webnovel

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์

เรื่่องราวของสาวโสดมนุษย์แม่ลูกสามอายุห้าสิบสองปีที่เธอได้รับพรจากพระโพธิสัตว์กวนอิมเมื่อเพียรบำเพ็ญศีลและธรรมจนบรรลุตอนอายุสามสิบห้าปี พรคือยิ่งแก่เธอจะยิ่งสาวขึ้น กับพระเอกละครไทยชื่อดังอายุสี่สิบสี่ปีที่ยังโสดเพราะรอคอยรักแท้ หลังจากแม่ของเธอตายเมื่อสองปีก่อนทั้งสองมักฝันว่าอยู่ด้วยกันแบบคู่รักเสมอๆทั้งที่ไม่เคยพบกันพวกเขาจึงไม่สามารถติดตามหากันได้ จนกระทั่งเขาประกาศผ่านสื่อออนไลน์ให้หญิงสาวที่ชอบเขาจีบเขาก่อนได้เขาอยากสร้างครอบครัวแล้ว เธอถูกดวงวิญญาณของแม่ชักนำให้พิมพ์ใบสมัครส่งไปถึงDMส่วนตัวของเขาในคืนฮาโลวีนซึ่งสะดุดตาเขาให้กดอ่านจนจบแล้วตามหาเธอเจอเพจของเธอ โดยเขาคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุน้อยกว่าเขามีเสน่ห์น่าสนใจมากเขาจึงเฝ้าติดตามดูเธอเงียบๆ ส่วนเธอก็สนทนากับเขาทุกวันโดยการเล่าและบ่นเรื่องต่างๆให้เขาฟังทำให้เขามีความสุขและชอบเธอมากจึงสร้างเพจปลอมเป็นผู้หญิงเพื่อขอเป็นเพื่อนและสนทนาเรื่องเป็นแฟนคลับของเขากับเธอเสมอ เรื่องราวของคนทั้งคู่ที่อยู่คนละมิติสังคมแต่เชื่อมโยงกันได้จริงในเวลานอนหลับลึก แต่กว่าจะได้พบกันผ่านการพิสูจน์รักแท้ที่เชื่อมต่อมาจากอดีตชาติเรื่องชุลมุนวุ่นวายสุดที่จะคาดเดาได้จึงเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาใช่คู่แท้ทางจิตวิญญาณที่เฝ้ารอคอยกันจริงหรือไม่โปรดติดตาม,,,,,,

DaoistD7FIet · Fantasi
Peringkat tidak cukup
53 Chs

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์ : ตอนที่ 53(ตอนจบ) ขอให้ได้พบกัน

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

The sun that shines above

แสงตะวันที่สาดส่องอยู่เหนือ

You makes the blue bird sing

ตัวคุณนั้นทำให้นกสีน้ำเงินร้องเพลงขับขาน

The stars that twinkle way up in the sky

ดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า

Tell me I'm in love

บอกฉันว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก

When I kiss your lips

ยามที่ฉันจูบริมฝีปากของคุณ

I feel the rolling thunder to my fingertips

ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นภายในจรดปลายนิ้วมือ

And all the while my head is a spin

และขณะเดียวกันทำฉันหัวหมุน

Deep within I'm in love

จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความรัก

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

And nothing really matters but the love you bring

และไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความรักที่คุณมอบให้

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

To see you in the morning with those big brown eyes

ที่ฉันอยากตื่นขึ้นมาแล้วได้จ้องมองดวงตากลมโตสีน้ำตาลของคุณ

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

Forever and a day I need you close to me

ฉันอยากมีคุณชิดใกล้ตลอดไปและในทุกวัน

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

You'll never have to worry, never fear for I am near

คุณไม่ต้องกังวลใจใด ๆ เมื่อมีฉันเคียงข้าง

For my everything

สำหรับคุณที่เป็นทุกสิ่ง

I lived upon the land and see the sky above

ราวกับฉันอยู่บนผืนดินที่เห็นท้องฟ้าเบื้องบน

I'll swim within her oceans sweet and warm

ฉันแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรอันแสนหวานและอบอุ่นของคุณ

