...
โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว.. วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียนของโรงเรียนชั้นอนุบาลในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสุพัทรา ( แม่ของทับทิม ) เธอได้ไปส่งลูกสาวของเธอเป็นครั้งแรก..
..ที่ห้องเรียน.. คุณครูได้บอกให้ผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานแต่ละท่านกลับบ้านไปได้เลย แต่คงยังมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในชั้นอนุบาลบางคนนั้น กำลังแอบดูลูกๆของตนเองอยู่ บางคนก็แอบไม่พ้น.. ทำให้บรรดาลูกๆของพวกเขาเหล่านั้นเห็นเข้า จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ร้องให้หมู่กันในห้องเรียน.. ซึ่งในตอนแรกที่เด็กๆเข้ามาในชั้นเรียนของพวกเขาและเธอทั้งหลายนั้น ยังไม่ทราบสาเหตุอะไรนัก ก็ยังคงดูตื่นเต้นกันอยู่ เพราะในห้องเรียนของเด็กอนุบาลนั้นมีของเล่นมากมายกับเด็กๆแปลกหน้าที่อายุไล่เรี่ยกัน จึงทำให้พวกเด็กๆงุนงงและสงสัย แต่อาการเหล่านั้นก็เป็นแค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้นเอง พอเด็กๆหันกลับมาไม่เจอพ่อแม่ของตนก็เริ่มกระวนกระวายใจ หันรีหันขวางบางคนก็ร้องให้เสียงดังลั่นห้องกันไปหมด และพอคนนึงร้องให้ คนต่อไปก็ร้องตาม หนึ่งคน สองคน สามคน.. จนเกิดการร้องให้หมู่เกิดขึ้น คราวนี้ก็ต้องเดือดร้อนคุณครู ที่ต้องมาคอยปลอบกัน
ก่อนจะกลับบ้านไปสุภัทราได้บอกกับลูกสาวของเธอว่า
" แม่กลับบ้านก่อนนะ.. เดี๋ยวพอเลิกเรียนวันนี้แม่จะมารับนะลูก "
" วันนี้แม่ไม่ได้ทำงานหรอจ๊ะ ? "
" แม่ลางานมาครึ่งวันจ่ะ เห็นคุณครูเขาบอกให้พวกเด็กๆเรียนวันนี้วันแรกแค่ครึ่งวันนะ "
" ค่ะแม่ "
" และวันอื่นๆ หนูต้องขึ้นรถของทางโรงเรียนนะลูก คุณครูเขาจะมาส่งลูกถึงที่บ้าน แล้วย่าจะคอยรับอยู่ที่หน้าบ้านนะจ๊ะ "
" ค่ะ "
ไม่ใช่ว่าสุภัทราจะไม่ห่วงลูกสาวของตน.. เธอเองก็เหมือนกัน ยังคงแอบมองตามช่องน้อยข้างประตูเพื่อจะดูว่า ทับทิมได้ร้องให้รึเปล่า แต่ภาพที่เธอเห็นนั้นมันก็คือ ลูกสาวของเธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้นักเรียน และกำลังมองดูเพื่อนทางข้างซ้าย และหันไปทางข้างขวา เด็กหญิงทับทิมก็ได้พูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนนักเรียนของเธอ
" เธอ.. เธอร้องให้ทำไมหรอ ? " ทับทิมถามเด็กผู้ชายที่กำลังส่งเสียงร้องให้จ้าอยู่
" ก็.. ฮึ.. ฮือ.. ร้องให้.. หาแม่.. อยู่.. "
" อ๋ออออ.. ไม่ต้องร้องหรอกนะ.. เดี๋ยวพอเรียนเสร็จแม่ก็มารับเองแหละ "
" เธอรู้ได้ยังไง ฮึ..ฮือ... " เด็กชายยังคงสะอึกสะอื้นอยู่
" ก็แม่ของทับทิมบอกแบบนั้นนี่!! "
" แม่..? ของทับทิมคือ.. ใครอ่ะ ? " เด็กชายกลั้นน้ำตาคุยกับเด็กหญิง
" ก็.. คือแม่ของฉันไง ! "
" แม่ของเธออย่างงั้นเหรอ!!.. ทำไมแม่ของฉันไม่เห็นบอกอะไรเลย " เด็กชายเริ่มสูดน้ำมูกของตัวเอง
" หยุดร้องให้แล้วนี่!! " ทับทิมพูดกับเพื่อนแล้วยิ้มให้
...
