้า

แต่ทว่ากลับไม่อาจบดบังรูปงามของเขา ยิ่งทำให้ดูสูงส่งมากกว่าเดิม

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองคอมพิวเตอร์ เพียงชั่วเวลาหนึ่งวินาทีได้ปรากฏข้อความสามบรรทัดขึ้นมาอีก

[เธอใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงอ่านหนังสือพื้นฐานคอมพิวเตอร์ฉบับนักศึกษาจบ จากนั้นก็มาแฮกคอมพิวเตอร์ฉันแทน!]

[ย้าก นี่มันเป็นการดูถูกแบบไหนกัน]

[ฉันเคยแฮกเข้าคอมฯ ของธนาคารลอเรนท์กับมหาลัยนอร์ตันมาแล้วนะ!!!]

เครื่องหมายตกใจติดกันสามอัน เห็นได้ชัดว่าโมโหขนาดไหน

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเหนือความคาดหมาย

หลังจากเช็ดมือให้สะอาดเขาถึงตอบ

[เด็กน้อยของฉันเก่งจริงๆ]

ประโยคเดียวทำให้ทางนั้นเป็นบ้าหนักกว่าเดิม

[ไสหัวไป!]

[ฉันถูกพวกวิปริตสองคนอย่างพวกนายปั่นหัว คนวิปริตอย่างพวกนายออกมาก่อกวนชาวบ้านเขาทำไมเนี่ย]

[ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเอาข้อมูลของนายขายให้พวกที่ติดอันดับนักล่าทั้งหมด ให้พวกเขาเอานายถึงตาย]

ริมฝีปากฟู่อวิ๋นเซินยกขึ้น สีหน้าเหนื่อยหน่าย

[เอาเลย ตามใจ]

...

เจียงซื่อกรุ๊ป

ภายในห้องทำงานชั้นที่ยี่สิบเจ็ด

เจียงมั่วหย่วนคลายเนกไท นั่งลง เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสีเขียว เขาพูดด้วยความเหนื่อยล้า “รายงานเหตุการณ์ช่วงนี้หน่อย”

“ครับ ท่านสาม” เลขาเปิดแฟ้ม “รายการ ‘วัยรุ่นสร้างฝัน หนึ่งศูนย์หนึ่ง’ ที่ตระกูลเจียงลงทุนได้จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำไรหลายสิบเท่า เพียงแต่ในเน็ตด่ากันระงมครับ”

‘วัยรุ่นสร้างฝัน หนึ่งศูนย์หนึ่ง’ เป็นรายการเฟ้นหาคนอันดับหนึ่งของประเทศจีน ตระกูลเศรษฐีหลายตระกูลในตี้ตูที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบันเทิงก็ทำการลงทุนเช่นกัน อีกทั้งยังมีราชาราชินีในวงการภาพยนตร์เข้าร่วมสนับสนุน ร้อนแรงมากทีเดียว ตระกูลเจียงก็ถือว่าได้เกาะกระแสไปด้วย

เจียงมั่วหย่วนตอบอืม ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด

เลขารู้ใจ เปิดอีกแฟ้มหนึ่ง “อาการของท่านผู้เฒ่าฟู่ทรุดลงกว่าเดิม ทางตระกูลจงปกติทุกอย่าง ตระกูลอิ๋งกับตระกูลมู่ในตี้ตูมีการเจรจากัน...”

พอได้ยินว่ามีความเคลื่อนไหวในเมืองฮู่เฉิง สองมือของเจียงมั่วหย่วนก็ประสานกัน สีหน้าคลุมเครือ

“ท่านสามครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เลขาลังเลเล็กน้อย นึกถึงเรื่องเวยปั๋ววันนั้น “คุณหนูรองตระกูลอิ๋งเธอ...”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ

เจียงมั่วหย่วนยกมือห้าม พูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่อยากฟังเรื่องของเธอ”

จากนั้นก็นึกถึงท่าทีที่อิ๋งจื่อจินมีต่อเขาในวันนั้น ในใจเย็นชาสุดขั้ว