There's no storm, my love

ความรักของเราจะไม่มีพายุร้ายมาพัดผ่าน

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

No, nothing really matters but the love you bring

ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่สำคัญไปกว่าความรักที่คุณมอบให้

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

To see you in the morning with those big brown eyes

ที่ฉันอยากตื่นขึ้นมาแล้วได้จ้องมองดวงตากลมโตสีน้ำตาลของคุณ

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

Forever and a day I need you close to me

ฉันอยากมีคุณชิดใกล้ตลอดไปและในทุกวัน

You're my everything

คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน

You'll never have to worry, never fear for I am near

คุณไม่ต้องกังวลใจใด ๆ เมื่อมีฉันเคียงข้าง

When I hold you tight

เมื่อยามที่ฉันโอบกอดคุณไว้แน่น

There's nothing that can harm you in the lonely night

ไม่มีสิ่งใดทำร้ายคุณได้ในคืนที่เปลี่ยวเหงา

I'll come to you and keep you safe and warm

ฉันจะมาหาคุณ ปกป้องคุณให้ปลอดภัยและอบอุ่น

It's so strong my love

ความรักของฉันที่มีต่อคุณช่างแข็งแกร่ง

When I kiss your lips

ยามที่ฉันจูบริมฝีปากของคุณ

I feel the rolling thunder to my fingertips

ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นภายในจรดปลายนิ้วมือ

And all the while my head is a spin

และขณะเดียวกันทำฉันหัวหมุน

Deep within I'm in love

จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความรัก

( อ้างอิงจาก :เนื้อเพลง You're My Everything ของศิลปิน Santa Esmeralda //

Youtube : https://youtu.be/oaYYlJfT654

Youtube Official : https://youtu.be/V5pSQFG_nD4 )

เมื่อความสุขสมเดินทางไปถึงจุดอันเต็มอารมณ์ ฉันผล๋อยหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น

และแข็งแรงซึ่งเต็มไปด้วยการปกป้องดูแลอย่างหวงแหนของเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่แตกต่าง

กันเลยฉันได้ยินเสียงกรนเบาๆ อย่างผ่อนคลายและมีความสุขสงบของเขาอยู่เหนือศีรษะ

ของฉัน นั่นเพราะถึงเขาจะเผลอหลับไป.... แต่เขาก็ยังไม่ยอมให้ร่างที่บอบบางเปลือยเปล่า

ของฉันหลุดหายออกไปจากแผ่นอกกว้างแข็งแรงและแขนยาวๆ ที่ล่ำสันของเขา

เราสองคนเผลอหลับไปเกือบครึ่งชั่วโมง..... ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา!! อีกครั้ง จากแรงแห่งความ

เป็นห่วงเป็นใยมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ซึ่งกำลังนั่งรอคอยฉันกับบุรุษคนสำคัญมากที่สุดคนนี้

อยู่ที่ล๊อบบี้ของสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง

" เสี่ยคะ... เอ่อ.... คุณ..เสี่ย..คะ "

ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกแทนตัวเขาว่าอย่างไร...? จึงเรียกเขาตามที่คุณแม่เรียก ฉันค่อยๆ พลิกตัว

ออกจากการกอดเอาไว้ของเขาจนได้ ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มสีขาวสะอาดมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนเองเอาไว้ ก่อนที่จะยื่นมือไปสะกิดที่ร่างกายของผู้ชายที่มีสถานภาพ

เป็นสามีของฉันไปแล้วโดยปริยาย

" เสี่ยคะ! เสี่ยคะ! คุณคะ ! ตื่นได้แล้วนะคะ ฉันเป็นห่วงคุณแม่ที่รอพวกเราอยู่ข้างนอกอ่ะค่ะ "

ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับร่างเปล่าเปลือยที่นอนกึ่งตะแคงอยู่ต่อหน่าของฉันในตอนนี้เหลือเกิน.....