เที่ยงวันนั้น สุพัทราก็มารับหนูน้อยทับทิมตามที่เธอได้บอกกับลูกสาวของเธอไป
" เห็นใหม ? แม่มารับตามที่บอกกับลูกแล้วนะ "
หนูน้อยทับทิมพยักหน้าตอบรับคุณแม่ของเธอ
" แต่ว่าพรุ่งนี้แม่คงมารับไม่ได้นะจ๊ะ ลูกรู้ใช่ไหม ? "
" ค่ะ.. หนูรู้ว่าแม่ไปทำงานค่ะ "
" ใช่แล้วน้า.. แม่ไปทำงานหาเงิน จะได้มีตังซื้อขนมอร่อยๆให้หนูกินยังไงล่ะ " สุพัทรายิ้มอย่างใจดีให้กับลูกสาวของเธอ
" เอ้อ.. จริงสิ!? วันนี้แม่เห็นเพื่อนๆของลูกร้องให้กันเต็มเลย แล้วทับทิมของแม่ได้ร้องให้รึเปล่าจ๊ะ "
" หนูไม่ได้ร้องเลยค่ะ และหนูก็ยังสงสัยเลย.. ว่าพวกเขาร้องให้กันทำไม "
" เก่งมากลูกแม่ ใช่แล้วจ่ะ ร้องกันทำไมก็ไม่รู้เนอะ.. " สุพัทราหัวเราะคิกคักกับลูกสาวของเธอ
" ค่ะ หนูก็ยังบอกเพื่อนเลย ว่าไม่ต้องร้องเดี๋ยวแม่ทับทิมก็มารับ เห็นไหม ? นี่ไงแม่!! ก็มารับแล้ว "
ทั้งสองแม่ลูกต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และพากันกลับมาที่บ้าน ทับทิมเห็นอาเล็กอยู่ที่บ้านก่อนแล้วก็ถามไถ่คุยกันเรื่องที่โรงเรียน
" อาเล็กได้ไปโรงเรียนรึเปล่า "
" ไป "
" ทับทิมก็ไป "
" ทำไม ? ไม่เห็นเลย อา… ไม่เห็นทับทิมเลย หาไม่เจอ!? อาเลยร้องให้ "
" อาเล็กร้องให้ด้วยหรอ ? โอ๋ๆ ทีหลังไม่ต้องร้องให้นะ "
" ใช่!! ไม่ต้องร้อง แม่ก็บอกไปแล้วว่าเดี๋ยวมารับ เดี๋ยวมารับ ดูสิ!! ทับทิมยังบอกเลย แล้วทับทิมล่ะวันนี้ได้ร้องให้ที่โรงเรียนรึเปล่าลูก ? "
" หนูไม่ได้ร้องเลยค่า.. แต่เพื่อนๆที่ห้องร้องให้กันทุกคนเลย " หนูน้อยพยายามอวดคุณย่าของเธอ
" เก่งจังเลย "
...
เย็นวันนั้น พัชราได้พาแฟน ( คนใหม่ ) มาทำความรู้จักกับที่บ้าน แฟนใหม่คนนี้เขามีอายุมากกว่าเธอเป็นสิบปีและเขาทำงานราชการ และสร้อยแม่ของเธอนั้นมองแฟนใหม่ของเธออย่างสงสัย พวกเขาได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันก่อนที่เขาจะขอตัวกลับบ้าน หลังจากแฟนคนใหม่ของพัชรากลับไปแล้ว..
" แฟนของลูกชื่อว่าอะไรนะ ? "
" ชาติชาย.. เค้าชื่อชาติชายจ่ะแม่ "
" เค้าดูแก่กว่าลูกเยอะเลย จะไม่เป็นไรหรอ ? "
" พี่ชาติน่ะหรอ ? แต่หนูว่าก็ดีนะแม่ เขาจะได้ดูแลหนูได้ไง "
" แต่แม่ว่ามันแก่ไปไหม ? อายุขนาดนี้แม่ว่า… เค้าน่าจะมีลูกมีเมียแล้วแน่ๆ "
" จ่ะ.. เขามีลูกแล้ว แต่เขาเลิกกับเมียของเขาไปตั้งนานแล้ว "
" ห๊า!! งั้นก็เป็นพ่อม่ายลูกติดสิ "
" เขาเป็นคนดีนะแม่ ส่วนลูกของเขาก็ไม่ได้อยู่กับเขา แต่อยู่กับแม่ของเขาที่ต่างจังหวัดนู้น "
" เวรกรรม!! ลูกชั้น คนหนุ่มๆมีไม่ชอบ ดันมาเอาคนแก่แถมเป็นพ่อม้ายลูกติดอีก " สร้อยบ่นเพราะรู้สึกเสียดายลูกสาว ที่ลูกสาวของตนอายุยังน้อยและสามารถหาแฟนได้ดีกว่านี้ได้อีกเป็นแน่แท้
" แม่.. เขาอายุมากกว่าหนูแค่สิบปีเอง ยังไม่แก่สักหน่อย "
" แกเพิ่งจะ 25 ยังสาวอยู่นะ!! แม่เสียดาย.. ทำไม ? ไม่หาแฟนอายุไล่ๆกันหน่อยล่ะ "
" ก็หนูชอบของหนูแบบนี้อ่ะ และอีกอย่างเขาทำงานราชการ มั่นคงจะตายไป ไม่ดีหรอแม่ ? "
" เออ!! ดีก็ดี!! ตามใจแกเลย "
...
