จากกรุงเทพถึงอยุธยา ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ภีมนั่งรถมาลงที่ขนส่งและขึ้นสองแถวเข้าบ้าน เขาชอบบรรยากาศของเมืองเก่า ชอบที่นี่ ความจริงเขาอยากจะกลับมานอนที่บ้านไม่อยากค้างที่หอ แต่แค่คิด ความจริงแค่ตื่นเช้าให้ทันเข้าเรียนยังทำไมได้เลย นั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อยจนรถมาจอดหน้าปากซอย เขาจ่ายเงินค่ารถเสร็จ ก่อนจะเดินเข้าบ้านอย่างเงียบๆ เพราะถ้าพ่อกับแม่ได้เห็นสภาพคงตกใจ รีบพาเขาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแน่ๆ
แกร๊ก
"ภีม!"
แค่เสียงหมุนลูกบิดเปิดประตูบ้าน ผู้เป็นแม่ทำกำลังนั่งรอลูกชายอยู่บนโซฟาก็ทักขึ้นทันที กำลังจะเดินมากอดลูกชาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสภาพร่างกายที่รักมีแต่รอยแผล รอยฟกช้ำ
"ภีม! ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ ใครทำอะไร หรือ ลูกไปมีเรื่องกับใคร แล้ว…"
"แม่ๆ ใจเย็นๆ ภีมไม่เป็นไร เออ…พอดีรถมอไซค์ล้มอะ ภีมซ้อนท้ายไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคเลยเจ็บเยอะ"
"แน่ใจนะ โกหกแม่รึเปล่า"
"เปล่าแม่ จริงจริ๊งงง"
"เสึยงสูงเชียว ก็ได้ๆ ครั้งนี้แม่จะเชื่อ ถ้ามีครั้งหน้าแม่ไม่ยอมนะ"
"ครับๆ ภีมหิวแล้วอะ พ่อละครับ?"
"ออกไปดูสวน เห็นว่ามีคนงานไม่สบาย เดี๋ยวก็กลับแล้วละ"
สองแม่ลูกคุยกัน ถามไถ่ทุกเรื่องที่อยากรู้ และ อยากบอก จนพ่อกลับมาถึงบ้าน เขาตกใจที่เห็นสภาพลูกชายไม่แพ้คนเป็นแม่ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากเมื่อลูกเล่าถึงสาเหตุ
ตอนนี้อาหารที่แม่เป็นคนทำถูกนำมาตั้งเต็มโต๊ะ ซึ่งเป็นของโปรดของลูกชายเกือบหมด ทั้งสามคนนั่งกินข้าว และคุยกันไป จนภีมลืมไปว่า ใครอีกคนกำลังโมโหแทบบ้าที่เขาหายไปโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือบอกกล่าวสักคำ
เช้าวันสดใส อากาศเมืองกรุงเก่าดีกว่าในเมืองกรุงหลายเท่า ภีมตื่นเช้าจนพ่อกับแม่ตกใจว่าลูกชายไข้ขึ้นหรือละเมอ
"วันนี้สงสัยพายุเข้าแน่ๆพ่อ ภีมมันตื่นเช้า"
"แม่อะ คนตื่นเช้าก็ผิด"
"ไม่จร้าๆ แม่แซวเล่น แหม…นานๆจะเห็นลูกชายตื่นก่อนข่าวเช้าจบ"
"งั้นไปสวนกับพ่อไหม"
"ได้ครับ จัดไป"
"ก่อนไปกินข้าวเช้ากันก่อนนะคะ"
เมื่อกินข้าวเสร็จ สองพ่อลูกจึงหายเข้าสวนไปหลายชั่วโมง ภีมไม่ได้เอะใจว่าทำไมเสือถึงได้หายไปไม่ตามรังควานเขาเหมือนทุกครััง จนกระทั่งเมื่อกลับมาบ้าน
"แม่ ดูพ่อดิใช้งานภี…เชี่ย ไอ้เสือ!"
"ภีม ทำไมพูดกับพี่เขาแบบนั้น"
ผู้เป็นแม่ตำหนิลูกชายที่พูดจาไม่สุภาพกับรุ่นพี่ที่มารอเขาหลายชั่วโมงโดยไม่บ่นสักคำ ภีมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เสือไม่ได้มีท่าทีโกรธหรือโมโหใดๆเหมือนครั้งเขาเหมือนเป็นอีกคนที่ภีมไม่เคยเจอ
"ไม่เป็นไรครับ ปกติผมกับภีมก็พูดกันแบบนี้"
"มึง…"
"ภีม พูดกับพี่เขาดีๆสิลูก เห็นเสือเขาบอกว่ามาเที่ยวเลยแวะมาหา เนี่ย…ซื้อของฝากมาเต็มเลย"
"แม่ ไปสนิทกันตอนไหน นี่แม่เห็นคนอื่นดีกว่าลูกเหรอ?"