เพราะอะไรกันหนอ? ทั้งๆ ที่ในภพชาตินี้ฉันมั่นใจว่าฉันยังไม่เคยพบเจอเขามาก่อนแม้สักครั้ง

เดียว!! ฉันประหวัดคิดอย่างอัศจรรย์ใจ.. ในขณะที่นิ้วมือเรียวยาวของฉันกำลังสัมผัสเขา

ตรงช่วงไหล่ที่แน่นหนาไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงผึ่งผายงดงามของบุรุษ เพื่อปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อออกไปพบมารดาของฉันพร้อมกันตามสัญญา

" มีความสุขจังเลย.... เมียจ๋า.... ที่รักครับ.... "

พอลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น บทหวานจัดก็เริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขจริงๆ ดั่งวาจาของ

เขา แต่แววตาที่หวานซ๊า!!! จนมดทั้งหลายน่าจะยกทัพเข้ามาในห้องหอแห่งนี้.. นี่สิ!

ที่ทำให้ฉันประหม่าจนตัวร้อนผ่าวๆ ฉันหลบสายตาที่แสดงความรู้สึกข้างในออกมาอย่างโจ่งแจ้งของเขา แล้วรีบห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงมองหา

เสื้อผ้าของตัวเองที่ตกกระจัดกระจายอยู่รอบๆพื้น พอหยิบได้ครบทุกชิ้นส่วนเท่านั้น

ฉันรีบวิ่งจู๊ดเหมือนกระโจน!! เข้าไปในห้องน้ำทันที

" ฮ่ะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!!! ทำไมเมียของผมน่ารักน่าเอ็นดูซะขนาดนี้นี่ !! ฮ่าๆๆๆ !!!!"

เขาหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ฉันอมยิ้มและแลบลิ้นให้เขาอยู่คนเดียวในห้องน้ำอันโอ่อ่า

ในขณะที่กำลังสาละวนอาบน้ำ,เช็ดตัวแบบรีบๆ แล้วสวมเสื้อผ้าของตนเองจนเรียบร้อย

เราทั้งสองคนเดินจับมือกัน ตรงเข้าไปหาคุณแม่ของฉันที่นั่งรออยู่ในบริเวณล๊อบบี้ของรีสอร์ท ด้วยสายตาของผู็สูงวัยซึ่งผ่านชีวิตมามากคุณแม่ของฉันคงดูออกว่าเกิดอะไรขึ้น

บ้าง.... กับลูกสาวคนกลางที่ท่านรักและห่วงใยมากที่สุด ท่านจึงยิ้มอย่างมีความสุขสายตา

ของท่านจ้องมองพวกเราสองคนด้วยแววตาแห่งความรักและปิติยินดีมากมาย

คุณ*เสี่ย* พาฉันนั่งคุกเข่าลงตรงด้านหน้าเก้าอี้ที่คุณแม่นั่งอยู่ เขาหันมามองสบตากับฉันก่อนที่จะพยักหน้าบอกให้ฉันรับรู้เป็นนัยๆ ว่าให้ทำตามกัน... จากนั้นเขาก้มลงกราบที่เท้าทั้งสองของคุณแม่ด้วยความนอบน้อมงดงามสมกับความเป็นคนดี ที่ซึ่งคุณแม่ของฉันนั้นชื่นชมนับถือเขามาตลอดถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุแค่รุ่นลูกของท่านเท่านั้นก็ตาม

เราทั้งสองคน จึงก้มลงกราบเท้าคุณแม่ของฉันด้วยกันสามครั้ง...... แล้วนั่งพับเพียบพนมมือ

อยู่ตรงหน้าของบุพพการีของฉัน ฉันรู้สึกซาบซึ้งปิติใจจนน้ำตาไหลออกมาอย่างหักห้ามเอาไว้ไม่ได้ในขณะที่เขากำลังเอ่ยวาจาด้วยความเคารพรักต่อคุณแม่...