หลังจากที่ก้อยได้กลับไปทำงานที่โรงงานอีกครั้ง จึงทำให้สร้อยต้องมีหน้าที่เลี้ยงหลานชายโอมของเธอ อนันต์รักและเห่อลูกชายของเขามาก พอเลิกขับรถแล้วเขาจะมาช่วยเลี้ยงลูกชายของเขาอยู่เสมอ เขาทั้งชงนม ซักผ้าอ้อม และอุ้มลูกน้อยมาคุยเล่นอย่างมีความสุข แต่สำหรับก้อยแล้วเธอไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่นัก เธอยังคงไปทำงานและกลับมานอนที่บ้านแบบเดิม นอนในที่นี้คือหลับโดยไม่สนใจว่าลูกจะร้องหิวนมในตอนกลางคืนหรือไม่ ผลสุดท้ายอนันต์ต้องตื่นมาชงนมให้ลูกกินด้วยตัวเอง และก้อยก็ยังคงกินยาคุมมั่งไม่กินมั่งเหมือนเดิม..
ในที่สุด ยังไม่ทันข้ามปีก้อยท้องอีกครั้งจนได้ อะไรกันนี่!! ( เลี้ยงก็ไม่ค่อยเลี้ยงยังท้องใหม่อีกหรอ ? ) พักหลังๆมานี้ ก้อยกับอนันต์เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น บรรยากาศภายในห้องของเขาและเธอมันร้อนเหมือนกับไฟกำลังแผดเผา เสียงโหวกเหวกโวยวายกับเสียงเด็กที่ร้องลั่นบ้าน จึงได้ยินอยู่เป็นประจำ ทำให้ผู้ที่อยู่ในบ้านทุกคนต่างก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
จนกระทั่งถึงวันที่ก้อยเธอคลอดลูก..
น้องของโอมชื่อ ออย เธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องเก่งมาก อาจจะเป็นเพราะตอนที่แม่ของเธอ ( ก้อย ) ท้องอยู่นั้นเครียดและอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เสมอ จึงทำให้มีผลต่อลูกน้อย
ตกเย็นของทุกวัน น้องออยจะร้องโคลิคยาวนานเป็นชั่วโมงๆ ยิ่งทำให้ผู้ที่ต้องดูแลเกิดอาการเครียด ซึ่งในตอนนั้นก็คือก้อย ( เพราะเธอเพิ่งคลอดมา ยังไม่ครบ 3 เดือน ) ก้อยหงุดหงิดและรำคาญลูกของเธอเองมาก เธอไม่ยอมอุ้ม หรือโอ๋ลูกของเธอเลย จนทำให้เด็กร้องจนหน้าดำหน้าแดงไป สร้อยได้ยินเสียงหลานของตัวเองร้องแบบนั้นก็รู้สึกทนไม่ได้ จึงเข้ามาดู
" ออยมันปวดท้องรึเปล่า ? เอามหาหิงค์ไปทาให้ลูกสิ "
" ไม่รู้สิ!! หนูเห็นมันร้องทุกวันนะแม่ มหาหิงค์ก็ทาไปและ " ก้อยลุกขึ้นเดินหนีทำทีไปเข้าห้องน้ำ สร้อยสงสารหลานเอามหาหิงค์ทา เสร็จแล้วเธอก็อุ้มหลานของเธอเดินออกมาข้างนอก
" อยู่ในห้องมันร้อนหรือลูก.. ไปเดินเล่นกับย่านะคนดี โอ๋ๆ ไม่ร้องน้า.. " สร้อยพยายามอุ้มหลานและปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น จึงทำให้เด็กน้อยค่อยๆเบาเสียงลง เหลือเพียงแค่สะอึกสะอื้น
" โถ.. โถ.. ร้องให้แบบมีน้ำตาเลยนะ ใครจะไปรู้.. เสียใจเรื่องอะไรกันลูก ? หรือปวดท้องกันจ๊ะ อยู่กับย่าน้า.. คนเก่ง "