"เปล่า กว่าเราจะกลับ แม่เลยคุยกับเสือไปตั้งหลายเรื่อง คุยถูกคอเลยสนิทกันง่าย"
"หลายเรื่อง!?"
ภีมตกใจกลัวว่าแม่จะรู้เรื่องราวของเขากับไอ้เสือ เรื่องที่เขาไม่อยากบอกใคร แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากรับรู้
"ระ เรื่องอะไรอะแม่"
"ก็เรื่องทั่วไป เสือคุยสนุกจะตาย"
คนได้ฟังถึงกับเบะปากให้กับคนสองหน้าที่แสดงละครเก่ง เนียนซะจนไม่มีที่ติ
"แล้วเสือพักที่ไหนละลูก"
"ผมน่าจะพักโรงแรมแถวตัวเมือง เดี๋ยวขับรถดูไปเรื่อยๆก่อนครับ"
"ไม่ต้องๆ พักที่นี้แหละ ห้องไอ้ภีม เตียงมันนอนสองคนได้สบายๆเลย"
คนเป็นพ่อได้เสนอให้คนที่กำลังแสร้งทำหน้ากังวล พักที่บ้านพวกเขาแทน เพราะดูท่าทางไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่และตอบแทนสำหรับค่าของฝากที่เสือซื้อมาให้ซะเต็มบ้าน
"พ่อ! เรื่องไรอะ ไม่เอานะ"
"ไอ้ภีม จะโวยวายทำไม ดีซะอีกพรุ่งนี้จะได้มีเพื่อนกลับด้วย"
ภีมสายหัวไปมา พยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพ่อกับแม่ แต่ก็สูญเปล่า เพราะตอนนี้เสือถูกชักชวนให้ไปกินข้าวเย็นแถมบอกทางไปห้องนอนเขาเรียบร้อย
ตอนนี้ทุกคนนั่งกินข้าวพร้อมหน้า บรรยากาศอบอุ่นที่เสือแถบไม่เคยได้สัมผัส ตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่กับพี่เลี้ยง จะกินข้าวพร้อมหน้าก็ต่อเมื่อมีงานสำคัญที่จัดขึ้นที่บ้าน
เมื่อกินข้าวเสร็จ พ่อกับแม่ของภีมก็พากันคุยถึงวีรกรรมของลูกชาย ตั้งแต่เด็กจนโต พร้อมกับชวนเสือไปดูสวน ทำนู้นนี้จนภีมถึงกับต้องรีบพูดดักไว้
"พ่อกับแม่พูดเยอะไปแล้ว ให้พี่เขาไปพักเถอะครับ"
"เออ…แม่ลืมเลย งั้นภีมพาเสือขึ้นไปพักเถอะ อาบน้ำนอนหลับให้สบายนะลูก ถือว่าเป็นบ้านตัวเองนะ"
"แม่! เจอกันไม่กี่ชั่วโมง จะรับเป็นลูกแล้วเหรอ"
"ดูเด็กขี้อิจฉาสิพ่อ โมโหใหญ่เลย 555"
ภีมเดินหน้างอนำเสือขึ้นมาบนห้อง เขายืนช่างใจอยู่สักพักกว่าจะเปิดประตูให้อีกคนตามเข้ามา เสือนั่งลงบนเตียง มองรอบห้อง ตั้งแต่เข้ามาไม่มีการพูดจาใดๆ เหมือนต่างคนต่างอยู่ สักพักเสือจึงเดินไปเข้าห้องน้ำในห้อง พอกลับออกมาเจ้าของห้องก็เอาแต่กดโทรศัพท์มือถือเล่นบนเตียง ไม่ได้สนใจอะไรเลย
"ภีม…ภีม…ไอ้ภีม!"
คนถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง สุดท้ายหางก็โผล่ ภีมมองหน้าคนที่ตะคอกเขากลับ อย่างไม่มีใครยอมใคร
"ทำไม มึงจะทำอะไรกู นี่บ้านกูนะ มึงอย่าลืม"
เสือแอบขำกับความคิดของคนตรงหน้า เหมือนเด็กที่ถูกแกล้งแล้วกำลังจะวิ่งไปฟ้องพ่อแม่
"ไปอาบน้ำ กูไม่ชอบนอนกับพวกซกมก"
"ไม่ บ้านกู กูจะทำอะไรก็ได้"
"มึงแน่ใจ"
เสือก้มลงมาคล่อมคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนไว้ คนที่ถูกคุกคามพยายามถอดหนีจนติดหัวเตียง แต่ก็ถูกอีกคนคลานตามขึ้นมาทับค่อมไว้ ปลายจมูกเฉียดแก้มขาวไปแค่คืบ แล้วหยุดอยู่ที่ข้างหู
"ถ้ามึงยังไม่ไปอาบน้ำ กูจะจับมึงกดหน้าห้อง"
"มึง…ไอ้ชั่ว"
ภีมตื่นกลัว ล้นลานทุบอกคนนิสัยเสียให้ลุกขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไหร่ แต่พอกลับออกมาคนที่เขาไม่ชอบหน้าก็หลับสนิทไปแล้ว ภีมถึงกับโล่งอกที่คืนนี้คงไม่ต้องเหนื่อยรบกันอีก เขาเองก็ง่วงอยากนอนเต็มที เจ้าของห้องปิดไฟบนหัวเตียง แล้วจึงล้มตัวลงนอนอีกฝั่งที่ว่างอยู่ ไม่รู้หลับไปนานเท่าไหร่ แต่เหมือนคืนนี้เขาไม่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมา เหมือนได้รับการปลอบประโลม และจุมพิตจากใครบางคน ที่ทำให้นอนหลับฝันดีจนถึงเช้า
เช้าของวันรุ่งขึ้น ภีมลืมตาตื่น แต่กลับฉงนเมื่อเห็นความว่างเปล่าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ จนถึงบางอ้อเมื่อได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยจ้อกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่หยุด เขารีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋า เพื่อกลับกรุงเทพฯให้เร็วที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดีในสถานการณ์แบบนี้
"อ้าวภีม จะรีบกลับไปไหน"
ภีมสะพายกระเป๋าลงมาจากห้อง ก่อนสะกิดบอกให้เสือขึ้นไปเก็บของ เพราะเขาจะกลับแล้ว
"เออ พรุ่งนี้ภีมต้องส่งรายงานอาจารย์อะแม่ เลยว่าจะรีบกลับไปทำ"
"เอ้า เรานี่ลืมได้ไง"
"พ่อว่าจะพาเสือไปดูสวนซะหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ ไว้ครั้งหน้าเดี๋ยวค่อยพาผมไปก็ได้ครับ"
คนที่พึ่งเก็บกระเป๋าลงมา พูดตอบกลับเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจเจ้าของบ้าน แต่ลูกชายเจ้าของบ้านกลับยืนจ้องตาถลน ใครอยากให้มาอีก ทำร้ายลูกเขายังจะกล้ามาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ภีมหัวเสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ดันมัดมือชก ให้เขาพาไอ้เสือมาอีกให้ได้
เมื่อร่ำลาพ่อแม่เสร็จ ทั้งคู่ก็พากันขึ้นรถกลับบ้าน ภีมแปลกใจที่ได้เห็นรถจอดหน้าบ้าน เพราะมันไม่ใช่รถมอไซค์คู่ใจไอ้เสือ แต่ดันเป็นรถ Porsche718 ราคาแพงที่ภีมฝันอยากได้ แต่ก็ได้แค่ฝัน คิดแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ไอ้พวกลูกคนรวย
ระหว่างทางกลับ เสือแวะดูสถานที่ท่องเที่ยวของที่นี้หลายแห่ง และเขาก็ไม่ต้องไปหาไกด์นำทางที่ไหน คนที่ไม่ชอบหน้าเขา กลับเสนอตัวเองเป็นไกด์นำทาง พรีเซ็นซะจนอยากจะจับมาให้ทิปหนักๆ
"ไอ้ภีม"
"หึ? อื้ออออ"
คนที่กำลังจะคาดเข็มขัด หันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะอึ้ง งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วแทบไม่ได้ตั้งตัว ริมฝีปากถูกชกชิมบดเบียดแทบลืมหายใจ พยายามผลักคนที่รุกเข้ามาก็ทำได้ยาก จูบร้อนแทบไหม้ ค่อยๆเบาลงจนมันอุ่นนุ่มตัวแทบลอย
"อือออ"
มือของภีมที่บีบทุบแขนหนาเปลี่ยนมาโอบรอบคอ เพื่อรองรับจูบแสนหวานที่เขาไม่เคยได้จากคนตรงหน้า ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ จนคนที่จูบกระซิบข้างหูว่าค่อยไปต่อที่คอนโด สติที่หายไปของภีมจึงกลับมา กลายเป็นความรู้สึกเขินอายแทนที่ ภีมชกไปที่แขนคนเจ้าเล่ห์แรงๆ ก่อนจะหันไปมองวิวด้านข้าง ทำให้ทั้งคู่ ต่างไม่ได้เห็นสีหน้าอมยิ้มของกันเเละกัน