" คุณแม่ครับ ผมขอกราบเท้าของคุณแม่ในฐานะที่บัดนี้ผมเป็นลูกอีกคนหนึ่งของคุณแม่แล้วโดยสมบูรณ์ครับ ผมกราบขอบพระคุณคุณแม่ด้วยความเคารพรักที่สุดที่คุณแม่เมตตาและยอมรับในตัวของผม ผมสัญญากับคุณแม่ในวันนี้และตลอดไปครับว่าผมจะรัก,ทะนุถนอม

,ดูแลคุณนิมนิมกับหลานชายที่แสนน่ารักทั้งสามคนของคุณแม่ เสมือนดั่งชีวิตของผมเอง

และ....นี่ครับ!! เช็คเงินสดสำหรับชำระหนี้สงฆ์ของคุณแม่เพื่อช่วยหลวงพ่อฯ สร้างวัดจน

แล้วเสร็จ ผมขอมอบให้กับคุณแม่ของผมและนิมนิมครับ "

คุณสามีแบบหมาดๆ ของฉันหยิบใบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาแล้วยื่น

ให้คุณแม่ของฉันด้วยความนอบน้อม ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างตื้นตันใจต่อทุกๆ การปฏิบัติตนของคุณสามีของตัวเอง คุณแม่ของฉันรับใบเช็คไปดูเรียบร้อยแล้วท่านจึงหยิบกระเป๋ามา

ถือเอาไว้ก่อนที่จะวางใบเช็คเงินสดลงไปในกระเป๋าถือ จากนั้นคุณแม่ได้ก้มลงเพื่อจับมือของฉันไปวางไว้ในมืออันใหญ๋นุ่มหนาและอบอุ่นของคุณสามีแบบหมาดๆ

" ลูกรักทั้งสองของแม่.... วันนี้แม่ถือว่าเป็นวันแต่งงานเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ของลูกรักทั้งสองคน แม่ดีใจเหลือเกิน!! ที่ลูกสาวของแม่และหลานชายที่น่าสงสารทั้งสามคนของแม่นี้ มีผู้ดู

แลปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว แม่ขออวยพรให้ลูกทั้งสองจงเจริญรุ่งเรืองในชีวิตทุกๆด้านไปด้วยกัน ขอให้รักกันและดูแลกันไปจนตลอดชีวิต แม่ตายตาหลับแล้วที่มีวันนี้

สำหรับชีวิตที่น่าสงสารและหนักหนาสาหัสมาตลอดของนิมนิม วันนี้แม่ถือว่า แม่ได้ทำหน้าที่

ของแม่และหน้าที่ของยายอย่างดีที่สุดสมใจของแม่แล้วต่อจากนี้ไปแม่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

เพราะแม่รักนับถือและไว้ใจเชื่อใจเสี่ยจากใจจริงๆ แม่จะขอปลีกตัวไปอยู่วัดช่วยหลวงพ่อทำอาหารในโรงครัว แม่จะได้ตั้งอกตั้งใจสวดมนตร์และปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในวัดจนกว่าแม่จะจากโลกนี้ไป "

ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็น! คือภาพของคุณแม่สุดรักสุดบูชาของฉัน

เอื้อมมือมาลูบศีรษะของฉันพร้อมๆ กับลูบศีรษะของคุณ*เสี่ย* สามีป้ายแดงแจ๋!!ของฉัน

ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมของชาวอีสานแทนการผูกข้อมือด้วยด้ายสายสิญจน์(ซึ่งไปบูชามาจากพระภิกษูสงฆ์ที่ครอบครัวเคารพบูชา) เราทั้งสองคนต่างนั่งก้มศีรษะพนมมือน้อมเข้าไป

กราบคุณแม่พร้อมกันที่ตักของท่าน.....

" นิมนิม นิมนิม นิมนิม รีบๆ มาดูใจแม่เร๊ว!!! แม่ของเราอาการทรุดลงมาก!! "

ฉันสะดุ้งตื่นอย่างแรง!!! จ้องมองที่เพดานห้องนอนภายในบ้านอย่างงง ๆ !!!????