อนันต์กลับมาพอดี เห็นแม่ของเขาอุ้มลูกสาวของเขาเดินอยู่หน้าบ้าน
" อ่าว.. แม่ น้องออยเป็นอะไร ? ทำไมแม่ถึงอุ้มลูกผมออกมายืนอยู่นี่ แล้วก้อยไปไหนล่ะ ทำไมไม่ดูลูก "
" อ๋อ.. น้องออยมันปวดท้องล่ะมั้ง ? แม่เห็นร้อง.. ไม่ยอมหยุด แม่สงสารหลานก็เลยอุ้มพาเดินเผื่อจะได้อารมณ์ดี ส่วนก้อย มันเพิ่งเข้าห้องน้ำแหนะ "
อนันต์เดินเข้าบ้าน เขาเห็นก้อยนอนดูทีวี อยู่ข้างๆน้องโอม เธอเหลือบตามองดูอนันต์นิดนึงและก็กรอกสายตากลับมาที่ทีวีอีกครั้ง
" พี่ซื้อกับข้าวมาหลายอย่างเลย หิวรึยัง ? มากินข้าวกันสิ " เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินไปที่หม้อข้าว แต่พอเปิดฝาหม้อดูเท่านั้น
" อ่าว.. นี่ก้อยยังไม่ได้หุงข้าวอีกหรอ ? "
" พี่ก็ไปดูที่ในครัวสิ เผื่อแม่จะหุงไว้ "
" อะไร!? ทำไมไม่รู้จักหุงข้าวกินเอง ถึงจะอยู่บ้านเดียวกัน!! แต่เราแยกครอบครัวมาแล้วนะ ที่บ้านนี้ถ้าใครมีครอบครัว.. เขาจะหุงหาทำกับข้าวกันเอง!! ไม่งั้นจะมีตู้กับข้าวไว้ทำไมตั้งสามตู้!! "
" พี่ก็จ่ายค่าข้าวให้แม่ไปสิ ฉันจะได้ไม่ต้องหุงข้าว " ก้อยพูดแบบไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง ทำให้อนันต์รู้สึกผิดหวังในตัวของหล่อนมาก เขาผู้เป็นสามีซึ่งออกไปทำงานหาเงินมาอย่างเหน็ดเหนื่อยและยังไม่วายเป็นห่วงกลัวลูกเมียจะหิวก็เลยซื้อกับข้าวของกินและขนมมากมายมาให้หล่อน และดูคำพูดที่หล่อนผู้ซึ่งเป็นภรรยาของเขาดูเพิกเฉยและไม่สนใจใยดีอะไรเขาเลย จึงทำให้เขาโกรธมากและทำให้ทั้งคู่เกิดการทะเลาะวิวาทกันเสียงดัง ทำให้น้องโอมตกใจร้องให้อีกคน อาเล็กสงสารน้องโอมจึงเข้าไปอุ้มออกมา ด้วยความที่อาเล็กเธอยังเป็นเด็กก็เลยทุลักทุเลกว่าจะอุ้มน้องออกมาได้
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้นๆ จนถึง 3 เดือนที่ก้อยลาคลอด เธอบอกว่าต้องไปทำงานเพราะครบวันลาคลอดแล้ว แต่อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้ลาคลอด เธอลาออกมาแล้วต่างหาก!! แต่ยังไม่มีใครในครอบครัวรู้เพราะเธอปิดปากเงียบ เธอแต่งตัวในชุดไปทำงานทุกวันและถือถุงกระดาษใส่อะไรข้างในไปก็ไม่รู้ แต่เธอไม่เคยนำถุงนั้นกลับมาที่บ้านอีกเลย เธอทำแบบนั้นมาได้ 5 วันแล้ว และพอวันนี้ เธอก็ทำเหมือนเดิมอีก คือแต่งตัวไปทำงานปรกติและถือถุงใส่ของที่ข้างในเป็นอะไรไม่รู้และเดินออกไปทำทีว่าเหมือนกับไปทำงาน แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่เธอไม่ได้กลับบ้านตามเดิม ใช่!! เธอหายไปแล้ว!!