เพราะเสียงเรียกที่ดังสนั่นด้วยความตกใจ!! จากพี่สาวคนเดียวของฉัน ซึ่งเป็นผู้เข้าเวร

ดูแลคุณแม่อยู่ในห้องปลอดเชื้ออีกห้องหนึ่ง ฉันตั้งสติ!! รีบลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบโทรศัพท์

มือถือมาดูเวลา.....? บ่ายสองโมงเย็นแล้ว!!!! นี่แสดงว่า....ฉันผล๋อยหลับไปประมาณชั่วโมง

กว่าๆ ....?

ต่อจากนั้น ดวงจิต(กายทิพย์,เจตสิก)ของคุณแม่ ได้ลอยออกจากร่างกายเนื้อของท่านในห้องนั้น เพื่อมาชวนฉันในห้องนอน ไปดูเหตุการณ์ทุกๆ อย่างในอนาคต ที่ซึ่งท่านได้เลือกหรือ "ขอเป็นผู้ลิขิต" อนาคตให้กับลูกสาวและหลานชายสามคนที่ท่านรักและห่วงใยมากที่สุด

ก่อนที่กายเนื้อของท่านจะค่อยๆ สิ้นลมหายใจลงอย่างสงบ.... และจากพวกเราไปจริงๆ

ในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ( 19.00 น.) ของค่ำวันเดียวกันนั้น!!!!!

.................................................

คุณนนท์ที่รักยิ่ง.....

นี่คือเรื่องจริงทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นกับฉันเพียงคนเดียว!! ก่อนที่ครอบครัวของฉันจะสูญเสียคุณแม่ของเราตลอดไป....... ฉันจึงตั้งใจให้คุณรับรู้จากตัวของฉันเอง คุณจะได้เข้าใจฉันอย่างแท้จริงว่า : ทำไม..? ฉันคนนี้ ซึ่งไม่มีคุณสมบัติใด ๆ ที่คู่ควรต่อการเขียนจดหมายแนะนำตัวเข้ามาหาพระเอกละครทีวีคนดังแถวหน้าของเมืองไทย เช่นคุณ+ ทำไมฉันจึงทำเช่นนี้?

ฉันเชื่อเรื่องภพชาติ ฉันเชื่อ,เคารพและศรัทธาต่อทุกคำสอนที่แท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ ดังนั้น เหตุผลทุกอย่างที่ทำให้ฉันเลือกทำ/ไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น

ล้วนมาจากการที่ฉันได้พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว จากพระธรรมคำสอนค่ะ

หลังจากวันที่คุณแม่ได้สิ้นลมหายใจอย่างสงบภายในบ้านของท่านตามเจตนาของท่าน...

เมื่อไม่นานมานี้(หลังจากวันที่ฉันเกิดองค์ลงแล้วพิมพ์จดหมายฉบับแรกส่งมาถึงคุณ)

คุณแม่ ได้มาหาฉันอีกครั้งหนึ่งค่ะ โดยครั้งนี้ท่านบอกฉันและพี่น้องลูกหลานทุกคนใน

ครอบครัวว่า : ให้แต่งตัวให้งดงามที่สุดเพราะท่่านจะพาไปงานแต่งงานที่ในตัวเมือง

ขอนแก่น

เมื่อพี่น้องลูกหลานทุกคนแต่งกายเสร็จแล้ว พวกเราได้มายืนรอคุณแม่ที่ด้านล่าง

ของอาคารเป็นตึกสูงใหญ่ทันสมัย,สวยงามโอ่อ่า,ประดับประดาด้วยกระจกแผ่นใหญ่หนา

และยังมีลิฟท์แก้วให้กดขึ้น-ลงตรงด้านข้างของอาคารแห่งนี้ ซึ่งในความฝันนั้นที่นี่

คือบ้านหลังใหม่ของคุณแม่ นั่นเองค่ะ คุณแม่ยังแต่งตัวอยู่ที่ชั้นสาม.... พวกเราจึง

ชวนกันขึ้นลิฟท์แก้วไปช่วยคุณแม่แต่งตัว คุณแม่อยู่ในชุดผ้าลูกไม้ราคาแพงลิบลิ่วสีครีม

ซึ่งถูกตัดเย็บเป็นชุดเดรสออกงานราตรีที่หรูหรางดงามมากทั้งตัว ดูหน้าตาและรูปร่าง

ของคุณแม่แล้ว ฉันคิดว่าท่านน่าจะมีอายุในราว 35 ปีกว่าๆ เพราะท่านสวยมากค่ะ

สวยมากยิ่งกว่าความจริงในสมัยที่ท่านมีอายุได้ 35 ปีอีกนะคะ สวยแบบมีรัศมีสว่างออก

รอบๆ ใบหน้าและผิวพรรณ ฉันเชื่อว่า : นี่คือกายทิพย์ในปัจจุบันของคุณแม่จริงๆ !!

เมื่อเห็นลูกๆ หลานๆ เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของท่านบนชั้นสาม คุณแม่มองดูทุกคน

ด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข แต่แล้วท่านกลับหยุดสายตาจ้องมองฉัน!! ก่อนที่ท่านจะพูด....

" โถ....ลูกสาวคนสวยคนดีของแม่ เจ้าช่างสวยงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ทำไม

การแต่งกายของเจ้าเพื่อไปงานแต่งงานกับแม่ในวันนี้ เจ้าจึงปล่อยตัวให้ไร้เครื่องประดับ

ราคาแพงอันงดงามและส่งเสริมสง่าราศีของเจ้า เช่นนี้..... นิมนิมเอ๊ย!! ลูกจงเดินไปเปิดตู้เซฟเครื่องเพชรของแม่ตรงมุมนั้น แล้วเลือกชุดเครื่องเพชรอันงามล้ำค่าของแม่มาประดับ

ตกแต่งกายของลูกให้สวยงามไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด ไปไว ๆ !! ลูกรักชอบชุดไหน...

แม่เต็มใจยกให้ลูกสาวของแม่ทั้งเซ็ท "

แล้วคุณแม่ผู้งดงามผ่องใสราวกับนางฟ้าบนแดนสุขาวดี ก็ยื่นกุญแจไขตู้เซฟให้ฉัน ๆ จึง

รีบทำตามคำสั่งของมารดาทันที ในความฝันนั้น ฉันตั้งใจจะสวมเพียงสร้อยคอเพชรล้อม

หรูหรางดงามระยิบระยับเพียงเส้นเดียว ก็เด่นมากพอแล้ว!! แต่เมื่อคุณแม่เห็นฉันเลือกเอาแค่นั้น ท่านจึงหยิบกำไลเพชรล้อมทั้งวง,แหวนเพชรเม็ดงามส่องประกายแทงสายตา ,ต่างหูเพชรระย้ากำลังสวย ยื่นมาสวมใส่ให้ฉัน และออกคำสั่งกลายๆ ว่า.....

" แม่รู้ ว่าลูกเป็นคนสวย สวยเหมือนแม่ และยังมักน้อยไม่ชอบโอ้อวดใดๆ แต่คืนนี้เป็นงาน

แต่งงานใหญ่แม่ขอให้ลูกสาสวของแม่สวมใส่เครื่องประดับที่คู่ควรกับความงดงามสง่าและ

ความดีงามของลูก ซึ่งต้องเดินเคียงข้างแม่เข้าไปในงาน แม่ยกให้นิมนิมทั้งเซ็ทเลยนะ!! "

ฉันจึงทำตามที่มารดาได้บอกทุกประการ จากนั้นฉันจึงเดินจูงมือของท่านเพื่อออกไป

นอกห้อง ลงลิฟท์แก้วไปชั้นล่าง เพื่อขึ้นรถออกเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองขอนแก่นพร้อมกับ

ทุกๆคนในครอบครัวของเรา ซึ่งเย็นวันนี้ต้องใช้รถยนต์จำนวนหลายคัน

........................................