ก้อยหนีไปโดยทิ้งลูกๆทั้งสองคนของเธอไว้ อนันต์ได้ตามหาภรรยาของตนแต่ก็ไม่พบ และไม่รู้เลยว่าเธอหายไปไหน สงสารก็แต่เด็กน้อยสองคนที่ถูกทิ้งไว้ อนันต์โกรธและโมโหก้อยมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เขาได้ตามหาภรรยาของเขาในทุกๆวันจนตัวเขาเริ่มท้อ จากความโกรธกลายเป็นความเกลียด ตอนนี้เขาเกลียดก้อยไปเสียแล้ว..
...
พัชราคบกับชาติชายแบบไปๆมาๆ บางทีเธอก็ไปหาเขาที่บ้านพักของข้าราชการ และบางทีเขาก็มาพักที่ห้องของเธอ นานวันเข้าเธอก็ได้ตั้งท้องขึ้น เธอเลยชวนชาติชายมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพราะที่บ้านพักของข้าราชการที่ชาติชายพักอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถให้คนนอกอยู่ได้ และอีกอย่างชาติชายอยากคอยดูแลพัชราใกล้ๆด้วยจึงทำให้เขามาพักอยู่ด้วยที่บ้านหลังนี้ ชาติชายเขาบอกกับแม่ยายของเขา ( สร้อย ) ว่ามาพักแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเขากำลังทำเรื่องขอบ้านพักพนักงานของข้าราชการแบบให้ครอบครัว ( หมายถึงลูกกับเมีย ) สามารถอยู่ด้วยได้ อีกอย่างเขากำลังจะได้เลื่อนยศอยู่ สร้อยเข้าใจและอยากให้ลูกสาวมาอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ก็เลยอนุญาต และเธอจะได้คอยดูแลหลานอีกด้วยถ้าพัชราคลอดลูกออกมา ตอนนี้ทับทิมอายุ 5 ขวบและน้องมิ้วก็ได้เข้าโรงเรียนอนุบาลที่เดียวกับทับทิมเพราะพัชรีแม่ของน้องมิ้วพอมีเงินจ่ายค่าเทอมอยู่ จึงทำให้น้องมิ้วกับทับทิมเดินทางไปโรงเรียนพร้อมกันด้วยรถที่ทางโรงเรียนจัดให้มารับส่งนักเรียน และอาเล็กต้องเดินไปโรงเรียนโดยที่วัลลพ ( ปู่ของทับทิม ) ไปส่งในตอนเช้าแทนสร้อยเพราะต้องดูแลหลาน 2 คนที่ถูกแม่ทิ้ง
เวลาผ่านไป… จนในที่สุด พัชราคลอดลูกออกมาเป็นลูกสาว ลูกสาวของเธอชื่อ น้องแคท ชาติชายไม่ได้ให้แม่ยายเลี้ยงลูกของเขา เพราะเห็นว่าสร้อยต้องเลี้ยงเด็กถึงสองคนแล้ว เขาและเธอตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งในตอนเช้าจะเอาน้องแคทไปฝากพี่เลี้ยงเด็กก่อนที่พวกเขาจะไปทำงาน แล้วพอตอนเย็นก็รับน้องแคทกลับมาที่ห้อง บ้านของพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ได้อยู่ไกลเท่าไรนัก เดินผ่านบ้านคนไปสี่ถึงห้าหลังก็เจอกัน บางทีทับทิมกับอาเล็กก็เคยเดินไปหา เพราะทั้งคู่อยากจะไปดูน้องตัวเล็กของพวกเธอ
" อาเล็ก วันนี้เราเดินไปดูน้องแคทกันไหม "
" เอาสิ ไปหาน้องกัน "
ทับทิมกับอาเล็กพากันเดินไปบ้านพี่เลี้ยงเด็ก ก่อนจะถึงหน้าบ้านพี่เลี้ยง ทับทิมกับอาเล็กได้ยินเสียงเด็กร้องให้จ้า.. เสียงดังลอดออกมา ทับทิมกับอาเล็กยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้านของพี่เลี้ยง เธอค่อยๆแง้มประตูออกดู
" เพี๊ยะ!! " เสียงเหมือนมือกระทบเนื้อ
ทับทิมกับอาเล็กเห็นพี่เลี้ยงเด็กตีน้องแคทอย่างแรง และเสียงน้องแคทก็แผดร้องขึ้น….