และทั้งหมดนี้ คือฝันครั้งล่าสุดของฉันค่ะ ฉันเชื่อว่าดวงจิตหรือกายทิพย์ของคุณแม่คงไปจุติอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งแต่ท่านยังไม่ลืมภพชาติเดิมและยังรักและเป็นห่วงฉันกับหลานชายทั้งสามคนของท่านเป็นอย่างมาก ความฝันล่าสุดนี้ ฉันเชื่อว่าคุณแม่ได้เดินทาง

ข้ามภพภูมิกลับมาหาฉันเพื่อบอกให้ฉันรู้ว่า.. สิ่งใดคือสิ่งที่ฉันจะได้รับในอนาคต(ฉันหมายถึง:

คุณแม่ต้องการสื่อสารกับฉันว่า ฉันจะต้องเลือกสิ่งที่ดีและมีค่าคู่ควรต่อตัวเองมากที่สุด)

" ฉันได้รบกวนเวลาและสายตาของคุณนนท์มายาวมากแล้วนะคะ "

สุดท้ายนี้ ฉันคงจะบอกกับคุณได้เพียงแค่ว่า..... ฉันมีความเชื่อและสามารถสัมผัสรับรู้ต่อสภาวะละเอียดต่างๆ ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน ไม่ใช่เหตุบังเอิญเลย!! เพราะฉันจะไม่นอนหลับแล้วฝันไปเรื่อยๆแบบคนทั่วไป ทว่า! หากคราใดที่ฉันฝันนั่นเท่ากับเป็นการบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้งดี-ร้ายแก่ฉันแน่นอนค่ะ

" คุณนนท์คะ.. เราสองคนอาจมีเพียงสิ่งหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นคือ การรอคอยที่จะได้พบใครสักคนหนึ่งซึ่งเราจะรู้ด้วยตัวเองเมื่อได้พบกับเขา/เธอ ผู้นั้น เพราะสัญญาผูกพันในภพชาติก่อนๆ

จะเป็นสิ่งแสดงให้เรามั่นใจว่า :เราคือคนที่ใช่! ของกันและกัน ในภพชาติปัจจุบันนี้!!

อีกสามเดือนข้างหน้า..... ฉันจะออกเดินทางไปยังเกาะเต่าอีกครั้งหนึ่ง! ถ้าในวันนั้นฉันกับคุณ

ได้พบกันอีกครั้งบนหาดทรายรี ฉันเชื่อว่าทั้งหมดนั้นคือ "พรลิขิตจากแม่ของฉัน" อย่างแท้จริงค่ะ และ....หากว่าฉันสามารถขอพรตามแรงปรารถนาที่แท้จริงของฉันได้!! ฉันขอพรให้

ฉันได้พบกับคุณจริงๆ อีกครั้ง บนหาดทรายรี. // ขอบคุณมากนะคะถ้าหากคุณอ่านจนจบลง

หากเราได้พบกันอีกครั้ง ฉันจะแสดงความขอบคุณจากหัวใจที่แท้จริงของฉันต่อคุณเพียงผู้เดียวค่ะ --นิมนิม แม่ลูกสาม -- "*"

.....

.....

สามเดือนต่อมา..... ณนนท์ กำลังขับรถยนต์คันโปรดของเขาไปเรื่อยๆ มุ่งสู่ อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระเอกคนดังเปิดเพลงฟังไปด้วย พร้อมกับผิวปากฮัมเพลงนั้น อย่างอารมณ์ดี................................... .................. ..............

Going back to the corner where I first saw you

Gonna camp in my sleeping bag I'm not gonna move

Got some words on cardboard, got your picture in my hand

Saying, "If you see this girl can you tell her where I am?"

กลับไปยังที่ที่ผมพบคุณครั้งแรก

พร้อมกับถุงนอน ผมจะไม่ขยับไปไหน

มีกระดาษแข็งพร้อมข้อความ ในมือมีรูปของคุณ

พูดว่า "ถ้าคุณพบผู้หญิงคนนี้ ช่วยบอกเธอหน่อยนะครับว่าผมอยู่ที่ไหน"

Some try to hand me money, they don't understand

I'm not broke – I'm just a broken-hearted man

I know it makes no sense but what else can I do?

How can I move on when I'm still in love with you?

บางคนพยายามจะให้เงินผม พวกเขาไม่เข้าใจ

ผมไม่ได้หมดตัว แค่ผู้ชายที่หัวใจแตกสลาย

รู้ว่ามันไม่เข้าท่า แต่ผมจะทำอะไรได้อีก

ผมจะเดินหน้าต่อได้อย่างไร ในเมื่อผมยังรักคุณ

*'Cause if one day you wake up and find that you're missing me

And your heart starts to wonder where on this earth I could be

Thinking maybe you'll come back here to the place that we'd meet

And you'll see me waiting for you on the corner of the street

So I'm not moving, I'm not moving

เพราะหากจะมีสักวันที่คุณตื่นมาและพบว่าคิดถึงผม

และครุ่นคิดว่าผมอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้

ผมคิดว่าถ้าคุณกลับมายังที่ที่เราเคยพบกัน

คุณจะได้พบผมที่นั่งรออยู่ตรงมุมถนนนี้

ผมจะไม่ไปไหน จะไม่ขยับไปไหน

Policeman says, "Son, you can't stay here."

I said, "There's someone I'm waiting for if it's a day, a month, a year.

Gotta stand my ground even if it rains or snows.

If she changes her mind this is the first place she will go."

ตำรวจบอกว่า "พ่อหนุ่ม นายอยู่ตรงนี้ไม่ได้"

ผมตอบไปว่า "ผมรอคนคนหนึ่งอยู่ ไม่ว่าจะหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี

ผมต้องอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะฝนตกหรือหิมะกระหน่ำ

ถ้าเธอเปลี่ยนใจ นี่จะเป็นที่แรกที่เธอมา"

ซ้ำ *

People talk about the guy that's waiting on a girl, oh ohh

There are no holes in his shoes but a big hole in his world, hmm

And maybe I'll get famous as the man who can't be moved

คนเขาพูดกันเรื่องชายที่รอคอยผู้หญิงคนหนึ่ง

รองเท้าเขาไม่ได้ขาดเป็นรู โลกของเขาต่างหากที่มีรูโหว่

บางทีผมอาจจะดังในฐานะชายที่ไม่ยอมขยับไปไหน

Maybe you won't mean to but you'll see me on the news

And you'll come running to the corner

'Cause you'll know it's just for you

I'm the man who can't be moved

I'm the man who can't be moved

คุณอาจจะเห็นผมในข่าวโดยไม่ตั้งใจ

และรีบวิ่งมายังมุมถนนนี้

เพราะคุณรู้ว่าผมทำแบบนี้ไปเพราะคุณ

ผมคือชายที่ไม่ยอมขยับไปไหน

ผมจะไม่ไปไหน

ซ้ำ *

Going back to the corner where I first saw you

Gonna camp in my sleeping bag, I'm not gonna move

กลับไปยังที่ที่ผมพบคุณครั้งแรก

พร้อมกับถุงนอน ผมจะไม่ขยับไปไหน

(( อ้างอิงจาก : เนื้อเพลง: The Man Who Can't Be Moved โดยศิลปิน: The Script

/ Published by mywhateversite :) / ขอบคุณ MetroLyrics ))

ขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับการติดตามอ่าน

นิยายเรื่องแรกในชีวิตของฉัน -ฉัน-รัก-คุณ- // เพนกวินรักโลมา

"People talk about the guy that’s waiting on a girl, oh ohh

There are no holes in his shoes but a big hole in his world, hmm

And maybe I’ll get famous as the man who can’t be moved

คนเขาพูดกันเรื่องชายที่รอคอยผู้หญิงคนหนึ่ง

รองเท้าเขาไม่ได้ขาดเป็นรู โลกของเขาต่างหากที่มีรูโหว่

บางทีผมอาจจะดังในฐานะชายที่ไม่ยอมขยับไปไหน"

DaoistD7FIetcreators' thoughts